บุ๋นบี้ไทยแลนด์ภูมิใจและบังคับเสนอ
#ผชจรขตขพธ special
(อีกแร้ว)
ตอน amazing songkran สะท้านปฐพี
ให้เสียงภาษาไทยโดย สุเมพ
เมือกสุพรรณ
แกนนำหัวหน้าสมาคมคนรักกั้งทะเลแห่งชาติประจำปีพุทธศักราช
2557
ผู้เข้ารับฟังปราศรัยกรุณาเก็บนกหวีด
ตีนตบไว้ในกระเป๋าของท่าน และอยู่ในความสงบ
________________________
“มึง! กูว้อนมากๆว่ะ มันอยู่ไม่ได้แล้ว!“
นั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้านของหนึ่งในสมาชิกของเดอะแก๊งค์
เฉินลุกพรวดขึ้นจากโซฟาหนังตุ่นก่อนจะหันมาพูดกับบรรดาเพื่อนๆที่เหลืออีกหกคนที่กำลังนั่งจกขนมดูทีวีกันอยู่อย่างเมามันส์
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก
สมาชิกในเดอะแก๊งค์ยังคงให้ความสำคัญกับการกินมากกว่าเรื่องใหญ่ของเพื่อน
เห็นแก่แดกสุดชีวิต
“อะไรวะ “
เป็นคริสคนเดียวที่ให้ความสนใจ
แต่ถึงอย่างนั้นตาคมก็ไม่ได้มองไปที่ใบหน้าเหลี่ยมแหลมประหนึ่งไดโนเสาร์ของเพื่อนสนิทเลยแม้แต่น้อย
ขายาวขยับออกจากโซฟา ยกตีนขึ้นมาดันสีข้างให้เฉินที่ยืนบังทีวีเขาอยู่ให้หลบออกไปจากรัศมี
ยื่นรีโมทเปลี่ยนช่องไปมาไม่ยอมหยุด ไอสัด แม่งก็มีอยู่แค่สามสี่ช่อง
มึงจะเลื่อนหาอะไร
“มึงกูอยากไปเล่นสงกรานต์ที่ไทยอะ
กูพูดจริงๆ กูจะไป “
“สงกรานต์คือไรวะ “
ชานยอลเอ่ยถาม
หูบานๆกระดกขึ้นลงยามเจ้าตัวเงยหน้า
ก่อนจะเอื้อมไปจกป็อปคอร์นในถังใหญ่ที่อยู่บนตักของแบคฮยอนที่นั่งข้างๆกัน
สองแก้มนิ่มของคนตัวเล็กเต็มไปด้วยเศษข้าวโพดคั่ว มองเผินๆแล้วเหมือนมึงไม่ได้ใช้มือหยิบ
แต่เป็นการเอาหน้าจุ่มลงไปในถังเลยมากกว่า
“สงกรานต์คือเทศกาลหนึ่งของไทยอะ
ที่แม่งจะสาดน้ำกันทั้งประเทศเลยเว้ย แล้วก็มีแบบ ไหว้ญาติผู้ใหญ่ไรงี้
แต่ที่สำคัญคือโคโยตี้ว่ะ นี่คือสิ่งที่กูตามหามาเนิ่นนานแล้ว กูอยากประแป้งสาวๆอะ“
“สัดเทามึงเลิกแดกสักแปปนึงได้มะ”
“เด็กๆชอบโคโยตี้ “
ว่าแล้วก็เปิดคลิปในยูทูปที่ตัวเองดูค้างไว้ให้ดู
เป็นภาพสาวสวยหมวยเซ็กซ์เอ็กซ์แตกกำลังเต้นเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกอยู่ท้ายรถกระบะ
ภาพในคลิปแพลนไปโดยกว้าง คนจำนวนไม่น้อยเดินกันอยู่ตามถนน มีแป้งทาตัวทาหน้าเหมือนพม่าแถวศรีสามพราน
ถือปีนฉีดน้ำอันเท่าควายกันคนละอันสองอัน สวมเสื้อผ้าลายดอก สีสันสดใสแสบลูกกะตา
ทุกคนตัวเปียก หน้ากล้องเต็มไปด้วยหยดน้ำ และที่สำคัญ ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“จริงๆนะมึง เราต้องไป “
“งั้น let’s go มึง เพื่อนม
กูสู้!!! “
ลุกพรวดขึ้นจากโซฟาด้วยอีกคนด้วยความมุ่งมั่นจนถังป็อปคอร์นที่แบคฮยอนเอามาฝากวางไว้บนตกหกกระจายลงบนพื้น
ทั้งห้องนั่งเล่นเงียบกริบ ทุกคนมองหน้ากันเงียบๆ
สื่อสารกันด้วยสายตาอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนจะเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง
ร่วมไว้อาลัยให้แก่ปาร์คชานยอล เพื่อนที่น่ารักและจังไรของเรา ขอให้วิญญาณไปสู่สุคติอย่างสงบ
“โอ้ย!! “
ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นที่สะท้อนเงาโคโยตี้ถึงกับกระตุกวูบ
หลับตาปี๋ลงพร้อมกับกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บ ฝ่ามืออรหันต์ของแฟนตัวเตี้ยฟาดลงที่กลางกะบาลของเขาอีกครา
หนังหัวสะท้านลั่นดังเพี้ยะฟังดูไพเราะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแบคฮยอนตบหัวเขาถึงได้ยังไง
เงยหน้าดูก็เห็นแล้วว่าคนตัวเล็กกำลังยืนถกแขนเสื้อมองเขาด้วยสายตาพิฆาต
ไม่รู้ว่าตกลงมันหึงหรือว่าเสียดายป็อปคอร์นที่หกกันแน่
“มันเสียดายของไหม! มึงเก็บขึ้นมาแดกให้หมดเลยนะ“
“ครับๆๆๆๆๆ”
ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บซากป็อปคอร์นที่หกกระจายอยู่ที่พื้นตามที่คุรแฟนสั่งอย่างเคร่งครัดไม่มีบิดพลิ้ว
ถ้าให้จัดลำดับพระเอกที่โดนตบหัวบ่อยที่สุดที่หนึ่งคงไม่พ้นกูแน่ๆ พ่วงด้วยรางวัลเจ้าของหนังหัวที่มีความทนทานต่อแรงตบมากที่สุดในโลก
ไดกิ้นชิดซ้าย ไซโจเดนกิชิดขวา พานาโซนิคนี่ยังสู้กูไม่ได้เลยนะนิ
△ ▲ △
“welcome to Thailand”
โดยสารเรือไททานิคมาเทียบท่าที่แม่น้ำบางปะกง
บรรดาเดอะแก๊งค์ทั้งหลายๆค่อยๆย่างกรายลงจากกาบเรืออย่างทะมัดทะแมง
อากาศประเทศไทยร้อนพ่อตายจนแทบจะอยากแก้ผ้ามันซะเดี๋ยวนั้น แต่ละคนใส่เสื้อแขนยาว ผ้าพันคอ
หมวกไหมพรมมาครบ ดูแฟนตาซีเป็นที่สุด
