วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

↯ผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอ (2) : chapter 1




                                     chapter 1 


 “ปิ้นน “



ผมตัดสินใจบีบแตรหลังจากรถเลื่อนมาจอดอยู่หน้าบ้านแฟนเป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่มดสักตัวโผล่หน้าออกมาจากรั้วบ้าน รออยู่นานก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก เดอะหนัมเบ้อยูด๋าลอิสฟว่ไนจพบฟำขฟระบข


 “แบค แบคโว้ย !


ยื่นสะเบ้าหน้าออกมานอกกระจกรถแล้วตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงอันหล่อเหลาและแหบแห้ง รอจนหูกูแนบไปกับหัวแล้วไอ้แบคก็ยังไม่ออกมา รากแทบงอกยึดตูดติดอยู่กับเบาะ ผมเปิดประตูรถผลั้วะออกไปด้วยความโมโหหิว ก่อนจะปีนเข้าบ้านมันไปโดยไม่ทันมองว่าประตูไม่ได้ล็อค แสรด



ไม่รู้สิ ถึงจะพัฒนาขึ้นมากแค่ไหนแต่ผมก็รู้สึกว่าในขันทสันดารลึกๆภายในแล้ว..
ตัวผมเองก็ยังเหมือนเดิม



แน่ะ มึงอ่านมาถึงบรรทัดนี่แล้วอาจจะงงว่าอิคนเขียนมันเว้นวรรคย่อหน้าทำไม จัดซะสวยเชียว ปกติไม่ใช่แบบนี้นิ พี่ปาร์คก็พอบอกว่าเค้าพัฒนาแล้วนะฮาร์ฟ พวกมึงจะได้อ่านง่ายๆ ถึงจะลำบากนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรม้าง แน่ะ น้ำตาแทบไหล ถึงกับเหงือกสั่น ซาบซึ้งละสิ อะกราบซะพวกมึงสามมมม สี่


อาศัยขายาวๆก้าวขึ้นบันไดบ้านไปอย่างรวดเร็วเมื่อไม่เห็นพ่อมันอยู่ในบ้าน เปิดประตูบานสีขาวปลอดเข้าไปภายในห้องนอนของแฟนตัวเองในทันที แต่แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยใคร่รู้ ไอ้แบคไม่ได้อยู่ในห้อง แต่แอร์ก็เปิดอยู่นี่หว่า ?


     และในจังหวะที่ผมกำลังจะก้าวออกจากห้องไปนั้นเอง เสียงน้ำในห้องน้ำก็เรียกผมเอาไว้พร้อมกับกระตุกยิ้มเล็กๆที่มุมปาก อันนี้ฝึกมา ให้ไอ้ไคสอน เห็นพระเอกส่วนใหญ่แม่งยิ้มงี้กัน อยากจะหล่อแบบคูลๆก็เลยเอาบ้าง ปกติยิ้มทีเห็นยันลิ้นปี่

มองหาหนังสือการ์ตูนโป๊สักเล่มสองเล่มในห้องคุณแฟนแต่แม่งก็ไม่มีเลย มีแต่โคนันกับดราก้อลบอลกากๆที่เด็กติ๋มเขาอ่านกัน ผมถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม คว้าหมอนใบโตของคนตัวเล็กมากอดแล้วเอาหน้าไซร้ๆอย่างหื่นกระหาย ไม่เป็นไรหรอก แฟนไม่ว่า


เพราะผมก็ทำได้แค่ปี้กะหมอนมันนี่แหละ T_T




 “แกร๊ก “



เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กๆที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนบางคาดเอว หยาดน้ำเม็ดพราวที่เกาะอยู่บนเรือนร่างสวยนั้นทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งมองอย่างหื่นกามไม่ปิดบัง ปกติท้องมันจะแบนราบนะ แต่ไม่รู้ดิ หลังจากแม่งกลับมาจากแคนาดาแม่งก็เป็นงี้เลย แต่ไม่เป็นไร ถึงจะอ้วนก็เซ็กซี่สำหรับผมอยู่ละ


 “มาไม “ ไอ้แบคถาม เดินแคะหูผ่านหน้าผมไปที่ตู้เสื้อผ้า
    

 “มารับคุณแฟนไปอยู่ที่รังรวั้กของเรา “


ผมตอบ ยัดหนังสือการ์ตูนดราก้อนบอลเก็บเข้าชั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวไปหาอีกคนซึ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จพอดี


 “ไม่ไป “ 


 “อ่าวทำไมอะ ไม่อยากอยู่กับกูหรอ “


 “ขี้เกียจย้าย “


 “โถ่แฟน กูไม่ขับรถเทียวรับเทียวส่งมึงงี้ทุกวันหรอกนะ มันไกล “


ผมผลักหัวมันไปทีนึง ก่อนจะเขย่งเอื้อมเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่หลังตู้เสื้อผ้าลงมากางออกแล้วช่วยเก็บข้าวของของไอ้แบคใส่ไว้ให้ จะให้มันอยู่นี่ไม่ไหวหรอก ที่มหาลัยกับที่บ้านแม่งไกลกันจะตายห่า แถมผมก็ทนคิดถึงมันไม่ไหวหรอก ผมทนนอนคนเดียวมาสองปีละนะ


ช่วยกันเก็บของใส่กระเป๋าใบโตอยู่ไม่นานก็เสร็จ ถึงแม้ว่าตลอดเวลาจะได้ยินเสียงบ่นประหนึ่งหีกินผึ้งของไอ้แบคที่ดังอยู่ข้างหู 5555555555555555555555555555 แต่ผมทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รู้แหละ ยังไงวันนี้กูต้องเอามันกลับคอนด้อม เอ้ย คอนโดให้ได้


“จะเอาอิผ้าห่มเน่านี่ไปด้วยไหม ? “


ผมถาม ชี้ไปที่กองผ้านวมสีฟ้าหม่นๆเป็นขยุ้มที่อยู่ตรงปลายเตียงพลางหันไปหาเจ้าตัว ไอ้แบคพยักหน้าก่อนจะเป็นคนเดินไปหอบมันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนเสียเอง ผมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกไปที่ประตู พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบโตอีกใบ


 “เดี๋ยวแปปนึง “


ทันทีที่เจ้าของกลุ่มผมนุ่มนิ่มสีทองกำลังจะหันหลังเดินออกจากบ้านไป ผมจับไหล่บางให้หันกลับมาก่อนจะเชยคางมน(ที่เริ่มจะอุดมไปด้วยเหนียง)ให้เงยขึ้นแล้วจรดริมฝีปากลงไปหนึ่งครั้ง คิดถึง คิดถึงสุดๆ


 “คิดถึงว่ะ “


 “กูก็กลับมาแล้วนี่ไง กูกลับมาเป็นอาทิตย์ละนะ "


