วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

↯ผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอ (2) : chapter 2


chapter 2 




“เฮ้ย!



ไอ้ไคดีดตัวออกจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงผม ก่อนมันจะพุ่งเข้ามาปิดตาผมไว้ แต่แม่งไม่ทันละ กูเห็นเต็มๆ ภาพผู้ชายหน้าตาน่ารักน่ากินสองคนกำลังเอากันอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์พร้อมเสียงครางรัญจวนยังฉายชัดอยู่ในหัว  ผมได้แต่ยืนค้างอยู่อย่างนั้นไม่แม้แต่จะคิดขยับไปไหน ได้ยินเสียงคนข้างๆถอนหายใจอยู่ข้างหู ก่อนที่ตัวผมจะถูกดันให้หมุนตัวกลับ ผมเดินตามแรงผลักเบาๆนั้นไปแต่โดยดีทั้งๆที่ยังถูกปิดตาอยู่



“แกร๊ก “



ประตูถูกปิดลงหลังจากที่มือหนาผละออกไป แถมแม่งล็อคห้องอีกต่างหาก ผมได้แต่ยืนเหม่อมองห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่าอยู่อย่างไร้สติ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไอ้ไคยังไม่ได้กินข้าว ผมส่ายหัวไล่ภาพและความคิดเหล่านั้นออกไป เดินไปแกะถุงอาหารใส่จานแล้วไปอาบน้ำชำระร่างกายไล่ความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นออกไป





=_= ...



ผมกับไอ้ไคกำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่บนโต๊ะอาหาร ความเงียบและบรรยากาศที่โคตรพ่อโคตรแม่กดดันกำลังทำให้ผมกินข้าวไม่อร่อย ผมหลุบตาลง ทำเป็นไม่สนใจดวงตาคู่คมที่มองมาจากฝั่งตรงข้าม กว่าสิบนาทีแล้วที่มันเอาแต่จ้องผมพลางยิ้มโรคจิตอย่างไม่ปิดบังจนผมรู้สึกขนลุก อาหารในจานยังไม่พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย



“มองห่าไร หน้ากูเหมือนปลาเค็มมากแงะ ? “



ในที่สุดก็ทนความกดดันเหล่านั้นไม่ไหว ผมทุ่มช้อนส้อมลงกับจาน ทำเป็นใจกล้าเชิดหน้าขึ้นกวนตีน แต่ใบหน้าหล่อคมปานกรรมกรฉาบปูนที่มองจ้องอยู่นั้นทำให้อนาคตวิศวกรหนุ่มอย่างผมใจสั่นได้ไม่ยาก คนตรงหน้าหลุดขำ ไหล่กว้างไหวน้อยๆไปตามแรงแค่นหัวเราะ ก่อนเจ้าตัวจะผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโน้มใบหน้าข้ามโต๊ะกินข้าวเข้ามาหา ปลายจมูกโด่งคมกดลงที่ข้างแก้มของผมแล้วสูดหายใจเข้าไปฟอดใหญ่ ผมเบิกตากว้าง



เบิกตานี่ไม่รู้ต้องไปเบิกจากธนาคารไหนนะ แต่ตอนนี้ขอเข้าโหมดเคะซึนนิดนึง




!!




“หน้ามึงก็ไม่เหมือนหรอกปลาเค็มอะ แต่กลิ่นก็เหมือนอยู่ “



สัดกัมจงดำหัวเราะร่วนก่อนจะหันไปสนใจข้าวในจานของตัวเอง ทิ้งให้ผมงงงวย งมควยกับคำพูดที่ไม่สามัคคีกับการกระทำของมันอยู่พักใหญ่ ผมขมวดคิ้วมุ่น ยกรักแร้สองข้างตัวเองขึ้นดมรัวๆด้วยความสงสัยใคร่รู้ แทบจะเอาจมูกแทรกผ่านขนรักแร้เข้าไปดม แต่ก็ไม่สามารถติดต่อกับปลาเค็มที่ท่านเรียกได้ในขณะนี้ sorry the number you dial is not available.. ไอสัด แทบจะล้มโต๊ะ ด่ากูเหม็นเปรี้ยวยังไม่ปวดใจเท่านี้ ได้ข่าวว่ากูเพิ่งอาบน้ำนะ นี่ใช้สบู่นกแก้วเชียวนะ นกแก้วนะมึง นกแก้ว!!!!!!!!!!!!!



“มึงกลับบ้านมึงไปเลยปะ “



ผมจิ๊ปากด้วยความขัดใจ เตะขามันใต้โต๊ะแรงๆไปหนึ่งทีจนเก้าอี้เคลื่อน แต่ไอ้ไคถีบกลับ



“เมียที่ดีอะเค้าไม่ไล่ผัวกันหรอก “



“กูไม่ใช่เมียมึง “ ผมเถียง



“หึ ..เดี๋ยวก็ใช่แล้วคืนนี้



จานเปล่าถูกยกขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งที่เดินอ้อมมาทางนี้ เสียงทุ้มห้าวกดกระซิบข้างหูของผมจนขนลุก แม้แต่แรงตบที่บ่าเบาๆยังไม่สามารถเรียกสติของผมกลับคืนมาได้ เสียงจานวางกระทบที่ซิ้งค์ล้างจานดังขึ้นด้านหลัง ก่อนคนตัวดำจะเดินสะบัดตูดออกจากห้องครัวไปอย่างอารมณ์ดี




“สัด! แดกละก็ไม่ล้าง “



อยากจะด่าออกมาเป็นภาษาตุรกี แต่ติดอยู่ที่ว่าอิดำมันหนีไปอาบน้ำแล้วเรียบร้อย เสียงร้องเพลงลูกทุ่งโหยหวนดังแว่วออกมาจากห้องน้ำชวนให้หงุดหงิด ผมบ่นลั่นคอนโดด้วยความขัดใจ อิเหี้ย เนียนนักนะมึง ทำมาเป็นเท่ห์ แดกข้าวก็กวาดไม่เกลี้ยง นี่ถ้าเศษอาหารมันลงไปตันในท่อมึงจะทำยังไงใครจะล้วง ละคิดจะช่วยกูเก็บมั่งมะจานอะ โต๊ะก็ไม่ช่วยกูเช็ด แถมกับข้าวกูก็ซื้อมาอีก ว้อย นี่รู้สึกเหมือนกูกำลังโคฟเวอร์แม่ตัวเองอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย สราด




“บอกมาคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง อยากเอากี่น้ำ ฉันจะบอกร้ากเธอ วู้ว เหย่ ..