แฟนตาซีตั้งแต่มึงบอกว่ามันนั่งเรือมาแล้วไอเหี้ย! มาทางเครื่องบินสิวะ
นั่งเรือแล้วชาตินี้มันจะถึงไหม มึงจะให้แปดคนช่วยกันแจวหรือไง ต้องจ้วงกี่ฝีพายกว่าจะข้ามมหาสมุทรอินเดียไปจากฟากนึงไปอีกฟากนึงได้
มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งถกเถียงกันทางวิชาการว่าจากเกาหลีมาไทยต้องข้ามมหาสมุทรอินเดียมารึเปล่า
เพราะกูก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนสังคมขนาดนั้น
“ทริปนี้สนับสนุนโดย เฉินฉี่ สปอนเซอร์หลักของเรา
“
“ไอเหี้ยนี่บ้านมึงขายยาบ้ารึปะนิ “
คุยกันไปเรื่อยในระหว่างเดินออกจากเกท
เฉินเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริปนี้ นี่มึงอยากดูโคโยตี้อะไรขนาดนั้น มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องยอมจ่ายเพื่อแค่มาเล่นสงกรานต์ถึงที่นี่
คุณลองนึกสภาพเล่นอยู่ที่เกาหลีสิครับ อยู่ๆจ้วงน้ำใส่ขันไปสาดชาวบ้านเขา
ทั้งๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แถมคนเกาหลีก็มารยาทดีเหลือเกินราวกับสั่งสอนกันมาด้วยลำแข้งตั้งแต่เกิด
มึงอาจจะโดนเค้าด่าพ่อแล้วรุมยำตีนได้โดยไม่รู้ตัว
ลำพังแค่เดินชนกันยังแทบจะควักปืนยิงถ้าไม่ติดว่ามันไม่มีปืน แต่ไม่เป็นไรครับ
เงินแค่นี้ไม่กระทบกระเทือนขนจมูกไอเฉินมันหรอก
“แม่งกริ๊ดอะไรกันวะ “
จงอินถาม พอเดินหลุดออกมาจากเกทได้แล้วก็หันไปมองกลุ่มเด็กผู้หญิงที่กำลังกริ๊ดอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนโดนบุหรี่จี้รังไข่อยู่แถวๆหน้าร้านกาแฟ
หลายคนดิ้นเร่าๆเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกไม่มีผิด
เรียกให้ทุกคนที่อยู่ในระแวกนั้นต้องหันไปมองกันเป็นตาเดียว
“เค้ากริ๊ดเพราะกูหล่อมั้ง “
“มึงกลับจักรวาลมึงมั้ยคริส ไม่ต้องเล่นมันละสงกรานต์อะ
นู้นกระจก”
“เค้าเรียกว่ากาแลคซี่มั้ง “
ลู่หานมองคริสหัวจรดเท้า เหวี่ยงกระเป๋าใส่ผู้เป็นน้องพลางชี้ไปที่กระจกเงาที่อยู่ตรงกำแพง
อะไรทำให้มันคิดว่ามันหล่อวะ อะไรทำให้มึงมั่นใจขนาดนั้น แต่ถ้าเทียบดูกับแต่ก่อนแล้ว
มันคงหล่อขึ้นมากจริงๆอะแหละ แต่หล่อก็ยังไม่สุด
แต่ก่อนแม่งหน้าเหมือนโจรปล้นเครื่องบินไม่มีผิด
“โอปป้า!!!!!!”
เอาแล้ว
ชะนีจำนวนไม่น้อยกว่าสิบนางกำลังออกตัวล้อฟรีมาทางนี้
พร้อมกับเรียกพวกเขาด้วยภาษาบ้านเกิดอีกต่างหาก นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว
เทาเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งคนแรก ตามด้วยเฉิน ลู่หาน และคนที่เหลือวิ่งตามไปอีกงงๆ
สภาพค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรเพราะต้องแบกกระเป๋าเดินทางด้วย
“เข้าไปเร็วๆๆๆๆ”
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกก”
เฉินวิ่งไปที่รถตู้ที่จ้างไว้ตั้งแต่ก่อนมา ทุกคนรีบเอากระเป๋าใส่ที่ด้านหลังแล้วเข้าไปในนั้น
ประตูปิดลงได้ทันก่อนที่ชะนีน้อยนางหนึ่งจะเข้ามาเกาะกระจกรถ
ใบหน้าบานๆแนบกระจกแล้วตะกุยรัวๆอย่างบ้าคลั่ง ชะนีตัวอื่นวิ่งตามมา
เสียงทุบปึงปังและเสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุด
ตอนนี้รถตู้ทั้งคันของพวกเขาโดนล้อมไว้หมดแล้ว ให้อารมณ์เหมือนแมลงวันหิวขี้ และพวกเขาคือขี้นั่นเอง(เข้าใจเปรียบ)
“โอปป๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เอ็กโซโอปป้า!!!!!!!!”
“เอ็กโซไหนวะ”
“กูจะไปรู้ไหมไอเหี้ยกูก็วิ่งมากะมึงเนี่ย”
ชานยอลหันไปถามแบคฮยอนที่ตอนนี้นั่งหอบอยู่ข้างๆ
ในชีวิตไม่เคยต้องวิ่งหนีอะไรขนาดนี้มาก่อน นึกสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าพวกเขาเข้ามาในรถไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น
บรรดาชะนีน้อยใหญ่คงฉีกทึ้งร่างพวกเขาเป็นชิ้นๆแล้วจับแดกอย่างเอร็ดอร่อยแน่ๆ
“อร๊ายยยยย แอร๊ยยยยยยยยยยยยย “
เป็นเซฮุนที่ยังกริ๊ดอัดกระจกล้อเลียนอิพวกชะนีที่อยู่ข้างนอก
สองแขนกรีดกรายอย่างอารมณ์ดี ก่อนรถตู้จะฝ่าวงล้อมอันหนาแน่นของเหล่าบรรดาผู้หญิงร่างถึกเหล่านั้นออกไป
โบกมือบ๊ายบายอย่างน่ารักพร้อมกับทำปุอิ๊งๆแถมด้วยอีกหนึ่ง
เรียกให้เสียงกรีดร้องดังลั่นสนามบิน
“ไอเหี้ย ชะนีไทยนี่น่ากลัวชิบหาย”
“กูว่า เอ็กโซอาจจะเป็นชื่อของกินอะไรสักอย่างที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็ได้นะ
หิวเลยว่ะ “
△ ▲ △
“สวัสดีครับชาวโซเชียลแคม วันนี้เราอยู่กันที่
..”