ไอ้แบคตบหัวผมอย่างแรงซะหน้าสั่น เสียงเล็กพูดอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ ใบหน้าน่ารักแดงเรื่อนิดๆให้พอน่าหมั่นไส้ ริมฝีปากที่เบะคว่ำนั้นดูยังไงก็รู้ว่ากำลังพยายามกลั้นยิ้มอยู่ ผมยิ้มขำ รวบเอวคนตัวเล็กเข้ามาจนชิด


 “งั้นถึงคอนโดขอเด้าทีนะ “



ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากริมฝีปากสีสด ไอ้แบคชูนิ้วกลางให้ผมทีนึงอย่างน่ารัก ก่อนจะหมุนตัวสะบัดตูดเดินไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ผมอมยิ้ม ก่อนรีบวิ่งตามไปทำหน้าที่โชเฟอร์ที่ดีให้กับคุณแฟน นี่ไม่ได้กลัวเมียนะ เปล่า ไม่ได้กลัว
    






11.00 น สนามบินอินชอน


ร่างสูงโปร่งเดินลากกระเป๋าไปใหญ่ไปตามพื้นอย่างเร่งรีบ มือข้างที่ถือพาสปอร์ตยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู คิ้วเรียวภายใต้แว่นกันแดดสีชาขมวดมุ่น ดูเหมือนว่าเขาจะกะเวลาผิดไปสักหน่อย ไม่คิดว่าการอยู่ที่แวนคูเวอร์ต่ออีกหนึ่งสัปดาห์จะทำให้เขาเกือบจะพลาดงานสำคัญ


ถึงแม้จะให้แบคฮยอนกลับมาก่อนแต่ก็ไม่มีข่าวจากทางนู้นส่งมาเลย เขาจึงต้องกลับมาดูด้วยตัวเอง เจ้าของขาเรียวยาวสอดตัวเองเข้าไปในห้องโดยสารด้านหลังของรถแท็กซี่ ก่อนตัวรถจะทะยานออกไปจากสนามบินอย่างรวดเร็วตามคำขอ


ไม่นานนักก็มาถึงที่หมาย รถเลื่อนมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลอู๋อย่างรวดเร็ว บริวารน้อยใหญ่พากันกุลีกุจอออกมาต้อนรับแทบไม่ทันกับการมาที่กระทันหันของคุณชายเล็ก คริสอู๋ส่งยิ้มให้หญิงสาวที่เข้ามาช่วยเขาถือกระเป๋า ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก้าวฉับขึ้นบันไดไปอย่างเร่งรีบ ในใจภาวนาขอให้คนที่เขาต้องการเจออยู่ที่บ้านในวันนี้


แกร๊ก


แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด วันนี้ลู่หานอยู่ที่บ้านใหญ่จริงๆ ร่างสูงโปร่งเดินไปปิดทีวีที่ถูกเปิดทิ้งไว้ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหาคุณชายใหญ่ของบ้านที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่อย่างเงียบๆ ที่เรียกว่าคุณชายใหญ่นั่นก็เพราะพี่ลู่หานเกิดก่อนเขา ถึงแม้ว่าจะคนละนามสกุลกันก็ตาม เพราะว่าสกุลลู่ที่ได้มาก็มาจากพ่อ .. ใช่แล้ว ลู่หานเป็นลูกชายคนเดียวของคุณป้าของคริส หรือนับง่ายๆก็คือ พวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะเองฮาร์ฟ


แน่ะงง ..
งงสิมึง


หย่อนตูดลงบนเตียงนอนข้างๆใบหน้าเรียบตึงที่หลับพริ้มอยู่อย่างมีความสุข มันจะเรียบตึงก็ต่อเมื่อเวลาหลับเท่านั้นแหละ อย่าให้ลู่หานได้เสียงสีหน้าใดๆออกมาเชียวมึง หน้าจะขึ้นจีบเป็นริ้วๆทันที (นี่ไม่รักไม่พูดนะ) อันที่จริงที่เกาหลีก็มีสถาบันเกี่ยวกับพวกเสริมความงาม คลินิคที่ช่วยให้คำปรึกษาเรื่องการชะลอริ้วรอยก่อนวัยอยู่เยอะแยะ แต่ลู่หานคงไม่ไปทำหรอก เรื่องดูแลตัวเองนี่อย่าให้พูด สะเบ้าหน้ายังใช้สบู่ถูตัวล้างหน้าอยู่เลย



ต่างกับคริสอู๋ ผู้ซึ่งใส่ใจในเรื่องการดูแลตัวเองเสียนี่กระไร
เขาถึงได้ถูกคนที่บ้านสงสัยบ่อยๆว่าคุณชายเล็กเป็นประเภทรักร่วมเพศ


อู๋ฟานแค่นหัวเราะ..



ก็แหง ก็ตัวการที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นกำลังนอนกรนเป็นโรงสีข้าวอยู่นี่ไง




มือหนาถือวิสาสะเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าขาวออกช้าๆ ทิ้งสายตาสำรวจโครงหน้าสวยทะมึนอย่างย่ามใจ คิดถึงเหลือเกิน สองปีที่ไม่ได้เจอหรือแม้แต่จะคุยกัน ไม่รู้ว่าลู่หานลืมเรื่องที่เขาเคยพูดไปหรือยัง แต่เขายังจำมันได้ดี และแน่นอนว่าหัวใจของเขาก็ยังคงอยู่ที่ผู้ชายคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง



ให้มันพากษ์เองเถอะ ไหนๆมันก็มีบทแล้ว
โอเค เทคเดียวเป้ะนะ กล้องพร้อม ไฟพร้อม ฉากพร้อม สตั้นแมนและแสตนอินพร้อม


สามสี่


...




อย่าเพิ่งดิไอเหี้ย นักแสดงยังไม่พร้อมเลย ทำไมโยนบทมาให้กูแบบนี้ แล้วกูจะไปต่อยังไงวะเนี่ย .. สวัสดี ผมคริสอู๋ หรือเรียกสั้นๆว่าอู๋อี้ฟาน อ่าวแสรด ไม่รู้ว่ามันสั้นกว่าตรงไหน เผลอๆยาวกว่าเดิม แต่ช่างมันเหอะ ยังไงคนอย่างผมก็ไม่สั้นอยู่ละ ยาว ใหญ่ ใส่เต็มทุกดอก


ตามคอนเซปแล้ว ผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอ ผมเป็นพระเอกคนที่สาม เอาเถอะ ถึงแม้ว่ามันจะมาเป็นซีรีย์ เอาจริงๆผมก็ไม่ได้จังไรเหมือนพวกมันหรอก แต่เมื่อภาคนี้ผมมีบทแล้ว ผมก็จะขอทำตรงนี้ ณ จุดๆนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอขอบคุณมิตรรักแฟนเพลง บรรดาแขกเหรื่อเครือญาติ และสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้โอกาสผมมา ณ ตรงนี้ ผมจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวัง


เรื่องราวต่อไปนี้ของผมอาจจะดูรันทดและอาภัพไปสักหน่อย แต่เชื่อได้เลยว่าคุณจะต้องซาบซึ้งไปกับมันอย่างแน่นอลที่สวดเลย ผมเป็นแค่ผู้ชายหน้าตาดีธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่เกิดมามีกรรม หลงรักลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ถือ เพราะเราเห็นเจี๊ยวกันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ของมันเคยๆกันอยู่


“คร่อก ..”


