JONGIN PART
ครืด
..
ได้ยินเหมือนเสียงเฮลิคอปเตอร์กำลังจะลงจอด
แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะมาเบิ่งดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมนอนคว่ำ ข่มตาให้หลับ
แต่ดูเหมือนว่าเสียงนั่นกำลังจะรบกวนการนอนของผมไม่หยุด
“ฮัลเหล
“
ไม่ใช่เสียงเฮลิคอปเตอร์หรือเสียงอิข้างห้องตำน้ำพริก
อย่างที่คิดไว้แต่อย่างใด มันเป็นเพียงเสียงโทรศัพท์โง่ๆเครื่องหนึ่งที่กำลังมีสายโง่ๆสายหนึ่งโทรเข้ามาจากคนโง่ๆคนหนึ่ง
“(ดำ
อยู่ไหนวะ มึงมาด่วน เค้าจะเทส นี่กูยังไม่รู้เรื่องเหี้ยไรเลย )“
เสียงปลายสายตะโกนกลับมาอย่างเบาจนแทบจะเรียกได้ว่ากระซิบ
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่มันคือการตะโกนตรงไหน
หลับตามึนๆพอจับใจความได้ก็รู้ว่าเป็นเสียงไอยอลเพื่อน(โง่ๆ)ของผมนั่นเองที่คอลมาขัดจังหวะฝันดีของกูในเช้าวันนี้
ผมเกาตูดพลางเคี้ยวลิ้นแจ่บๆอย่างง่วงหงาวหาวนอน ดำไหน เทสอะไร ?
“กูนอนอยู่
“
“(ไอสัดมึงลุกเซ่!
วันนี้เปิดเทอมแล้วนะมึง ไอห่า มาให้กูลอกเดี๋ยวนี้ดำเดี๋ยวนี้ ไม่ได้มึงกูตายแน่ๆ
เร็วๆเลย กูส่งตารางสอนไปทางควยถอกแล้วนะ มึงรีบมากูรออยู่ )”
“..คาทอล์กรึปะ
.. “
ผมเงียบ
สตั้นไปแปปนึง ไม่รู้อะไรคือควยถอกที่มันว่า แต่ให้เดาคงเป็นโซเชียลมีเดียอะไรสักอย่างที่วัยรุ่นเค้าเล่นกัน
ได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างร้อนรน มันคงจะเดือดร้อนจริงๆ
“(เออนั่นแหละๆๆๆๆ
ดำมึงมาเร็วๆๆๆๆ )“
“เออๆ
เดี๋ยวกูรีบไป“ ตอบเสียงยานคางก่อนที่ปลายสายจะถูกตัดไป ผมคงต้องรีบลุกแล้ว
..เพื่อนเดือดร้อน คิดได้ดังนั้นแล้วกูก็หลับต่อ
ง่วงจริงๆ
..
“อืม
..แจ่บๆ กี่โมงแล้ววะ “
ตื่นขึ้นมาอีกทีในเช้าวันที่สดใส
เงยหน้ามองนาฬิกาบนฝาผนังก็พบว่ามันไม่เช้าอีกต่อไปแล้ว ไอเหี้ย ก้อด เที่ยงครึ่ง!!
และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ต้องถลึงตาด้วยความตกใจ
ผมผงกหัวขึ้นจากหมอนแล้วรีบปลุกคนที่นอนข้างๆในทันที
“เซฮุน
ตื่นเร็ว “
“อืม
.. วันนี้กูไม่มีเรียน “
อีกคนตอบ
ก่อนที่โทรศัพท์สับปะรังเคนั่นจะสั่นอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง
บนหน้าจอปรากฏรูปหูบานๆของเพื่อนสนิทเด่นชัดอยู่เต็มจอพร้อมกับเบอร์ของมัน
ถ้าถามว่าทำไมไม่เซฟเป็นรูปหน้ามันก็จะบอกว่าที่มันไม่พอจริงๆครับ
แค่หูก็เต็มจอแล้ว
“ฮัลโหล! เออกูขับรถอยู่
..จะถึงแล้วเนี่ยกูหาที่จอดอยู่เนี่ย “
โทรมาหนักๆเข้าก็ต้องยอมแพ้กดรับ
เสียงไอยอลดูน่ารำคาญมากขึ้นว่าปกติประมาณสามสิบห้าเท่า ผมทิ้งตัวเอาหัวพุ่งหลาวทิ่มลงบนหมอย
เอ้ยหมอน ด้วยความง่วงที่ยังคั่งค้าง แต่แล้วเสียงเนือยๆจากคนข้างๆก็แทรกขึ้นมา
“ขับรถเหี้ยอะไร
มันยังนอนอืดเป็นศพสิบแปดวัดอยู่ข้างๆกูเนี่ย “
“ชู่ว! “ ผมหันไปบอกให้ไอฮุนเงียบ
นอกจากไอตัวแสบจะไม่เงียบแล้ว มันยังแลบลิ้นยั่วโมโหผมอีกด้วย
“โอ้ยไอเหี้ย
เออๆกูกำลังรีบไปไง “
ไอสัดยอลคงจะได้ยินที่คุณแฟนคนน่ารักของผมพูดทั้งหมด
มันถึงได้แรปด่าผมรัวซะขนาดนี้
กูเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเกร็งหูไว้แล้วรีบวางสายให้เร็วที่สุด
“แสบจริงนะครับคุณ
“
“อื้อ! .. ไอสัด “
เอ่ยคาดโทษไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะโน้มหน้าลงไปกดจูบกับริมฝีปากบางหนักๆจนเกิดเสียง
แล้วรีบดันตัวลุกขึ้นมาก่อนที่ฝ่าเท้าสวยจะทันได้ประทับลงบนอกของตัวเอง