“ชลรุบีครับผม!!! “
“ชลบุรี =_=!!! “
“เออนั่นแหละ”
มาถึงแล้วก็อัดโซเชียลแคมอวดซักหน่อยระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ
พวกเขามาหาอะไรยัดใส่ท้องที่ร้านอาหารริมทะเลกันในช่วงเย็น
เซฮุนถือโทรศัพท์ชูไว้ให้เห็นเพื่อนๆครบทุกคน ยกเว้นแบคฮยอนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
ชานยอลแทรกตัวเข้ามาแย่งซีนเหมือนทุกครั้ง
นอกจากจะเสร่อแล้วยังเสือกจำผิดๆถูกๆอีกต่างหาก ไม่รู้ว่ามันเล่นมุกหรืออะไรกันแน่
“วันนี้เรามาทำอะไรกันครับดำ “
“เดี๋ยวกินข้าวแล้วเข้าที่พักกันครับ
แล้วพรุ่งนี้เราจะไปเล่นสงกรานต์กัน “
หันกล้องไปทางขวาเล็กน้อยแล้วเอนตัวไปชิดกับจงอิน
ซบหัวลงบนไหล่กว้างแล้วเอ่ยถาม คนตัวหนาโน้มตัวลงมาในเฟรม ทั้งคู่มองกล้อง
ในขณะที่ทุกคนมองอิเพื่อนสองตัวกำลังสวีทวิ้ดวิ้วสำมะหลาห้าเห้กันอยู่
“เตี้ยกูอยากทำแบบนั่นมั่งง่า “
สะกิดศอกคนตัวเล็กยิกๆแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าตัวอีกต่อไป
อาหารเป็นสิบๆจานยกลงมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ดวงตาเรียวรีจับจ้องไปที่อาหารเหล่านั้น
สองมือเล็กคว้าช้อนส้อมแล้วจ้วงทันทีที่จานแรกวางถึงโต๊ะในระยะที่เอื้อมถึง
กุ้งชุบแป้งทอดชิ้นโตถูกยัดเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย
“เอ่าคริสมึงไม่กินไง๊ “
เฉินเอ่ยถามคริสที่นั่งอยู่ข้างๆ
ตอนนี้ทุกคนเริ่มลงมืกตักอาหารแดกกันคนละสองสามอย่างแล้ว
เหลือแต่เพื่อนตัวสูงที่นั่งเอาเงิงค้ำโต๊ะอยู่ไม่ยอมกินอะไรสักอย่าง
“ของทอดมันไม่ใช่สไตล์กูอะ”
“แล้วสไตล์มึงแบบไหน เพ็ดดีกรีหรอ “
ลู่หานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยแขวะ ไม่ใช่เขาคนเดียวที่หมั่นไส้
ทุกคนหันไปมองมันกันหมด แต่แล้วก็หายสงสัยเมื่อบริกรยกถาดอาหารมาเสิร์ฟ หน้าตาอาหารที่ไม่ค่อยคุ้นตาถูกวางลงตรงหน้าคริสที่นั่งอยู่ริมสุดของโต๊ะ
ใบหน้าหล่อเหลา(ในความคิดของตัวเอง)หันมายักคิ้วให้คนที่เหลือพลางกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย
ก่อนจะตอบคำถามที่คาใจลู่หานอยู่ เรียกเสียงปรบมือรัวๆจากเดอะแก๊งค์
“หึ สไตล์กูมันต้องลาบ น้ำตก ซกเล็ก จัดว่าพราว“
“good”
△ ▲ △
“whoa ที่พักแม่งเด็ดว่ะกูชอบจัง “
พุ่งหลาวลงเตียงนุ่มๆด้วยความเหนื่อยล้า
หลังจากไปเดินช็อปปิ้งที่ถนนคนเดินกันมาอย่างสมบุกสมบันและก๊งเหล้ากันอย่างเมามันส์แล้ว
พวกเขาพักกินที่บังกะโลเล็กๆริมทะเล เป็นห้องกระจกโดยรอบเกือบทั้งหมด
ผ้าม่านสีครีมปิดมันไว้ป้องกันการมองเห็นจากภายนอก พลิกตัวนอนหงาย
หลังคาที่เป็นกระจกใสทำให้เห็นท้องฟ้ายามค่ำยืนที่เต็มไปด้วยดาวเป็นพันๆล้านๆดวงระยิบระยับดูสวยงาม
“โรแมนติกสัด”
แบคฮยอนพูดลอยๆ
แหวกผ้าม่านออกไปก็เห็นทะเลอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล คลื่นน้อยๆซัดมากระทบหาดอันเงียบสงบ
ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะวางของ ถอดเสื้อและถุงเท้าออก
“ถึงกับแก้ผ้าเลยหรอ มะ! กูพร้อมแล้ว”
“พร้อมเหี้ยไร “
เห็นชานยอลที่นอนตะแคงเอามือเท้าหัวตัวเองไว้อยู่กำลังมองมาทางนี้ด้วยสายตาหื่นกาม
มือหนาตบเตียงปุๆ หรี่ตาลงเล็กน้อยพลางกัดริมฝีปากอย่างโรคจิตจนแบคฮยอนขนลุก
มือเล็กปาถุงเท้าใส่หน้าเข้าให้ด้วยความหมั่นไส้
“โหอิแบคตีนมึงเหม็นมากอะ
นี่ขนาดปาไม่โดนจมูกกูยังขมมาถึงคอ แล้วถ้าได้กลิ่นเต็มๆนี่กูไม่น็อคเลยมั้ง”
หยิบถุงเท้าแล้วโยนออกไปจากเตียง
แบคฮยอนหันมาเบะปากใส่ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่รอช้า
ชานยอลรีบพุ่งหลาวไปที่หน้าประตูแล้วเอาแขนไปง้างประตูไว้ในทันที
“ขอเก๊าอาบด้วยยยยยยยยยยยย “
“ไม่ให้โว้ย “
ต่อให้ไอตัวหูบินตรงหน้าจะทำหน้าบ้องแบ๊วน่ารักขนาดไหนก็ตามก็ไม่ได้ผล
แบคฮยอนพยายามจะใช้แรงอันน้อยนิดของตัวเองดันประตูให้ปิดลง
แต่มือหรือจะสู้แรงถึกของชานยอลได้ ไม่ทันแล้ว
คนตัวสูงผลักเข้าไปอย่างแรงแล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในนั้นได้ทันท่วงที
“ฮ่า!!!!!!!!! เสร็จโจร! “
หัวเราะเยาะเย้ยอย่างแรงจนหน้าสั่น
ตากลมๆเหลือกขึ้นจนหน้ากลัว ฉีกยิ้มกว้างไปถึงรูหูจนเห็นฟันครบสี่ร้อยหกสิบแปดซี่แล้วค่อยๆเดินต้อนเข้ามาจนแผ่นหลังบางชิดกับกำแพงห้องน้ำ
ชานยอลถอดเสื้อยืดแล้วเหวี่ยงออกไปข้างหลัง
เสียงหัวเราะในลำคอเรียกให้ขนลุกจากตูดไปถึงท้ายทอย
“จะหนีไปไหนน้องสาว แห๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ห๊า ฮ๊า!!! “
ไม่เคยได้ยินใครหัวเราะได้ทุเรศเท่านี้มาก่อนในชีวิต
ร่างสูงโปร่งเข้าประชิดตัวเขาแล้ว สองมือหนายื่นออกมาแล้วกุมใบหน้าของคนตัวเล็กไว้
ใบหน้าโรคจิตค่อยๆโน้มลงมา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ฟู่!!!!!!!! ซ่า !!!!!!“
คว้าสายชำระที่อยู่ข้างๆชักโครกได้ก็เอาขึ้นมาฉีดอัดหน้าแฟนลามกในทันทีก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะทันเข้ามาประกบ
ชานยอลถอยผงะ น้ำที่อัดมาเต็มแรงเข้าทั้งปากและจมูกเต็มๆอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงกับมึน รู้สึกอ้วกกำลังตีขึ้นมาจากกระบังลมเมื่อเห็นอาวุธในมือของแบคฮยอน
“ถ้ามึงไม่ออกไปกูจะไปนอนกับไอ้เฉินแล้วนะ “
ยื่นคำขาดแล้วเล็งสายชำระไปที่หน้าของชานยอลอีกครั้ง
ชานยอลถึงกับสตั๊นเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงจุดวิถีกระสุน นี่มันจะหยามกันมากไปแล้ว
นอกจากจะไม่อนุญาตให้กูลวนลามแล้ว มึงยังเอาที่ฉีดตูดอันเป็นอุปกรณ์ที่ใกล้ชิดกับขี้มาฉีดหน้ากูอีกด้วย
เข้าทั้งปากทั้งจมูก หอมหวนทั้งคืน อย่าบอกนะว่าสงกรานต์เขาเล่นกันแบบนี้
ถ้าเล่นกูจะกลับบ้านแม่งเดี๋ยวนี้เลย กูจะกลับไปตายที่ประเทศตัวเอง
“ออกไป นับหนึ่ง .. “
“กอดทีนึงก็ไม่ได้หรอ”
“ออกไป นับสอง “
“อิห่าใจร้ายกับแฟนตัวเองได้ลงcore “
“ออกไป นับสาม .. ซ่า!!!!!! “
“ว้ากกกกๆๆๆๆๆ ไปแล้วครับไปแล้วๆๆๆๆไปๆๆๆT_T “
เปียกเกือบทั้งตัวด้วยสายชำระเพียงอันเดียว
จนต้องรีบวิ่งหนีออกมาก่อนจะชุ่มไปด้วยน้ำละอองขี้ พร้อมกับปิดประตูห้องน้ำให้ด้วยเสร็จสรรพ
ยกแขนดมๆรักแร้และคอเสื้อตัวเองก็รู้เรื่องเลย ถึงกับหน้าเบี้ยว
รีบถอดเสื้อผ้าออกทันทีด้วยความขยะแขยง ไอสัด เหมือนกูอาบขี้ละลายน้ำเลยอะ nooooooooooo
Chanyeol
part
“ตื้อดึ่ง ..”
