วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 18 (END)

Baekhyun part


หลังจากที่ได้เงินจากไอ้ไค ผมกับไอ้คริสรีบขับรถออกมาจากที่โรงพยาบาลในทันที อันที่จริงแล้วผมก็อยากอยู่ดูอาการไอ้ฮุนมันเหมือนกัน แต่ว่ามันคงมีไอ้ไคกับพี่ลู่หานคอยดูอยู่แล้ว ผมกอดถุงใส่เงินเอาไว้แน่นพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงแม้ว่าไอ้คริสจะขับเร็วขนาดไหน แต่ก็ต้องมาติดแหง็กเพราะจราจรที่ติดขัดในช่วงเย็น


“อย่าเครียด ยังไงก็ทัน เชื่อกู “


ไอ้คริสละความสนใจจากพวงมาลัยมาบอกผมแล้วก็หันกลับไปอีกครั้ง ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆ ช่วงหลังๆมานี้ผมซึมจนแทบจะไม่พูดอะไรกับใคร มันรู้สึกแย่เสียจนไม่รู้จะทำยังไงดี วันนี้เป็นวันกำหนดส่งเงินวันสุดท้าย ผมหวังว่าไอ้ยอลจะอยู่บ้านแล้วรอเงินจากผม หวังว่ามันคงไม่ออกไปกูเงินนอกระบบที่ไหนหรอกนะ โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่เปิดอ่าน นั่นยิ่งทำให้ผมกังวลเข้าไปใหญ่เลย


ทันทีที่หลุดไฟแดง ไอ้คริสเหยียบมิดจนแทบจะปลิว ผมนั่งนิ่ง ถึงแม้ในใจจะรู้สึกกลัว ใช่ ผมกลัวตาย แต่ผมกลัวไอยอลจะเป็นอะไรไปมากกว่า ผมรู้มันคงเสียใจที่ผมไม่ยอมพูดกับมัน ไม่รู้สิ ถ้าคุณเป็นผม บางทีคุณอาจจะทำแบบเดียวกับผมก็ได้ แม่งชอบทำอะไรไม่คิด โตแต่ตัวกับอายุ สมองกับนิสัยไม่ได้โตไปด้วยเลย



ทำไมมึงทำอะไรไม่นึกถึงใจกูบ้างเลย ถ้ามึงเป็นอะไรไปขึ้นมา แล้วกูจะอยู่ยังไง ..



รถเลื่อนมาจอดตรงหน้าบ้านไอ้ยอลก่อนที่ผมจะรีบเปิดประตูแล้ววิ่งลงไปในทันที ไอ้คริสไม่ได้ตามลงมา ผมเปิดประตูบ้านที่ไม่ได้ล็อคไว้เข้าไปข้างใน ในบ้านเงียบสนิท มีเพียงแสงไฟที่ลอดมาจากห้องนั่งเล่น ผมรีบเดินเข้าไปหาไอยอลในทันที


“....”


แต่กลับไม่มีร่างของคนที่ผมต้องการจะเจออยู่ตรงนั้น มีเพียงกระดาษแผ่นเล็กๆวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับไอโฟนที่วางทับไว้ไม่ให้มันปลิว ผมมองไปรอบๆพลางตะโกนเรียกชื่อมัน แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา ความสนใจของผมจึงไปตกอยู่ที่กระดาษแผ่นนั้นในทันที


ก้าวเดินไปช้าๆด้วยใจที่เริ่มกลัว ทั้งอยากรู้และกังวล ผมวางถุงใส่เงินไว้บนโต๊ะแล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน






ถึงหม่ามี๊ เจี๊ยบ ไอ้แบค ไอ้ไค ไอ้ฮุน และเดอะแก๊งค์ทุกๆคน

    ถ้าทุกคนได้อ่านกระดาษแผ่นนี้ จนถึงตอนนั้นผมคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว มีเรื่องมากมายที่ผมอยากจะบอกทุกๆคน อยากจะสารภาพ มันเยอะมากจนไม่สามารถจะเขียนออกมาได้หมด จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายแผ่นสุดท้ายในชีวิตผม ดังนั้นผมขอให้คุณอดทนอ่านมันหน่อยนะ แล้วผมสัญญา ผมจะไม่มาหลอกคุณ 5555555555555555555555
ลายมือผมเละไปรึเปล่า ขอโทษนะ ผมพยายามแล้ว แต่มันเขียนให้สวยได้เท่านี้ อันที่จริงลายมือของผมทุเรศอัปปรีย์กว่านี้อีก ต้องขอบคุณแบคฮยอนนะ ที่อุตส่าห์หัดให้ผมคัดลายมือ จะได้พออ่านออกบ้าง แต่ถ้าบรรทัดไหนมันอ่านไม่ออกจริงๆ จุดธูปมาถามผมนะ

    ถึงหม่ามี๊คนแรกเลย พี่ปาร์คมีเรื่องจะสารภาพ พี่ปาร์คไปแทงบอลแล้วติดหนี้หลายแสนเลย แต่ไม่กล้าบอกแม่หรอก อีกอย่างก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีปัญญาหาเงินไปใช้เค้า มันเป็นเรื่องที่แย่และเลวร้ายมากๆเลย พี่ปาร์คไม่อยากทำตัวเป็นภาระของหม่ามี๊อีกแล้ว ขอโทษที่ทำตัวเป็นเด็กไม่ดี ขอโทษที่คิดสั้น แต่หนูไม่รู้จะทำยังไงดี มันเครียดมากๆเลยครับหม่ามี๊ พี่ปาร์คไม่อยู่แล้ว หม่ามี๊ต้องดูแลตัวเองนะครับ พี่ปาร์คอนุญาตให้มีผัวฝรั่งได้แล้ว หม่ามี๊ต้องหาผู้ชายดีๆที่รักหม่ามี๊และเลี้ยงหม่ามี๊ได้ เอาให้ดีกว่าพ่อเลยนะ แล้วพี่ปาร์คจะรอดูอยู่บนสวรรค์ หรือนรกก็ไม่แน่ใจ นรกก็ด้ะ เรียนพระพุทธมาเค้าบอกว่าฆ่าตัวตายแม่งบาปมากเลยใช่ไหม แต่พี่ปาร์คเลือกแล้ว หม่ามี๊อย่าร้องไห้นะครับ หม่ามี๊ต้องเข้มแข็ง ฝากหม่ามี๊ดูแลเจี๊ยบด้วย ห้ามทิ้งเค้าเด็ดขาดนะ หม่ามี๊ต้องจุ้บเจี๊ยบก่อนนอนเหมือนที่ผมทำทุกคืนนะ ไม่งั้นเจี๊ยบจะนอนไม่หลับ ส่วนอีกเรื่องที่จะสารภาพ พี่ปาร์คเป็นเกย์อะ ขอโทษที่ทำให้หม่ามี๊ผิดหวัง แต่ว่าพี่ปาร์ครักไอลูกชายข้างบ้านมากจริงๆ ขอโทษที่ไม่เป็นลูกผู้ชายมากพอ หนูแค่อยากดูแลเค้า อยากรักเค้าในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง แต่เสือกเป็นผู้ชายทั้งคู่ พี่ปาร์คเลือกไม่ได้จริงๆ ในกระปุกหมูที่อยู่หลังตู้เสื้อผ้ามีเงินอยู่แสนกว่าบาท พี่ปาร์คหามาได้เท่านี้ อันที่จริงอยากทำพินัยกรรมแต่ไม่มีสมบัติไรสักชิ้นเลย ถ้าชาติหน้ามีบุญได้เกิดเป็นคนอีก พี่ปาร์คจะมาเกิดเป็นลูกหม่ามี๊นะครับ รักๆน้า