“ปัง!!



ปิดประตูห้องนอนหนีเสียงร้องเพลงของอิดำด้วยความรำคาญ แม่ง กูว่ามันชักจะอยู่กับไอเชี่ยยอลมากเกินไปละ เพลงดีๆมึงก็ไปเปลี่ยนของเค้าซะเสียหมด กูล่ะรำชิบหาย รำจนจะเซิ้งอยู่ละไอสัด



“อ๊า .. “



หันไปก็แทบจะหัวใจวายไปซะตรงนั้น สัดกัมจงแม่งเสือกเปิดหนังจีวีทิ้งไว้อีกต่างหาก ผมถอนหายใจพรวดก่อนจะเดินวนหารีโมทไปทั่วห้อง สองมืออุดหูหลบเสียงครางระงมที่ดังลอดออกมาจากทีวี ละเคะในหนังเสือกหน้าคล้ายกูอีกนะ โรคจิตสัดๆ ไอเหี้ย รีโมทอยู่ไหนวะ ทีวีแม่งเสือกปิดด้วยสวิตไม่ได้อีก โถ กรรมของน้องเซจริมๆ



“โอย สัดเด้ย รีโมตอยู่ไหนลูก รีโมต ..โมะๆๆ “



เลิกผ้าห่มและหมอนขึ้นดูก็ไม่พบรีโมต กูแทบจะพลิกแผ่นดินหาอยู่แล้ว อย่างน้อยเบาเสียงก็ยังดี แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับพระเอกผู้หล่อเหลาอย่างผมอีกแล้ว เป็นเซฮุนเรื่องนี้นี่กูซวยตลอดเลยนะ แต่ผมจะไม่ให้ใครมาตัดสินชีวิตของผมหรอก คิดได้ดังนั้นก็เดินอ้อมหลังทีวี ชักปลั้กออกแม่งเลยอิสัด เอาให้ดับ




คลานขึ้นเตียงด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้ผมได้รับความกดดันจากพ่อมาตลอดทั้งวัน ถึงแม้ว่าจะสอบเข้ามหาลัยติดจนเรียนมาถึงปีสองแล้ว แต่ผมก็ยังได้รับคำพูดดูถูกบั่นทอนจากพระบิดาอยู่เรื่อยๆ ด้วยความที่เป็นคนบอบบางผมจึงไม่สามารถทำใจให้ชินกับมันได้สักที



“เฮ้อ .. “



คณะวิศวะมันยาก ไม่ได้เข้าง่ายๆเหมือนประตูเซเว่น ถึงแม้ระดับสมองของผมจะพอผ่านมันไปได้สบายๆอยู่แล้วก็ตาม ผมทำได้ถึงขนาดนี้ก็บุญโขและ ไม่รู้ดิ ผมยังไม่เคยดีพอในสายตาพ่อสักที



เอี้ยวตัวหยิบหนังสือที่หัวเตียงมาอ่าน รู้สึกเหมือนตอนนี้แม่งเรียนหนักกว่าตอนเรียนมัธยมซะอีก ทั้งควิชทั้งแล็ปเยอะเสียจนผมต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ไม่งั้นก็คงไม่ทันชาวบ้านชาวช่องเขา ทุกอย่างมันกดดันให้ผมต้องอ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลา



!!



แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นหลังจากที่หันไปก็ทำให้ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หลอดเจลสีใสสองหลอดกับถุงยางอนามัยหลายกล่องที่วางตั้งกระแทกสะเบ้าตากำลังโบกมือบ้ายบายพร้อมกับผิวปากแซวผมอยู่ตรงหน้า เห็นดังนั้นชีทแล็ปก็กระจายไปคนละทิศคนละทาง จิตใต้สำนึกของผมสั่งให้วิ่งไปตะครุบลูกบิดประตูไว้ก่อนจะกดล็อคในทันใด



อะ .. ไอ้เหี้ยไค มันจะเล่นผมจริงๆด้วย T_T



ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!



“กึกๆ.. “



นั่นไง



“ฮุน ล็อคประตูทำห่าไรวะ “



ดูเหมือนมันจะอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมถอนหายใจพรวดอย่างโล่งอกก่อนจะรีบปีนขึ้นเตียงด้วยความหวาดผวา ขนลุกพรึ่บไปทั่วทั้งตัว ลูกบิดประตูที่ถูกล็อคไว้จากด้านในยังทำหน้าที่ของมันได้ดีไม่บกพร่อง เสียงไอ้ไคเริ่มโหวกเหวกโวยวายดังอยู่ข้างนอก พร้อมกับเสียงทุบประตูรัวๆอย่างบ้าคลั่ง



“เซฮุน ! เปิดประตูนะโว้ย!



“ไม่! โทษฐานที่คิดจะเคลมกู คืนนี้มึงก็นอนหนุนพรมเช็ดตีนไปละกันไอสัด “ ผมตะโกนกลับไป



“กูแฟนมึงนะ!! กูผิดตรงไหน“



“....”



“ไอฮุน เปิดประตูดิวะ!



“เปิดให้มึงเอากูหรอ ไม่มีทางอะ “



“เชี่ย มึงจะให้กูนอนตรงนี้หรอ “



“เออ “



“เซฮุน!! เปิดประตู!