หันไปมองพี่ลู่หานที่นอนกรนอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมห่มผ้าให้เขาแต่ก็ถูกเจ้าของปลีน่องบานๆนั้นถีบออกไปอยู่ดี ทั้งร่างกายของพี่ลู่หานไม่มีอะไรเข้ากับใบหน้าสวยหวานของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นขนขา กล้ามอก กล้ามแขน กล้ามท้อง หรือแม้แต่แรงมหาศาลประดุจควายธนูของเขา เชื่อไหมว่าผมสู้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว


ไม่รู้เหมือนกันว่าผมชอบพี่ลู่หานตั้งแต่เมื่อไหร่ ชอบได้ยังไง เหตุผลเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะความใกล้ชิดมาตั้งแต่เด็ก จนมาถึงช่วงมอปลายที่พี่ลู่หานย้ายออกไปเช่าห้องอยู่คนเดียวเพราะอึดอัดกับสภาพที่บ้านใหญ่ ผมที่เป็นเด็กติดพี่พอสมควรเลยเคว้งจนไม่รู้จะทำยังไง จนได้มาเจอกับพวกไอ้เฉินไอ้เทา แล้วก็เดอะแก๊งค์ของพวกไอยอลในตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันขัดเกลาให้ผมกลายเป็นเด็กเหี้ยอย่างสมบูรณ์แบบมาจนถึงทุกวันนี้


โน้มใบหน้าลงไปสัมผัสกลิ่นหอมจากข้างแก้มใส แต่กลิ่นที่ได้กลับไม่ใช่อย่างที่คิด กลิ่นเหล้าฉุนกึกลอยมาเตะจมูกอย่างจังจนหน้าหงาย พร้อมกับกลิ่นบุหรี่คลุ้งไปกับกลิ่นเหงื่อชวนแสบจมูก เลิกผ้าห่มดูก็เห็นพี่ลู่หานยังอยู่ในชุดนักศึกษา แถมที่ปกเสื้อและต้นคอยังมีรอยลิปสติกประทับอยู่เต็มไปหมด


ฉับพลันสติของผมขาดผึง ..เหล้านี่ไม่เท่าไหร่ แต่บุหรี่ผมไม่ชอบเลยจริงๆ        



“ไอเหี้ยมึง!! .. ปล่อยกู“


พี่ลู่หานตื่นขึ้นทันทีที่แผ่นหลังลอยขึ้นจากเตียง ร่างโปร่งในอ้อมแขนของผมดิ้นไปมาไม่หยุดในระหว่างที่ผมช้อนตัวอุ้มเขาไปที่ห้องน้ำ ผมเกร็งแขนจนเส้นเลือดปูด ถ้าเขาดิ้นแรงกว่านี้อีกนิด ผมอาจจะไม่มีแรงเหลือไว้อุ้มเขาแล้วก็เป็นได้ คิดได้ดังนั้นก็โยนร่างพี่ชายต่างสายเลือดลงในอ่างจากุชชีทันทีที่เข้าไปถึงในห้องน้ำ


แต่เหมือนผมจะลืมไรไปอย่าง .. มันไม่มีน้ำ



“อั้ก!!


“สั้ด!! กูเจ็บนะโว้ย !!!!!


“เอ่าก็พี่บอกให้ปล่อย “


ผมตอบ ผลักแผ่นอกพี่ลู่หานให้ลงไปนอนอย่างเก่าเมื่อเจ้าตัวพยายามจะลุกขึ้น ผมถกแขนเสื้อเชิ้ตให้ขึ้นมาถึงต้นแขนเพื่อให้ถนัดยิ่งขึ้น หันไปเปิดน้ำจากฝักบัว พี่ลู่หานดิ้นพล่านพร้อมกับหลับตาปี๋ ทั้งเสื้อนักศึกษาและกางเกงเปียกไปหมด รอยลิปสติกค่อยๆละลายไปกับสายน้ำอุ่นๆ

“พี่ไปสักมาหรอ “

ผมเลิกคิ้ว เมื่อชุดนักศึกษาสีขาวตัวบางเปียกจนแนบไปกับผิวขาวเนียน ปรากฏให้เห็นรอยสักเป็นรูปอักษรละตินเล็กๆตรงไหปลาร้าภายใต้เนื้อผ้าบางเบา แถมเจ้าตัวยังเจาะหูเพิ่มอีกสามรู ถึงมันจะดูดีแต่ผมว่ามันไม่เหมาะกับพี่ลู่หานเลยสักนิด


“เสือกเลยมึง ออกไป “


พี่ลู่หานพูด ผลักหน้าผมอย่างแรงจนหงาย มือเรียวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวแล้วถอดโยนออกไปให้พ้นทาง ผมมองตาม เห็นรอยเข็มตรงข้อพับแขนแล้วใจกระตุกวูบ


“นี่พี่เล่นยาหรอ “


ผมกระชากแขนเล็กเข้ามาใกล้จนร่างพี่ลู่หานปลิวมาแทบจะติดอก แต่ติดอยู่ที่มีอ่างกั้นไว้อยู่ ลำตัวของพี่ลู่หานกระแทกเข้ากับขอบอ่างอย่างแรงดังปั้ก ใบหน้าเรียวเบ้ออกมาด้วยความเจ็บ ม่านกลมปรายตามองผมเพียงเล็กน้อย ก่อนข้อมือเล็กจะบิดให้หลุดออกจากการจับกุม


“เรื่องของกูอีกแงะ ออกไปเลยไป หรือจะดูกูแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ตรงนี้ เอาไหม “


“เอา “


“สัด น้องเหี้ย กูประชด..ออกไป “


ฝ่ามือเล็กตบหัวผมดังเพี้ยะ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ประตู ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำแต่โดยดี โดยไม่ลืมล็อคประตูห้องน้ำให้ สายตาค่อยๆละไปจากรอยเข็มและตัวอักษรละตินบนร่างของพี่ลู่หานอย่างเสียดาย ผมอยากรู้ความหมายของมัน



ถึงแม้จะนอนบนเครื่องมาค่อนวันแล้วก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกเพลียจนต้องทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง แม้แต่ผ้าปูที่นอน หมอน หรือผ้าห่มของพี่ลู่หานก็ยังมีกลิ่นเหล้าและบุหรี่ เพิ่งสังเกตว่าในห้องมีขวดเหล้าและซากกล่องอาหารสำเร็จรูปวางระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด แถมบนหัวเตียงก็มีถุงเท้าและซากบ็อกเซอร์วางพาดอยู่เป็นอนุสาวรีย์ ผมถอนหายใจ ลุกออกจากฟูกนุ่มอย่างเสียดายขึ้นมาเก็บกวาดห้องซะใหม่ อันที่จริงผมให้แม่บ้านขึ้นมาเก็บให้ก็ได้ แต่ผมว่าผมทำให้เองจะดีกว่า


ไม่นึกว่าพี่ลู่หานจะดิบขึ้นถึงขนาดนี้ ..