    ถึงไอไคกับไอฮุน กูไม่รู้นะว่ามึงสองคนนี่ยังไงกัน แต่ไอตุ้ดมันรักมึงนะอิดำ กูดูออก นี่ไม่ได้ตั้งใจจะเสร่อแต่ถึงกูจะเป็นคนนอกกูก็สัมผัสได้ว่าเอาจริงๆมึงสองคนก็เลิ้บกัน กูหวังว่าพวกมึงทั้งคู่จะยอมรับใจตัวเองสักทีนะ having a nice sex กันหนุกๆมันส์ๆ

   ถึงเดอะแก๊งค์ เงินแปดหมื่นที่มึงให้กูมาอะ คงไม่ได้ใช้และ เอาคืนไปเลยนะเว้ย ซื้อยาบ้าได้ตั้งหลายเม็ด พวกมึงแม่งโคตรใจเลยอะ กูไม่เคยมีเพื่อนอย่างงี้เลย เอาจริงๆไม่มีใครคบกูและนอกจากอิสามตัวนั้นอะ แต่พอได้รู้จักกับพวกมึงกูก็รู้สึกว่าโลกให้อภัยกูแล้วว่ะ พวกมึงเป็นเพื่อนที่ดีมากๆเลย กูขอโทษนะเว้ยไอ้เฉินไอ้เทาที่กูเคยกระทืบมึงอะ ขอโทษไอ้คริสที่กูกวนตีนมึงบ่อยๆ เอาจริงๆมันคือความอิจฉาและหมั่นไส้จากใจกูล้วนๆ มึงดีกว่าทุกอย่างเลยยกเว้นฟันหน้า กูอยากให้มึงดัดฟันจริงๆนะเว้ย ถ้าฟันมึงยุบลงหน่อยโอเคเลยอะ จะหล่อโลกลืมเลย กูอยากให้เดอะแก๊งค์ของกู เลิกทำตัวส้นตีนกันได้แล้วนะ โตและ มึงต้องเลิกทำตัวไร้สาระแล้วเริ่มอ่านหนังสือได้แล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์จะขึ้นมอหกอยู่แล้ว กูคงไม่มีโอกาสได้ขึ้นมอหกไปกะพวกมึงและ บางทีกูตายไปอาจจะไปเป็นเทพบุตรอยู่แถวๆเนี้ย ไว้โลกหลังความตายเป็นยังไงกูจะมาบอกนะ นี่ขนาดจะตายกูยังกลัวผีเลย ไม่รู้ว่ากูจะกลัวตัวเองรึเปล่า

    ถึงไอ้แบค หัวใจของกู อาจจะยาวหน่อยนะของมึงอะ กูหวังว่ามึงคงจะอ่านมันใช่ไหม กูมีเรื่องที่อยากจะพูดกับมึงเยอะมากเลย มันเขียนลงในกระดาษไม่หมด ไว้ถึงนรกละกูจะโฟนอินเข้ามาละกันนะ ตอนนี้เป็นเวลา ทุ่มกว่าๆและ กำลังเปลี่ยวเลย กูกะว่าเขียนจบแผ่นนี้กูก็จะไปแล้วแหละ สิ่งที่กูอยากจะบอกมึงมาตลอดคือ กูรักมึงนะ ไม่ใช่แค่ชอบแล้ว ตอนแรกกูคิดว่ากูแค่ชอบ เพราะกูหวั่นไหวกับมึง มึงน่ารักน่าหยิกน่าเอาสุดๆ นี่กูไม่ได้คิดอกุศลกับเพื่อนนะ กูคิดลามกล้วนๆ แต่ตอนนี้ความชอบมันมีมากขึ้นจนล้นเลยว่ะ มันกลายเป็นว่ามึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกูไปแล้ว ความน่ารักของมึงมันทำให้กูแทบจะเป็นบ้าได้ตลอดเวลาเลย มึงตัวเล็ก แต่มึงถึก บึกบึน แข็งแรง มากกว่ากูอีก ถึงมึงจะดูแลตัวเองได้ แต่ยังไงกูก็ยังอยากดูแลมึงนะ ถึงมึงจะชอบใช้กำลัง ชอบด่ากูแรงๆ แต่กูไม่โกรธหรอก เพราะกูรักมึงนี่หว่า กูชอบแกล้งมึงมากๆเลย ชอบกอดมึง เล่นหัวมึง เล่นคอมึง เพราะว่าเวลาที่มึงหดคอแล้วหัวเราะคิกคักปัญญาอ่อน มันน่ารักมากๆเลยรู้ไหม กูแทบจะลงไปดิ้นตรงนั้นเลย แต่กูเกรงใจพื้นสกปรก มึงอายุน้อยกว่ากูสองปีแหน่ะ เกือบสามได้มั้ง แต่มึงมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่ากูอีก อีกสามวัน มึงก็จะไปแคนาดาแล้วนี่ใช่ไหม แต่จนถึงวันนี้ มึงยังไม่พูดกับกูเลยสักคำ กูเสียใจนะ แค่มึงทำเหมือนไม่เห็นกูอยู่ตรงนั้นกูก็จุกไปยันลิ้นปี่แล้ว แค่มึงเมินกูก็ปวดร้าวไปถึงราวนมแล้วมึงรู้บ้างไหม ไปอยู่นู้นสองปี มึงโกอินเตอร์เลยดิ ที่นั่นต้องสนุกมากๆแน่ๆ แปปนึงกูเมื่อยมือ ขอพักห้านาที.. เคร เขียนต่อ เอาจริงๆกูน่าจะพิมใส่ไอแพดละวางไว้ให้บนโต๊ะโน้ะ แต่มันคงไม่คลาสสิคใช่ไหม งั้นเขียนใส่กระดาษอะดีและ อืม กูขอโทษว่ะแบค ขอโทษที่กูปอด ที่กูไม่กล้าบอกมึงจนตอนนี้มันสายไปแล้ว มึงคงโกรธกูมากๆที่เตือนอะไรแล้วกูไม่ฟัง จนตอนนี้มึงเกลียดกูแล้วใช่ไหมวะ กูขอโทษ อย่าเกลียดกูเลยนะ กูน่ารักแอ้บแบ้วขนาดไหนมึงคิดดู นี่มึงจะเกลียดกูได้ลงcoreเลยหรอ 5555555555555555555555555555555555555555

   เหมือนจะขำแต่ไม่ค่อยขำเลยว่ะ ตรงท้ายๆกระดาษอะมันเลอะไปหน่อย กูขอโทษนะ มันอาจจะอ่านยาก แต่กูกลั้นน้ำตาไม่ไหวแล้วว่ะ ตอนนี้กูอยากกอดมึงสักครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย กูอยากจะกอดมึงให้แน่นๆแล้วกระซิบข้างหูมึงด้วยเสียงของกูเองว่ากูรักมึง รักมึงมากๆ รักมึงที่สุด รักมึงเท่าที่ผู้ชายกากๆคนนึงจะรักได้ และจะไม่มีใครที่ทำให้กูรู้สึกอย่างนี้ได้เท่ามึงอีกแล้ว

   กูไม่รู้ว่ามึงกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกูไหม ถ้าไม่ร้อง มึงเข้มแข็งมากๆเลยว่ะ แต่ถ้ามึงกำลังร้องไห้ อย่าร้องเลยนะ กูไม่อยากให้มึงเสียใจเพราะมีเพื่อนเหี้ยๆอย่างกู ไปอยู่นู่นอะ ตั้งใจเรียนนะ ภาษาอังกฤษแม่งโคตรยากเลยอะ กูยังi’m find thank you อยู่เลย ถ้าท้อก็นึกถึงกูนะ กูจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆมึงเนี่ยแหละ แต่ตอนนี้กูคงต้องไปแล้ว กึ้ดลั้คนะชะนี bye