นอนๆอยู่ดีๆไลน์ก็เด้งครับ ด้วยความที่เป็นคนติดโซเชียลพอสมควรผมจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดทันทีอย่างมีสไตล์
เป็นไอ้ไคที่อยู่บังกะโลหลังข้างๆที่ส่งไลน์มารบกวนกูในเวลานี้
นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วไอสัด
ไครวย : ทำรัย
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : มั่ยบอก
ไครวย : พ่อมุงตาย
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : รู้ได้งัย
ไครวย : แม่มึงบอกมา
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : อย่าเล่นแม่จิ
แม่กูยังอยู่
ไครวย : สถานการณ์ฝั่งนั้นเป็นไงบ้าง
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : กูยังอยู่ดี
นอนเล่นคุกกี้รัน อิอ้วนหลับแล้ว
ไครวย : ล้างตู้เย็นกันยั๊ง
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : มันไม่ให้กูล้างงะ
มึงอะ
ไครวย : got it
already (สติ๊กเกอร์หมี)
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : กี่น้ำ
ไครวย : ให้ทาย
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : ไม่คุยกะมึงละไอสัด
กวนส้นตีน
ไครวย : กับมะม่วงกวนงี้ป่าว
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : มีถั่วมั้ย
ไครวย : read
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : อ่านไม่ตอบจะงอนแร้วนะ
ไครวย : ยอลมึงไปหน้าหาดกันเหอะว่ะ
อิฮุนหลับแล้ว
ยอลลี่ ปี้รองเท้าแตะ : เดี๋ยวมันตื่นแล้วงานงอกนะ
ไครวย : มันไม่ตื่นหร๊อก มันเมา เร็วๆลุก
กูอยู่หน้าประตูห้องมึงเนี่ย
ไม่ได้พิมพ์อะไรตอบกลับไป
ผมลุกฝ่าความมืดไปที่ประตูไปหาไอ้ไค ระหว่างทางเตะแง่งโต๊ะที่ยื่นออกมาไปซะหนึ่ง
ถึงกับหน้าเบี้ยว
อยากจะร้องดังๆแบบปาล์มมี่แต่ติดว่าร้องไม่ได้เพราะเดี๋ยวอิแบคตื่น
ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วยืดตัวตรง เดินกะเผลกไปเปิดประตูเพียงเท่านั้น
“hello “
พอเปิดประตูออกไปก็เจอเพื่อนยืนตัวดำอยู่หน้าประตูแบบที่มันบอก
แทบจะมองไม่เห็นมันถ้าไม่ติดว่าไฟข้างนอกเปิดอยู่
เหง้าหน้าทะมึนสะท้อนแสงสีออนจากบนเพดานหน้าระเบียงห้อง
ผมมองหน้ามันสลับกับคนที่นอนอยู่บนเตียงในห้องตัวเอง สมองกำลังประมวลผลความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
“เร็วมึงเดี๋ยวอิอ้วนตื่นหรอก“
“มันจะดีอ่อวะ “
“แหม่มึง แค่ไปเดินเล่นเอง มันไม่ว่าหร๊อก “
“แล้วไมมึงต้องหลบๆซ่อนๆด้วยงะ “
เอ่ยถามไปแต่กูคว้ากระเป๋าตังกับกุญแจห้องเดินออกมาแล้ว
พร้อมกับหันไปปิดประตูให้ซะเรียบร้อยด้วยเสียงอันเบา รู้สึกผิดผสมตื่นเต้นเล็กน้อย
ค่อยๆเดินฝ่าความมืดออกไปกันสองคน
“ไอสัด จะไปไหน ไม่มีชวน“
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง
เสียวสันหลังแว๊บๆยามหันไป ป๊ะเข้ากับหน้าไอ้เฉิน ไอ้เทา และพี่ลู่หานที่กำลังนั่งก๊งเหล้ากันอยู่ที่เดิมไม่ย้ายพระที่นั่งไปไหนเลยตั้งแต่หัวค่ำ
เหี้ย มึงจะอึดกันไปไหนหรือ นี่จะตีหนึ่งแล้วนะโว้ย
สุดท้ายก็ต้องหิ้วสมาชิกทั้งสามไปด้วย
แถมยังต้องช่วยมันเก็บวงเหล้าและรอไอ้เชี่ยเทาฉี่ก่อนถึงจะได้ออกมา
เพราะมันขู่ว่าถ้าไม่เอามันไปด้วยมันจะตะโกนให้ลั่นพัทยาเลยว่าพวกกูจะไปตีหรี่กัน
บร้า ตีหรี่อะไร๊ นี่ออกไปเดินเล่นหาอะไรกินเฉ้ยๆ
“ฮูวมึง ผับแถวนี้แม่งกากว่ะ มีแต่คนนมเล็ก
ไม่เหมือนที่เกาเลย “
กว่าจะซื้อของกินได้เล่นเอากูต้องเปิดดิกคุยกะแม่ค้า
อย่าคิดลึกไป กูเปิด dictionnary นะไม่ใช่ดิกแบบที่มึงคิด
ขืนเปิดอย่างงั้นได้มีสวิงกิ้งกันกลางพัทยาอย่างแน่นอนครับ
แบบว่ากูก็หน้าตาดีใช่เล่น ไม่ใช่หน้าเหลี่ยมแบบไอ้เฉิน ต่างดาวแบบไอ้เทา
ตีนตาเยอะแบบพี่ลู่ หรือตัวดำแบบไอ้ไค
ไม่รู้แม่ค้าแม่งมองเห็นเปล่าว่ากูมากันห้าคนไม่ใช่สี่
ตอนซื้อไส้กรอกนี่แม่งยื่นให้กูสี่อันทั้งๆที่บอกว่าเอาครบจำนวนคน
วันหลังต้องเอาไฟฉายส่องกบติดหัวไอ้ไคมันไว้แล้ว จะได้เป็นตัวบอกพิกัดว่ามันอยู่ตรงไหน
หมดปัญหา
เดินแดกลูกชิ้นปิ้งชมนมตูดกันอย่างเพลิดเพลิน
แต่แบบมันเล็กๆไม่เต็มตาไงไม่รู้ เหมือนเดินเล่นสวนสัตว์แผนกอนุบาลสัตว์น้ำ บางคนแม่งก็หน้าแปลกๆ
เหมือนมึงเคยเป็นผู้ชายมาก่อนอะ ลูกกระเดือกมึงใหญ่กว่าไข่กูอีก ไม่รู้จิกูไม่กล้าไว้ใจเลย
เห็นนมใหญ่กว่าหัวกูงี้แต่เบื้องล่างมึงอาจจะมีฮำก็เป็นได้ hello
เดินไปเรื่อยๆตามทาง เห็นแขกคนนึงกำลังต่อราคากับกระเทยหน้าเขียวคนนึงอยู่
ผมขนลุกเกรียว ไม่รู้จะสงสารกระเทยหรือแขกดี รีบสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า