ไอฮุนโวยวายเสียงดังพลางปาหมอย เอ้ย หมอนใส่ผมอย่างบ้าคลั่ง
แหมเดี๋ยวนี้โตเป็นสาวละหัดรักนวลสงวนตัว ทีเมื่อคืนล่ะครางระงม (ฝัน)
“เก๊าอาบน้ำแปปนะตัวเอง
คิดถึงก็เข้ามานะ ประตูไม่ได้ล็อค เสื้อผ้าไม่ได้ใส่ “
โผล่หัวออกไปกวนตีนมันอีกรอบพลางส่งยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดในเกาหลีเหนือให้กับอีกคน
ไอฮุนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ส่งมือเล็กชูนิ้วกลางให้ผมอย่างเป็นมิตร
ในช่วงบ่ายของวันที่อุดมไปด้วยฝุ่นควันและอากาศที่ร้อนอบอ้าว
เหนียวรักแร้เหลือเกินด้วยเหตุที่ต้องโหนสองแถวมามอเองเพราะเจ้าของรถยังไม่ตื่น
ไอห่า ให้กูยืมขับหน่อยก็ไม่ได้ ใจดำสุด! ดำกว่าสีผิวกูสามสิบห้าเท่า ผมกดกริ่งย้ำหลายๆรอบเป็นทำนองป็อปรว็อคจนปุ่มมันแทบจะพังคามือเพราะอิคนขับรถแม่งไม่ยอมจอด
มันขับเลยไปสองป้ายเลยอะ เดินกระแทกฝ่าตีนลงมาจากรถด้วยความไม่พอใจขั้นรุนแรง
แล้วยื่นเหรียญห้าไปให้มันหนึ่งเหรียญพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร คนขับมองหน้า
“น้อง
เจ็ดบาท “
เศษหน้าถึงกับร่วงกราวลงพื้นอย่างพริ้วสไว
ไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อน ผมกำเหรียญห้าบาทในมือไว้แน่น ก้มลงมองความว่างเปล่าในกระเป๋าเสื้อของตัวเองอย่างชั่งใจ
กูไม่มีเศษแล้วไอสั้ด มีห้าบาทสุดท้ายของชีวิต
“แต่พี่จอดเลยป้ายผมมาสองป้ายนะ
“
“งั้นสิบบาท
“
“!!!!!! “
ไอคนขับทรราชนี่
มันจะชักจะเก่งกล้าสามารถกำเริบเสิบสานมากไปเสียแล้ว บังอาจมาต่อล้อต่อเถียงกับคนตัวดำอย่างข้าได้อย่างไร
หงิด หงิดมาก ผมกำเหรียญห้าแน่นขึ้นอีกจนมันแทบจะหลอมละลายไปรวมกับขี้ไคลในมือ กู
.. ที่พูดนี่คือต้องการให้มึงลดราคาให้กูเหลือห้าบาทโว้ย
ไม่ใช่ให้มาเรียกเก็บกูเพิ่มอีกสามบาท กูไม่มี ไม่มีทั้งนั้น บอกแล้วว่าห้าบาท ทั้งชีวิตที่เหลือเท่านี้!
“ก็ผมกดกริ่งแล้วพี่ไม่จอดอะ
!“
ผมกระทืบเท้าแล้วเบะปากอย่างน่ารักให้รู้ว่ากูกำลังจะโกรธแล้วนะ
แต่อิคนขับที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับผู้ก่อการร้ายในแถบปาเลสไตน์ยังคงมองมาด้วยสายตาอาตอย่างต่อเนื่อง
ผมเสตาหลบเล็กน้อยก่อนจะจ้องกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“เอ่าน้อง
หาเรื่องเบี้ยวไม่จ่ายตังหรอ “
อิคนขับหน้าโฉดเริ่มขยับตัวเอาแขนมาพาดกับเบาะข้างคนขับแล้วชะโงกหน้าออกมาอย่างหาเรื่อง
ผมถอยไปตั้งหลักหนึ่งก้าว ก้มลงมองแบงก์พันใบสุดท้ายของชีวิตในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองอย่างชั่งใจ
“ผมมีแบงก์พันนะพี่
พี่มีทอนหรา “
ควักแบงก์สีเทาอันมีค่ายิ่งออกมาโบกสะบัดพร้อมกับส่งสีหน้ากวนส้นตีนไปให้ลุงคนขับอย่างร่าเริง
คือกะว่ามึงไม่มีทอนแน่ๆ ยังไงเสี๊ย มึงก็ต้องเอาห้าบาทของกูไปอย่างจำยอม! ฮร่า อิอิฮร่า
“ได้! แปป “
สตั๊นไปแปดวิกับน้ำเสียงอันเรียบละมุนนั้น
พี่คนขับหน้าทมิฬกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้ายก่อนจะก้มๆเงยๆอยู่ตรงที่วางเท้าฝั่งที่นั่งข้างคนขับ
ผมชะโงกหน้ามองตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น รู้สึกถึงละอองพลังงานอันเลวร้ายบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผม
ฉับพลันกระป๋องนมผงเก่ากึ้กถูกกระชากขึ้นวางบนเบาะ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปอย่างเฝื่อนคอพลางชะโงกหน้าไปดู
.. ข้างในนั้นไม่ได้มีนมผงบรรจุอยู่
“...