“ฮึก .. “


ทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง ฝังใบหน้าตัวเองลงกับฝ่ามือแล้วสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น รู้สึกเหมือนผมเพิ่งจะร้องไห้ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่มันไม่หนักเท่าครั้งนี้เลย ทำไมมันแย่แบบนี้ ทำไมมันต้องคิดสั้นด้วยวะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้


“แบค”


ผมสะอื้นฮักจนตัวโยน ร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตาไหลออกมา จนถึงตอนนี้ ผมยังได้ยินเสียงไอยอลเรียกชื่อผม มันดังชัดอยู่ในหัวอยู่เลย


“แบค ? “


เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้นชัดกว่าที่ควร เหมือนกับว่ามันอยู่ใกล้ๆผมนี่เอง ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นไอ้ยอลยืนอยู่ตรงหน้า ผมลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดมันในทันที


“ไอเหี้ย! มึงทำแบบนี้ทำไม! .. ฮึก“


“ทำอะไร กูหิว กูก็ต้มมาม่าแดกมันก็ถูกปะวะ “


ผมกอดมันไว้แน่น มือจิกอยู่กับเสื้อของมันจนยับยู่ ฝังใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างแล้วสะอื้นไห้ออกมาไม่หยุด ผมกอดมันแน่นจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง กอดมันให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะกลัวว่ามันจะหนีผมไปอีก


“มึงร้องไห้ทำไมเนี่ย “


“ก็มึงอะ! ไอ้เหี้ย !!!


“โอ้ยๆ กูเจ็บนะ “


รู้สึกได้ถึงแรงโอบกอดที่ตอบกลับมาหลวมๆ ฝ่ามือหนาบรรจงลูบหลังผมเบาๆเป็นเชิงปลอบโยน ผมทุบไหล่มันแรงๆรัวๆไม่หยุด โทษฐานที่ทำให้ผมกลัว


“ชู่ว อย่างร้อง กูไม่ตายหรอกน่า”


ไอ้ยอลลูบหัวผมเบาๆแล้วเพิ่มแรงกอดให้แน่นขึ้น ผมกดใบหน้าลงกับแผ่นอกของมันอยู่อย่างนั้นถึงแม้จะเริ่มหายใจไม่ออก แต่ผมก็ไม่อยากจะปล่อย เพราะกลัวเหลือเกินว่าถ้าปล่อยไปแล้วมันจะหายไปอีก


“แล้วมึงเขียนแบบนั้นทำไมอะ ฮึก .. ทำไมมึงทำแบบนี้อะ มึงไม่รู้หรอว่ากูกลัวแค่ไหน“


“ก็ตอนแรกกูกะจะผูกคอตายอะแหละ แต่กูเดินหาทั่วบ้านละไม่เจอขื่อสักอัน กูเหนื่อยอะ เลยไปต้มมาม่าแดกแม่ง “


“ฮึก .. “


ผมกอดเอวมันไว้แน่น ทั้งร้องไห้ทั้งขำไปพร้อมๆกัน


“กูจะตายได้ไงอะ ก็หัวใจกูอยู่ที่มึง “


“ฮือ .. อย่าไปไหนอีกนะ มึงห้ามตายนะไอสัด ห้ามตาย..  “


 ผมกำเสื้อมันไว้แน่น โน้มคอมันลงมาแล้วพร่ำพูดอยู่อย่างนั้นเหมือนคนบ้า ถ้ามันตายไปจริงๆขึ้นมา ผมอยู่ไม่ไหวแน่ๆเลย


“เออไม่ตาย ไม่ไปไหนแล้วครับ “


ชานยอลโน้มตัวลงมาแล้วโถมกอดผมไว้ทั้งตัว ถึงแม้จะเมื่อยไปหน่อยเพราะว่าต้องเขย่ง
แต่ผมอยากจะให้มันกอดอยู่อย่างนี้ไปนานๆเลย..





สนามบินอินชอน เกาหลีใต้ 17.30 น.


ตลอดสามวันที่ผ่านมา ชานยอลทำตัวติดกับผมตลอดจนแทบจะไม่ได้แยกจากกันไปไหนเลยนอกจากตอนขี้กับตอนอาบน้ำ คืนวันนั้นผมกับมันพากันไปส่งเงินให้โต๊ะบอลครบสามแสนได้ทันตามกำหนดเวลา ไอ้คริสกลับบ้านไปพร้อมกับโน้ตเล็กๆถึงไอ้ยอลและตั๋วเครื่องบินไปแวนคูเวอร์สำหรับผม


เราใช้เวลาสามวันที่เหลืออย่างคุ้มค่า ไอยอลยอมหอบผ้าห่มหมอนข้างมานอนที่ห้องผม แถมมันยังช่วยผมจัดกระเป๋า นอนอ่านการ์ตูนด้วยกัน ทำอาหารที่รสชาติหมาไม่แดกกินกันสองคน ในตอนบ่ายเราไปเดินห้างด้วยกัน ช็อปปิ้งดูหนังกินข้าวแบบที่คู่อื่นๆเขาทำกัน ถึงแม้ว่าจะยืนทะเลาะกันหน้าร้านเพราะมันไม่อยากกินเนื้อย่างก็เถอะ แต่ผมอยากกิน สุดท้ายมันต้องยอมผมจนได้


ซื้อเสื้อผ้าสำหรับไปใส่ที่แคนาดา พร้อมทั้งรองเท้าคู่ใหม่และเสื้อสเวตเตอร์ตัวหนาที่ไอ้ยอลเป็นคนเลือก ตัวมันใหญ่มากซะจนแทบจะปิดมาถึงเข่า แต่ไอ้ยอลมันบอกว่าฮิปฮอป เราซื้อนาฬิกาข้อมือที่เหมือนกันคนละหนึ่งเรือน เพื่อให้เวลาแก่กันและกัน และเพื่อย้ำเตือน สัญญาระหว่างเรา ..


มันสัญญาว่าจะรอผมสองปี รอผมกลับมา
และผมก็สัญญาว่าจะรอมันสองปีเช่นกัน ..





“ห้ามมีผัวฝรั่ง เมียฝรั่ง แฟนฝรั่ง กิ๊กฝรั่งเด็ดขาด “


“เอออออออ “


ย้ำเป็นรอบที่ร้อย ผมตอบกลับไปอย่างนั้น น้ำเสียงที่เหมือนจะติดรำคาญของผมกลับตรงข้ามกับท่าทางทุกประการ ผมได้แต่ยืนก้มหน้าและอมยิ้มอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่บ้านมาจนถึงสนามบิน ไอ้ยอลยังจับมือผมไว้ไม่ปล่อย อีกทั้งฝ่ามือหนายังเลื่อนมาประคองเอวของผมไว้อยู่ตลอด


“จะไปแล้วเรียกกูด้วย “


ไอ้คริสหันมาบอกผมก่อนจะวิ่งเข้าไปหาพี่ลู่หานที่ยืนอยู่กับไอ้ไคและไอ้ฮุนตรงร้านชานม ทั้งไอ้ไค ไอ้ฮุนและพี่ลู่หานต่างก็มาส่งผมที่สนามบินเช่นกัน ผมพยักหน้าตอบรับกลับไปก่อนจะหันมากัดกับไอ้ยอลอีกครั้ง มันแทบจะอมหัวผมอยู่แล้ว แบบนี้ผมไม่ชอบเลยจริงๆนะ


“ที่นู่นไม่มีกูอยู่ มึงห้ามไปกอดใครนะ มึงใส่เสื้อได้อย่างเดียว “


“เออน่า ไอห่า นี่สั่งอย่างกับเป็นพ่อกู”