เห็นสาวๆนั่งไขว่ห้างคุยกันอยู่หน้าผับ
ไอ้เฉินกับพี่ลู่หานรีบเดินเข้าไปทำความรู้จักอย่างรวดเร็ว
“ว้าย หนุ่มๆ หล่อจังเลย”
“เหี้ยแล้วๆๆๆๆ “
ไอ้เฉินโดนคว้าคอเข้าไปแล้วจับหน้ามันซุกกับนมทันที
แทบผวาเมื่อพวกนางเอ่ยปากพูดออกมา เสียงแม่งแมนกว่าพ่อกูอีก
พี่ลู่หานรีบเบรกตัวเองไว้ได้ทันก่อนจะโดนคว้าไปอีกคน ทั้งผม ไอ้ไค
ไอ้เทารีบวิ่งออกมาจากรัศมีตรงนั้นอย่างไวแล้วทิ้งเพื่อนไว้ตรงนั้น ขนยังลุกเกรียว
“พัทยาแม่งเมืองเถื่อนจริงๆ”
△ ▲ △
เช้าวันที่สดใส
แสงแดดสาดส่องเข้ามาเนื่องจากอิคนที่ได้นอนเต็มอิ่มมันลุกไปเปิดม่าน ผมหยีตาขึ้นมองเล็กน้อยแล้วหลับต่อ
จู่ๆก็รู้สึกจุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
รู้สึกเหมือนมีมวลมหาศาลของอะไรบางอย่างทับมาที่กลางท้องอย่างจังจนต้องร้องออกมาด้วยความจุก
“อั้ก! “
“wake up ชานยอล wake up!!!!!!! “
ขย่มท้องกูอย่างสนุกสนานและเมามันส์
แต่กูไม่ได้มันส์กะมึงด้วยเลย ไส้กรอกที่กูแดกไปเมื่อวานแม่งจะพุ่งออกมาพร้อมกับน้ำย่อยแล้ว
ผมคว้าหมับเข้าที่เอวเล็กแล้วเหวี่ยงมันลงกับพื้นเตียงข้างๆ ก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วฟัดมันด้วยความมันเขี้ยว
มึงอยากขย่มนักใช่ไหม เดี๋ยวกูจัดให้ พ่อจะล่อให้ร้องระงมลั่นบังกะโลเลย
“ฮ่าๆๆๆ ก๊ากๆๆๆๆๆ โอ้ยกูจั๊กจี้ อย่า 5555555555
“
อิแบคดิ้นแล้วถีบขาไปมาจนกูรู้สึกจุก
สองมือเลื่อนจับข้อพับขามันไว้ กดให้แนบลงไปกับแผ่นอกเล็กๆนั่นพลางดันส่วนล่างเข้าไปเบียดกับสะโพกมนภายใต้กางเกงขาสั้นสีดำนั่น
อิแบคหยุดดิ้นในทันที สองแก้มนิ่มแดงลามไปถึงใบหู
“ขย่มกูนักใช่ไหม แฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆ..อั๊ก!! “
เหลือกตาขึ้นแล้วหัวเราะอย่างโรคจิต
แต่ติดที่ว่ากูไม่ทันระวังเลยโดนตีนมันถีบเข้าที่กลางท้องอย่างแรงจนต้องลงไปนอนกุมท้องด้วยความจุกอยู่ข้างๆ
นี่มึงเล่นแรงไปรึปะนิ กูล้อเล่นนิดเดียวเองนะ T-T
“ละ..ลุกไปอาบน้ำเลยไอห่า ทุกคนรอมึงอยู่ “
พูดแค่นั้นแล้วมันก็คว้าปืนฉีดน้ำอันเท่าปืนใหญ่หน้ากระทรวงกะลาโหมแล้ววิ่งออกจากห้องไปเลย
ทิ้งให้ผมนอนจุกอยู่ที่เดิมอย่างเปล่าเปลี่ยวเอกาและว้าเหว่ ใจร้ายจริงๆ
“ฮัลโหลไทยแลนด์ ข้ามาแร้ว “
เดินเรียงแปดหน้ากระดานประหนึ่งบอยแบนด์
แต่ละคนที่ถือปืนฉีดน้ำ แต่ละคนใส่เสื้อลายดอกสีสันเจ็บแสบไม่ซ้ำสี
เสียงรองเท้าแตะกระทบพื้นปูนยามที่ก้าวเดินดังแป๊ะๆๆๆดูแล้วเท่ห์ปนน่ารำคาญไม่หยอก
แต่แล้วก็ต้องบีบแถวแปดคนลงเหลือแถวละสองแล้วเดินเกาะกันเอา เพราะที่มันไม่พอ
“แสรด คนโคตรเยอะ “
ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหน
อิแบคกับฮุนแม่งเปียกกันแล้ว ต่างจากพวกผมที่ยืนงงถือปืนฉีดน้ำตัวแห้งสนิทกันอยู่สี่ห้าหน่อ
ทั้งๆที่กูก็ยืนใกล้มันเลย ไอ้คริสโดนชะนีลากเข้าไปในกลุ่มนั้นแล้ว
เห็นหัวมันโด่ออกมาจากวงล้อม นึกถึงภาพเมื่อวานแล้วก็ขนลุกเกรียว
มิอาจทราบได้ว่าพวกชะนีที่รุมไอ้คริสอยู่นั้นเป็นของแท้หรือปลอม และถ้าปลอม
ขอให้พระเจ้าอยู่เคียงข้างมึง อาเมน
“เหี้ย พวกมึงไม่ช่วยกูเลย “
กว่าจะหลุดออกมาจากวงล้อมชะนีอันหนาแน่นนั่นได้ก็ล่อไปหลายนาที
พวกผมขำก๊ากอัดหน้ากันด้วยความโปกฮา
ไอ้คริสจากที่หล่อๆอยู่ตอนแรกแทบไม่เหลือเค้าเดิม
แม่งโดนปะแป้งเสยเข้ารูจมูกแล้ววนทั่วใบหน้า ตอนนี้เห็นแต่ตา ยังดีที่ผมมันไม่เลอะแป้งเพราะพวกนางคงเขย่งไม่ถึง
“ขอน้ำล้างหน่อย “
มันเดินไปหาพี่ลู่หานแล้วย่อตัวลง
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการเมินเฉย
พี่ลู่หานปฏิเสธที่จะให้น้ำมันล้างหน้าเพราะกลัวเปลือง ใจแคบสุดในสามโลก
จนสุดท้ายเป็นกูเองที่ต้องเสียสละน้ำในกระบอกปืนให้มันล้างเบ้าตาเพราะความแสบ
แอบเสียดายน้ำเหมือนกันนะนิ
“ไอเหี้ยมึงเห็นป้อมใหญ่ที่สิบเอ็ดนาฬิกาไหม “
ไอ้เฉินชี้ไปที่ป้อมใหญ่ที่ประกอบไปด้วยแมงดาหน้าปลาหมึกที่ยืนเต้นเย้วๆกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ถือถังน้ำคอยสาดคนที่เดินผ่านบริเวณนั้น และที่สยองว่านั้นคือแม่งล่อแป้งมาเป็นถัง
คิดสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเดินย่างกรายเข้าไปจะโดนมากขนาดไหน แค่มือเดียวก็บันเทิง จากที่เห็นตัวอย่างจากไอ้คริสมาแล้วไอ้ฮุนก็รีบเอ่ยดักขึ้นมา
“oh I see จะบอกว่ากูไม่อยากโดนแป้งอะ =_=”
“เฮ้ยๆๆๆๆ “
มวลมหาประชาชนดันพวกเขามาเรื่อยๆแม้จะพยายามหลบมากแค่ไหน