“
เหรียญ
..
เหรียญล้วนไม่มีแบงก์ผสม
.. ไอ่สั้ช! ผมประคองกระเป๋าอันหนักอึ้งที่เต็มไปด้วยเศษเหรียญจำนวนเก้าร้อยเก้าสิบสามบาทเดินเลาะไปตามรั้วมหาลัยทั้งน้ำตา
หนักมาก อิสัด เหรียญบาทล้วน
เผลอๆมีเหรียญสลึงแพลมๆมาด้วยให้เจ็บลึกถึงทรวงในเล่นๆ
นี่มันวันวิปโยคอะไรของกูเนี่ย นอกจากจะไปมอสายแล้ว กูยังต้องเดินย้อนกลับมาอีกสองป้ายรถเมล์พร้อมกับแบกอภิมหึมามหาเศษเหรียญโคตรพ่องวิจิตราอลังการตระการตาสตาร์โชว์นี่ไปให้หนักเล่นๆด้วย
god
“กรรมอะไรของกูวะเนี่ย
“
และในระหว่างที่กำลังเดินตัดผ่านสนามเด็กเล่นอยู่นั้นเอง
กระเป๋าเจ้ากรรมก็เกิดอ่อนระทวยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
สายสะพายขาดออกจากกันเพราะความหนักอึ้งของเศษเหรียญจำนวนมาก ผมปาดเหงื่อ
เอื้อมมือไปคว้าสายสะพายอีกข้างไว้พลางเดินจ้ำเร็วๆอย่างเร่งรีบ อย่าขาดนะมึง
อย่านะ T_T มร้าย
“แคว่ก!!! “
ทันใดนั้นเอง
เสียงไม่พึงประสงค์ก็ดังขึ้น แม่งขาดขึ้นมาตั้งแต่ตูดกระเป๋ายันสายสะพาย
เหรียญจำนวนมากหล่นกรูลงใส่พื้นซีเมนต์จนเกิดเสียงกรุ้งกริ้งไพเราะน่าฟัง
ผมทรุดตัวลงอย่างหมดแรง น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงอาบสองข้างแก้มไม่หยุด
หมดสิ้นแล้วอนาคตที่สดใส หมดสิ้นแล้วeverythings จิงเกอเบล
“ง้า
พี่ตัวดำคนนั้นแจกตังด้วย !! “
หันขวับไปทางซ้ายที่แปดนาฬิกา
อิเด็กดอกที่นั่งเล่นอยู่ในกระบะทรายกำลังชี้มาทางนี้พร้อมกับพูดกับบรรดาเดอะแก๊งค์ของมันอีกสี่ห้าตัวด้วยเสียงอันเล็กแหลม
ง้าพ่อง้าแม่มึง อิเด็กนั่นทิ้งของเล่นซะฉิบ
ก่อนจะออกตัวล้อฟรีพุ่งเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็วประหนึ่งนักวิ่งดีกรีเหรียญทองโอลิมปิก
ผมเหลือกตาจนแทบจะหลุดออกจากเบ้าแล้วรีบโกยเหรียญใส่กระเป๋าตัวเองให้ได้มากที่สุด
“เย้
พี่ตัวดำใจดีจังเยย “
มาแล้ว
มาถึงแล้ว.. และมันไม่ได้มาแค่สี่ หรือห้า ไอสัด มากันทั้งสนามเด็กเล่น
มึงลองหลับตานึกภาพเหล่าปลาดุกทั้งหลายในแม่น้ำข้างวัดที่กำลังรุมตอดขนมปังอย่างบ้าคลั่ง
และผมคือขนมปังที่ว่านั่น
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“ฉันกำลังขอร้องอ้อนวอนเธออย่าไป
ทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาเธอเอาไว้ “
ได้ยินเสียงทุ้มห้าวของเพื่อนเหี้ยดังแว่วมาแต่ไกล
เสียงกีต้าร์คลอไปกับเสียงร้องดูไพเราะและมีสเน่ห์
ผมเดินพ้นหัวมุมตึกมาก็พบกับไอ้สัดชานยอลที่กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นกีต้าร์อยู่ตรงม้าหินอ่อนใต้ตึกคณะ
ส่งสายตาลวนลามบรรดาสาวๆที่นั่งรายล้อมฟังมันร้องเพลงอยู่อย่างสุดชีวิต ไม่มีการหันซ้ายหันขวาให้หูตัวเองไปฟาดหน้าใครหน้าไหนทั้งนั้น