“มาทำไมให้อายบ้านนา เล่านวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา ..“


เสียงเพลงลูกทุ่งที่ไร้ดนตรีดังออกมาจากห้องน้ำในขณะที่ผมกำลังเก็บซากเกงในและถุงเท้าใส่ตะกร้าอยู่ ปรากฏร่างของพี่ลู่หานกึ่งเปลือยนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาพร้อมกับเอื้อนลูกคอ18ชั้นอย่างโหยหวน ผมหยิบกางเกงในสีส้มเรืองแสงของพี่ลู่ใส่ตะกร้า ส่ายหัวด้วยความระอา


“กลับมาทำไม ฉันลืมเธอไปหมดแล้ว ..“


ยังคงร้องต่อไปไม่เลิก เนื้อเพลงยังคงความหมายเดิมกับเพลงที่แล้ว พี่ลู่หานยืนเต้นอยู่หน้ากระจก ผมไล่เก็บของไปเรื่อยๆจนถึงหัวเตียง เห็นเข็มฉีดยาที่วางอยู่ทำให้ผมต้องทิ้งตะกร้าแล้วตรงปราดเข้าไปหาพี่ลู่หานทันที


“ไปๆ! ไปลงนรกซะเถิดที่รัก ฉันจะลงโทษเธอ อ๊าวววว!


“นี่อะไร!? “ ผมกระชากแขนอีกคนที่กำลังร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีให้หันมาหา ชูเข็มฉีดยาอันเล็กขึ้นตรงหน้า


“ก็เข็มฉีดยาไง มึงเห็นเป็นเรือหางยาวหรอไอสราด “


“พี่เล่นยาใช่ไหม ตอบผม “ ผมขบกรามแน่น พยายามระงับอารมณ์อย่างถึงขีดสุด


“มึงจะเอายาไหนละ ยาคูลท์กูก็กิน ยาย่ากูก็กินมาละเมื่อคืน จัดว่าเด็ด ไม่เชื่อมึงดู .. “


ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างท้าทาย ปรากฏให้เห็นรอยแต้มจูบจางๆบริเวณลำคอ สติผมขาดผึง ผลักร่างเล็กกระแทกเข้ากับบานประตูตู้เสื้อผ้าอย่างแรง


“โอ้ยน้องเหี้ย ทำไมต้องรุนแรงด้วยวะ “


พี่ลู่หานแหว หมัดลุ่นๆถูกปล่อยออกมาแทบจะทันที แต่ผมไวกว่า เฉียดหน้าหล่อๆไปนิดเดียว


“ปล่อยกู!!


“ตอบผมมา ไอ้เข็มฉีดยานี่คืออะไร แล้วรอยที่แขนนี่หมายความว่ายังไง “


“มึงอย่ามาไร้สาระว่ะคริส ปล่อยกูได้และ กูเจ็บ ซิ้ดอ้าห์ “


“ลู่หาน ผมไม่เล่น “ ผมกดเสียงต่ำ รู้สึกเหมือนความอดทนลดลงเหลือศูนย์


“แล้วคำว่าพี่หายไปไหน คิดว่ากูเพื่อนเล่นมึงหรอ “


“... “ ผมเงียบ ใกล้แล้ว ใกล้หมดความอดทนแล้ว


“ทำแมะ ? มองหน้า ? มีปัญหา จะต่อยกูรึไง “


“ผมไม่ต่อยหรอก แต่จะทำอย่างอื่นแทน “


“มึงอย่า .. อุ้บ!!


ไม่รอให้คนตรงหน้าได้พูดจบ ผมโน้มหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากลงกับริมฝีปากอิ่มทันทีอย่างไม่รีรอ สองมือตรึงแขนเล็กไว้กับประตูตู้เสื้อผ้า บดจูบเข้ากับริมฝีปากนุ่มนิ่มรุนแรงจนมันแดงช้ำ ใช้เข่าทั้งสองข้างกดขาเรียวไว้เพื่อไม่ให้เจ้าตัวมีโอกาสถีบผมได้ ลองถ้าเป็นแต่ก่อนดิ ขาคู่ ถึงกับจุกไปยันลิ้นปี่



ผมผละออกจากริมฝีปากอิ่มตึงที่เริ่มจะบวมช้ำ ไล่ลงมาจนถึงปลายคางมนและซอกคอขาวเนียน กดจูบทับรอยเดิมซ้ำๆจนมันเข้มขึ้นอย่างเด่นชัดราวกับยินดีในผู้รุกรานคนใหม่ ได้ยินเสียงพี่ลู่หานฮึดฮัดฟึดฟัดในลำคออย่างไม่พอใจ เจ้าตัวดิ้นพล่านจนผมเริ่มจะต้านแรงไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังฉวยโอกาสเอาเวลาที่เหลือนี้กดปลายจมูกลงกับผิวเนียนสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของครีมอาบน้ำเข้าไปเต็มปอด หอมยิ่งกว่ากลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่เป็นไหนๆ


“อ่ะ .. ไอเหี้ยคริส ปล่อย.. กู “


สัมผัสหวาบหวิวคงจะทำให้พี่ลู่หานเริ่มจะสับสน ผมกดจูบผ่านรอยสักนั้นไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงแผ่นอกขาวเนียน แกล้งลากปลายลิ้นร้อนตวัดผ่านยอดอกสีเข้มช้าๆ มือหนึ่งลูบไล้สะเปะสะปะไปตามเอวคอดและสะโพกปอดภายใต้ผ้าเช็ดตัวผืนบาง กระตุกเพียงครั้งเดียวก็หล่นลงไปกองที่พื้น ในขณะที่มืออีกข้างยังรวบข้อมือเล็กแล้วกดมันไว้กับประตู นี่ถ้าผมไม่หัดยกเวทตั้งแต่ตอนที่ไปอยู่แคนาดาคงไม่มีแรงมาสู้ได้ขนาดนี้หรอก คนเก่งฤทธิ์เยอะ


“ก๊อกๆ “


“คุณชายใหญ่ตื่นรึยังคะ..“


เหมือนจะเป็นโชคดีของพี่ลู่หานที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าที่ตื่นตระหนกและสายตาเคียดแค้นถูกส่งมาให้ผม


“บอกผมมาก่อนว่าพี่เล่นยาจริงรึเปล่า ไม่งั้นผมเอาพี่แม่งตรงนี้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อค แม่บ้านเข้ามาเห็นผมไม่รู้ด้วยนะ “


ว่าไม่ว่าเปล่า ผมเบียดตัวเข้าไปชิดก่อนจะจับขาเรียวทั้งสองข้างอุ้มใส่เอวจนพี่ลู่หานต้องเอาขาเกี่ยวเอวผมไว้แน่นเพราะกลัวตก ร่างโปร่งลอยหวืออยู่กลางอากาศ มีเพียงแผ่นหลังที่พิงอยู่กับประตูตู้เสื้อผ้าเท่านั้น ถ้าผมปล่อยมือออกจากเอวคอด รับรองว่าร่วงแน่ๆ


“ว่าไงครับ ? “


ผมเร่ง จงใจมองจ้องตั้งแต่ม่านกลมไล่ลงไปถึงท่อนล่างที่เปลือยเปล่าอย่างไม่มีความเกรงอกเกรงใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง


“.. กูไม่ได้เล่นยา ไอเหี้ย! สะเบ้าหน้าอย่างกูเนี่ยนะ? กูไปบริจาคเลือดมา เข็มฉีดยานั่นก็เอาไว้ฉีดวัคซีนให้หมากู ทีนี้มึงปล่อยกูได้รึยัง แม่ง!