“ปังๆๆๆๆ “



ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่บานประตู ให้แม่งนอนข้างนอกนั่นแหละ คิดได้ดังนั้นก็รวบไอ้เจ้าหลอดเจลและกล่องถุงยางโยนใส่ถังขยะ ก่อนจะหันกลับมาอ่านชีทแล็ปต่อโดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกข้างนอกนั่นอีก ผมพรูลมหายใจออกช้าๆอย่างโล่งอก เห้อ  เกือบไปและ



อย่างน้อยวันนี้หูรูดกูก็ปลอดภัย ขอบคุณพระเจ้า







Kris part




ไม่มีแรงแหลว ..



ผมยืนโงนเงนอยู่บนรถเมล์ฟรีวิ่งหนีประชาชนคันเดิม จากตอนแรกที่ได้นั่ง กูเอาตูดสัมผัสเก้าอี้ได้ไม่ถึงสองนาทีก็มีป้าแก่ๆยกโขยงกันขึ้นมาประหนึ่งสมาคมแม่บ้านสัญจร และด้วยความที่รถเมล์แน่นเอี๊ยด ไม่มีแม้แต่ใครจะลุกให้ป้าแกนั่ง ผมถอนหายใจพรวดใหญ่ด้วยความผิดหวัง ทำไมกันนะ ทำไมคนสมัยนี้ถึงได้ใจจืดใจดำกันนัก ผมเองก็นั่งอยู่ตรงหน้าป้าแกเสียด้วยสิ เห็นแล้วก็รู้สึกระอาแก่ใจ ไม่ได้การล่ะ ..ทนดูไม่ได้แล้ว  คิดได้ดังนั้นก็กอดอกพิงเบาะแล้วแกล้งหลับกะนอนยาวยันป้ายสุดท้าย



“เฮ้อ “



แต่แล้วก็เป็นผมเองที่ทนความกดดันเหล่านั้นไม่ไหว ลำพังแค่สายตาคนที่มองในรถกว่าสิบคู่ยังไม่เท่าไหร่ เพราะผมไม่ได้สะทกสะท้านอะไรอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมกล้าที่จะยืนหยัดคือร่มที่ป้าแกถืออยู่แม่งแสะกิดสีข้างผมยิกๆจนเริ่มจะรู้สึกเจ็บ ยิ่งช่วงจังหวะรถเบรกนี่กูจะเสียวมากเป็นพิเศษ กลัวอยู่ๆเบรกแล้วแทงออกปากทะลุตูดนี่คงไม่มีชีวิตรอดถึงบ้าน



ผมยิ้มละมุนแบบพระเอกนิยายแจ่มใสให้ป้าแกแล้วลุกขึ้นยืนอย่างจำยอม สอดตัวออกจากเบาะนั่งอย่างยากลำบาก ชนไหล่กับคุณป้าผู้เหนื่อยล้าในช่วงจังหวะที่รถยื้อตัวออกไป ผมเอื้อมมือเกาะราวรถเมล์ไว้ เกร็งแขนเกาะให้มั่นจนกล้ามแทบขึ้น สองขากางออกเพื่อเป็นรากฐานให้กับตัวเอง ยืดตัวเต็มความสูงเพื่อความถนัด



“ปั้ก!



หัวกระแทกเข้าเต็มๆกับหลังคารถ พร้อมๆกับราวจับที่อัดเข้าสะเบ้าหน้าอย่างแรงจนมึน อะไร นี่กูสูงแค่ร้อยแปดสิบกว่าเองนะ อิรถเมล์นี่แม่งกระจอกเหลือเกิน  มันน่าจะเป็นแบบรถสปอร์ตอะ เปิดประทุนอะมีไหม ผมพยายามสอดส่องมองหาที่ๆจะทำให้ตัวเองยืนได้อย่างสะดวกที่สุด แล้วก็พบแสงสว่างรำไรที่ลอดมาจากตรงกลางคันรถ เพดานยกสูงกว่าปกติเรียกให้ผมเดินไปยืนตรงนั้นทันที อิห่า เหนื่อย ขอรับรองเลยว่าจะไม่มีการขึ้นรถเมล์ใดๆเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่



ถ้าวันนี้กูมีชีวิตรอดกลับไปได้ครบสามสิบสองล่ะก็  .. หี (แสยะยิ้ม)
สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือเลยว่ากูจะเป็นคนไปบึ้มบขส.ด้วยตัวเอง



“เอี้ยด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



อิเหี้ย เบรกแรงชิบหาย ถ้าล้มไปละฟันกูเหยินกว่าเดิมมึงจะว่ายังไง T_T



ตลอดการเดินทางผมมีเพียงบทสวดสั้นๆที่คุณครูอนุบาลเคยสอนก่อนกินข้าวเป็นที่พึ่ง ผมยืนงอตัวโหนราวรถเมล์เอาไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง รู้สึกตัวเองเบาหวิวคล้ายปุยนุ่น  สภาพไร้น้ำหนักสุดชีวิต  รู้สึกพะอืดพะอม วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม อยากได้ยาหม่องยาดมยาอมโบตันมาช่วยบรรเทา  ในนี้ไม่มีอากาศจะหายใจเลย นี่ขนาดผมสูงแล้วนะ เอ้ะหรือออกซิเจนจะลอยในที่ต่ำ คนอื่นเค้าถึงได้ทำหน้าทำตาเฉยเมยดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย กูนี่แทบจะล้มพับไปอยู่แล้ว แต่ก็เอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการเอาฟันค้ำไว้กับพื้นเพื่อไม่ให้ตัวเองล้มหน้าฟาดไปเสียก่อน ดีๆ เป็นคนมีไหวพริบ



“สถานีต่อไป บ้านอิอู๋ .. เน็กซ์สเต้ย์ชั้น บ้านอิอู๋ .. “



เหมือนสติจะหลุดลอยไปแล้ว ไม่รู้ว่ากูนึกว่าอยู่บนบีทีเอสหรือยังไง หูผมคงแว่วได้ยินไปเอง เสียงเอื่อยๆเรื่อยมาตามลมเรียกสติของผมให้กลับคืนมา ขาที่สั่นเทากลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง ผมโหนราวรถเมล์ประหนึ่งลิงทะโมนก้าวพาตัวเองไปที่ประตูอย่างไว บรรจงใช้นิ้วเรียวสวยกดกริ่งเพื่อให้ประตูเปิด รถเมล์เบรกทันที เสียงล้อรถเบียดถนนดังก้องไปทั่วทั้งซอย ประตูเหล็กเปิดออกอย่างแรง ผมยิ้มบางๆให้กับตัวเอง แล้วรีบโดดลงจากรถเมล์นรกนั่นอย่างไว




ฉับพลันแสงสีขาวก็ส่องสว่างวาบจนแสบตา ก่อนที่สติของผมจะดับวูบลง


.
...