“โถ่ ก็กูหวงนี่หว่า ถึงจะไม่มีสิทธิ์ก็เหอะ “


ผมแลบลิ้นใส่มันก่อนจะเสมองไปทางอื่น รู้สึกตอนนี้ร้อนหน้าแปลกๆ ผมว่าหน้าผมต้องกำลังแดงอยู่แน่ๆเลย ที่ไอ้ยอลมันพูดอย่างนั้นมันก็ถูก เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่มันก็เหมือนเป็นนั่นแหละวะ ไม่ได้ต่างอะไรกันเท่าไหร่เลย เอาจริงๆผมก็รอให้มันพูดอยู่นะ แต่มันคงไม่พูดหรอก ดูหน้าโง่ๆของมันดิ


นั่งคุยนั่งเล่นกันได้ไม่นานก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าเกทแล้ว ไอ้คริสเดินมาพร้อมกับสามคนที่เหลือ พวกเราเดินคุยกันไปเรื่อยๆจนถึงทางเข้าเกท กอดแล้วตบหัวกันคนละทีสองที


“คิดถึงกูด้วยนะ กูก็จะคิดถึงมึง “


ไอ้ยอลบอก ถึงเวลาที่มือหนาปล่อยจากมือของผม มันโบกมือพลางยิ้มกว้าง ..มองแล้วใจหาย


“รอกูนะ “


“อืม กูจะรอ “


น้ำตาแทบไหลถ้าไม่ติดว่าไอ้ยอลแม่งร้องไห้ออกมาซะก่อน มันเบะปากเหมือนเด็กๆ ผมทำท่าจะเดินเข้าไปกอดแต่ก็ติดที่ว่าไอ้คริสรั้งผมไว้ให้เดินเข้าไปในเกท ผมหันกลับไปมอง ไอ้ฮุนเป็นคนกอดมันไว้แล้วลูบหัวปลอบเบาๆ ผมหัวเราะแล้วส่ายหัวเบาๆทั้งน้ำตา หวังว่าสองปีที่ผมไม่อยู่ มันจะโตขึ้นกว่านี้นะ




เครื่องขึ้นเวลาหนึ่งทุ่มเศษ จนกระทั่งอยู่ในระดับความสูงที่คงที่ ผมมองออกไปข้างนอกนั่น ท้องฟ้ามืดสนิทยามราตรี ด้านล่างมีแสงไฟจากตึกรานบ้านช่องส่องสว่างสวยงามเต็มไปหมด ผมคลี่ยิ้มเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง เตรียมตัวรับวันใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ ..



ส่วนหัวใจ ผมขอฝากทิ้งไว้ที่เกาหลีก็แล้วกัน ..
ฝากทิ้งไว้กับผู้ชายจังไรๆคนนึงที่ชื่อปาร์คชานยอล







Chanyeol part


กากบาทลงบนวันที่ในปฏิทินเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกๆวัน ผมสะพายกระเป๋าแล้วรีบวิ่งลงบันไดบ้านไป หยิบขนมปังปิ้งหนึ่งแผ่นบนโต๊ะอาหารคาบไว้ที่ปากแล้วไหว้หม่ามี้ก่อนจะรีบแจ้นออกจากบ้าน สตาร์ทรถมอไซค์คันเก่งแล้วรีบบิดออกไปในทันที สายชิบหายแบบไม่ไหวแล้ว


“แฮ่ก!


เหวี่ยงกระเป๋าลงบนโต๊ะม้าหินที่ประจำแล้วนั่งลงหอบไม่พูดไม่จากับใคร เจาะน้ำผักดูดอย่างเอาเป็นเอาตายพลางรื้อชีทออกมานั่งอ่านคนเดียวเงียบๆ


“มึง เป็นห่าอะไรเนี่ย พักนี้แปลกขึ้นทุกวัน “


ไอ้ไคกับไอ้ฮุนที่กำลังนั่งลอกการบ้านกันอยู่สองหน่อเงยหน้าขึ้นมา ดูจะสะพรึงกับกล่องน้ำผักในมือของผมมาก ผมยักไหล่แล้วดูดจนเกลี้ยง ขยำกล่องจนบี้แบนแล้วโยนข้ามหัวแม่งไปลงถังขยะอย่างสวยงาม ปาร์คชานยอลได้ไปสามแต้ม ..


“ผีเข้าปะเนี่ยไอเหี้ย “


“กูว่ากูควรจะกินผักมั่งและ พักนี้ขี้ไม่ค่อยออก “


กระแทกจานข้าวลงบนโต๊ะที่โรงอาหารในช่วงพักกลางวัน ผัดผักหนึ่งจานกับไข่ตุ๋น เอาจริงๆอยากแดกแต่ไข่ตุ๋นแล้วไปสั่งยำเนื้อมากินมากๆ แต่ผมต้องอดทน ถ้าไม่หัดแล้วเมื่อไหร่จะกินเป็นสักที แต่ช่วงนี้ผมยังทนพะอืดพะอมกับกลิ่นเหม็นเขียวไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ดังนั้นน้ำผักกู้ชีพจึงเป็นตัวช่วยให้ผมได้อย่างมาก


ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหน ผมกลายเป็นคนที่ถือหนังสือหรือชีทติดมือไปด้วยตลอดเวลา และถึงแม้ในคาบผมจะหลับบ้าง แอบแดกขนมบ้าง หรือเม้ามอยกะอิสองหน่อข้างหลังบ้าง แต่ทุกครั้งที่กลับไปบ้าน ผมจะแบ่งเวลาสำหรับอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ชั่วโมงเดียวพอ ที่เหลือเล่นเกม นอน แดก ล้วนๆ แต่อย่างน้อยก็ถือว่ากูก็อ่านละวะ


ไอ้เทากับไอ้เฉินย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับผมในตอนมอหก เลยกลายเป็นว่าเราเดอะแก๊งค์ห้าคนตัวติดกันเป็นปลิง พวกเราพากันเรียน พากันเกรียน พากันเล่น พากันโดด แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังอยู่รอด ห้าหน่อสติลอไลฟ์มากๆครับตอนนี้ เพราะว่าเกรดพวกเราเริ่มดีขึ้น หลังจากที่ช่วยกันทำการบ้านและติวหนังสือทุกๆเย็นหลังเลิกเรียน จากนั้นจะไปเล่นบอลตีหรี่อะไรก็เรื่องของมึง


ผมยังติดต่อกับไอ้แบคบ้างผ่านทางไลน์กับสไกป์ มีบางวันที่เราคอลวีดิโอคุยกันแบบเห็นหน้า ไม่รู้ว่ากล้องผมไม่มีคุณภาพหรือยังไงผมถึงได้เห็นว่าหน้ามันบานๆบวมๆชอบกล แต่นั่นก็ทำให้ผมมีกำลังใจในการเรียนและอ่านหนังสือ แต่ก็มีช่วงหลังๆที่เราแทบไม่ได้คุยกันเลย เพราะผมอยู่ในช่วงเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนไอ้แบคก็ติดสอบมิดเทอม แถมเวลาเราก็ไม่ตรงกันอีกด้วย ผมคิดถึงมันมากๆเลยแหละ


ช่วงนี้พี่ลู่หานห่างหายไปเพราะติดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย พี่ลู่สอบติดที่มหาลัยเกาหลี ที่ไปสอบสัมภาษณ์กับไอ้ไคครั้งนั้น ผมเองก็อยากจะสอบเข้าที่นั่นให้ติดเหมือนกัน ฟังจากที่พี่แกเล่า ที่นั่นอบอุ่นและน่าอยู่มากจริงๆ ถึงตอนนี้จะอัปปรีย์ แต่กูก็ยังอยากมีอนาคตที่สดใสอยู่นะ