ได้ยินอย่างนั้นก็โล่งใจ ผมหัวเราะน้อยๆพลางโน้มหน้าลงไปฉวยโอกาสหอมแก้มนิ่มอีกซักฟอด ปล่อยคนแมนให้ยืนบนพื้นอย่างปกติ โดยไม่ลืมก้มหยิบผ้าเช็ดตัวที่หล่นกองอยู่ที่พื้นมาใส่ให้เหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปเปิดประตู


“อ้าว คุณชายเล็กกลับมาแล้วหรอคะ  “


“ยังไม่กลับมั้งครับ ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ “


ผมตอบคุณแม่บ้านพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร อินี่ก็ประสาท ก็กูนี่ไงยืนอยู่นี่ไง มึงกำลังคุยกะใครละ เสาหลักเมืองมั้งอิเหี้ย แหม่ ส่วนสูงเหยียบ190ของผมนี่ไม่ได้ทำให้ป้าเห็นผมได้ชัดเจนขึ้นเลยใช่ไหมครับ เบ้าตานี่พร่ามัวเหลือเกินควรจะไปตัดแว่นได้แล้ว ตัวก็เตี้ยเท่าราวนมอย่ามากวนตีน


“เสี่ยวเอ้อลูกพ่อ มานี่มา “


“โฮ่ง!


เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีลูกหมาวิ่งเข้ามาในห้องในตอนที่ผมเปิดประตู เจ้าไซบีเรียนตัวน้อยขนสีเทาขาววิ่งดุ๊กๆเข้าไปหาพี่ลู่หานที่อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าในทันทีด้วยความดีใจ นี่แสดงว่าเขาไม่ได้โกหก เจ้าตัวคงไม่ได้เล่นยาจริงๆ ผมหันกลับไปมอง พี่ลู่หานย่อตัวลงแล้วอุ้มมันขึ้นมากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างฮาร์ดคอร์ นี่ถ้าหมาตายนี่ไม่ต้องโทษใครเลย


“เดี๋ยวคุณชายใหญ่แต่งตัวเสร็จแล้วลงไปทานข้าวได้เลยนะคะ เดี๋ยวป้าลงไปเตรียมอาหารอีกชุดให้คุณชายเล็กก่อน “


“เออไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมจะพาพี่ชายที่แสนดีของผมออกไปข้างนอกซักหน่อย ป้าไปทำงานของป้าต่อเถอะครับ “


“อ่อ ได้ค่ะ “



“ใครบอกกูจะไปกับมึง “ ประตูปิดลงพร้อมน้ำเสียงซังกะตายของเจ้าของห้อง ผมยักไหล่ ไม่ว่าเขาจะอยากไปหรือไม่อยาก ผมไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะผมอยาก


รอไม่นานพี่ลู่หานก็แต่งตัวเสร็จ ร่างโปร่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก กับเดฟยีนส์สีซีดดูเข้ากันกับทรงผมที่เช็ตเปิดหน้าผาก ดูหล่อไม่เบาสำหรับสาวๆ แต่สำหรับผมหรอ..


ผมว่าสวยมากกว่า ..



ยังไม่ทันจะได้เดินออกจากห้อง เจ้าหมาทรราชที่ชื่อเสี่ยวเอ้อก็วิ่งเข้ามางับขากางเกงของพี่ลู่หานเอาไว้จนเจ้าตัวต้องอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วเล่นกับมันอย่างเอ็นดู ผมกลอกตาขึ้นไปด้านบนอย่างเหนื่อยหน่าย บีบคอหมาแล้วเหวี่ยงมันไปอยู่บนเตียงกว้างด้วยความหมั่นไส้ จนมันร้องเสียงหลง นี่ผมไม่ได้อิจฉาหมานะ เปล่าเลย


“ถ้าหมากูตายกูจะเอามึงมาเลี้ยงแทนหมา “


“ก็ดีดิ พี่จะได้สนใจ”


“ต่อให้มึงเป็นเพลี้ยเจ็ดสีหรืออีกัวน่าทะเลทรายพันธุ์หายากกูก็ไม่สนมึงหรอก อย่าคิดจะเอาตัวเองมาเทียบ หมากูยังน่ารักกว่ามึงเลย “


จึ้ก! โดนไปหนึ่งดอกเน้นๆ


“เออ พี่อย่าเผลอละกัน ผมจับแม่งต้มแดกแน่ “ ผมหันไปขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกะอิหมามฤตยูนั่นแล้ววาดแขนโอบไหล่พี่ลู่หานพาเดินออกจากห้อง


“เดี๋ยว มึงจะพากูไปไหน “



“เดท”






ออดี้สีเขม่าคันเดิมจอดที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจจากคนข้างๆ เบ้ปากพลางยักไหล่อย่างยั่วอารมณ์ บางทีก็แอบเสียวพี่แกต่อยปากผมเหมือนกัน แต่ใครจะกลัว ถ้าเค้าคิดจะต่อยผมจริงๆ ฟันหน้าผมก็พร้อมจะสู้ ผมดับเครื่องยนต์ก่อนจะเดินอ้อมลงมาเปิดประตูรถด้านข้างคนขับ พี่ลู่หานเงยหน้ามองผม แต่เจ้าตัวยังนั่งกอดอกพิงเบาะเอาตีนพาดคอนโซลหน้ารถอยู่อย่างนั้นไม่ยอมลุกออกมา


“ถึงแล้วก็ลง หรือต้องให้อัญเชิญดวงวิญญาณพี่ลงไป ผมหิวนะ  “


“หิวมึงก็ไป กูไม่หิว “


พี่ลู่ตอบ แต่เสียงกระเพาะที่ดังโครกครากเล็ดลอดออกมานั้นทำให้ผมต้องอมยิ้ม


“เออ ตามใจ “


ผมตอบก่อนจะหมุนตัวออกไปจากตรงนั้น ก้าวช้าๆรอคนข้างหลัง กระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก ยังไงซะ พี่แกก็ต้องตามผมมาอยู่ดี โถ่ คิดว่ากูง้อรึแงะ


“แกร๊ง “


ได้ยินเหมือนเสียงเหล็กกระทบกันเบาๆ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแรงกระชากบริเวณเข็มขัดที่กางเกง ผมหันกลับไปมอง กุญแจรถพวงสวยถูกพี่ลู่หานกระชากออกไปแล้ว เจ้าตัวแสบรีบปีนไปนั่งที่เบาะคนขับก่อนจะกระชากประตูปิด ผมรีบเดินกลับไปที่รถ


“พี่ลู่หาน!!


ผมยืนเคาะกระจกรถตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เมื่อพบว่าประตูรถถูกล็อคจากทุกด้าน พี่ลู่หานสตาร์ทรถก่อนจะหันมาทำท่าปุอิ้งๆให้ผมแล้วขับออกไป รถค่อยๆเคลื่อนเลี้ยวออกไปจากที่จอดรถจนผมที่เกาะกระจกอยู่ต้องเอี้ยวตัวหลบ ขืนไม่หลีกไปคงโดนรถทับปลิ้นตายอยู่ตรงนี้แน่


“บรื้นนนนนนนนนนนนน “


“ห่าเอ้ย “


เห็นแต่ท้ายรถขับไวๆออกไปจนพ้นสายตา ผมตบหน้าผากตัวเองแรงๆหนึ่งทีด้วยความโมโห ฉับพลันเสียงจั้กจั่นหรีดหริ่งเรไรร้องดังไปทั่วห้างสรรพสินค้า ความรู้สึกเหว่ว้าเปล่าเปลี่ยวเอกาเข้าครอบงำหนุ่มลูกครึ่งจีนแคนาดาผู้หล่อเหลาในทันที ผมเงยหน้ามองไปรอบๆลานจอดรถด้วยความสิ้นหวัง กล้องพาโนรามาดอลลี่รอบตัวเบิ้ลรัว18รอบ พร้อมกับเสียงหมาหอนอย่างตอกย้ำในโชคชะตา นี่แม่งเว่อร์จนเอาไปทำสารคดีชีวิตได้


“แม่งเง้ย แดกแห้วตั้งแต่ยังไม่ได้ทำไรเลย “


สบถเป็นภาษาอังกฤษแบบที่เค้าฮิตกันก่อนจะถีบล้อรถคันข้างๆด้วยความหงุดหงิดจนสัญญาณเตือนภัยดังก้องไปทั่วทั้งลานจอดรถ ผมอุดหูแล้วชูนิ้วกลางใส่มัน บางทีผมเองก็สงสัยว่าทำไมคริสในฟิคต้องสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษด้วย เวลาที่เผลอ โมโห หรือแม้แต่ตอนตีหรี่ก็ไม่เว้น คำถามคือทำไมต้องอังกฤษด้วยวะ อีสานมั่งไม่ได้ไง้ ถ้างั้นคริสผชจรจะขอเว่าลาวเป็นคนแรกเลยละกัน ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้างก่อนที่เจ้าของรถจะออกมาเจอ เข้าร้านส้มตำจกซ่กเล็กกินอย่างรวดร้าวเพื่อประทังความหิว กูสั่งเต็มที่เหมือนชีวิตนี้ไม่เคยพบเคยเจออาหารมาก่อน คุณเคยได้ยินไหม ยิ่งโมโห ยิ่งหิว


“โอ้ยยยยยยยยยเนาะ คือแซ่บแท้ “


หลังจากที่ทดลองเว่าลาวแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นจากจานลาบที่เหลือแต่ถั่วฝักยาวและเศษหมู ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวก่อนจะหันไปซุบซิบนินทากันอย่างเมามันส์ ผมก้มหน้าลง ทอดที่ตะโกนดังไปหน่อย ดูเหมือนภาษาอีสานจะไม่ค่อยเข้ากับสะเบ้าหน้าผมเท่าไหร่นัก บางทีอาจจะต้องลองให้ไอ้ไคเป็นคนพูด รายนั้นหน้าเค้าเป๊ะ สำเนียงเป๊ะ สีผิวเป๊ะ


กินอิ่มละก็เรียกพนักงานมาเช็คบิลแบบชิวๆ ราคาอาหารแค่ไม่กี่บาทไม่ได้สะเทือนขนจมูกผมสักเส้น ผมส่งยิ้มสุภาพไปให้พนักงานที่เพิ่งวางบิลค่าอาหารลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกตูดขึ้นเล็กน้อยพอเป็นพิธี ไม่ได้จะตดนะ จะเอาตัง ผม เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่สอดไว้ที่กระเป๋าหลังกางเกงออกมา


“เฮ้ย .. “



ไม่มี ..


ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ากระเป๋าสตางค์ที่ว่านั่น ผมคลำจนทั่วทั้งสี่ด้านแล้วก็ไม่เจอ แทบจะถอดกางเกงออกมาสะบัดหาเศษเหรียญ ดูเหมือนจะลืมกระเป๋าตังไว้ในรถว่ะ เหงื่อกาฬไหลท่วมตั้งแต่ขมับยันซอกตีน พนักงานสาวยังส่งใบหน้าขี้เหร่เนะกลับมาให้ผมอย่างน่ารัก ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปด้วยความอ่อนโยน แต่สภาพจิตใจหาได้อ่อนโยนด้วยไม่ วิญญาณของผมกรีดร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่า ดนตรีร็อคเมนทัลดังสะท้อนก้องอยู่ในหัว รู้สึกลนลานจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว


“แหะ “

.
.



FUCK !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



โอ้โหอิห่าไม่น่ารอด ในที่สุดผมก็ลงเอยอยู่ที่กะละมังล้างจานหลังร้าน กับเก้าอี้ซักผ้าตัวเตี้ยๆอีกหนึ่งตัว นั่งไปแม่งก็ลำบากไข่เหลือเกิน ผมต้องปลดกระดุมกางเกงสกินนี่ยีนส์ของตัวเองออกสองเม็ดเพื่อให้มีพื้นที่ให้ลูกชายของตัวเองได้หายใจ สองมือจุ่มลงไปในน้ำที่เต็มไปด้วยฟองน้ำยาล้างจานนานจนเริ่มจะเปื่อย จานใบแล้วใบเล่าถูกล้างจนสะอาดเอี่ยมด้วยฝีมือของผม ทั้งช้อน ส้อม แก้ว ตะเกียบเรี่ยมเร้เรไรไม่มีที่ติ ถ้าขาวม้าหนึ่งผืนที่คาดอยู่บนหน้าผากที่เจ้าของร้านให้ยืมมาซับเหงื่อเป็นสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนสติของผม นี่ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยทำอะไรที่มันรันทดขนาดนี้เลยนะ อย่านะเมิ้งอย่าให้กูได้กระเป๋าตังคืนมา กูจะเอาหุ้นมาเบียดร้านมึงให้เจ๊งยันโคตรเหง้าศักราชเลยสราด แค้น!!!!! กูแค้น!!!!!!!!!!!