เจ้าตัวก้มดูคอร์ดแล้วเงยหน้าขึ้นเป็นพักๆ ท่าทางของมันตอนที่เล่นกีต้าร์นั้นดูเป็นคนปกติดีไม่เหมือนเวลาอยู่กับพวกเราชาวเดอะแก๊งค์
แหมไอห่า กูนึกว่ามึงลืมเนื้อเพลงจริงๆไปแล้ว ปกติร้องแต่เวอร์ชั่นจังไรตลอด
“สัดยอลแม่มึงมา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “
ด้วยความหมั่นไส้ล้วนไม่มีอิจฉาผสม
ผมวางกระเป๋าที่บรรจุเศษเหรียญของตัวเองลงบนกลางโต๊ะก่อนจะตะโกนออกมาดั่งลั่นจนรู้สึกหนวกหูตัวเอง
ไม่รู้กูจะตะโกนทำไม
แต่นั่นก็เรียกความสนใจจากบรรดาสาวๆที่กำลังตั้งใจฟังอิหูบินร้องเพลงอยู่ได้ทั้งหมด
“แต่ถ้าตัวเธอยังร๊าก
ยัง ห่วงใย และถ้าอดีตของเรา ยังพอมีความหมาย “
แต่มันก็ยังหน้าด้านร้องต่อ
และ ณ ขณะนั้น ผู้ชายตัวดำที่หน้าตาดีก็กลายเป็นบุคคลโลกที่สามในทันใด
สาวๆปรายตามองมาที่ผมเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันไปสนใจไอเพื่อนเหี้ยต่อ
ส่งสายตาหวานเยิ้มชิ้งๆใส่กันไปมาอย่างน่าพะอืดพะอม
กูละอยากจะถ่ายรูปส่งไปให้อิอ้วนมันดูเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่ากูเป็นคนดี
“มึงไม่อยากรู้หรอว่าแม่ไหน
“
ผมยืนถามมันอยู่ตรงนั้น
ไอ้ยอลยังคงขยับปากร้องเพลงต่อไป
เพียงแค่หันมาทางผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
มึงจะรู้ตัวไหมเนี่ยว่าสะเบ้าหน้ามึงตอนนี้มันดูขี้ม่อมากขนาดไหน ไอสัด
หูดำหมดแล้ว
“แม่แบคอะ
มันมากะกูเมื่อกี้ และถ้ามึงยังไม่เลิกเล่น กูคาดว่าอาจจะต้องติดต่อหลวงพี่เฉินให้เค้าจองศาลาวัดให้มึงล่วงหน้า”
“!!!!! “
ได้ผลตามคาด
ไอ้ยอลเหลือกตาขึ้นจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า มือมันยังคงเล่นกีต้าร์ค้างทั้งๆที่ปากของมันได้ชัทดาวน์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ผมยืนกอดอก ในขณะที่ไอ้ยอลเริ่มยกมือขึ้นมากัดเล็บอย่างโรคจิต
กระทั่งสาวๆเห็นท่าไม่ดีจึงค่อยๆสลายโต๋กันกลับไปทีละนางสองนาง
“มึงพูดจริงปะเนี่ย
“
“เปล่า
กูล้อเล่น “ ผมตอบ ตวัดขาขึ้นนั่งบนเก้าอี้ม้าหินฝั่งตรงข้าม
“เหี้ย! “
“ไม่ยักรู้เดี๋ยวนี้มึงเป็นคนแบบนี้หรอ
“
เอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักพลางแย่งแก้วนมปั่นมันมาดูดจนหมดแก้ว
ไอยอลไม่ตอบคำ มันถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเอากีต้าร์มากอดไว้แล้วตะแคงหน้าลงกับโต๊ะ
“ไอฮุนอะ
?“
“อยู่ห้อง
วันนี้มันไม่มีเรียน แล้วแม่มึงอะ “
“แม่ที่หน้า
กูส่งมันเข้าตึกเมื่อเช้า บอกตอนเย็นค่อยมารับ”
“เย็นนี้สนุกแน่ละมึง”
✞
“เอ้าปีหนึ่งมารวมกันตรงนี้! ยืนทำมะเขือไรครับน้อง!