หยุดเสาร์อาทิตย์ ผมกับไอ้ฮุนไปค้างที่บ้านไอ้ไค เราติวหนังสือกันจนถึงค่ำ จากนั้นก็ซื้ออะไรมากินกัน ดูบอลจนดึกดื่น ไอ้ไคง่วงจนแทบจะสลบแต่ก็ต้องอยู่ดูเพราะไอ้ฮุนไม่ให้นอน จนบอลจบนั่นแหละมันถึงคลานขึ้นเตียงได้


“อ่าว นอนละอ่อวะ เพิ่งตีหนึ่งเอง “


“เออมึงยังไม่ง่วงก็ดูไปเหอะ จะดูอะไรก็รื้อๆเอาอะหนังเพียบ “


ไอ้ไคหันมาตอบมึนๆ คว้าเอวไอ้ฮุนขึ้นไปนอนกอดบนเตียง ก่อนเสียงกรนจะดังขึ้น เหมือนจะมีปากเสียงกันนิดหน่อยแต่สักพักก็เงียบไป ผมนั่งพิงปลายเตียงแล้วเอากล่องใส่แผ่นหนังมารื้อดู หยิบแผ่นหนึ่งใส่เครื่องแล้วนั่งจิบเบียร์ดูไปเงียบๆ


ในช่วงแรกๆมันขมมากจนเฝื่อนคอ แต่ผมก็ไม่พลาดที่จะไปกินเหล้าที่บ้านไอ้เทาบ่อยๆจนเริ่มจะชินกับมัน จนตอนนี้ผมสามารถแดกเหล้าได้สบายๆ อาจจะมีบางครั้งที่พวกแม่งแกล้งมอมผมให้หลับแล้วเอาเมจิกมาเขียนเหี้ยไม่ไม่รู้เต็มตัวเต็มหน้ากูไปหมด แต่ในตอนนี้ผมก็ถือว่าอยู่ในระดับที่พอดื่มเป็นแล้ว

!!!!!!!!

กลัวแทบตายแต่ก็กลั้นใจดู ไม่เข้าใจว่าทำไมกูต้องมานั่งดูหนังผีตอนตีหนึ่งตีสองคนเดียวมืดๆแบบนี้ด้วย ผมหดขาเข้ามากอดไว้ หันไปตรงเตียงก็เห็นไอ้ไคกับไอ้ฮุนนอนกอดกันกลมดิ๊กหลับใหลสบายใจเฉิบ อาจจะมีบางทีที่ผมปิดตาบ้าง แต่ก็ยังไม่ปิดหนัง จนกระทั่งมันจบลง เปลี่ยนแผ่นต่อไป แผ่นต่อไป แผ่นต่อไปเรื่อยๆ ..




วันประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้รับคัดเลือกสอบเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกาหลีดำเนินมาถึง ผมรีบแหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามาเปิดเว็บดูด้วยใจระทึก ชื่อไอ้ฮุนขึ้นเด่นหราอยู่คนแรกๆอย่างไม่ต้องสงสัย ผมกัดเล็บอย่างโรคจิต เลื่อนมันลงมาเรื่อยๆ จ้องจนหน้าแทบจะเข้าไปกระแทกกับจอมอนิเตอร์



คิม จงอิน
ปาร์ค ชานยอล



และชื่อของสองคนสุดท้ายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปาร์คชานยอลและคิมจงอินผู้หล่อเหลา กะไว้อยู่แล้ว ก็คนมันเมพขิงอะให้ทำแงะ ผมกดโทรศัพท์ไปโทรปลุกอิดำทันทีพลางกริ้ดอัดไปเต็มคอหอยจนสายหลุด ได้ยินเสียงไอ้ไคงัวเงียกับเสียงไอ้ฮุนที่ร้องโวยวายอยู่สักพักก่อนสายจะถูกตัดไป แต่ตอนนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะโทรกลับไปแล้ว ผมวิ่งลงจากห้องทั้งๆที่ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวลงไปหาหม่ามี๊ที่นั่งรีดผ้าอยู่ข้างล่างพลางหอมแก้มหม่ามี๊ฟอดใหญ่ด้วยความดีใจ ขอบคุณที่ทำให้ผมเกิดมา ขอบคุณมาม่า ขอบคุณข้าวสาร อาหารแห้ง ผ้าไตรจีวรและสังฆทานทุกชุดที่ทำให้กูมีวันนี้

กากบาทลงบนปฏิทินอีกครั้ง ก่อนจะจูบลงไปเบาๆที่รูปของใครคนหนึ่งที่ส่งยิ้มมาให้ ผมยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง


“ขอบคุณนะที่เป็นกำลังใจให้กู นอนและ “


หยิกแก้มคนในรูปหนึ่งที ถึงแม้สัมผัสจะแตกต่างไปสักหน่อยแต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ ผมปิดคอมก่อนจะโดดขึ้นเตียงอีกครั้ง ตวัดผ้าห่มคลุมตัวแล้วนอนยาวตั้งแต่บ่ายสองยันสองทุ่ม







     “ครืด ..”


เช้าวันหนึ่งในช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นปีสอง ณ ห้องชั้นบนสุดที่คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงโซล โทรศัพท์สั่นและแผดเสียงร้องประหนึ่งควายคลอดลูก ผมถึงกับงัวเงียตื่นด้วยความรำคาญ ไม่ได้ตกใจอะไรเพราะกูชินและ ควานมือสะเปะสะปะไปตามโต๊ะข้างเตียงก่อนจะเขวี้ยงแม่งกระเด็นไปนอนหลบอยู่ที่มุมห้อง


 “ครืดดดดด”


นึกว่ามันจะพังและดับไปตามยถากรรม แม่งเสือกดังขึ้นอีกเป็นสิบๆรอบจนต้องตื่นขึ้นมา ผมลุกขึ้นยีหัวตัวเองเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดรับอย่างหัวเสีย ยืนหลับเกาพุงพิงประตูห้องน้ำด้วยความง่วงโคตรพ่อ เมื่อคืนไม่น่าอยู่ดูบอลดึกเลยไอห่า เซลซีแม่งก็แพ้อีก


 “ฮัลโหล้ “


กรอกเสียงมึนๆลงไปก่อนจะได้ยินเสียงแว้ดๆๆกลับมาจากปลายสาย จากมึนๆก็ตื่นขึ้นมาทันที เหลือกตากว้างก่อนจะรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อมาใส่ลวกๆ คว้ากระเป๋าตังกับกุญแจรถแล้ววิ่งไปที่ลิฟต์ทันที
   

 เหยียบมิดล้อฟรีออกจากคอนโด เสียงล้อเบียดถนนดังลั่นไปทั่วจนเป็นที่จับตามองของผู้คนริมทาง เหยียบมาแรงเท่าไหร่ก็ต้องเบรกเพราะติดไฟแดงตรงสี่แยกถัดไป ผมเบือนหน้าหนีเด็กเปรตที่เดินขายพวงมาลัยอยู่ริมกระจกรถ หันไปมองโทรศัพท์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่เบาะข้างๆ เห็นใบหน้าน่ารักของคนบนหน้าจอที่มองจ้องกลับมานั้นทำให้ผมต้องรีบเบิ้ลคันเร่งอย่างเร็วฝ่าไฟแดงออกไปด้วยความตื่นเต้น จะจับหรือปรับก็เรื่องของแม่งละ ผมทนรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
   

 ยี่สิบนาทีต่อมา ใช้เวลาเพียงแปปเดียวเท่านั้นจากคอนโดจนถึงสนามบิน แต่ใช้เวลาประมาณสามชาติครึ่งในการวนหาที่จอดรถ โทรศัพท์บนเบาะข้างคนขับแผดเสียงร้องดังอีกครั้ง ผมถอนหายใจพลางบีบแตรใส่รถคันข้างหน้าด้วยความร้อนรน
    