“เอ้า เร็วๆหน่อยอย่ามัวแต่อู้ ล้างจานอีกแปดสิบกว่าใบก็เสร็จละ  “


เสียงอิเจ๊เจ้าของร้านชะโงกหน้าเข้ามาคุยกับผม ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ แปดสิบกว่าใบมึงได้ยินไหม แปดสิบกว่าใบ!!!!!!!!! แต่ยังดีที่ไม่ได้ทำจานแตก ไม่งั้นคงต้องชดใช้อีกบาน ส่งยิ้มละมุนให้เจ๊เจ้าของร้านทั้งๆที่ในใจด่าพ่อมันไปเรียบร้อยแล้ว อย่านะเมิ้ง อย่าให้กูรอดไปได้ กูมีเงินมากกว่าเงินพวกมึงทั้งจังหวัดรวมกันอีก แม่ง นี่ไม่รู้จักคริสอู๋จู๋สี่เมตรหรือยังง้าย fuck!!!!!!!!


แสบนักนะเสี่ยวลู่ คืนนี้พี่เจอผมแน่ๆ ..       





“ห่าเอ้ย “


ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วสำหรับวันนี้ที่คำว่าห่าเอ้ยกำลังวนเวียนอยู่รอบๆตัวของผม ตอนนี้คริสอู๋ ผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดในแกแลคเซร้กำลังยืนกอดอกพ้อยท์เท้าอยู่ที่ป้ายรถเมล์ประหนึ่งนายแบบบนปกนิตยสารชื่อดัง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงกว่าๆแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวผมไม่มีเงินติดตัวสักบาท ถ้าไม่นับรวมเสื้อ กางเกง เข็มขัด รองเท้า และนาฬิกาแล้วละก็ ตัวผมคงไม่มีค่าอะไรเลย แม่ง สัด รวยแต่เขือ


“ปิ้นนนน”


มาแล้ว รถเมล์ฟรีวิ่งหนีประชาชนกำลังขับเคลื่อนเข้ามาทางนี้อย่างเร่งรีบ เสียงแตรที่บีบดังลั่นไปทั่วท้องถนนทำให้มนุษย์เงินเดือนที่สิงสถิตอยู่แถวป้ายรถเมล์นั้นตื่นตัวอย่างรุนแรง อดรีนารีนสูบฉีดพุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ผมออกตัวล้อฟรี ใจหมายจะไปให้ถึงที่หน้าประตูรถให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูเหมือนว่าเสียงแตรที่ดังขึ้นจากคนขับนั้นจะไม่ใช่การเรียกผู้โดยสารขึ้นรถ แต่กลับกลายเป็นว่าบีบให้ดังเพื่อบอกว่า มึงหลบ ซะมากกว่า


“สราด ขอกูขึ้นโด้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย “


ผมตะโกนลั่นป้ายรถเมล์ ไม่สนแม่งมันละภาพพ้งภาพพจน์ สละผ้าขาวม้าที่ได้มาจากร้านส้มตำเมื่อกี้แล้วกระโจนไปจับราวบันไดทางขึ้นทันที รถเมล์ฟรีค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ผมสะบัดแขนคนอื่นๆที่เข้ามาเกาะแกะแย่งกันขึ้นรถออกไปให้พ้น บรรดาสตรีเพศและคนชราร่วงกราวลงไปที่พื้นถนนดูคล้ายโศกอนาฏกรรม อาศัยขายาวๆก้าวพรวดเดียวขึ้นบันไดสามขั้นขึ้นไปยืนอยู่บนตัวรถได้ทันท่วงที


รถค่อยๆเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว ผมก้มลงมองสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่างด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ขึนรถเมล์ฟรี ผมขอโทษ แต่ผมจำเป็นต้องทำ ผมต้องมีชีวิตรอด ผมไม่มีทางเลือก


“แฮ่ก “


ทรุดตัวลงนั่งที่เบาะที่ว่างอยู่อย่างอัศจรรย์ ทุกครั้งที่ผมมองเข้ามาในรถ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีที่นั่งว่างสำหรับมนุษย์ธรรมดา ทุกคนต้องยืนโหนราวหนีตายเอาตัวรอดกันอย่างอุตลุต ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีมากในการขึ้นรถเมล์ฟรีครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายของผม ผมเอนตัวพิงเบาะ หลับตาลงช้าๆพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน



มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ตระกูลอู๋ ขอพระเจ้าอยู่เคียงข้างท่าน ..






SEHUN PART


กึ้ดอาฟเตอร์นึนทีเชอร์ เอาจริงๆจะให้อาฟเตอร์นูนมันก็ไม่ถูก ตอนนี้แม่งก็เย็นละแหละ แต่ผมลืมไปแล้วว่าคำว่าสวัสดีตอนเย็นภาษาอังกฤษมันว่าอะไร เอาเป็นว่า good cool ละกันเพื่อนๆเด็กน้อยหอยสังข์ทุกๆคน  ตอนนี้กระผมโอเซฮุนผู้หล่อเหลาเอาการ กำลังเดินแรดๆอยู่ที่ซูเปอร์มาเก็ตแถวคอนโด หลังจากกลับบ้านไปแฮฟวิ่งดินเนอร์กับพระบิดาและมารดรมาอย่างหนักหนาสาหัสสากัน เพราะนานๆทีพ่อจะกลับมาจากค่าย ขี้หูแทบหลุดเมื่อพ่อเห็นสีหัวสีบลอนด์ของผมตอนที่เดินเข้าบ้านไป จะบ่นไรนักก็ไม่รู้บ่นจ๊าง นี่พ่องยังไม่เห็นหัวสีรุ้งกูก่อนหน้านี้นะ ไม่งั้นมีฮาแน่ๆ หูพลิ้วทั้งวันครับ


ยืนพ้อยเท้าเลือกบล็อกโคลีกับผลไม้อย่างตอแหลราวกับว่าผมเคยคิดจะรับประทานมันเข้าไป ผมไม่กินผักครับ เราโตแล้ว เราต้องการสารอาหารที่มันมีสาระมากกว่าอิพวกหญ้าสับปะรังเคนี่ กินแบบนี้ไม่โตหรอกครับ มีแต่กาก ใย พวกกากๆเค้ากินกัน อย่างเช่นคิมจงอินเป็นต้น


ตอนนี้แม่งคงต้องจามอยู่แน่ๆ เพราะว่าผมกำลังนินทามันให้รถเข็นฟัง  ไอห่า ไม่รู้จะแดกอะไรอลังการนักหนา ตอนที่ผมโทรไปที่แทบจะหาสมุดโน้ตกับปากกามาจดแทบไม่ทัน แม่งสั่งรัวจนกูนึกว่าเคยเป็นแรปเปอร์มาก่อน นี่กูไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือนนะ กูเป็นแค่นิสิตคณะวิศวะปีสองคนหนึ่งที่มีแฟนเป็นผู้ชายหน้าบ้านๆตัวดำๆขี้เซาและวันๆไม่ทำห่าไรเลย นี่กูว่าจะซิ่วละไปเข้าคณะใหม่ คณะเกษตรเป็นไง เลี้ยงควาย


