chapter 4 โจ๊กหมู
“ยะ .. อย่านะโว้ย “
“หึ”
เสียงเล็กร้องห้าม
แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยให้ผมอยากจะปล่อยมันไปเลย
กลับกอดมันแน่นขึ้นกว่าเดิมแล้วโน้มใบหน้าลงไปหามันช้าๆ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก
รู้สึกตัวเองเป็นเมะหล่อก็ตอนนี้แหละครั้งแรก อารมณ์มันเป็นแบบนี้นี่เองใช่ไหม เอาจริงๆมันก็เท่ห์ดีนี่
“อื้อ “
โน้มหน้าลงไปจนคอจะหัก
กว่าริมฝีปากของผมจะประกบกับมันได้ ตกลงมันเตี้ยหรือว่ากูสูงเกินไปก็ไม่รู้
ไอ้แบคร้องประท้วงทันทีที่ริมฝีปากของเราแนบชิดกัน แต่ผมไม่สนใจ
ส่งปลายลิ้นชื้นไล้สัมผัสริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้นเบาๆ ดุนดันมันเล็กน้อยจนริมฝีปากบางยอมเปิดออก
แรงผลักจากมือเล็กที่เต้านมขวาของผมยังดื้อดึง
คนตัวเล็กยังคงไม่ยอม ทั้งๆที่มึงจะเอาหน้าหลบกูก็ได้
แต่ก็ไม่เห็นมันจะทำอย่างนั้น สงสัยเป็นวิธีการอ่อยอย่างหนึ่งที่ผมเองก็ตามไม่ทัน
คิดได้ดังนั้นผมก็ส่งลิ้นผ่านโพรงปากร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนกับลิ้นเล็กๆนั่นในทันที
เอียงใบหน้ารับองศาก่อนจะขบเม้มริมฝีปากบางนั้นอย่างเอาแต่ใจ
สองมือคลายกอดจากเอวเล็กแล้วเลื่อนไปตำแหน่งอื่น
ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วจนคนตัวเล็กเริ่มจะคล้อยตาม
“โอ้ย “
แต่ผมคิดผิดมหันต์ ฝ่าเท้าเล็กๆกระทืบลงที่ตาปลาของผมอย่างจัง
จนผมต้องผละริมฝีปากออกมาร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แต่มีหรือกูจะยอม
ผมเอื้อมมือไปปิดน้ำจากฝักบัว(กลัวเปลืองค่าน้ำ)
ก่อนจะดันร่างเล็กๆนั้นชิดกับกำแพง สองมือของผมกดมือเล็กไว้กับผนังจนไอ้แบคขยับหนีไปไหนไม่ได้
“มึง! อุ้บ .. “
ไม่รอให้มันด่าไปมากกว่านี้ ผมโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบคนปากดีอีกครั้ง
ปากดีแต่ไม่รู้ว่าลีลาดีหรือไม่ และวันนี้เราจะมาพิสูจน์กันนะครับท่านผู้โช้ม
ผมใช้เข่ากดขาทั้งสองข้างของมันไว้เพื่อไม่ให้มันมีโอกาสได้เตะผ่าหมากผมได้
ลูกชายใครใครก็รัก
จนกระทั่งแบคฮยอนสิ้นฤทธิ์ที่จะขัดขืนแล้ว ผมจึงปล่อยริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้นให้เป็นอิสระ
เลื่อนใบหน้าลงไปซุกอยู่กับซอกคอขาวเนียนที่เปียกชื้น สองมือริดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางออกจนหมด
กดจูบเบาๆซับหยดน้ำให้ด้วยริมฝีปากอุ่น ไล้ลิ้นชิมน้ำประปาบนลำคอสวยจนทั่ว
นึกว่าจะเค็ม ที่ไหนได้.. โคตรเค็ม (ล้อเล่น)
“ชานยอล ไม่เอา “
“แต่กูจะเอานี่ “
“อะ ..ฮื่อ “
ตอบมันไปเท่านั้นพลางก้มหน้าลงต่ำ
ดึงรั้งสาบเสื้อที่เปียกโชกออกไปจากหัวไหล่ขาวเนียน
สองมือของผมเลื่อนจากการจับกุมมือเล็กเปลี่ยนเป็นโอบรัดเอวคอดนั้นไว้แทน กดจูบเบาๆที่ปลายยอดอกเล็กก่อนจะใช้ริมฝีปากครอบครองมันอย่างแช่มช้า
ลงลิ้นหนักๆพลางขบเม้มดูดดึงมันเล่นจนแผ่นอกบางแอ่นผวา
มือน้อยจิกไหล่ผมอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ
“ใจคอมึงจะจิกให้เนื้อกูหลุดติดมือไปเลยใช่ไหม “
ผมละริมฝีปากออกจากแผ่นอกเล็ก
ก่อนจะกดจูบไล่ลงไปเรื่อยๆ