แต่ด้วยความที่คนเยอะพอสมควรทำให้เดอะแก๊งค์ทั้งแปดเดินเข้ามาในป้อมอย่างไม่รู้ตัว
ก่อนที่เซนเซอร์จะดัง ไอหัวหน้าป้อมแม่งชี้มาทางนี้ ลูกน้องของมันเดินถือถังเล็กๆย่างกรายเข้ามาแล้ว
กูเกาะไหล่อิแบคแน่นเลย
“น้องทอม พี่ขอประแป้งหน่อยนะจ๊ะ “
หน้ากูเหวอ
ไม่รู้เหมือนกันว่าไอปลาดุกหน้าโจรนั่นพูดอะไรเพราะกูก็ฟังไทยไม่รู้เรื่อง
มาถึงแม่งผลักอิแบคออกไปจากรัศมี วินาทีนั้นผมรู้เลยว่าแฟนกูโดนแน่ๆแล้ว จะเดินตามไปคว้าตัวมันไว้
กูต้องปกป้องแฟนให้ได้
“ฟอด! “
แต่ผมคิดผิดไปนิด
มือที่กูเอื้อมไปดึงตัวไอ้แบคกลับมากลับโดนกระชากด้วยมือสากต่อหน้าต่อตาจนกูเซไปด้านข้าง
พี่หน้าแมงดาเขย่งขึ้นมาหอมแก้มกูดังฟอดเต็มๆเน้นๆไม่มีกั๊ก
ตอหนวดแข็งๆทิ่มหน้ากูจนรู้สึกขนลุก กลิ่นเหล้าเหม็นเขียวหึ่งตลบอบอวลในความรู้สึกจนอยากจะอ้วกออกมา
นี่แม่งคนไทยเขาทักทายกันแบบนี้หรอวะ
“!!!!!! “
บรรดาเดอะแก๊งค์ยืนอึ้งกิมกี่กันเป็นแทบ
ไม่เว้นแม้กระทั่งอิแบคที่ตอนนี้ปลอดภัยดี
ยืนมองกูด้วยท่าทางสตั๊นแข็งทื่อไร้ปฏิกริยาตอบโต้ใดๆ ผมส่งหน้าร้องไห้ไปให้มัน
ไม่มีใครคิดจะช่วยกูเลย
และก่อนที่จะประสาทแดกไปกว่านั้น
น้ำในถังสาดมาพร้อมกับน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่กระแทกเข้ากลางเบ้าหน้ากูเต็มๆจนเบลอ
พี่หน้าแมงดาล้วงเข้าไปในกระป๋องที่เพื่อนตัวเองถือมาก่อนจะจกแป้งขึ้นมาเป็นก้อนแล้วป้ายเสยหน้ากูเต็มๆ
รู้สึกวินาทีนั้นกูเป็นกุ้งชุบแป้งโกกิที่รอเตรียมทอด
แป้งแม่งเข้าจมูกเข้าตาจนมองอะไรไม่เห็น ผมเข่าอ่อน ทรุดลงบนพื้นในทันที
“เห้ยไอยอลๆๆ มึงไหวปะเนี่ย “
เป็นไอ้แบคที่เข้ามารวบตัวกูไว้
แต่มันคงแบกน้ำหนักกูคนเดียวไม่ไหวเลยล้มลงไปทั้งคู่ ผมหลับตาปี๋ด้วยความแสบตา
มือเล็กที่ชุ่มด้วยน้ำเลื่อนมาลูบหน้าผมอย่างรีบร้อนแล้วช่วยเอาน้ำล้างออกให้
ไอสัด กูเกลียดสงกรานต์จัง ปืนฉีดน้ำที่ถืออยู่ในมือนี่ไม่ได้ช่วยอะไรกูเล๊ย
“แบค ..กู . ไม่ ไหว ... ฝากลูกเมียข้าด้วย ..
โอ้ย“
ผมนอนอยู่บนตักอิแบค หายใจรวยรินปานจะขาดใจให้ได้
ฉับพลันนึกถึงหนังสงครามที่กูเคยดูบ่อยๆ
ฉากที่พระเอกใกล้ตายแล้วฝากฝังนางเอกไว้กับเพื่อน
ผมละล่ำละลักพูดออกไปด้วยความลำบาก ในปากอมแป้งอยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ
อิแบคซัดอย่างแรงเข้าที่กลางกระบาลกู ก่อนจะผลักผมออกไปจากตัก
“เมียมึงก็กูเนี่ยไอสัด ลุก! เร็วๆกูหนัก “
△ ▲ △
หลังจากผ่านอิป้อมทรราชนั่นไปได้ก็สนุกสนานแล้วครับ
ไม่ได้เหี้ยอย่างที่คิด ทุกคนเล่นน้ำกันด้วยความสุภาพ แม้จะมีสาดอัดหน้ากันบ้าง
สำลักกันไปบ้าง แต่ก็ไม่จังไรเท่ากับอิพวกหน้าปลาไหลตรงป้อมเมื่อกี้
ทุกคนก็มีรอยยิ้มให้แก่กัน เพื่อนๆพร้อมหน้า พี่น้องพร้อมหมู่ ต่างมาดูรายการสุขสันต์
(พอ ไม่ใช่เจ้าขุนทอง =_=)
“ยอลกูปวดฉี่อะ “
ยืนเติมน้ำกันอยู่ดีๆอิแบคก็หันมาบอกพร้อมกับย่ำเท้าทั้งสองข้างไปมา
ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มนั่นเงยหน้ามองผม สองแก้มนิ่มเลอะแป้งเล็กน้อย
ริมฝีปากเล็กเริ่มเขียวและสั่นพั่บๆด้วยความหนาว เนื่องจากเราก็เล่นกันมานานพอสมควรแล้ว
“ทนหน่อยเตี้ย แถวนี้ไม่มีห้องน้ำอะดิ”
ผมมองซ้ายมองขวาแล้วเกลี่ยแป้งที่ติดอยู่ที่มุมปากเล็กออกให้
ไม่มีวี่แววของห้องน้ำเลย ถ้าจะเข้าก็คงต้องไปเข้าในห้าง
แต่มึงตัวเปียกเค้าก็คงไม่ให้มึงเข้าอยู่ดี อิแบคเริ่มเบะ สองเท้าย่ำเร็วขึ้น
ท่าทางมันจะอั้นไม่ไหวแล้ว
“งั้นมึงฉี่แม่งตรงนี้เลย
ตัวเปียกไม่มีใครรู้หรอก “
ผมบอกมันอย่างนั้น เพราะกูกำทำอย่างนั้นเหมือนกัน
อย่างเทพ กูเดินไปฉี่ไปยังไม่มีใครรู้เลย ก็ถนนมันเปียก
ตัวกูก็เปียกก็เลยจัดไปซะเต็มกระบอก อิแบคก้มหน้ายืนเฉยๆไม่ได้พูดอะไร
ให้เดาตอนนี้มันคงฉี่อยู่ ผมก้มลงมอง มวลน้ำกำลังไหลผ่านขาลงสู่พื้นปูนอย่างช้าๆ
“ขำอะไรสัด “
“ฮ่าๆ .. เสร็จยัง “
ผมพยายามกลั้นขำ
ถามอิแบคก่อนจะเอื้อมไปตักน้ำใส่ขันมาราดตัวมันให้
ท่าทางมันจะปวดมากจริงๆจนทนไม่ไหว
เพราะปกติผมบอกให้มันทำอะไรแบบนี้แม่งคงด่าผมไปแล้ว น่ารักจริงๆ
“โล่งยัง “
“เงียบปากไปเลยไป “
มันทุบอั้กเข้าให้ที่แขนผมแรงๆหนึ่งทีแล้วสะบัดหน้าหนีงอนๆ
ปากเขียวๆนั่นขัดกับแก้มที่กำลังแดงปลั่ง ให้เดามันคงเขิน ผมหัวเราะ
หันไปกรอกน้ำใส่กระบอกฉีดน้ำให้เต็มทั้งสองกระบอก
“เด็กๆชอบโคโยตี้ “
เดินเล่นไปเรื่อยๆจนถึงเวทีเตี้ยๆที่มีบรรดาสาวน้อยใหญ่ขึ้นไปเต้นเร่าๆอยู่บนนั้นอย่างเมามันส์
ไอ้เฉินตาเป็นประกายก่อนจะวิ่งพรวดเข้าไปยืนเต้นเย้วๆอยู่ข้างล่างอย่างสนุกสนาน