นั่งลง!!! “
ตกเย็นมาก็เริ่มกิจกรรมที่ทุกคนลอยคอและรอคอย ปาร์คชานยอลตะโกนลั่นสนาม
มือหนาถือโทรโข่งหนึ่งอันพร้อมกับชี้นิ้วสั่ง
เสียงทุ้มห้าวตะคอกดังๆจนบางคนต้องปิดหูด้วยความปวดแสบ
น้องๆเฟรชชี่ยี่สิบกว่าคนรีบกุลีกุจอมานั่งเป็นแถวอย่างว่องไวตามคำสั่ง
เป็นอันรู้กันว่าพี่ว้ากคณะนิเทศของมหาลัยปีนี้โหดที่สุดอย่าบอกใคร
“ขำอะไร! เอาฟันชี้หน้าพี่ทำไมน้อง มึงหุบปากเดี๋ยวนี้! ไป!! แทงปลาไหลห้าสิบแล้วไปนั่งท้ายแถว!
“
เอาโทรโข่งจ่อแล้วตะโกนอัดหู
ตวาดอย่างดังจนคู่สนทนาเริ่มจะน้ำตาคลอเบ้า บางคนหัวเราะกันคิกคักด้วยความขำ
รู้สึกเหมือนว่าพี่ว้ากคนนี้จะเป็นโรคจิตอ่อนๆ
เพราะนอกจากจะทำให้ต้องกลั้นขำแบบเหงือกอักเสบแล้วยังโหดใช่เล่น
พอใครขำขึ้นมาก็เสือกทำโทษซะงั้น
“แล้วไอน้องคนนั้นน่ะ
หัวทองๆหน้าบ้านๆที่นั่งเสร่อเป็นเห็ดโคนอยู่ตรงนั้นอะ พ่อมึงเป็นฝรั่งหรอ
พรุ่งนี้ไปย้อมกลับ รับทราบ? “
ชี้ไปที่บยอนแบคฮยอน
เฟรชชี่ปีหนึ่งที่ต้องโอนเกรดกลับมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่หลังจากไปแลกเปลี่ยนที่แคนาดามาสองปีเต็ม
คนตัวเล็กขบกรามแน่นอย่างเจ็บใจ ดูก็รู้ว่าไอ้หูบานนั่นแกล้งเขาชัดๆ
ทีตอนนี้ล่ะมาทำเป็นโหด ทีตอนอยู่ในรถละอ้อนเขาจัง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมจำใจก้มหน้าไม่เถียงอะไรออกไป
เพราะเขาเป็นคนสร้างข้อตกลงไว้เองว่าไม่ให้บอกใครเรื่องที่เขากับชานยอลคบกัน
จะให้ใครต่อใครมองว่าเด็กเฟรชชี่ปีหนึ่งคบกับพี่ว้ากแล้วได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นๆคงไม่ดีแน่
แถมยังเป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วยอีก แบบนั้นยิ่งไม่ดีใหญ่
“แล้วมึงใคร ทำไมสาย!!!!!!! “
“เอ่อผม ดะ.. โดคยองซู นิสิตปีหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์ครับ “
คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาในกลุ่มยืนเงอะๆงะๆอยู่อย่างนั้น
กลัวจนแขนขาสั่นไปหมด
ร่างเล็กโค้งเก้าสิบองศาให้รุ่นพี่ที่กำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่ด้วยสายตาแปลกประหลาด
แค่ถูกตะคอกก็แทบจะร้องไห้ออกมา
“วันแรกมึงก็สาย เห็นไหมทุกคนต้องมารอมึงคนเดียว มึงไม่สงสารเพื่อนๆตาดำๆที่โดนกูแกล้งหรือไง“
“ผะ .. ผมขอโทษครับ“
“ไหนใครเพื่อนมัน ออกมา โทษฐานที่ไม่รับผิดชอบเพื่อนตัวเอง
ไปวิ่งกับมันเลยไป “
“คือผม .. “
คยองซูอ้ำอึ้ง เขายังไม่มีเพื่อนสักคนเลยด้วยซ้ำ ..
ชานยอลกวาดสายตาไปตามกลุ่มนิสิตน้องใหม่ ไม่มีใครเสนอหน้าออกมาซักคน
“อะไร นี่ไม่มีใครเป็นเพื่อนกับเด็กนี่เลยหรือไง งั้นมึงก็ไปตายซะไป
ไม่มีใครคบอยู่ไปก็รกโลก “
ชานยอลว่า ไม่ได้ตั้งใจจะว่าน้องแรงๆอย่างที่ทำอยู่
แต่เพราะว่าเขาเป็นพี่ว้ากจึงต้องทำไปแบบนั้น
แถมวันนี้ไอ้ไคก็เสือกโดดไปหาไอ้ฮุนที่คณะวิศวะอีก ตอนนี้เลยต้องลุยเดี่ยวไปก่อน
ถ้าไม่โหดแล้วใครจะกลัว เขาคนเดียวจะไปคุมเด็กตั้งสามสิบกว่าคนยังไงไหว
“ผมเอง “
แต่แล้วคนที่ลุกออกมาก็แทบจะทำให้พี่ว้ากเอ๋อแดกไปเลย เป็นแบคฮยอนนั่นเองที่ยอมลุกออกมา
ให้ขุดให้ตายยังไงก็รู้ว่าแฟนเขาไม่ได้รู้จักกับไอ้เด็กอ่อนนี่มาก่อนอย่างแน่นอน
แบคฮยอนเดินชนไหล่เขาไปด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก
ก่อนจะคว้ามือเล็กของนิสิตหน้าใหม่คนนั้นแล้วพากันออกไปวิ่งรอบคณะในทันที
ชานยอลลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างฝาดคอ ก่อนจะละสายตาออกมาจากทั้งคู่
ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เหมือนความหึงจะเข้าครอบงำจนแทบจะว้ากใส่น้องๆอีกรอบ
คราวนี้ล่ะมึงได้ว้ากจริงแน่
โด คยองซู งั้นหลอ
?????????????????????