พูดงึมงำกับร่องสะดือสวยพลางส่งปลายลิ้นลงไปละเลงหนักๆจนคนตัวเล็กในอ้อมกอดต้องดิ้นพล่าน
ดึงรั้งขอบบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วลงไปจนถึงหัวเข่า เผยให้เห็นแก่นกายขนาดน่ารักกำลังลุกขึ้นเซย์ไฮอยู่ตรงหน้า
“สัดชานยอล กูไม่เอาจริงๆนะ .. “
“งั้นเอาเล่นๆก็ได้ “
ไอ้แบคบอกผมเสียงสั่น มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่ผมเลย ริมฝีปากอิ่มเบะคว่ำลงดูน่ารัก ใบหน้าแดงๆนั้นก้มลงมองผมด้วยสีหน้าอ้อนวอน
แต่ผมไม่เห็นจะรู้สึกสงสารมันเลย กลับรู้สึกว่าน่าเอาแรงๆ มากกว่า
“อะ .. อ๊า “
เลิกสนใจใบหน้าน่ารักนั่นแล้วก้มลงไปอีกครั้ง
แตะปลายลิ้นลงที่ส่วนหัวของแก่นกายเล็กเบาๆเป็นการหยั่งเชิง
เพียงเท่านั้นขาเรียวก็สั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่ ผมหัวเราะ
ก่อนจะช่วยจับขาเรียวข้างหนึ่งพาดไว้บนบ่าของตัวเองเพื่อไม่ให้มันล้มพับลงไปเสียก่อน
ก่อนจะใช้ริมฝีปากร้อนครอบครองแก่นกายเล็กนั้นไว้จนสุดลำ
“อ๊า .. ชะ .. ชานยอล บอกว่าไม่เอาไงวะ “
ขยับริมฝีปากเข้าออกช้าๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ใช้โพรงปากร้อนบีบรัดแก่นกายเล็กนั้นเบาๆ ไอ้แบคตัวงอเกร็งหน้าท้องแน่น ครางเสียงสั่นพลางหนีบขาเข้าหากันอย่างสุดจะทน
มือน้อยพยายามจะผลักหัวผมออกไป
ให้เดาว่ามันคงจะเสียว
คิดได้ดังนั้นผมจึงใช้ลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วแก่นกายเล็ก ตวัดปลายลิ้นรัวๆหนักๆที่ส่วนปลายให้แฟนได้
เสียว มากขึ้นไปอีก
“ฮะ ..อึก .. “
มือเล็กจิกไหล่ผมแรงขึ้นอีกเมื่อผมส่งนิ้วเรียวเลื่อนไปที่ช่องทางด้านหลัง
ไล้ปลายนิ้ววนรอบรอยจีบนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆกดจมลึกลงไปช้าๆ มันคับแน่นมากๆ
จนนิ้วของผมไม่สามารถสอดเข้าไปได้จนสุด
ผนังอุ่นร้อนตอดรัดนิ้วผมตุ้บๆอย่างเป็นจังหวะจนสัมผัสได้
“ชานยอล
กู .. กูเจ็บ “
ไอ้แบคบอกผมเสียงเบา
ในน้ำเสียงนั้นดูอ่อนแรงเหลือเกิน
ช่องทางอุ่นร้อนตอดรัดรุนแรงจนผมต้องถอนนิ้วออกมา แล้วหันกลับไปให้ความสนใจกับแก่นกายเล็กที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยนั้นแทน
ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะลากปลายลิ้นไล้เลียจากส่วนปลายไปจนสุดโคนจนคนตัวเล็กครางระงม
“อ๊า .. มะ ไม่ไหว“
มือบางสอดเข้ามาขยุ้มที่กลุ่มผมของผมอย่างเร้าอารมณ์
ก่อนร่างเล็กๆจะทิ้งน้ำหนักลงมาที่ไหล่ของผมอย่างหมดแรง
ขาเรียวข้างเดียวที่ใช้ยืนนั้นจิกปลายเท้าลงกับพื้นห้องน้ำด้วยความเกร็ง
ดูท่าทางมันคงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมจึงครอบครองแก่นกายเล็กไว้ด้วยริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง
ส่งอุ้งมือร้อนช่วยรูดรั้งให้มันเร็วรัวเพื่อให้คนน่ารักของผมได้ไปถึงฝั่งฝันไวๆ
“อ๊ะ !!.. อ๊า “
จนถึงที่สุดแห่งห้วงอารมณ์
แบคฮยอนเกร็งตัวแน่นก่อนจะกระตุกเล็กน้อย
แก่นกายเล็กฉีดพ่นน้ำสีขุ่นอุ่นร้อนเข้ามาเต็มโพรงปาก ผมตวัดลิ้นไล้เลียส่วนปลายทำความสะอาดให้ก่อนจะเก็บกลืนมันลงไปอย่างไม่รังเกียจ
ถามว่าเค็มไหม มันก็เค็มอะแหละ