พี่ลู่หานก็เอากับเขาด้วย ไอ้คริสกับไอ้เทาเดินไปนั่งหลบมุมอยู่ตรงฟุตบาทด้วยความเหนื่อย
ส่วนไอ้ไคกับไอ้ฮุนพากันเดินเข้าเซเว่นไปแล้ว
ซื้อข้าวไข่เจียวมานั่งแดกกันริมฟุตบาท
ก่อนที่อิสองหน่อที่หายเข้าไปในเซเว่นจะตามมาสมทบ
เครื่องดื่มหลากชนิดถูกแจกให้มือต่อมือ ทุกคนตัวสั่นปากเขียว
เอาช้อนพลาสติกตักข้าวเข้าปากแล้วนั่งแดกเงียบๆด้วยความหิวโหย แค่เล่นน้ำสงกรานต์นี่แม่งดูดพลังกูมากเลย
“เดี๋ยวขากลับต้องกลับทางเดิมปะ“
อยู่ๆไอ้ฮุนก็พูดขึ้นมา เล่นเอาผมสำลักข้าวจนแทบคว้าน้ำมาแดกไม่ทัน
นึกถึงอิป้อมเหี้ยนั่นแล้วก็หนาวขี้ คือแป้งยังคาจมูกกูอยู่เลย
จะแงะก็แงะไม่ออกเดี๋ยวแม่งก็หาว่ากูแคะขี้มูกกันอีก
ขากลับเดินอ้อมเอาได้มะกูรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้
“คนไทยแม่งทำไมเถื่อนกันจังวะ กูตกใจอะ
นึกว่าจะเข้ามาหาอิแบค แต่เสือกปี้ไอยอลซะงั้น “
“รสนิยมแม่งเห่ยมากอะ “
“อ่าวๆๆๆๆทำไมพวกมึงพูดงี้ “
ทั้งไอ้เฉินและไอ้เทานั่งวิจารณ์กูกันใหญ่
ผมเอาช้อนพลาสติกชี้หน้ามันแล้วพูดจนข้าวในปากกระเด็นใส่หน้า ทำไม กูมันทำไม
ออกจะหล่อซะขนาดนี้ หน้าตาไม่ดีเท่ากูอย่ามาพูดๆๆๆๆๆ
“เอ้ยมึงแต่หน้ามันสวยนะ
ถึงรูปร่างท่าทางและน้ำเสียงจะไม่ให้อะ "
พี่ลู่หานที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมาหลังจากกินเสร็จแล้ว
ปิดกล้องโฟมแล้วเอาหนังยางรัดพลางยัดใส่ถุงพลาสติกสำหรับทิ้งขยะ
ผมได้แต่มองหน้าพี่แกด้วยสายตาแปลกๆ จะเถียงก็ไม่กล้า
เพราะกูไม่รู้ว่าเขามาอารมณ์ไหน
“มึงดูอย่างไอฮุนยังเอาอิดำนี่เลย
เรื่องรสนิยมนี่คนเรามันไม่เหมือนกันเว้ย เค้าดูกันที่ใจ “
“เอ่าๆสัดคริส กูไปดำบนหัวนมพ่อมึงไง๊ แหม่ “
“เอ้ยๆๆๆๆหยุดๆๆๆๆ อย่าตีกัน “
ไอ้คริสกับไอ้ไคเถียงกันจนอิแบคต้องเอ่ยห้ามทัพก่อนจะมีการพ่นข้าวกันเกิดขึ้น
อิพวกเหี้ยนี่แม่งยิ่งชอบเล่นอะไรพิเรนทร์ๆกันอยู่ด้วย ผมเปิดชาเขียวแดกแก้เซ็ง
ก่อนจะกระดกอั้กๆเข้าไปรวดเดียวครึ่งขวด
มองน้ำสีเหลืองๆที่เหลือในขวดแล้วมันก็ทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“หึ .. “
“มึงจะทำอะไรวะ “
เป็นไอ้เทาที่เอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่ผมลุกพรวดขึ้นพอดี
ได้แต่ยิ้มโรคจิตอย่างมีเลศนัยไปให้พวกมันเท่านั้น
ค่อยๆหมุนเปิดกระบอกปืนฉีดน้ำออกมา โป๊ะเช๊ะ! เหลือน้ำครึ่งนึงพอดี
ประจวบเหมาะกับที่กูปวดyeahอยู่ด้วย
คิดได้ดังนั้นก็จัดการหันหน้าเข้าแพงแล้วถกกางเกงลงเล็กน้อย จัดการเยี่ยวใส่กระบอกฉีดน้ำไปซะเต็มแม็กซ์
คือกะเอาเปรี้ยวทั้งกระบอก
“ไอยอลมึงทำไรอะ “
คุณแฟนตัวเล็กถามหวาดๆในขณะที่ผมรูดซิบกางเกงเรียบร้อยแล้ว
ผมขำก๊ากออกมาด้วยความสะใจพลางหมุนกระบอกใส่ปืนฉีดน้ำเข้าไปอย่างเก่า
ก่อนจะเขย่ามันอย่างแรง shakeๆอยู่อย่างเมามันส์ประหนึ่งบ๋อยที่ทำหน้าที่ชงเหล้าอยู่ในผับ
คลุกเคล้าให้เข้ากัน เอาให้กลมกล่อม
“เดี๋ยวมึงเจอน้ำโอวัลตินกู “
เท่านั้นยังไม่พอ
ก้มตักน้ำที่ขังอยู่ที่พื้นขึ้นใส่กระป๋อง มวลน้ำสีน้ำตาลเข้มข้นกระเฉาะไปมาตามแรงหัวเราะ
ผมตักไปก็ขำไป ใส่น้ำแข็งให้หน่อยแล้วคนๆให้เข้ากัน ทั้งเศษดินและน้ำปนกันเป็นเนื้อเดียว
“ปะมึง ย้อนกลับทางเดิม กูพร้อมแล้ว “
บ่ายสามกว่าๆแล้ว คนเริ่มเยอะมากกว่าตอนขามาเป็นสองเท่า
ตอนนี้มีแต่มนุษย์ตัวเปียกๆลื่นๆที่เดินเบียดเสียดกันมากมายประหนึ่งปลาดุกในคลองข้างวัด
แม้ว่าจะโดนสาดน้ำมาเท่าไหร่ผมก็ไม่ตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เดินกอดปืนฉีดน้ำอันใหญ่ของตัวเองไว้แนบอก
กะจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์ให้พี่หน้าแมงดาสุดที่รักของผมคนเดียวเท่านั้น
เดินไปก็เต้นไป เปิดเพลงโป๊ะตรึ่งๆกันลั่นหาด
ทะเลโฟมเริ่มถูกปล่อยออกมาตามจุดต่างๆ จุดนี้คือพีคที่สุดแล้ว
“ไอยอล! “
“อะไร “
อยู่ๆอิแบคที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หันมาแหวใส่ผมเฉยเลย
คิ้วเรียวขมวดแน่นพร้อมกับมองผมด้วยสายตาคาดโทษ ผมตอบมันกลับไปอย่างงงๆ
นี่กูยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ
“สัด! อีกแล้วนะ กูไม่เล่น!! “
“อะไรวะกูยังไม่ทันทำอะไรเลย “
เดินไปเรื่อยๆมันก็หันมาตวาดใส่ผมอีก
คราวนี้กูงงเลย มันหันมาซัดที่แขนผมแรงๆด้วยหนึ่งทีจนต้องลูบแขนตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ
นอกจากกูจะไม่รู้เรื่องแล้วกูยังโดนมันตีด้วยนะเนี่ย
“ก็มึง!! .. “
“กูทำไม =_=”
“ก็มึงบีบตูดกูทำไมอะ “
“เห้ย กูเปล่า!”