“ฟุ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”



ฟุ่บๆ งั้นหรอ ?



“ฟุ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “



เหี้ยไรคือฟุ่บๆๆวะ =_=



ผมตะแคงตัวหนีเสียงน่ารำคาญนั่นก่อนจะเอาหมอนมาปิดหูปิดหน้าไว้แล้วนอนต่อ แต่รู้สึกเหมือนอิเสียงห่านั่นจะนำพาความเจ็บมาด้วย จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ เหมือนโดนฟาดด้วยอะไรสักอย่างถี่ๆ จนเริ่มจะรู้สึกรำคาญ



“โอย ..อะไรวะ “



“ลุกปาย อึก.. จาก .. เตียงกู “



พอลืมตาขึ้นมองดีๆก็เห็นเงาตะคุ่มๆของพี่ลู่หานอยู่เหนือร่าง เจ้าตัวถือหมอนข้างฟาดผมอยู่รัวๆไม่หยุด ผมได้แต่ยกแขนขึ้นป้องเพราะยังมึนอยู่ ด้วยความที่มันมืดผมเลยไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน แต่กลิ่นเหล้าฉุนกึกและน้ำเสียงแปร่งๆที่เปล่งออกมานั้นทำให้ผมเข้าใจได้ทันที



“โอย เชี่ย “



ได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่พยายามจะลุก มีหลายอย่างที่จะพูดกับเด็กตัวแสบที่อายุไม่เด็กตรงหน้ามากมายไปหมด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกปวดตัว ปวดหลัง ปวดไปหมดจนสมองไม่สั่งการใดๆ ยกมือคลำๆหน้าผากด้วยความรู้สึกเจ็บ แล้วก็พบว่ามีผ้าก็อซแปะอยู่ด้วย เท่าที่ผมจำได้ล่าสุดคือกูโดดลงมาจากรถเมล์ จากนั้นก็ท่วมทุ่งข้าวสาลี บู้ม เกิดเป็นโกโก้ครั้นช์ ไม่ใช่ .. ผมล้มกระแทกพื้นเสียงดังบรั้ก! แล้วก็มีเสียงป้าๆคนทำความสะอาดบ้านเอะอะโวยวายอยู่รอบๆตัว จากนั้นผมก็ด้อง เรียบร้อย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมาอยู่ในห้องของพี่ลู่หานได้ละเนี่ย



“มึงลุกออกไปจากเตียงกูเดี๋ยวนี้ .. น้องงงงง .. ปรสิต  ไม่งั้นกูจะเอาหมอนข้างแทงมึงให้ตายเลย“



เมื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืดแล้วจึงมองเห็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่เหนือร่างได้ชัดเจน พี่ลู่หานหน้าแดงก่ำ ดวงตาปรือปรอยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล คนเมายืนแอ่นเอาขาเท้าไว้กับขอบเตียงอย่างหมิ่นเหม่จวนจะล้ม เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำดูสุภาพที่ใส่เมื่อบ่ายบัดนี้กลับมาสภาพหลุดรุ่ยเหมือนกุ๊ยข้างถนนไม่มีผิด เจ้าของใบหน้าสวยเถื่อนยิ้มมุมปากดูล่องลอย ก่อนจะเอาหมอนข้างที่ถืออยู่กระทุ้งตูดผมยิกๆพร้อมส่งสีหน้ายียวนกวนส้นตีนกลับมาให้



“ยัง .. ยังจะเอาฟันนนน ชี้หน้า กูวว อีก ท้าทาย .. มึงจะลุกไหม “



“เออๆ “



ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมยอมลุกออกมาจากตรงนั้นแต่โดยดี หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมมึนรึเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ ทันทีที่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความมึนป่วงขั้นแม็กซ์ พี่ลู่หานก็ทิ้งดิ่งลงบนเตียงอย่างหมดแรงทันที ผมเกือบจะเดินมึนกลับห้องไปแล้วเชียวถ้าไม่ได้ยินเสียงดังปึ้กดังขึ้นข้างหลัง หันไปก็เจอไอตัวแสบนอนงอร้องเป็นหมาโดนเชือดอยู่บนเตียง



“เฮ้ย!


“ไม่เป็นไร กูไม่เป็นไร 55+ “



แทบจะโดดขึ้นเตียงไปหา พี่ลู่หานทิ้งตัวลงนอนแต่ไม่ทันระวัง หัวก็เลยกระแทกกับหัวเตียงอย่างแรง ใบหน้าหวานโฉดหันกลับมาหาผมช้าๆแบบสโลวโมชั่นพร้อมกับคลี่ยิ้มสดใส เลือดอาบตั้งแต่หัวคิ้วลงมาถึงปลายคาง ไหล่บางไหวน้อยๆด้วยแรงหัวเราะ ผมได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ตกลงมึงเจ็บหรือไม่เจ็บเนี่ย





=_= ...



ตื่นเลยสิมึง ..