หักเลี้ยวพวงมาลัยเข้าไปจอดเสียบได้อย่างพอดิบพอดีตรงช่องจอดรถเข็นคนพิการ ช่างแม่งและ ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น ผมเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าตังที่โยนไว้หลังรถมาถือไว้แล้วเปิดประตูลงจากรถในทันที สัดเด้ย เสือกลืมใส่กางเกงออกมา แถมบ็อกเซอร์ที่ใส่อยู่แม่งก็ตูดขาดอีก กูก็ว่าทำไมหวิวแปลกๆ แหม่ คือดีอะชีวิตดี
   

มุดอยู่ที่เบาะหลังเพื่อหากางเกงที่น่าจะมีติดอยู่บ้างในรถ เสียงโทรศัพท์แม่งก็ดังอยู่นั่นอะ ผมละอยากจะกดรับแล้วด่าพ่อมันสักทีสองที แต่แค่ทีเดียวหูผมก็แทบดับแล้วเมื่อเช้า ผมขยี้ตาอย่างมึนๆ เห็นหน้าตัวเองที่กระจกมองหลังแล้วทุเรศลูกตาชิบหาย คือใต้ตาดำๆ ผมกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ล้างหน้าก็ไม่ได้ล้าง นี่ขนาดฟันกูยังไม่ได้แปรงเลย
    

กระดกน้ำขวดบ้วนปากอย่างเร่งรีบก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในตัวสนามบินทั้งๆที่ใส่เกงตูดขาดแม่งอย่างงั้นแหละ คือรูมันก็ไม่ใหญ่มากหรอก ดึงๆเสื้อปิดก็น่าจะเอาอยู่ ผมกวาดตามองหาคนในหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่ได้เจอมากว่าสองปีอย่างชื้นใจ เห็นไหมว่ามึงสำคัญแค่ไหนกูถึงยอมอายขนาดนี้เนี่ยวู้ว
      


“ฮัลโหล “
    

“(มึงอยู่ไหน! ไหนบอกจะมารับกูไงอะแล้วไมต้องให้กูโทรตาม นี่ถ้ามึงไม่มากูจะนั่งแท็กซี่กลับเองละไอสัด )“
      

“อยู่ในสนามบินแล้ว คือรถมันติดแล้วหาที่จอดยากไง ใจเย็นๆ เนี่ยอยู่เกทหนึ่งแล้ว “
    


ผมตอแหลตอบกลับไปพลางกวาดตามองไปรอบๆ เดินไปที่เกทหนึ่งตามที่มันบอก คนแม่งเยอะจนมองเบลอไปหมด ดึงโทรศัพท์ออกเล็กน้อยด้วยความแสบแก้วหู อันที่จริงผมบอกมันว่าหาที่จอดรถอยู่ตั้งแต่ตอนกูอยู่คอนโดและ ซ้อรี่เบ้าแด้ทจริงๆกูลืม
      

“(มึงอยู่ตรงไหน! กูรอมึงมาสองชั่วโมงกว่าละ นี่มึงขี่พญาหอยทากมารับกูปะ หรือคลานมา..ฟวนรดยหจนพฟยหกส แว้ดๆๆ! )“
      

“ยืนอยู่ตรงกับใจมึงเลย หันมาดิ “
    

ผมตอบกลับไปก่อนจะเดินไปอยู่ข้างหลังมัน ถ้าจำไม่ผิดคนตรงหน้าผมต้องเป็นไอ้แบคแน่ๆ
      

“(ไหน )“

    
ผมเข้าไปกอดมันจากข้างหลังด้วยความคิดถึงสุดขั้วหัวใจ ไอ้แบคดิ้นแล้วทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ ผมหัวเราะ เวลามันโกรธโคตรน่ารักเลย
      

!!!
    

ฉับพลันที่ถูกผลักออกจนเซกระเด็นออกมาก็ถึงกับหน้าสั่น คนที่ผมกอดเมื่อกี้กลับไม่ใช่ไอ้แบค เด็กผู้ชายคนนั้นชูนิ้วกลางให้ผมแล้ววิ่งหนีไป ผมอึ้งไปแปดวิ ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกรอบ
      

“(สัดชานยอล.. ฮัลโหล.. ฮัลโหลไอเหี้ยยังอยู่ปะเนี่ย)”
    

ไอ้แบคยังไม่ได้วางสายไป ผมถึงกับนึ่งอีกรอบเมื่อเพ่งมองดีๆแล้วกลับไม่ใช่อย่างที่คิด ป้ายเกทหนึ่งแม่งมีเลขหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ (อันที่จริงมึงมองผิดแต่โทษป้ายได้ไง) รู้สึกว่าความโง่กำลังกัดกินสมองผมทีละนิด
      

“กูดูเกทผิดว่ะ แปปนึง 555555555”
    

ว่าแล้วก็วิ่งสี่คูณร้อยข้ามเกทไปสิบเกทเหนาะๆอย่างรวดเร็วประหนึ่งเสือชีต้าร์ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักวิ่งโอลิมปิกไข่พลิ้วไปตามแรงลมจนสยิว ผมหยุดหอบแฮ่กเป็นหมาหอบแดดอยู่ตรงหน้าประตูลิฟท์พลางยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ มองหาไอ้แบคไปรอบๆอีกครั้ง

      
“(ชานยอล มึงตัดผมหรอ สั้นเหี้ยๆอะหูมึงเด่นมาก อะไรดลใจให้มึงไปตัดวะ ทุเรศอะกูบอกเลย)”

      
“หะ ? มึงรู้ได้ไง “ ผมหันมองไปรอบๆด้วยความสงสัย ไอ้แบคอยู่ไหน มันเห็นผมได้ไง

      
“(เนี่ยกูอยู่ตรงหน้ามึงเลย) “

    
ผมหรี่ตาลง ขมวดคิ้วด้วยความมึนงงคูณสิบ ข้างหน้าผมไม่มีใครเลย จะมีก็แต่อิเด็กแว้นหัวทองตัวเตี้ยๆที่ยืนกอดอกพิงป้ายเกทอยู่ไกลๆ รู้งี้เอาแว่นมาก็ดีอะ ไอห่า มองไม่เห็น

      
“ฮัลโหล แบคฮยอน .. อ่าวเฮ้ย “

    
ปลายสายตัดไปแล้ว ผมกดโทรกลับไปอีกครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับ จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงแรงตบหนักๆลงบนกระบาลของตัวเองถึงได้เงยหน้าขึ้นไปดู
      

“แบค .. มึงย้อมหัวทองหรอ.. “

      
“สีบานเย็นมั้งไอสัด ตาบอดสีหรอ.. แค่ก! ปล่อยก่อน กูหายใจไม่ออก “

    
คนตัวเล็กเงยหน้าด่าเสียงดัง สองปีที่ไม่ได้เจอกันไอ้แบคยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิด ยกเว้นสีผมที่เปลี่ยนไปและดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น ผมรวบตัวอีกคนเข้ามากอดแน่นให้หายคิดถึง กดปลายจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่มแล้วสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อ
    

จำต้องคลายกอดออกเพราะกำปั้นเล็กๆทุบหลังผมรัวๆอย่างแรงจนเริ่มจะเจ็บ ใบหน้าบูดบึ้งและริมฝีปากที่เชิดรั้นกำลังอ้าปากด่าผมไม่หยุด ผมยิ้มกว้าง วินาทีนี้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วนอกจากเสียงหัวใจของตัวเอง
      

“คิดถึง .. กูโคตรคิดถึงมึงเลย”