ผมหลุดขำคนเดียวกลางแผนกชุดชั้นในสตรี ..
ควายที่นอนรออยู่ที่ห้องต้องกำลังจามอยู่แน่ๆ


เดินผ่านมาแล้วก็แวะซักหน่อย หลังจากซื้อพวกของสดกับอาหารสำเร็จรูปเผื่อไว้ไปทำกินกันสองคนที่ห้องเสร็จแล้ว ผมจอดรถเข็นแล้วเดินบิดตูดเข้าไปด้านในแผนกชุดชั้นในสตรีอย่างรวดเร็วเมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร ชอบจังเลย มันเต็มไปด้วยเนื้อผ้าบางเบาสีพาสเทลสดใสระรานตาไปหมด ผมเคยฝันนะว่าจะมีแฟนน่ารักๆสักคน แล้วสักวันหนึ่งเราจะมาเดินห้างกัน ผมจะพาเธอมาซื้อชุดชั้นในอย่างเต็มภาคภูมิไม่มีเขินอาย นั่งดูเธอลองชั้นในตัวแล้วตัวเล่า แล้วเราก็จะ have a nice sex กันในห้องลองเสื้อ คริๆ ในขณะที่ผู้ชายคนอื่นๆยืนโง่เป็นควายเอ๋ออยู่ตรงหน้าแผนกด้วยความเคอะเขิน.. ไม่มี .. ผมไม่มีความอับอายในจุดนั้น


เดินเข้ามาข้างในก็ฉะเข้าจังๆกับเจ๊ผู้หญิงคนหนึ่งที่โทนสะเบ้าหน้าค่อนไปทางโจรป่าในแถบแอฟริกาใต้ ผมยืนตัวแข็งทื่อเมื่อเธอส่งสายตาแปลกๆมองมายังผม ก่อนจะนึกขึ้นได้ส่งยิ้มแหยๆให้ไป ยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้ออย่างเป็นสเต็ป แล้วค่อยๆจรลีเลาะไปตามราวชุดชั้นในผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว ทำไมเจ๊ต้องมองเหมือนผมเป็นตุ้ดด้วย นี่กูไม่ได้ตุ้ดนะ ด่ากูโรคจิตยังจะรู้สึกดีกว่า


ยังไม่ทันจะได้นินทาไอ้ไคไปมากกว่านั้น มันก็โทรมาให้นินทาซึ่งๆหน้า ผมรีบกดรับเพราะไม่เอาเป็นเป้าสายตา ยืนกอดอกพิงราวเกงในพลางขมวดคิ้ว กรอกเสียงหล่อๆลงไปในสาย


“ฮัลเหลแค่นี้นะ “


“(แค่นี้ห่าไร ซื้อเหล้าเข้ามาให้ด้วย)“


“เออจ้านี่ก็สั่งจัง เห็นกูเป็นอะไร “


“(เป็นแฟนกูไง กลับเร็วๆนะ ไม่ได้เจอตั้งสามวัน คิดถึง)”


“เออครับๆ เอากับแกล้มไรไหม “ ผมถาม ไอ้ไคเงียบไปพักนึง


“(.. ไม่เอาอะ ไว้กินมึงแกล้มเหล้าละกัน )“


“สั้ด!


แทบจะเอาหักโขกราวชุดชั้นในแล้วตายห่าไปซะตรงนั้น ผมละเกลียดจริงๆเวลาแม่งเล่นมุขเต๊าะแรงๆแบบนี้ ไม่เคยจะชินเลย ผมด่ามันก่อนจะตัดสายทิ้งแล้วรีบตรงปรี่ไปยังเคาท์เตอร์คิดเงินด้วยความไวแสงในทันที ไม่ใช่ไรนะ รีบกลับไปให้มันเอา เอ้ย! รีบกลับบ้าน ฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว


ขับรถกลับบ้านด้วยท่าทางสบายๆ ถึงแม้ว่ากูจะกลัวผีมากก็ตาม ไอห่า ไม่ทันฟ้ามืดจริงๆด้วย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่นี่ก็เปลี่ยวจ๊างไอสัด เค้าว่ากันว่าผีชุม (เพชรบุรีพ่อมึงอยู่เกาหลี) ไม่รู้ดิ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ถ้ามีปาปริก้า แฮ่ก


รถเลี้ยวเข้าจอดที่ลานจอดรถชั้นเดียวกับห้องของผม รีบปิดประตูแล้วหิ้วของลงมาอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังแล้ววิ่งสี่คูณร้อยไปตามทางเดินเงียบๆ วิ่งไปก็ขำไป รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นชะนีผู้มากสปิริตอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่เต็มไปด้วยป้ายเซลส์ยังไงไม่รู้


“แฮ่ก “


เสียบคีย์การ์ดแล้วผลักประตูเข้าไป หอบหนักด้วยความเหนื่อยหลังจากที่วิ่งมาราธอนมาตั้งแต่ตรงลานจอดรถ ผมวางข้าวของที่ซื้อมาลงที่โต๊ะตัวใหญ่ที่ห้องนั่งเล่น คอนโดของผมเป็นห้องชุดประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอนอย่างละหนึ่ง ไม่รู้จะอธิบายทำไม แต่อยากให้พวกมึงเห็นภาพ แค่นั้นเอง


ได้ยินเสียงแว่วๆเหมือนเสียงอะไรสักอย่างอยู่ในห้องนอน ให้เดาว่าไอ้ไคคงนอนดูทีวีอยู่ในห้องเหมือนปกติของมัน ผมบิดลูกบิดประตูเข้าไปด้วยความสงสัยเมื่อเสียงที่ได้ยินนั้นดูแปลกๆชอบกล ยังคงหอบหายใจอยู่ด้วยความเหนื่อย


“แฮ่ก .. “


เสียงหอบหายใจรัวและหนักหน่วงจนแทบจะอิโรติก ผมขมวดคิ้ว เหมือนมันจะไม่ใช่เสียงหายใจของผมคนเดียว คิดได้ดังนั้นก็กลั้นหายใจ เห็นไอ้ไคนอนถือรีโมตอยู่บนเตียง แต่แล้วภาพที่เห็นบนจอทีวีก็เรียกความสนใจจากผมไปได้ทั้งหมด ผมเบิกตากว้าง


“เชี่ย มะ..มึงดูอะไรของมึงวะเนี่ย”




“เฮ้ย!




_________________________________
100% จย้า อะฮิ
ไม่ค่อนได้อัพเลยว่ะช่วงนี้ ว่างอะแต่ไม่ทำห่าอะไร
ขี้เกียจล้วนๆ 555555555555555555555555
ปิดเทอมละดิ ใช้เวลาว่าวให้เป็นประโยชน์นะเด็กๆ รักครับ