ผมกับพี่ลู่หานนั่งเบิ่งตากันอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง หลังจากที่ผมกึ่งอุ้มกึ่งลากพี่ลู่หานลงมาแบบทุลักทุเลสุดชีวิต ดวงตาสองคู่ปรือปรอยไร้สติ ที่หัวมีผ้าก็อซแปะหน้าผากกันคนละอัน นั่งหูผึ่งฟังภาษาจีนสำเนียงกวางตุ้งที่พ่นออกมาจากปากพระบิดาราวกับไฟแลบ ไม่ต้องเดาเลยว่าพี่ลู่หานสร่างเมาหรือยัง



“อั้วะบอกพวกลื้อเลี้ยวใช่ม้าย มะให้พวกลื้อตีกาง ตีกางทุกวี่ทุกวัง เกิดพวกลื้อตายห่าใครจะสืบทอดตากูง .. เป็งพี่น้องคางตามตูดกางมาทำไมลื้อไม่ลักกาง ละหมาที่ไหนจะมาลัก“



“อั้วะไม่ได้ตีกันป๊า มันเป็นอุบัติเหตุ “



“อุบักติเหก .. อาเหมยอ่า .. อาเหมย อุบักติเหกมังแปว่าเหี้ยอารายวะ “



ผมกลอกตาขึ้นไปด้านบน ถอนหายใจออกมาจนถุงลมแทบจะปลิ้น อาป๊าหันไปถามอาอี้ที่นั่งแงะเม็ดก๋วยจี๋อยู่หน้าทีวี แต่เหมือนจะไม่ได้คำตอบ  นี่จะด่าอะไรก็ด่ามาเลยมา กูพร้อม  



“อาตี๋เล็กลื้อไม่ต้องมาอุกหู อั้วะพูกอะลายทำไมไม่ฟัง หูมีไว้คั่งหัวอย่างเลียวรึงาย สังลางไม่ลี !



“เอ้าป๊า =_= 



กำ ด่ากูสันดานไม่ดีอีก คิดว่าเจ็บปะนิ ไม่อะ .. อันที่จริงก็นิดนึง กำ  นี่กูกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นิ (เหมือนว่าจะตั้งแต่มึงเล่นเรื่องนี้แหละ) 55555555555บวก



“อาหานลื้อมึงก็แหล่กเหล้า น้ำเต้าห้งเต้าหู้ไม่แหล่ก เดี๋ยวจาสุกกาภาพไม่ลี หมันแหล่กละไม่มีหลานให้อั้วะอุ้มลื้อจะทำยางงาย ! ฮ่อ แย่จิงๆ อั้วะปวกจาย มีเมียกี่คงเมียก็แรด มีลูกลูกก็ตีกาง  อาคงโตอีก็ไม่มีน้ำยา อาตี๋เล็กอีก็เป็นตุ้ด อั้วะปวกจาย“



“ป๊า! อั้วะไม่ได้เป็นตุ้ดนะ ละอั้วะไม่ได้ชื่อตี๋ อั้วะชื่อคริส!!  “



ยืนขึ้นเลยกูยืนขึ้น คำว่าอุบัติเหตุไม่รู้จัก แต่คำว่าตุ้ดนี่เสือกพูดชัดถ้อยชัดคำไม่มีผิดเพี้ยน นี่กูไม่ได้ตุ้ดนะ กูแค่ดูแลตัวเองเฉยๆเอง ผมว้ากเสียงดังแข่งกับผู้เป็นพ่อ เริ่มรู้สึกปวดคอหอย อยากได้น้ำผึ้งผสมมะนาวมาจิบแก้เจ็บคอ หันไปหาพี่ลู่หานที่นั่งตาเหลือกอยู่ใกล้ๆเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่เข้าใจว่าป๊าบ่นมาได้ยังไงเป็นสิบๆนาทีโดยไม่กระหายน้ำขิง



“คิกพ่อคิกแม่มึง.. ชื่ออาลายเรียกยาก กูตั้งห้ายอาฟ่านมึงก็กาแหละไปเปลี่ยง  ไปเรียนนอกมาไม่กี่ปี แรดตามแม่อยากจะเป็นฟ้าหรั่ง มึงกลับแวงคูเว่อไปหาแม่มึงเลยปาย ฮ่อ ใช้ม่ายล่ายๆ “



ถึงกับสตั๊น ผมเงียบ พูดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนมีหมากฝรั่งที่เคี้ยวจนรสชาติจืดสนิทมาสามปีแล้วมาอุดที่คอหอยของผม ไม่รู้ว่าป๊าไปอัพเกรดสกิลการด่ามาจากไหน นี่ถ้าอาผ้ากันเปื้อนมาใส่แล้วถือมีดกะช้อนอีกหนึ่งคันนี่ใช่เลย แม่ค้าปากตลาดมาเอง นั่งขูดเกล็ดปลาอยู่แถวตลาดไท วันๆไม่ทำไร ทุบหัวปลากับด่าลูกค้า หนุกๆมันส์ๆและฮาร์ดคอร์เป็นที่สุด



“ขำอะไร “



“ขำมึง  “



หันไปมองค้อนพี่ลู่หานที่กำลังก้มหน้าหัวเราะเยาะผมอยู่โดยมีเสียงด่าของป๊าเป็นแบคกราวน์ ดังคลอสะเทือนรูหู เอาจริงๆเสียงนั้นก็ไม่ได้เบาพอที่จะเรียกว่าคลอได้หรอก แต่มันดังจนสะเทือนจากหูมาถึงคอกูก็เลยพูดไปแบบนั้น  ผมปั้นหน้าดุแล้วชี้หน้าอีกคนเป็นเชิงคาดโทษ แต่เหมือนพี่ลู่หานจะไม่ได้กลัวอะไรผมเลย คนตัวเล็กกว่าเพียงแค่ส่งสีหน้ากวนส้นตีนเป็นคำตอบกลับมาได้ใจความว่า ..