“แฮ่ก .. “
เมื่อปล่อยขาเรียวบนบ่าให้เป็นอิสระ
ไอ้แบคทรุดฮวบลงไปนั่งที่พื้นห้องน้ำอย่างหมดแรงในทันที แผ่นอกบางกระเพื่อมสั่นไหวไปตามแรงหอบหายใจ
ฝ่ามือขาวเท้ายันตัวเองไว้กับพื้น
ริมฝีปากบางเผยอออกน้อยๆเพื่อช่วยรับออกซิเจนเข้าปอด
ผมกลืนน้ำลายเหนียวฝืดคอลงไปอย่างยากลำบาก ภาพที่เห็นตรงหน้ามันเอ็กซ์ยั่วอารมณ์ผมเหลือเกิน
“ลุกไหวไหม “
เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้มาคาดเอวเอาไว้ก่อน
จะให้มันเห็นว่าลูกชายผมยังยืนโด่เด่อยู่ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่
ผมค่อยๆพยุงมันให้ลุกขึ้นแล้วจับมันอาบน้ำ
คิดว่ามันคงจะไม่มีแรงไปทำอะไรได้ในตอนนี้
“... “
ไม่ได้พูดอะไรไปกว่านั้น
ไอ้แบคเองก็เงียบเหมือนกัน มันคงจะอาย คนตัวเล็กก้มหน้างุดจนคางติดอก
ในขณะที่ผมก็รีบอาบน้ำให้มัน ตั้งหน้าตั้งตาฟอกสบู่ไปทั่วเรือนร่างขาวเนียนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปหาอย่างอื่น
ทั้งๆที่ในหัวกำลังคิดอกุศลกับมันล้านแปดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อาบน้ำให้มันเสร็จแล้วก็ออกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้อีกผืน
ใช้ผ้าผืนใหญ่ห่อคนตัวเล็กซะจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา ผมยีหัวมันหนึ่งที
ก่อนจับไอ้แบคหันหลังแล้วดันมันออกไปจากห้องน้ำ
“เฮ้อ “
เดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกรอบ ถอดผ้าเช็ดตัวออกแล้วพิงตัวเองไว้กับผนังห้องน้ำพลางพรูลมหายใจออกมา
สุดท้ายก็ไม่ได้เอา แค่เห็นว่ามันเจ็บผมก็ไม่กล้าไปต่อแล้ว
“อ่า .. แบคฮยอน .. แบคฮยอน “
จนสุดท้ายกูก็ว่าวเหมือนเคย เป็นเด็กดีครับ
อนุรักษ์การละเล่นไทยอย่างยิ่ง
ไม่รู้จะอนุรักษ์เพื่ออะไรในเมื่อผมเป็นคนเกาหลีโดยชาติกำเนิด ผมหลับตาลงพลางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเสียวสุดจะทน
ก่อนจะสาวมือชักขึ้นลงเร็วๆ แค่นึกภาพหน้าไอ้แบคเมื่อกี้ตอนมันกำลังครางก็ทำให้ผมถึงจุดสุดยอดได้ไม่ยากเลย
เซ็กซี่จริงๆ
“ซิ้ด ..อึก! “
กระตุกเกร็งก่อนจะพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาจนเลอะกำแพงห้องน้ำ
โห พุ่งแรงแซงโค้งมากๆ ณ จุดๆนี้ ตกลงนี่เจี๊ยวหรือปืนฉีดน้ำ
อย่างงี้สงกรานต์ผมคงไม่แพ้ใครแล้วแน่ๆ
เมื่อเสร็จกิจก็อาบน้ำชำระร่างกายของตัวเอง เมื่อยมือสัด
รู้ละทำไมกล้ามกูขึ้นทั้งๆที่ไม่เคยเล่นฟิตเนส ไม่รู้ผมต้องทนว่าวเองอย่างงี้ไปอีกนานแค่ไหน
แต่ก็ถือว่าก้าวหน้าไปได้หนึ่งก้าวแล้วล่ะนะ .
“เอาทุกอย่างมาครบแล้วใช่ไหม “
ผมถามไอ้แบคในขณะที่เราทั้งคู่กำลังขับรถไปมหาวิทยาลัย
คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับพยักหน้าหงึกหงักในขณะที่กอดกระเป๋าเอาไว้แน่น
จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่พูดอะไรกับผมสักคำ
“เช้านี้อยากกินอะไร จะพาไปกิน “
“กินโจ๊กได้ไหม อยากกินโจ๊กร้อนๆ “
“ได้ครับ “
ผมตอบเท่านั้น ก่อนจะเงียบกันไปตลอดทาง ให้ตายเถอะแฮรี่
ภาพหน้าไอ้แบคที่กำลังร้องครางด้วยความเสียวสะท้านยังติดตาผมอยู่จนถึงตอนนี้