ได้ .. เดี๋ยวมึงเจอกู
วิ่งรอบตึกคณะได้รอบเดียวก็หอบแดก
ปาร์คชานยอลยืนถือโทรโข่งเท้าเอวรออยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
อันที่จริงอยากจะให้แม่งวิ่งซักสี่สิบห้ารอบ แต่ติดที่ว่าแฟนกูวิ่งด้วยนี่สิ
แค่นี้ขามันก็ใหญ่พออยู่แล้ว อีกนิดนึงจะเท่าเอว ไม่รู้ว่านี่ขาคนหรือขาโต๊ะสนุ๊ก
เขาจึงให้พอแค่นั้น ก่อนที่จะเป็นการเพิ่มกล้ามเนื้อขาให้คุณแฟนมาเตะก้านคอเขาได้โดยง่าย
เอ้ะ แต่ลืมไป มันเตะไม่ถึง
“ไป!! มึงไปนั่งท้ายแถว!!”
กลับมาถึงก็ชี้นิ้วสั่ง ไม่รอให้คนที่เพิ่งวิ่งมาเหนื่อยๆได้หยุดพัก
ไม่รู้จะตะโกนอัดทำไมให้หนวกหูเล่นทั้งๆที่ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่มันคือวิถีของชาวร็อคที่เค้าทำสืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย
คยองซูก้มหัวโค้งให้รุ่นพี่ก่อนจะรีบเดินไปที่ท้ายแถวอย่างไว แบคฮยอนเดินตาม
แต่แล้วคนตัวเล็กก็ต้องเซไปข้างหลังเพราะถูกชานยอลดึงคอเสื้อไว้
“ส่วนมึง กล้านัก มานั่งข้างกูนี่”
อิแบคหันมาทำตาขวางใส่ แต่มันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด
กลับกันเขารู้สึกขำซะมากกว่า เล่นเอารุ่นพี่หนุ่มถึงกับต้องกลั้นขำกันหน้ายับ
คนตัวเล็กสะบัดตูดเดินกระทืบเท้ามานั่งที่พื้นข้างๆด้วยท่าทางไม่พอใจสุดชีวิต
ก้นเล็กๆกระแทกพื้นซีเมนต์อย่างแรงดังบรั๊ก ดูก็รู้ว่ามันเจ็บ
เจ้าของใบหน้าที่บึ้งตึงเป็นตูดหมานั่นคงพยายามเกร็งเหง้าหน้าเพื่อระงับความเจ็บปวดและรักษาเซลฟ์ของตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ
แฟนใครไม่รู้ น่ารักจริงๆ
“และก่อนที่เราจะเริ่มกิจกรรมในวันนี้ ก่อนอื่นพี่บอกเลย คณะเรามีครู
เราต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำคณะก่อนที่จะเริ่มทำอะไรทั้งหลายแหล่
เรามีประเพณีที่ทำสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ดังนั้นพวกน้องๆต้องเชื่อฟัง
และทำตามที่พี่บอก ทุกคนต้องผ่านการครอบครู
ไม่งั้นจะถือว่ามึงไม่ได้เป็นเด็กคณะนี้ เข้าใจไหม”
ไม่รู้จะใช้คำว่ามึง หรือกู หรือพี่ หรือน้อง
อันที่จริงอยากใช้คำว่าเค้ากะตะเองมาก มันดูน่ารัก เป็นกันเอง และเข้ากับหน้าตาอันบ้องแบ๊วของเขาที่สุดแล้ว
แต่พวกเด็กๆคงจะไม่ฟัง อีกอย่างตอนนี้ไม่มีใครที่มีพาวเวอร์พอจะคุมน้องได้เลย
ไอ้จงอินบอกว่าไปแค่ชั่วโมงเดียว แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่กลับ
และคนที่มีพาวมากสุดที่จะสามารถคุมน้องๆได้คือมันอะแหละ สายเถื่อน
ส่วนกูมันสายแบ๊ว แค่แอ๊บสถุนเฉยๆ
“เอ่า .. เอ่าโง่ โง่อีก
ครอบครูต้องใช้อะไร”
เห็นเด็กๆเงียบก็เลยแกล้งถามขึ้นมาอีก
เสื้อนักศึกษาที่บัดนี้ถูกปลดกระดุมคอและถกแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอกเปียกชุ่ม
ร่างสูงโปร่งเท้าเอวพ้อยตีนมองหน้าน้องๆที่นั่งก้มหน้างุดๆด้วยความกลัว
ท่าทางที่ดูหาเรื่องนั้นดูน่ากลัวมิใช่น้อย ใครๆก็คงไม่กล้าหือกับเขาแน่ๆ
ยกเว้นเสียแต่บยอนแบคฮยอน นิสิตปีหนึ่งที่นั่งเบะปากใส่แฟน(ในความลับ)อยู่ข้างหน้า
เขารู้ดีว่าบุคลิกโหดสัดรัสเซียที่ปาร์คชานยอลเป็นอยู่นี้มันเป็นการแสดงหลอกตาขึ้นมาเท่านั้น
แท้จริงแล้วความปัญญาอ่อนยังไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดอย่างเข้มข้น
“เอ้า!! กูถามทำไมไม่พูด!!!! ครอบครูต้องใช้อะไร!!!”