คิดว่ากูกลัวรึแงะ




แบบนี้มันต้องเด้าสักทีให้เข็ดหลาบ ผมแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ กูว่ามันจะตีกันก็ตอนนี้แหละ ถ้าป๊ายังไม่เลิกด่าแล้วให้พวกผมแยกย้ายไปคนละทิศคนละทางล่ะก็ เกรงว่าจะมีหนังสดให้ดูที่ห้องนั่งเล่นนี่เลย เดี๋ยวจะได้มีน้ำยามันซะเดี๋ยวนี้



แล้วไม่ใช่น้ำเดียวด้วย ..

หลายน้ำแน่ๆวันนี้




“ยาง .. ยางอีก อั้วะพูกลื้อก็ยังจะตีกาง สังลางไม่ลีทั้งคู่ ปาย ลื้อจะไปขุดมันขุดเผือกที่ไหนลื้อก็ปาย อั้วะปวกจาย ละไม่ต้องเอารถออกปายใช้สองเดือน กักบริเวง ข้าวเย็งไม่ต้องแหล่ก ..“



“ป๊า!



“ยาง อั้วะยางพูกไม่จบ ข้าวเย็งไม่ต้องแหล่ก แหล่กข้าวร้อนๆ จาล่ายอาหร่อยๆ ดีต่อสุกกาภาพ ปายพวกลื้อไปอาบน้ำลงมากิงข้าว เจี่ยะปึ่งพร้อมหน้าพร้อมตากาง ฮ่อ .. อั้วะชื่นจายจิงๆ “



เอ้า! อิเหี้ย .. ตกลงยังไง เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง อาป๊านี่ยิ่งกว่าแม่ค้าขายปลาตลาดไทที่หมดประจำเดือนไปกว่าสิบแปดปีแล้ว อย่างงี้ไปเปิดเวทีปราศรัยเหอะว่ะ ผมว่าป๊าอาจจะชนะลีน่าจังได้แบบใสๆเน็ตๆเลย ไม่ต้องมีสปอนเซอร์มาเอี่ยว ผมสองคนหมุนตัวหันหลังกลับ ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังมา



“แต่เรื่องรถอั้วะพูกเจง ห้ามเอารถปายใช้เหล็กขาด อนุญาติให้ใช้จักกายางล่าย แต่ที่บ้านเลาไม่มีจักกายาง “



เอ้าแล้วจะพูดเพื่อ ? =_=  ..



“โถ่ป๊า รถป๊ามีเกือบจะสิบคันจะจอดไว้ทำเตี่ยไร “



“ไว้ทำเตี่ยมึงอะแหละอาหาน  กูจะใช้กะเมียกูสองคง ปายเลยพวกมึงปาย ซื้อจักกายางคงละคันปั่นไปโรงเรียน ละรีบๆไปอาบน้ำละลงมาแหล่กข้าว อั้วะหิวเลี้ยว “




จนต้องจำใจเดินก้มหน้าขึ้นบ้าไปแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก คือไม่ได้อยากอยู่ฟังเค้าด่าต่อนะ แต่กูงงเรื่องรถอย่างถึงที่สุด และคิดว่าพี่ลู่หานคงจะงงพอๆกับผม คนตัวเล็กกว่าเดินตูดบิดขึ้นบันไดไปด้วยความเซ็งในอารมณ์ โดยที่ผมเดินตามเอาหน้าแนบร่องก้นพี่แกไปแบบติดๆ



“เดินจี้กูขนาดนี้มึงจูบตูดกูเลยก็ได้เอาจริงๆ “



 พี่ลู่หานหันมาพูด ผมได้แต่ยืนก้าวขึ้นบันไดค้างไว้หนึ่งเก้า เลื่อนมือไปเกาะราวบันไดไว้ คือกะว่าถ้าพี่แกถีบผมจะได้มีสิ่งยึดเหนี่ยว ไม่กลิ้งสิบแปดตลบลงไปเหมือนคราวก่อนแน่ ๆ



“จะดีหรอ เกรงใจ “



“ดีจิ กูอนุญาต “ แน่ะมีประชด



ได้ยินดังนั้นผมก็ยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากเข้ากับบั้นท้ายพี่ลู่หานตามที่เจ้าตัวท้าในทันที กดริมฝีปากจูบดังม้วบแบบเน้นๆให้เจ้าตัวได้ยินก่อนจะถือโอกาสตอนที่อีกคนสตั๊นอยู่เดินอ้อมขึ้นบันไดเข้าห้องของตัวเองไป ทิ้งให้คนสวยหน้าโฉดยืนตรึ่งอยู่อย่างนั้น



“อ้ากกกกกกกกกกกกกไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”



บานประตูปิดลงพร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวายของพี่ลู่หาน  ก่อนจะตามด้วยเสียงข้าวของหล่นกระจัดกระจายตามมา ให้เดาพี่ลู่จะต้องกำลังเตะอะไรแถวๆนั้นอยู่แน่ๆ ผมหัวเราะสะใจก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำชำระร่างกายของตัวเองอย่างอารมณ์ดี




โถ่ป๊า ใครบอกว่าพวกอั้วะไม่รักกัน

พวกอั้วะรักกันจะตายแหละ ..






CHANYEOL PART




“ทำไมต้องปลุกกูเช้าขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย “



“บ่นอะไรของมึงงุ้งงิ้งๆตลอดเวลาเลยวะ “


ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์เพราะฟังเสียงคนงัวเงียบ่นจนอ่านไม่รู้เรื่องแล้วหันไปหาอิเตี้ยที่กำลังยืนตาปรือบังทีวีอยู่ (คือตกลงมึงจะอ่านทีวีหรือจะดูหนังสือพิมพ์ เอ้ย ดูหนังสือวีหรืออ่านการ์ตูนพิมพ์ เอ้ย ดูทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์.. เอ้ย ถูกแล้ว! ) ลดแก้วกาแฟลงจากริมฝีปากแล้วมองอิซากเน่าๆที่ยืนงี่เง่าอยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แบคฮยอนอยู่ในชุดเสื้อยืดเน่าๆขาดๆสีขาว และกางเกงเน่าๆขายาวกรอมเท้า และหัวเน่าๆที่ยังไม่ได้สระส่งกลิ่นหอมกรุ่นโชยมายิ่งกว่ากาแฟในแก้วกูอีก นี่ขนาดกลิ่นกาแฟอยู่ประชิดรูจมูกเลยนะนิ กลิ่นหมาเน่ายังลอดเข้ามาด้าย