    
ถือวิสาสะกอบกุมใบหน้าสวยหวานไว้ด้วยสองมืออย่างเอาแต่ใจ เกลี่ยปลายนิ้วโป้งลงกับพวงแก้มนิ่มพลางพูดออกมาอย่างพร่ำเพ้อสติหลุด มือของผมสั่นไปเองอย่างช่วยไม่ได้

      
“อะ ..เออ คิดถึงเหมือนกัน “

      
“กู .. คือกู .. กูแดกผักเป็นแล้วนะ กูแดกได้ทุกอย่างเลย แครอทกูก็แดกได้ แตงกวากูกินได้เป็นกิโลๆเลยนะ กูเลิกกลัวผีแล้ว ..กูแดกเหล้าได้เป็นขวดๆเลย กูไม่ได้ขี้แยอีกต่อไปแล้ว กูเจียวไข่กินเองก็ได้และนะ กูทำการบ้านเองได้แล้วด้วย แล้วกูก็เรียนได้เกียรตินิยมด้วยนะเว้ย “
    

ผมละล่ำละลักพูดทุกอย่างที่ผมพยายามทำเพื่อมันมาตลอดสองปีออกมาอย่างฉุดไม่อยู่ ทั้งมือและปากสั่นไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก
      

“เออเก่งๆ “

      
“กูดีพอสำหรับมึงรึยังวะ กูขอโทษที่ให้ปล่อยให้มึงรอ กูไม่รู้ว่ามันจะสายไปไหม มึงยังรู้สึกดีๆกับกูอยู่รึเปล่า ..ถ้าสมมติว่าตอนนี้ เวลานี้ กูจะขอมึงเป็นแฟนมึงจะว่ายังไงวะ “
    

ผมพูดไปด้วยแล้วจ้องหน้ามันไปด้วย ไอ้แบคมองกลับมานิ่งๆจนผมเองก็ใจเสีย เวลาผ่านไปนานแล้วมันก็ยังไม่ยอมตอบผมกลับมาสักที

    
 “คบกับกูนะอิอ้วน กูสัญญาว่าจะทำหน้าที่แฟนให้ดีที่สุด กูจะทำให้มึงเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกเลย “
      

“กูจะไม่คบกับมึงเพราะมึงเรียกกูงี้แหละไอสัด!


ไอ้แบคตอบ แอบเห็นแก้มใสแดงนิดๆด้วยความเขิน กำปั้นเล็กทุบอั้กแรงๆที่แขนผมอีกครั้ง ผมยิ้ม เลื่อนมือไปกุมแขนตัวเองด้วยความเจ็บพลางร้องโอดโอยอย่างสำออย ก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดมันอย่างรวดเร็ว
      

“โอ้ยเจ็บน้าๆๆๆๆๆๆๆ โอ๋เลยด้วย แขนกูจะหลุดอยู่แล้ว แง “

      
“โว้ยปล่อยกู! ให้พ่อมึงโอ๋ดิ “ มันว่า ฟาดมือลงกับไหล่ของผมอีกรัวๆ
      

“เออๆจะตีกี่ทีกูก็ยอมละ รักไม่ไหวละเนี่ย จะรับรักกูได้ยังอะ ลีลาว่ะ เดี๋ยวพ่อจับเย่อแม่งกลางสนามบินเลยเนี่ยดีไหม โรแมนติกไม่ชอบใช่ไหม ต้องให้ฮาร์ทคอร์ใช่ไหม ชอบแบบจังไรทำไมไม่บอก”

    
รัวใส่มันเป็นชุดแล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามาฟัดอย่างหมั่นเขี้ยว ผมไม่สนแล้วว่าใครจะมองรึเปล่า ผมสนแต่คนตัวเล็กตรงหน้านี้เท่านั้น ไอ้แบคทั้งทุบทั้งตีผมพลางหัวเราะด้วยความจักจี้ จะว่าไปแล้วอ้วนขึ้นก็ดีเหมือนกัน แม่งตัวนุ่มนิ่มน่าฟัดมากๆเลย
      

“ก็ชอบแบบจังไรไง “

      
“เออ ทีนี้จะรับรักผู้ชายจังไรๆแบบกูได้รึยัง “

      
“เออ!

    
มันตวาด ริมฝีปากอิ่มเบะคว่ำอย่างพยายามจะกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์ ผมยิ้มเผล่ก่อนจะหัวเราะออกมา เลื่อนมือไปหยิกแก้มมันเบาๆแล้วจับมือมันเอาไว้

      

“ถือว่าเป็นแฟนกูละนะ.. ปะ กลับบ้านไปเด้ากันสักยกสองยก “

      
“ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู ปล่อยกู T_T
      

“น่า.. “
    

ผมลากไอ้แบคถูลู่ถูกังไปตามทางเดิน ไม่สนอีกแล้วว่าใครจะมองเรายังไง
แต่ที่รู้ๆ ต่อจากวันนี้ไปผมคงไม่ต้องเมื่อยมือขวาอีกแล้วล่ะครับ กรั่กๆ







THE END (x1) 
 
coming soon 
ผู้ชายไข่ใหญ่ ขอจังไรเพื่อเธอ




ร่างสูงยืนหอบอยู่ตรงหน้า วิ่งมาเหนื่อยแต่ก็ยังไม่เหนื่อยเท่าความรู้สึกที่มีในใจ ริมฝีปากหยักยกยิ้มเล็กๆที่ดูจะเจ้าชู้อย่างปิดไม่มิดไปตามนิสัย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับความสนใจจากคนตรงหน้า แต่ก็ยังใจดีสู้เสือ


“ผมให้อิสระพี่สองปี แต่หลังจากนั้น ผมจะกลับมาเอาความรักจากพี่แน่ๆ“


“บอกแล้วไงว่ากูไม่ชอบผู้ชาย อีกอย่างกูคงไม่เอาน้องชายต่างแม่มาเป็นแฟนหรอก  “


“ครับ แล้วผมจะรอดู “


“กูเตือนมึงแล้ว “


ไม่เคยได้รับคำพูดดีๆตอบกลับมาจากผู้เป็นพี่เลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าหล่อคมก็ยังเปื้อนยิ้ม ร่างสูงโปร่งค้อมตัวและก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไป ลู่หานยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ คริสยังไม่รู้อะไรอีกมากเกี่ยวกับตัวเขา มองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆไกลออกไปช้าๆก่อนจะหันไปสนใจอะไรอย่างอื่น .. อะไรที่มันน่าสนใจกว่าแผ่นหลังที่กว้างและอบอุ่นกว่านั้นเยอะ


“วิ้ดวิ้ว~


อย่างเช่นสาวสวยที่กำลังเดินทอดน่องอยู่ไกลๆตรงนั้นไง


ไม่รอช้า ลู่หานรีบเดินเข้าไปหาในทันที







“กะ ..กูว่า .. “


“ไม่ดีว่ะไอ้ไค ไม่ดี ..คิดผิดสุดๆ มึงลุกออกไปเหอะ “


ยังคงคุยกันเหมือนปกติทั้งๆที่ทั้งคู่อยู่ในท่าล่อแหลม โอเซฮุนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวเบือนหนีไปทางอื่นด้วยไม่สามารถจะทนสบกับดวงตาคู่คมนั้นได้นานๆ มือบางทาบอยู่กับไหล่หนา ทั้งบีบแน่นเป็นครั้งคราวและผลักไสไปพร้อมๆกันอย่างสับสน ท่อนบนที่เปลือยเปล่านั้นประปรายไปด้วยรอยจูบสีเข้มดูเย้ายวน