ผมพยายามเพ่งสมาธิไปที่ถนนตรงหน้า
แต่เสียงเพราะๆที่กำลังร้องเพลงคลอเบาๆนั้นทำให้ผมนึกถึงเสียงครางของมันทุกทีเลยจอร์จ
“เตี้ยมึงลงไปจองที่ตรงนั้นไว้ก่อน เดี๋ยวกูถอยรถ
“
จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย ที่จอดรถได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในวันปฐมนิเทศ
ผมไล่อิแบคลงไปยืนขวางที่จอดรถไว้เพื่อไม่ให้อิรถระยำคันอื่นมาแย่งกูจอดไปเสียก่อนตอนที่กำลังถอยรถ
ไอ้แบคพยักหน้า ก่อนจะวิ่งกอดกระเป๋าดุ้กๆไปยืนตรงกลางที่จอดรถ
ขับเดินหน้าไปนิดนึงแล้วถอยเอาตูดเข้า เวลาขับออกไปจะได้ออกได้ง่ายๆ
ผมมองกระจกมองหลังในขณะที่กำลังถอยรถ เห็นไอ้แบคยืนคุยงุ้งงิ้งอยู่กับผู้ชายส่วนสูงไล่เลี่ยกันคนหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ไอ้เวรตะไลนั่นมันถือวิสาสะยีหัวแฟนผม
และนั่นทำให้กูกำพวงมาลัยแน่นจนแทบจะหลุดติดมือออกมา
“ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
บีบแตรดังลั่นไปทั่วทั้งลานจอดรถ
แต่ไอ้แบคก็ยังไม่สนใจ จนผมต้องกดแตรรัวๆเป็นจังหวะสามช่า ไอ้ห่านั่นถึงเดินออกไป
ผมรีบถอยรถเข้าซองแล้วรีบลงมาจากรถ
“ไอ้หน้าตุ่นนั่นใคร “
ผมปิดประตูดังปังกะให้ดังไปยันเชียงใหม่ ก่อนจะเดินอ้อมรถไปหาไอ้แบค
“หน้าตุ่นไหน “
“ที่มาคุยกะมึงเมื่อกี้ มึงคุยอะไรกัน “ ผมส่งสายตาชิ้งๆวิ้งๆไปหามัน
หึงอะ หึง
“อ่อ กูทำกระเป๋าตังหล่นแล้วพี่เค้าเก็บให้ “
“แล้วทำไมมันต้องยีหัวมึงด้วย มันเป็นพ่อมึงหรอ “
“พ่อห่าไร
เค้าหยิบใบไม้ออกจากหัวกูให้ต่างหากว่อย “
“อ่าวเรอะ แล้วไป “
จบลงเท่านั้นกับบทสนทนาพ่อแง่แม่งอน ผมเดินจูงมือพาอิอ้วนไปหาข้าวแดกที่ร้านโจ๊กแถวๆหน้ามอ
คนเยอะอย่างกะหนอน
แถมมีแต่คนมองมาที่มันจนผมต้องโอบเอวมันไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“ไอยอลอย่าดิ มันไม่ดี “
“ไม่ดีอะไร อมกูก็อมมาแล้ว “
“เชี่ย! .. กูหมายถึงว่า
คนอื่นเค้าจะมองเราไม่ดี “
ไอ้แบคหน้าแดงอีกแล้ว
มันขืนตัวออกจากอ้อมแขนของผมสุดแรงพลางพูดเสียงเบา แต่ผมไม่ได้เถียงอะไรต่อ
เดินไปสั่งโจ๊กสองชามแล้วเข้าไปนั่งด้านในสุดของร้าน
ก่อนจะเปิดประเด็นอีกครั้งในระหว่างนั่งรอโจ๊กมาเสิร์ฟ
“ทำไมอะ “
“ก็ กูอยู่ปีหนึ่ง แล้วมึงอยู่ปีสอง
แถมเป็นพี่ว้ากอีก ถ้ามึงมาอะไรๆกับกู กูไม่อยากให้ใครเค้าเห็นแล้วหมั่นไส้อะ
สงสารกูเถอะจริงๆ กูอยากใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างสงบสุขนะ “
“ยังไงวะ “ ผมถามอีก โชว์โง่ไปหนึ่งที
“ก็แบบ มันคงดูไม่ดีปะวะถ้าสมมติว่า คนอื่นเค้ารู้ว่ากูเป็นแฟนมึงแล้วได้สิทธิพิเศษอะไรแบบนั้นอะ
คนอื่นเค้าก็จะหมั่นไส้อะ แล้วพี่ปีสองคนอื่นๆเค้าก็จะยิ่งแกล้งกูอะ
กูยังไม่อยากโดนแบนนะ มึงเข้าใจกูไหม “
“แล้วจะให้กูทำยังไงอะ มีแต่คนมองมึง
กูก็หวงเป็นเหมือนกันนะ .. อร่อก “ ผมถาม จ้วงโจ๊กที่เพิ่งมาเสิร์ฟเข้าปากอย่างรวดเร็ว
..อิเหี้ย!! ร้อน
“ก็ทำเหมือนปกติดิ เหมือนเพื่อนกัน ถือว่ากูขอ “ ไอ้แบคตอบ
ก่อนจะเอาหน้าจุ่มลงไปในชามโจ๊ก ป้าด อะไรจะหิวขนาดน้าน
“แล้วถ้ามันมีคนมาทำกะมึงเหมือนอิหน้าตุ่นเมื่อกี้กูจะทำยังไงอะ