“…”
กวาดตามองไปยังกลุ่มน้องๆที่นั่งเรียงกันเป็นตับอยู่
ทุกคนพากันก้มหน้าไม่สบตา เล่นเอาปาร์คชานยอลต้องเอาลิ้นดันกระพุงแก้มด้วยความไม่สบอารมณ์
หารู้ไม่ว่ากำลังหัวเราะเหงือกสะท้านอยู่ในใจ
ไม่ยักรู้ว่าแกล้งเด็กมันสนุกอะไรขนาดนี้
“มึงจะเงียบกันทำไม!!! หรือไม่ได้แปรงฟันมา ใบ้แดกกันให้หมด!! กลัวคนข้างๆเหม็นปากก็เอามือป้องไว้สิวะ
พี่ถามว่าครอบครูต้องใช้อะไร!!”
ล่อซะดังลั่นสนามจนเป็นเสียงเอคโค่สะท้อนกลับมา
ฟิวเจอร์บอร์ดที่เอามาพับให้เป็นปึกใหญ่ๆฟาดเพี้ยะลงกับอัฒจันทร์จนรุ่นน้องสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ยัง ..
ยังให้กูพูดคนเดียวอี๊ก!! ..ไอ้แว่นมึงขำอะไร!! ลุกขึ้น”
แหกปากตะโกนดังจนเสียงหลง เด็กๆพากันหลุดขำเป็นแถบ
นิ้วเรียวชี้กราดไปที่เด็กผู้ชายใส่แว่นที่นั่งอยู่ท้ายแถวแล้วสั่งให้ลุกขึ้นยืน ฟิวเจอร์บอร์ดสีส้มที่ถูกพับให้เป็นแท่งๆเลื่อนไปชี้หน้าอย่างถือวิสาสะ
เจ้าตัวหน้าถอดสี
“คะ.. ครับ”
“กูถามว่าครอบครูต้องใช้อะไร!! ตอบ!!!”
“มะ .. ไม่ทราบครับ”
“ใช้ฝาชีไงไอโง่!!! โรงเรียนเค้าปล่อยให้มึงจบมอหกมาได้ยังไง มึงเต้นเดี๋ยวนี้ ตรงนี้
ร้องเพลงแล้วเต้น ปฏิบัติ!!”
อยากจะหัวเราะให้ลั่นสนามบอล แต่ติดอยู่ที่ว่าตอนนี้กำลังเก๊กขรึมอยู่
มุกกูมันช่างครีเอทอะไรเช่นนี้ ไม่หล่อนี่เล่นไม่ได้เลยนะนิ
เด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วค่อยๆวาดลวดลายเต้นแร้งเต้นกาอย่างกล้าๆกลัวๆ
ดูเหมือนว่าเสียงร้องเพลงอันเบาหวิวเหมือนจะขาดใจนั้นทำให้ปาร์คชานยอลสะใจเป็นอย่างมาก
“มองอะไรไอ้เตี้ย!! ตา.. ตาอะขวางให้มันน้อยๆหน่อย ไม่พอใจ ?
ไม่พอใจมึงก็ลาออกไป!!”
ฟิวเจอร์บอร์ดอันยักษ์ถูกย้ายตำแหน่งจากไอ้เด็กหน้าแว่นมาเป็นเด็กหัวทองแถวหน้าสุดแทน
บยอนแบคฮยอนขมวดคิ้วหน้าเป็นตูด มองตาขวางด้วยความไม่พอใจ ได้ทีมึงเอาใหญ่
เล่นซะเนียนเหมือนไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนเลยนะ เดี๋ยวกลับห้องมึงรู้เรื่องเลย
เดี๋ยวรู้ว่าใครเป็นใคร พ่อจะเอาให้แม่งต้องลงมาคุกเข่ากอดขาร้องไห้อ้อนวอนขอความรักจากกูเลย
“เตี้ยแล้วมันหนักหัวพี่หรอครับ”
“นาย อย่าเลย เดี๋ยวโดนซ่อม”
เกือบจะยืนขึ้นไฝว้(ด้วยความสูงอันน้อยนิด)อยู่แล้ว
แต่ก็ถูกเด็กอ้วนคนข้างๆคว้าแขนไว้ให้ลงมานั่งที่เดิม ก้นที่อุดมไปด้วยไขมันกระแทกพื้นอย่างแรงแต่หาได้เจ็บไม่
ตอนนี้อารมณ์ชะนีตกมันเริ่มเข้าสิงเขาเข้าซะแล้ว
และคนอย่างแบคฮยอนก็ไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆด้วยสิ
ตอนนี้อยากลุกขึ้นไปตบหัวมันให้หน้าลั่นแล้วตะโกนดังๆว่า มึงอยากจะเลิกกับกูมั้ย
มากๆ
“เอ่า เอ่ารับน้องวันแรกมึงก็เปรี้ยวซะแล้ว ออกมาเลย มาเต้นเดี๋ยวนี้
รูดเสา!!”