“แต่กูไม่ไหวแล้วว่ะมึง กี่ครั้งแล้ววะที่เป็นแบบนี้อะ.. “


จงอินโถมตัวคร่อมเหนือร่างของเซฮุนเอาไว้ คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความขัดใจและอึดอัด เขาแทบจะทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว มันเป็นแบบนี้ซ้ำๆหลายครั้งจนแทบจะหมดกำลังใจ ปลายจมูกโด่งคมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน นึกตัดพ้ออยู่ในใจ ยิ่งท่าทางยั่วยวนที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจอยู่ในทีนั้นยิ่งปลุกอารมณ์ดิบในตัวเขาได้มากขึ้นไปอีก จงอินซิ้ดปาก ถูกเล็บคมจิกข่วนบริเวณแผ่นหลังเป็นทางยาว


“ไม่ทำไม่ได้หรอวะ กูเจ็บนะไอสัด ไม่เชื่อมึงลองเอาไรแหย่ตูดมึงดูดิ เจ็บปะละ “


“โถ่เซฮุน “


"ไม่เอาอะ ยังไงกูก็ไม่เอา มึงลุกไปเหอะ " ฝ่ามือขาวผลักไหล่ของคนด้านบนออก ใบหน้าและริมฝีปากที่กำลังแดงระเรื่อนั้นยิ่งทำให้จงอินข่มใจได้ยาก


"มึงไม่รักกูหรอวะ แค่นี้ให้กูไม่ได้หรอวะ " 


ม่านคมจ้องกลับไปในดวงตาคู่สวย ส่งสายตาเว้าวอนอย่างทรมาน มือหนาสอดประสานเข้ากับนิ้วมือเรียวสวยพลางบีบมันเบาๆ ลูกกระเดือกบนลำคอแกร่งขยับขึ้นลงช้าๆ กลืนน้ำลายหนืดลงไปอย่างฝาดคอ .. เขาจะทนไม่ไหวแล้ว








“เอ้าปีหนึ่งมารวมกันตรงนี้! ยืนทำมะเขือไรครับน้อง! นั่งลง!!!


ปาร์คชานยอลตะโกนลั่นสนาม มือหนาถือโทรโข่งหนึ่งอันพร้อมกับชี้นิ้วสั่ง เสียงทุ้มห้าวตะคอกดังๆจนบางคนต้องปิดหูด้วยความปวดแสบ น้องๆเฟรชชี่ยี่สิบกว่าคนรีบกุลีกุจอมานั่งเป็นแถวอย่างว่องไวตามคำสั่ง เป็นอันรู้กันว่าพี่ว้ากคณะนิเทศของมหาลัยปีนี้โหดที่สุดอย่าบอกใคร


“ขำอะไร! เอาฟันชี้หน้าพี่ทำไมครับ มึงหุบปากเดี๋ยวนี้! ไป!! แทงปลาไหลห้าสิบแล้วไปนั่งท้ายแถว!


เอาโทรโข่งจ่อแล้วตะโกนอัดหู ตวาดอย่างดังจนคู่สนทนาเริ่มจะน้ำตาคลอเบ้า บางคนหัวเราะกันคิกคักด้วยความขำ รู้สึกเหมือนว่าพี่ว้ากคนนี้จะเป็นโรคจิตอ่อนๆ เพราะนอกจากจะทำให้ต้องกลั้นขำแบบเหงือกอักเสบแล้วยังโหดใช่เล่น พอใครขำขึ้นมาก็เสือกทำโทษซะงั้น


“แล้วไอน้องคนนั้นน่ะ หัวทองๆหน้าบ้านๆที่นั่งเสร่อเป็นเห็ดโคนอยู่ตรงนั้นอะ พ่อมึงเป็นฝรั่งหรอ พรุ่งนี้ไปย้อมกลับ รับทราบ? “


ชี้ไปที่บยอนแบคฮยอน เฟรชชี่ปีหนึ่งที่ต้องโอนเกรดกลับมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่หลังจากไปแลกเปลี่ยนที่แคนาดามาสองปีเต็ม คนตัวเล็กขบกรามแน่นอย่างเจ็บใจ ดูก็รู้ว่าไอ้หูบานนั่นแกล้งเขาชัดๆ ทีตอนนี้ล่ะมาทำเป็นโหด ทีตอนอยู่ในรถละอ้อนเขาจัง


แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมจำใจก้มหน้าไม่เถียงอะไรออกไป เพราะเขาเป็นคนสร้างข้อตกลงไว้เองว่าไม่ให้บอกใครเรื่องที่เขากับชานยอลคบกัน จะให้ใครต่อใครมองว่าเด็กเฟรชชี่ปีหนึ่งคบกับพี่ว้ากแล้วได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นๆคงไม่ดีแน่ แถมยังเป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วยอีก แบบนั้นยิ่งไม่ดีใหญ่


“แล้วมึงใคร ทำไมสาย!!!!!!!


“เอ่อผม ดะ.. โดคยองซู นิสิตปีหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์ครับ “


คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาในกลุ่มยืนเงอะๆงะๆอยู่อย่างนั้น กลัวจนแขนขาสั่นไปหมด ร่างเล็กโค้งเก้าสิบองศาให้รุ่นพี่ที่กำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่ด้วยสายตาแปลกประหลาด แค่ถูกตะคอกก็แทบจะร้องไห้ออกมา


“วันแรกมึงก็สาย เห็นไหมทุกคนต้องมารอมึงคนเดียว มึงไม่สงสารเพื่อนๆตาดำๆที่โดนกูแกล้งหรือไง“


“ผะ .. ผมขอโทษครับ“


“ไหนใครเพื่อนมัน ออกมา โทษฐานที่ไม่รับผิดชอบเพื่อนตัวเอง ไปวิ่งกับมันเลยไป “


“คือผม .. “


คยองซูอ้ำอึ้ง เขายังไม่มีเพื่อนสักคนเลยด้วยซ้ำ .. ชานยอลกวาดสายตาไปตามกลุ่มนิสิตน้องใหม่ ไม่มีใครเสนอหน้าออกมาซักคน


“อะไร นี่ไม่มีใครเป็นเพื่อนกับเด็กนี่เลยหรือไง งั้นมึงก็ไปตายซะไป ไม่มีใครคบอยู่ไปก็รกโลก “


ชานยอลว่า ไม่ได้ตั้งใจจะว่าน้องแรงๆอย่างที่ทำอยู่ แต่เพราะว่าเขาเป็นพี่ว้ากจึงต้องทำไปแบบนั้น แถมวันนี้ไอ้ไคก็เสือกโดดไปหาไอ้ฮุนที่คณะวิศวะอีก ตอนนี้เลยต้องลุยเดี่ยวไปก่อน ถ้าไม่โหดแล้วใครจะกลัว เขาคนเดียวจะไปคุมเด็กตั้งยี่สิบกว่าคนยังไงไหว


“ผมเอง “


แต่แล้วคนที่ลุกออกมาก็แทบจะทำให้พี่ว้ากเอ๋อแดกไปเลย เป็นแบคฮยอนนั่นเองที่ยอมลุกออกมา ให้ขุดให้ตายยังไงก็รู้ว่าแฟนเขาไม่ได้รู้จักกับไอ้เด็กอ่อนนี่มาก่อนอย่างแน่นอน แบคฮยอนเดินชนไหล่เขาไปด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก ก่อนจะคว้ามือเล็กของนิสิตหน้าใหม่คนนั้นแล้วพากันออกไปวิ่งรอบคณะในทันที


ชานยอลลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างฝาดคอ ก่อนจะละสายตาออกมาจากทั้งคู่ ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เหมือนความหึงจะเข้าครอบงำจนแทบจะว้ากใส่น้องๆอีกรอบ คราวนี้ล่ะมึงได้ว้ากจริงแน่




โด คยองซู งั้นหลอ ????????????????????? 




ได้ .. เดี๋ยวมึงเจอกู





TO BE CONTINUE .. ชาติหน้า