มึงมันขี้ยั่วอะ กูปล่อยมึงไม่ได้หรอก “ ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เคี้ยวขิงในปากจนแหลกละเอียดด้วยความอาฆาตแค้น อิด๊อกกกก ขม
“โอย มึงเงียบๆแล้วแดกเถอะ “
อิแบคไม่ทนเสวนาต่อ
มันเอาหน้ากระแทกชามโจ๊กแล้วแดกเงียบๆ ผมก็ได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียวด้วยความไม่พอใจ
อยากจะงอแงใจจะขาดแต่ติดว่าคนเยอะ อีกอย่างอิลุงคนขายแม่งก็โหดอย่างกะอะไรดี
โจ๊กหมูในยามสายนี้จึงไม่อร่อยเท่า หมูโจ๊ก ของอิแบคเมื่อเช้าเท่าไหร่นัก
เซ็งจริงๆ ขิงให้เยอะกว่าข้าว ตกลงกูสั่งโจ๊กหรือผัดขิงกูก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว
แดกเสร็จก็จ่ายตัง อิอ้วนล่อไปสองชามเหนาะๆ
แล้วมีหน้ามาบ่นว่าจุก เอาเป็นว่าอิ่มสบายท้อง(มัน) แต่หนักท้องผม แดกเยอะยังไม่พอ
เสือกแวะซื้อไอติมร้านข้างๆกินอีก แดกไอติมตอนเช้าเนี่ยนะ มึงคิดได้ยังไง
หรือว่าผมจะต้องหางานพิเศษทำเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อเอาตังมาเลี้ยงข้าวอิช้างน้ำนี่กันนะ
ไม่เห็นมันจะมีจิตสำนึกคิดจะไดอ่งไดเอตอะไรเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าบ้างเลย มึงอวบจนมึงจะปริอยู่แล้วแบค
อีกไม่กี่โลมึงก็จะก้าวเลยคำว่าอ้วนไปแล้ว สงสารแฟนบ้าง ทุกวันนี้ผมได้แต่ปลอบใจตัวเองด้วยความคิดที่ว่า
อ้วนแล้วกอดจะได้อุ่น
“เดินจับมือหน่อยก็ไม่ได้หรอ “
“ไม่ “
ผมเดินตามหลังคนขาสั้นหนึ่งก้าว
เพราะกลัวว่าถ้าอยู่ข้างๆกันแล้วมันจะด่า
เอ่ยปากขอร้องต่อรองมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ได้แต่คำปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง
ผมหน้างอง้ำเป็นตูด อยากจูงมือแฟน จูงจมูกแฟน พาแฟนเข้าคอกเหมือนทุกวัน
แต่วันนี้กลับทำไม่ได้ สายตาหลายคู่จับจ้องมองมาที่แฟนของผม ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ชะนีและกระเทย ตุ้ดและเกย์ มาหมดทั้งซีรีย์
ผมเดินวนรอบร่างป้อมๆของแฟนหนึ่งรอบ
อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ใครหลายคนมองมาทางนี้ หนึ่ง มันลืมรูดซิปกางเกงหรือเปล่า สอง
มันใส่เสื้อกลับด้านหรือเปล่า สาม มันเอากางเกงในมาสวมหัวรึเปล่า สี่
มันเอาเสื้อในแม่มาคาดหัวไว้รึเปล่า และห้า หน้ามันเหมือนคนรึเปล่า .. แต่ดูเหมือนว่าห้าข้อที่พูดมานั้นจะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประการทั้งปวง
แต่เป็นเพราะว่าแฟนผม น่ารัก
แน่ๆ ถึงได้มีคนสนใจมากมายขนาดนี้
แล้วแบบนี้จะไม่ให้กูหวงได้ยังไง
“ส่งตรงนี้ก็พอแล้ว “
มันหันกลับมาบอก
อีกสองร้อยเมตรจะถึงตึกคณะ ผมยืนเบะปาก หน้าเป็นตูด อ้าแขนออกสองข้าง
“กอดก่อน”
“ตีนละกัน “
แต่ถึงอย่างนั้นอ้อมแขนของผมกลับไม่ได้รับการเติมเต็ม
ไอ้แบคบอกเท่านั้นก่อนจะแลบลิ้นแล้วหมุนตัวเดินกลับไป ทิ้งให้พระเอกที่มีสะเบ้าหน้าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟิคยืนหูสะบัดยู่ตรงนั้นในที่เปลี่ยว
ผมกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา มองคนตัวเล็กที่เดินทิ้งสะโพกยั่วยวนกวนส้นตีนด้วยตาละห้อย
เซ็ง
ห้ามบอกใครใช่ไหม ได้..