“…”
ถึงคนตัวเล็กจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็อ่านปากได้เต็มๆคำว่า เหี้ย เข้าหน้า
ดวงตาเรียวรีเพ่งจ้องไปที่คนตัวสูงอย่างอาฆาตแค้น
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรงอย่างพยายามจะสะกดกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่น ลุกขึ้นยืนปัดตูดเดินไปที่หน้าแถวอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
ในขณะที่ปาร์คชานยอลหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งเขา
“อะไร .. มองหน้า
หรืออยากวิ่งอีกรอบ ให้ไอ้เด็กตาเหลือกท้ายแถวไปวิ่งด้วยอีกมั้ย ? รุ่นพี่สั่งทำไมไม่เต้น!!”
“ไม่มีเสาให้รูด!!”
อ้อมแอ้มตอบกระแทกเสียง ก้มหน้าลงกับพื้นแล้วมองตีนตัวเองเหมือนคิดซะว่ามันเป็นหน้าของปาร์คชานยอลในตอนนี้
กะว่าถ้าเสร็จจากกิจกรรมนี้ไป ตีนเบอร์38ของเขาจะไดฤกษ์พุ่งหลาวไปประทับหน้ามันอย่างแน่นอน
“มารูดกูนี่ หมายถึงตัวนะ ไม่ใช่อย่างอื่น”
ทั้งกองเงียบกริบ
ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เด็กผู้ชายหน้าหวานที่ยืนฟึดฟัดฮึดฮัดอยู่หน้าแถว
แก๊งค์ชะนีริมขวาต่างซุบซิบนินทากันอย่างออกรส ไม่ใช่ว่าปาร์คชานยอลไม่รู้
แต่จงใจให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่ต้องจิ้นน้องไม่ต้องจิ้น กูผัวมันเอง
ไม่ต้องรอให้พูดว่าซาวด์มา เด็กๆสาวๆชะนีแก๊งค์ริมขวาก็เมคซาวด์ให้อย่างทันใจ
เสียงเล็กแหลมพากันร้องแต่แด่แดแด๊ฟังดูเร้าใจพิลึก ร่างสูงโปร่งยืนกอดอก
ก้มหน้ามองคนตัวเล็กด้วยสายตาดุๆ
ในขนาดที่มือเล็กค่อยๆเอื้อมไปแตะไหล่กว้างนั้นเบาๆ ก้มหน้าก้มตาเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกด้วยความอับอาย
“แอร๊ยยยยยยยยยย เกย์มากอะแกร!!”
“นี่มันพี่ว้ากตัวร้ายกับนายแหนมป้าย่นชัดๆๆๆ”
“ชั้นล่ะอิจชี่ผู้ชายคนนั้นจริงๆ ได้ใกล้ชิดพี่ชานยอลด้วยอร๊า”
“โหดเว่อร์ เสียงกระโชกโฮกฮากได้ใจมากอะแกร๊!!! พี่เค้าเท่ห์สุดๆไปเรย”
“ชั้นล่ะอยากจะโดนพี่เค้าเอาหูตบชั้นสักครั้ง ฮุกT_T”
“บร้า กริ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
และอีกมากมายหลายประโยคที่พยายามจะแทะเล็มพระเอกหูกางของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เล่นเอาเด็กหนุ่มถึงกับขนตูดลุก
จนกระทั่งเจ้าของเสียงทุ้มห้าวเอ่ยปากบอกให้พอถึงได้หยุดเต้น ร่างแหนมรีบเดินก้าวฉับๆพื้นสะเทือน(นี่ก็ล้อมันจัง
ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น)ไปนั่งข้างคยองซู เพื่อนใหม่ของเขาที่ท้ายแถวในทันที
_____________________________________
ตรึ่งเปรี้ยะ !
หายไปนานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ประมาณสิบแปดชาติเศษ
จนรีดเดอร์บางคนแต่งงานมีผัวมีลูกแล้ว วันนี้มาอัพแล้วนะ 5555
ไม่รู้ว่ายังรออยู่ไหม หรือลืมกันไปรึยัง จะพยายามอัพให้ถี่ๆ ขอโทษที่หายไปนะ
อย่าลืม #ผชจรขตขพธ นะโว้ย ยังรักทุกคนเหมือนเดิม เด้าๆ