“ถามว่ามึงปลุกกูทำไม “



“เออเหอะน่า ไปแปรงฟันก่อนไป อ้าปากทีกูขมคอเลย “



ผมไล่ แต่ไอ้แบคกวนส้นตีนผมโดยการไม่ฟังอะไรทั้งนั้น คนตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับพ่นลมอัดหน้าผมหนึ่งทีอย่างรักใคร่ แทบจะหงายหลังล้มตึงไปตรงนั้น ถ้าไม่ติดว่าเก้าอี้กูมีพนักพิงแล้วล่ะก็ ..



“ไหนมีอะไรให้มนุษย์ผู้หิวโหยอย่างกูแดกมั่งดูหน่อยจิ “



“ไม่มีอะไรทั้งนั้นจนกว่ามึงจะแปรงฟัน..”




“ไข่ลวก!!!!!!!!!


  
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกแทรกด้วยเสียงแหลมเล็กที่ตื่นเต็มที่แล้วของอิเตี้ย นี่สรุปคำพูดกูนี่ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม คนตัวเล็กพุ่งเข้าชาร์จแก้วไข่ลวกกับจานขนมปังปิ้งและนมที่ผมเตรียมไว้ให้มันในทันที ปาท่องโก๋ในมือถูกริมฝีปากนุ่มนิ่มงับเอาไปหน้าตาเฉย



“ถ้ามึงไม่รีบไปแปรงฟันเดี๋ยวได้กินไข่กูแทนเนี่ยแหละ ไข่ลวกไข่เลิกห่าไรไม่ต้องกินละ เททิ้งแม่งให้หมด 



แค่นี้ก็ต้องให้ดุ รู้สึกว่าตั้งแต่มันกลับมานี่จะทำตัวเด็กกว่าเดิมเยอะเลย หรือผมโตขึ้นเองก็ไม่รู้ ไอ้แบคชูนิ้วกลางให้ผมอย่างน่ารักก่อนจะเดินบิดตูดงอนๆเข้าห้องน้ำไป ผมได้แต่ส่ายหัวไปมาพร้อมกับขำ(อย่างบ้าคลั่ง)ด้วยความระอา ขำแบบหล่อๆมันไม่ได้หรอกครับ มันไม่ตรงกับแคแรว็กเทอร์



และด้วยความตะกละ ส่งผลให้บุคคลน่ารักแต่เห็นแก่กินที่ชื่อบยอนแบคฮยอนแปรงฟันเร็วเป็นพิเศษ ไอ้แบครีบวิ่งมาที่โต๊ะทันทีที่ออกจากห้องน้ำ ก่อนจะลงมากินอาหารง่ายๆที่ผมเตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็ว เออ อย่าเรียกว่ากินเลย คำว่าแดกยังน้อยไปสำหรับมัน



“ค่อยๆกิน เดี๋ยวลูกกระเดือกผิดรูป “



ผมได้แต่นั่งมองมันกินอยู่อย่างนั้น สภาพเหมือนไม่เคยพบเคยเจออะไรที่กินได้มาก่อนเลยในชีวิต จะว่าไปแล้วการที่เราย้ายมาอยู่ที่คอนโดด้วยกันนี่มันดีมากๆเลยว่ะ ถึงแม้เมื่อคืนจะยังไม่ได้เอาก็ตาม(นี่มึงกล้าพูดมาได้ยังไง มันยอมให้มึงกอดก็บุญแล้วอิเหี้ย )  ถึงแม้ว่าเราจะเคยอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ตลอดเวลาเหมือนตอนนี้ ไม่รู้ดิ เหมือนเรารับผิดชอบตัวเองได้แล้ว เราโตแล้ว เรามีวุฒิภาวะมากพอที่จะดูแลตัวเอง และดูแลหมาอีกหนึ่งตัวได้ด้วยเช่นกัน



ฟังดูไม่ค่อยดี เอาใหม่



เรามีวุฒิภาวะมากพอที่จะดูแลตัวเอง และดูแลคนที่เรารักได้แล้วเหมือนกัน ..




โอเค ดูดีรึยัง ?



โอเค ช่างมันเถอะ อิห่า จะเอาอะไรมากมายนักกะอิแค่ฟิคจังไรๆเรื่องหนึ่ง ไอ้แบคกินเสร็จแล้ว ผมไล่มันไปอาบน้ำ ก่อนจะถือวิสาสะเลือกชุดของมันที่กินพื้นที่ตู้เสื้อผ้าฝั่งซ้ายของผมไว้ให้มันด้วย ส่วนตัวเองก็ไปเก็บโต๊ะล้างจาน ดูเป็นพ่อบ้านที่ดี ผมหวังนะ ว่าเราจะรักกันแบบนี้ไปนานๆ แล้วเราจะมีลูกเล็กๆที่น่ารักสักหนึ่งคน แล้วเลี้ยงเค้า มอบความรักให้กับเค้า ผมจะเป็นพ่อที่ดี ดูแลคุณแม่ และดูแลลูกๆ แต่ตราบใดที่อิแบคมันยังไม่มีมดลูก ก็ฝันไปเหอะไอสัด เห็นคลอดลูกทุกเช้า วันละก้อนสองก้อน บางวันลูกตัวดำ บางวันลูกตัวเหลือง บางวันไม่ค่อยกินผัก ลูกก็ตัวแข็งๆ เห็นมันบ่นงี้ ไม่รู้ลูกหรือขี้กันแน่