ได้เลยแบคกี้
หิ.ฉีกยิ้มปากถึงรูหู(โปรดนึกภาพตาม)
Kris part
“ก๊อกๆๆๆ “
หูกระดิกเล็กน้อยหลังจากได้ยินเสียงเคาะแรงๆที่หน้าประตูห้อง
ผมพลิกตัวหันไปมองก่อนจะหลับต่อด้วยความง่วง
ให้เดาว่าคงเป็นคุณแม่บ้านที่เสร่อมาปลุกคุณชายเล็ก(กูเอง
(ชายเล็กแต่อย่างอื่นใหญ่))เหมือนทุกเช้า ซึ่งมันก็ไม่เคยได้ผล
ผมจะตื่นก็ต่อเมื่อผมพอใจจะตื่นเท่านั้น ไง ดูเซเลปอะ เกร๋กู้ด
“ก๊อกๆ .. “
“เออคร้าบ “ ขานตอบไปเท่านั้น
วันนี้ดูเหมือนว่าป้าแม่บ้านจะขี้ตื้อเป็นพิเศษ
“ก๊อกๆๆ ปังๆๆๆๆ ตึงๆ! “
ผมลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะชุดใหญ่
ดูเหมือนป้าแม่บ้านจะฮาร์ดคอร์เกินกว่าการเคาะปลุกผมเสียแล้ว
ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าป้ากำลังใช้ตีนถีบประตูห้องผมอย่างแน่นอน ผมเดินขยี้หัวตัวเองประหนึ่งเหาแดกย่างสามขุมไปที่ประตูอย่างหงุดหงิด
ก่อนจะกระชากลูกบิดเปิดออกอย่างแรง
“!! “
ส่งยิ้มละมุนอบอุ่นเหมือนคุณชายผู้มากมารยาทให้คุณป้าเหมือนที่เคย(ตอแหล)ทำทุกครั้ง
แต่เหมือนวันนี้ป้าแกจะหน้าตาเปลี่ยนไปจากทุกวันที่ผ่านมา ป้าหน้าเหมือนพี่ลู่หานมาก
จนผมคิดว่าป้าคือพี่ลู่หานเลยอะ สราด เหี่ยวอะ ป้าไม่ทาครีมรกแกะอินโดนีเซียแล้วหรอ
“ขอยืมครีมโกนหนวดหน่อย “
“ไรนะ ? “
ผมเอียงคอพลางแคะขี้หูแล้วทำหน้าให้กวนส้นตีนที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยทำมา
เพิ่งตื่นเบลอๆเลยได้ยินไม่ค่อยชัด ขี้หูอุดตันอยู่ในกระดูกค้อนทั่งโกนเป็นก้อนเล็กๆดูน่ารัก
เป็นพี่ลู่หานจริงๆที่มาเคาะห้องผมแต่เช้าตรู่ เจ้าของหน้าแข้งขนยุ่บยั่บนั่นเองที่ทำให้ประตูห้องนอนของผมสั่นสะเทือนได้ถึงขนาดนี้
“ขอยืมครีมโกนหนวด “
“ครีมเหี้ยไรวะ “
ผมพูดงึมงำกับตัวเองพลางเกาหัวจนเหากระเด็นออกมาสร้างครอบครัวที่พื้นพรมในห้อง
พี่ลู่หานพูดเบาไปหรือกูไม่ได้ยินเอง เอาจริงๆกูก็หูดีนะ ผมยืนมองเจ้าตัวยืนบิดไปบิดมาอยู่หน้าห้องอยู่นานสองนานก่อนจะหลีกทางให้เขาเข้าไปหยิบเอง
พี่ลู่หานเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
ผมยืนหน้ามึนพิงตู้เสื้อผ้ามองอีกคนอยู่ไม่ห่าง
“นี่จะไปไหน “
“ไปมอดิ “
เล่นเอาซะผมที่ยืนล้วงเสื้อเกาสะดืออยู่ถึงกับตาลีตาเหลือก
ใช่ วันนี้เปิดเรียนวันแรก นี่ถ้าพี่ลู่ไม่พูดกูคงลืมไปซะสนิท ผมรีบสาวเท้ารัวๆไปคุ้ยตู้เสื้อผ้า
แต่ก็ไม่เจอชุดนักศึกษาอยู่ในนั้น หันไปมองถุงกระดาษมุมห้อง
ชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมายังมีป้ายราคาติดอยู่
“อูย คุณชายเล็กใส่เสื้อไม่ซักหรอครับ “
“เงียบปากไปไป ปากดีนักเดี๋ยวจูบเลย “
ผมหันไปตอบคนปากดี
เอากรรไกรมาตัดป้ายราคาที่เสื้อออกแล้วสะบัดๆมันเล็กน้อย
โยนมันลงบนเตียงก่อนจะรีบเข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำ
“แปรงเบาๆ สงสารเหงือกบ้าง “
“... “ ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ปรายตามองพี่ลู่หานที่กำลังยืนโกนหนวดอยู่ข้างๆผ่านกระจก
“สงสารคนฟันเหยินเนาะ แปรงฟันลำบากอะ “
ยัง ยังไม่เลิก
ผมเหล่มองอีกครั้งทั้งๆที่แปรงสีฟันยังคาอยู่ที่ปาก
พี่ลู่หานยักคิ้วกวนส้นตีนกลับมาให้จนผมรู้สึกหมั่นไส้ ผลักหัวเล็กๆนั่นไปหนึ่งที
พี่ลู่หานไม่ได้ตอบอะไร คนตัวเล็กกว่าก้มหน้าล้างครีมโกนหนวดออกใจใบหน้าอันเหี่ยวยับ(นี่ก็ยังไม่เลิกแซะ)ของตัวเองเงียบๆ
ผมได้แต่ยืนแปรงฟันมองอยู่อย่างนั้น ท่าทางเงอะๆงะๆของเขาทำให้ผมต้องหัวเราะจนแทบจะสำลักยาสีฟัน
“นี่โกนหนวดยังไงโกนไม่เกลี้ยง “
หลังจากเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาก็ขำจนเหงือกระบม
ผมอมแปรงสีฟันไว้แล้วจับใบหน้าหวานให้หันมาหา
พี่ลู่หานโกนหนวดไม่เกลี้ยงเหลือเป็นหย่อมๆเหมือนหมอยหมาตรงปลายคาง จับเจ้าตัวเชยคางขึ้นพลางหยิบครีมโกนหนวดบีบป้ายลงบนคางมนให้
ก่อนจะหยิบมีดโกนมาค่อยๆโกนออกให้เบาๆอย่างระมัดระวังไม่ให้มันบาด นี่หนวดพี่แกเขียวยิ่งกว่ากูอีกนะเนี่ย
“มึงเอ่อ .. ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้มั้ง “
ผมเหล่จ้องดวงตากลมที่เลิ่กลั่กเล็กน้อยพลางยิ้มขำ
ไม่ได้ตอบอะไร
เพียงแค่ตั้งหน้าตั้งตาโกนหนวดออกให้จนเสร็จแล้วปล่อยคางมนให้เป็นอิสระ เมื่อพ้นจากมือผม
พี่ลู่หานรีบก้มลงไปล้างหน้าอย่างรวดเร็วจนหัวโขกกับก๊อกน้ำ ผมหลุดหัวเราะ
“อาตี๋ใหญ่ระวังหน่อยสิครับ หืม “
“ไรละสัด “
ผมเอ่ยแซวคนฟอร์มจัด
พี่ลู่หานหันหน้าหนีผมแล้วลูบหัวตัวเองป้อยๆอย่างกลัวเสียฟอร์ม คนตัวเล็กกว่ารีบหมุนตัวหันหลังกลับแล้วก้มหน้าก้มตาเดินออกไป
แถมยังสะดุดพื้นต่างระดับตรงประตูห้องน้ำอีกต่างหาก ซื้อบื้อจริงๆ
“นี่ทำไมต้องตามกูมาด้วยเนี่ย “
ก้มลงมองพี่หน้าเหี่ยวที่เงยหน้าท้าแดดเปรี้ยงหันมาคุยกับผมในขณะที่เรากำลังเดินไปตามซอยบ้าน
ผมยักไหล่ กระชับสายสะพายเป้ไว้ให้แน่นแล้วเดินตามไปเงี่ยนๆ เอ้ย เงียบๆ
แม่งร้อนอะร้อนสัด คือตอนนี้ต้องการรถอย่างรุนแรง ป๊าแม่งใจร้ายจริงๆ
"ผมนั่งรถเมล์ไม่เป็น “
“โถ่ อาตี๋เล็ก คุณหนูจริงๆ ..กลิ่นน้ำหอมมึงเหม็นมากนะ
“
พี่ลู่หานเหล่มองผมเหยียดๆ
หมั่นไส้จนกูต้องจับหัวทุยๆนั่นมาซุกนมตัวเองแล้วกดหน้าอีกคนให้แนบนมกูอยู่อย่างนั้น
วันๆไม่เคยจะพูดกับกูดีๆสักครั้งหรอก
“ดมสิครับ ออกจะหอม “
“อื้อ!! ไอเอี้ย! อ่อยอู๊!!!! “
พี่ลู่หานดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมแขน
กำปั้นควายๆทุบอั้กเข้าที่สองแขนของผมอย่างแรงไม่มียั้ง จนกระทั่งเดินมาถึงป้ายรถเมล์
ผมถึงปล่อยเจ้าตัวให้เป็นอิสระ
“บรื้นนนนนน “
ยืนมองรถเมล์สายนรกที่ขับผ่านไปคันแล้วคันเล่าก็ไม่เห็นพี่ลู่หานจะขึ้นไปสักที
ควันดำพ่นออกจากท่อท้ายรถโขมงไหม้ส่งกลิ่นหอมหวลประหนึ่งร้านหมูปิ้งแม่ละเมียดหน้าปากซอย
ผมยืนหดตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลัวว่าควันรถจะมากลบกลิ่นน้ำหอมแคววิ้นคายของผมซะหมด
“แท็กซี่เหอะ “
“งั้นมึงก็ขึ้นไปคนเดียวเลย “
ผมพูดออกมา ชะเง้อเงิงออกไปมองแท็กซี่ที่คาดว่าจะขับผ่าน
แต่ไม่เคยจะมีใครผ่านมาทางนี้ นี่ชั้นรออะไรอยู่หรอ รู้ตัวอีกที มันก็เห็นแต่
เหลือแค่เพียงแต่ เหลือก็แต่ .. แค่น้ำตา(ติ่งกามิมาเอง)
พี่ลู่หานยืนเท้าเอวเขย่าเสื้ออย่างเซ็กซี่พร้อมกับส่งใบหน้ากวนส้นตีนกลับมาให้
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสิบห้าปี
แท็กซี่เก่าคร่ำครึอายุราวพันห้าร้อยปีกำลังคลืบคลานชิดซ้ายมาทางนี้ที่สิบสองนาฬิกาเจ็ดสิบห้าลิปดาตะวันออก
ผมยืดตัวขึ้น คว้าคอเสื้อคนเป็นพี่แล้วรีบรุดแซงเดินไปอย่างไว
ชะนีที่ยืนพ้อยเท้าอยู่ไม่ได้แดก
“ไปหมาลัยไหมครับ “
“... “
ผมเปิดประตูหลังแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในรถ
เอาเงิงค้ำกับประตูรถไว้กดดันพี่โชเฟอร์เล่นๆ
แต่เหมือนว่าฟันและความหล่อของผมจะไม่มีความหมาย เหยินแบบไร้คุณค่า ลุงแท็กซี่ส่ายหน้าช้าๆ
ให้ดูแก่เหมือนกับหน้าตาและสภาพรถของเขา ผมได้แต่พยักหน้าและยิ้มหล่ออย่างสุภาพ
ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
สั้ด!