อิแบคกระซิบให้เบาลงในประโยคหลัง
เล่นเอากูเลือดขึ้นหน้าทันที เหลือกตากว้างด้วยความอาฆาตแค้นแล้วกวาดสายตาสแกนไปโดยรอบ
ใครแม่งบังอาจบีบตูดแฟนกู นี่เดี๋ยวจะไม่ได้ตายดีซะแล้ว เดี๋ยวพ่อซัดด้วยกระบอกเยี่ยวกูเนี่ย
เอาให้หลับ
“มึงบีบตูดแฟนกู!!!!!!!! “
ในจังหวะที่โดนเหยียบตีนพอดี
ผมก้มลงไปมองคนที่เหยียบ ไอหน้าเต้าหู้ยี้ที่เดินเบียดข้างๆผมมาตลอดนี่เองที่แม่งแอบบีบตูดแฟนกู
หลักฐานคาตาเลยสัด มือมึงคาตูดแฟนกูเลย ผมตะโกนลั่นแล้วถีบมันจนล้มลงไปกับพื้น ผู้คนแตกฮือเป็นวงกว้างด้วยความตกใจ
“เฮ้ยไอยอลใจเย็นๆ”
ไอ้ไคเข้ามาห้ามในขณะที่ผมกำลังจะลงฝ่าตีนไปที่กลางท้องมันอีกครั้ง
ให้ดูจากหน้าแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคนไทย มันอาจจะเป็นคนจีนหรือไม่ก็คนเกาหลีเหมือนผมก็ได้ถึงได้ทำหน้าเหมือนฟังผมรู้เรื่องแบบนั้น
ผมทั้งดิ้นทั้งถีบ เตะขามั่วๆจนไอ้ไคแทบจะเอาผมไม่อยู่
ไอ้คริสกับพี่ลู่หานช่วยเข้ามาห้ามผมอีกแรงในขนาดที่ทุกคนยืนล้อมไว้โดยรอบแล้วตะโกนเชียร์
นี่มันไทยมุงของแท้เลย
“เหี้ยไคปล่อยกู ถ้าเป็นไอ้ฮุนโดนมั่งมึงจะทำไง“
“มันไม่ทำไงหรอกสัด
เมื่อกี้มันยังบีบตูดกูอยู่เลย“ ไอ้ฮุนเอ่ยเข้ามาในวงล้อม
“เหี้ย! กูเปล่า “ ไอ้ไคปล่อยแขนออกจากคอผม
เอาแล้ว
“เอ่ามึงไม่ได้ทำหรอ “
“ก็มึงยืนอยู่ข้างหน้าไอ้แบค กูกับไอ้ยอลอยู่หลังกูจะไปบีบมึงได้ไง
“
“เออว่ะ “
“.. งั้นก็แปลว่าไอ้หน้าตุ่นนี่ทำหรอ “
.......
เงียบกันไปพักใหญ่ๆ
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรทั้งนั้น จากที่ห้ามผมอยู่เมื่อกี้ กลับเป็นไอ้ไคเองที่พุ่งเข้าไปซัดหมัดลุ่นๆใส่ไอหน้าจืดนั่นแล้วกระทืบให้ลงไปนอนอีกรอบแบบไม่มีทางโงหัวขึ้นมาได้
ผมเข้าไปร่วมคลุกวงในด้วย ก่อนการตะลุมบอนจะเกิดขึ้น
เสียงตุ้บตั๊บดังคลอกับเพลงลูกทุ่งฟังดูไพเราะเป็นที่สุด
“sorryๆๆๆ “
สองแขนยกขึ้นปรามเป็นเชิงยอมแพ้
จนกระทั่งผมที่ได้สติก่อนดึงแขนไอ้ไคให้หยุดแล้วออกวิ่งไปด้วยกัน
พวกไอเฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังโกยแน่บตามมาเมื่อเห็นเหล่าตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฏ์กำลังฝ่าวงล้อมของฝูงชนมาทางนี้
เรื่องอะไรจะอยู่ให้พ่อมึงมาจับล่ะครับ วิ่งดิวิ่ง
“แฮ่ก!! “
“อ้าว น้องทอม เจอกันอีกแล้ว”
กว่าจะฝ่าฝูงคนมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อย
หลุดกลุ่มคนมาก็เจออิป้อมทรราชที่ทำระยำกับผมไว้ในทันที อีพี่หน้าแมงดาเดินเข้ามาหาพร้อมกับอ้าแขนออกกว้างแล้วเอ่ยประโยคอะไรสักอย่างที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ
ผมยกกระบอกปืนฉีดน้ำขึ้น
สูบลมเข้าไปเยอะๆแล้วอัดไปเต็มแรงในขณะที่พี่แกกำลังอ้าปากจะพูดทันที
“เอาไปแดกซะไอเหี้ย!! “
“อ้าว ไม่ใช่คนไทยหรอ แล้วทำไมน้ำเค็มๆวะ .. “
ไม่รอให้แม่งสงสัยไปกว่านั้น ผมสาดน้ำโอวัลตินในกระป๋องที่เตรียมมาอัดหน้าพี่แกเข้าไปทันที
เล่นเอาเสื้อขาวๆชุ่มไปด้วยน้ำโคลน ล่อแป้งเป็นถุงแล้วตามด้วยน้ำเพราะขี้เกียจจะผสมให้มันเข้ากัน
“มะ! “
กวักมือเรียกเดอะแก๊งค์ให้ตามเข้ามาสมทบ
นึกสภาพแปดคนรุมคนๆเดียว ทั้งแป้งทั้งโคลนทั้งน้ำแข็งมาครบ ก่อนที่ผมจะส่งสัญญาณให้ไอ้เฉิน
เทา คริสยกตัวผมขึ้น นอนคว่ำอย่างเท่ห์ๆแล้วให้มันหามถอยหลัง
เล็งปืนเหมือนทหารที่หมอบอยู่ตามพงหญ้ากลางสนามรบ ฉีดน้ำผสมสารเวน่อมที่กูเป็นคนมิกซ์เองกับมือ(เยี่ยวกูเอง)ใส่อิพวกหน้าปลาดุกในป้อมให้ตายทีละคน
“เฮ้ยน้อง ผสมชาเขียวหรอ หรือเซเว่นอัพวะ “
“กูฟังไม่รู้เรื่องฮะพี่ !!!!!!!“
อิพวกหน้าโจรยืนงงอยู่ตรงนั้น
ตะโกนถามผมที่ตอนนี้ถูกหามมาไกลเรื่อยๆแล้ว กูฟังไม่รู้เรื่อง
หรือต่อให้ได้ยินกูก็จับใจความไม่ได้โว้ย ผมทำได้แค่ตะโกนตอบกลับไปเป็นภาษาเกาหลี
ยักคิ้วให้แล้วส่งยิ้มละมุนเพียงเท่านั้น ฉับพลันที่พี่หน้าปลาชะโดผู้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าป้อมยกมือเปียกๆที่ชุ่มสารเวน่อมของผมขึ้นมาดม
ชายฉกรรจ์หกเจ็ดคนลุกฮือถืออาวุธแล้วออกตัวล้อฟรีมาทางนี้ทันที
“ฉิบหาย!”
เรามีแค่ปืนฉีดน้ำแต่ไอพวกนั้นแม่งมีปืนจริง ไอ้เฉินกับไอ้คริสทิ้งกูลงพื้นเลย
ไอ้เทาคนเดียวจึงไม่สามารถยกตัวผมไว้ได้ ร่างกูกระแทกลงเต็มๆกับพื้นปูนดังบรั๊ก
ป่านนี้ซี่โครงกูคงหักทิ่มปอดไปแล้ว ไม่มีเวลาให้ร้องโอดโอยใดๆ อิพวกเดอะแก๊งค์รักผมมากถึงขนาดวิ่งสี่คูณร้อยนำกูไปก่อนแล้วสิบห้าเมตร
ไม่ต้องถามเลยว่าแฟนกูอยู่ใน แม่งวิ่งคนแรกอยู่หน้าขบวน ผมไม่รอช้า
รีบลุกขึ้นแล้วโกยแน่บตามไปอย่างไว
“รอกูโด้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! “
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
Happy songkran day .
THE END
ปล. เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าเล่นสงกรานต์ เพราะถ้าเล่นมันจะเปียก
555555555555555555555555555555555555555555555555
See you yesterday
เจอปืนครับ bye