จนกระทั่งคุณแฟนหน้าหมาอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ถึงตาที่ผมจะต้องไปอาบน้ำชำระร่างกายของตัวเองบ้าง หลังจากนั่งอั้นขี้มานานกว่าครึ่งชั่วโมง คนอะไรอาบน้ำนานชิบหาย กูนึกว่ามึงไปตักน้ำที่โอเอซิสแถวซาอุดิอะราเบีย ตอนเดินสวนกันแอบชำเลืองมองหัวนมมันนิดนึง ก็ชมพูเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ก็ยังดี เป็นอาหารตา ละค่อยไปว่าวต่อในห้องน้ำ นี่คือกิจที่เราทำประจำ เห้อ คิดแล้วมันเงี่ยน(สันดานเดิมไม่เปลี่ยนแปลง)



อาบน้ำ แปรงฟัน ขี้เสร็จก็แต่งตัว ไม่ดิ เช็ดตัวก่อน ไม่ดิ ปิดฝักบัวก่อน แล้วเอาผ้าเช็ดตัวห่อเจี๊ยวอันโอฬารของเราไว้ จากนั้นเดินเชิดออกมาแบบเกร๋ๆ ไม่อยากจะบอกว่ากูลื่นสบู่ตอนที่กำลังพยายามเต้นท่ายากในเพลงอือรือรองอยู่ในห้องน้ำ แต่เสือกบอกไปแล้ว ไม่เป็นไร อายดี



ไม่รู้จะบอกทำไมว่าอาบน้ำแล้วแต่งตัว คือมันก็เป็นสเต็ปของมันอยู่แล้วปะวะ มีใครอาบน้ำแล้วมึงขี่มอไซค์ออกไปซื้อก๋วยจั๊บปากซอยกินเลยไหม.. ไม่ได้ ลมมันจะตีไข่ อย่างนี้จุกแน่นอนพี่ปาร์คฟันธง ถึงไม่จุกก็อายชาวบ้านบ้างอะไรบ้าง มึงนึกสภาพขี่มอไซค์ออกไปแล้วมีคนนั่งอยู่ข้างทาง มึงเอาจู๋ไปชี้หน้าเค้านี่มันถูกกาละเทศะไหม อย่างน้อยก็ต้องนุ่งโสร่งก่อน แต่ทางที่ดีควรอาบน้ำแล้วใส่เสื้อผ้าจะดีที่สุด แต่อย่าลืมเช็ดตัวนะจ๊ะเด็กๆ ไม่งั้นมันจะเปียกนะจริงๆกูลองมาแล้ว



เดินกอดคออิเตี้ยไปที่ลานจอดรถของคอนโด นึกว่าจะเดินไซร้กันอย่างโรแมนติกไปได้ตลอด แต่ที่ไหนได้ กูลืมว่าจอดไว้ตรงไหน ต้องคอยมายิงรีโมตแล้วเงี่ยหูฟังเสียงเอาว่าใช่เสียงรถเราไหม อนาถสัดขอบอกเลย ลำบากกูทั้งคู่เดินไปมาอยู่นานสองนานกว่าจะเจอรถ กูวิ่งเป็นหนุมานเลยไอสัดถึงกับหอบแดก ไม่ไหวๆ วันหลังต้องเอาติ้กเก้อร์ไปติดไว้เสียแล้วว่ารถคันนี้.. สีดูหุ้ม



“คาดเข็มขัดนะครับที่รัก “



“เออหน่า กูคาดเองได้ จะหลอกแต๊ะอั๋งกูก็บอกมา “



หลังจากที่เปิดประตูให้อิเตี้ยเข้าไปนั่งในรถแล้ว ผมก็ทำการปิดประตูอัดหน้ามันดังๆเพื่อตอกย้ำในความเป็นสุภาพบุรุษของตัวเอง ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่ฝั่งคนขับ เอี้ยวตัวคาดเข็มขัดให้คนน่ารักของผมด้วย ปลายจมูกเฉียดแก้มใสไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อนๆลอยมาแตะจมูก สบู่ก็ใช้เหมือนกัน แต่ทำไมผมรู้สึกว่าตัวมันหอมกว่าก็ไม่รู้



“ไม่หลอกแต๊ะอั๋งหรอกน่า เอาไหมสักยกก่อนไป บนรถนี่เร้าใจ “



“ตีนปะละสักข้างก่อนไป บนรถนี่เร้าใจ “



ไอ้แบคย้อน เป็นคำพูดธรรมดาๆที่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ฟังแล้วขนลุก ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ไหว้มันหนึ่งทีด้วยความเคารพก่อนจะออกรถในทันใด



“เออ แล้วนี่เราจะไปไหนกัน ?“



“งานบวช “




 _____________________________

 ง่า คิดถึงกูไหม กูก็คิดถึงพวกมึงๆๆๆๆ(พูดเองเออเอง)
กูไม่ได้อัพมากี่ชาติละวะเนี่ย ไม่รู้จิ ขี้เกียจ
งานก็เยอะ สอบไม่ติดสักที่เลยอิเหี้ย 55555555
เอ้ยหรือควรจะลาออกกแล้วไปขายน้ำเต้าหู้ดีนะ
จาล่ายสุกกาภาพลีกังถ้วนหน้าๆ =_=

งืมเด็กๆของกู บางคนอาจจะลืมฟิคกูไปแล้ว 
ลืมก็คือจำไม่ได้ นั่นแหละ ไม่มีไร 55555
เออไปแยะ อย่าลืมแท็ก #ผชจรขตขพธนะ กูส่องอยู่เสมอ
จากพี่บุ๋นบี้ปี้อิเจี๊ยบ
ปล. อิเจี๊ยบนางเอกของเรื่องยังมีบทแน่นอลฮร้า 
แล้วก็ทุกๆคนในภาคที่แล้ว ภาคนี้ก็ยังมีบทอยู่แน่นอนครับ
ในตอนหน้าจะมีคนอื่นๆที่ไม่ปรากฏในภาคที่แล้วออกมาโด้ยเด้อนาง
แล้วเจอกันครับ รักๆเด้า