ไม่ไปแล้วมึงจะชิดซ้ายทำเหี้ยไร
“อ่า ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับผม “
ว่าแล้วก็เปิดประตูทิ้งไว้แล้วจรลีเดินจากไป
สมน้ำหน้าลุง ลุงเดินลงมาปิดเองละกันนะลุง กวนตีนกูดีนัก ตอนแรกกูกะจะปิดแรงๆให้ประตูแม่งหลุดลงมาทั้งยวง
เอาให้พังแม่งทั้งคันรถ แต่นั่นมันคงจะไม่สะใจเท่าให้ลุงสละสังขารอันน้อยนิดของลุงเดินลงมาปิดเองเท่าไหร่
คิดแล้วก็เหี้ย
“มึงทำไมไปทำกะลุงเค้าอย่างงั้น “
ระเห็จระเหินกลับมายืนเท่ห์อยู่ตรงป้ายรถเมล์ที่เดิม
ร้อนจนแร้เปียก กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นเหงื่อดมแล้วเซ็กซี่เป็นที่สุด แถมเสื้อก็ไม่ได้ซัก
ผมหันไปปรายตามองพี่ลู่ที่กำลังยืนกดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
ไม่ได้ตอบอะไรออกไป กูร้อน
“ไปคริส “
กูยืนจนอีกนิดนึงจะเป็นเทพีเสรีภาพอยู่ละ
จนในที่สุดพี่ลู่หานก็สะกิดข้อศอกผมยิกๆให้เดินตามเขาไป
รถเมล์ฝุ่นคลั่กคันอย่างควายเลื่อนมาจอดตรงหน้า
พร้อมกับเสียงเปิดประตูอัติโนมัติที่สะเทือนไปทั้งรูหู
ผมก้าวตามพี่ลู่หานขึ้นไปติดๆ เอ่อเห่อ คนแม่งแน่นเหมือนประเทศนี้มีรถเมล์แค่คันเดียว
“ชิดในเลยน้องชิดใน ยืนสองแถวหันหลังชนกันน้อง
ชิดในหน่อย “
และแล้วฝูงมวลมหาประชาชนก็เบียดเสียดกันเข้ามาจนหน้าพี่ลู่หานแทบจะฝังลงไปกะนมอิเจ๊คนข้างๆ
ผมจับราวข้างบนไว้หลวมๆแล้วเดินชิดตามเข้าไปติดๆเพราะกลัวเจ๊กระเทยคนข้างๆจะเหยียบตีนเอา
แม่งล่อซะส้นเข็ม
นี่นึกสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าส้นมันปกลงบนสะเบ้าตีนผมแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ร็อคกันทั้งคันแน่นอนครับ
“ชิดในหน่อยน้อง ไอหัวทองเสื้อขาวตัวเปรตๆอะ
ชิดเข้าไปอีก “
รู้สึกเหมือนกระเป๋ารถมันด่าผมว่าเปรต
เพราะมองไปรอบๆแล้วก็คงไม่มีใครหัวทองเหมือนผมแล้ว
ผมได้แต่ยืนงงๆแล้วเดินชิดเข้าไปอีก เสียงตะโกนด่ายังดังอยู่ในโสตประสาทตลอดเวลา
ไอหัวเกรียนกระเป๋ารถเมล์เดินมาต้อนคนให้ชิดเข้ามาอีกจนแทบจะติดกันเป็นปลากระป๋อง กูว่าเดี๋ยวอีกสักพักมันต้องให้ขี่คอกันอย่างแน่นอน
อิเจ๊กระเทยคนข้างๆนี่ก็เบียดเข้ามาเหลือเกิน นี่คงอยากจะรวมร่างกับผมมากใช่ไหม
แหม เห็นกูหล่อหน่อยไม่ได้เลยล่ะสิ
“พี่ๆ พี่มานั่งบนจมูกผมเลยมั้ยครับ “
“โอ้ย! “
“มึงเบาๆ เดี๋ยวเค้าก็ตบมึงให้หรอก “
โดนพี่ลู่หานกระทืบตีนเข้าเต็มๆ
ผมหันไปโอ้ยใส่หน้ายับๆของเจ้าตัวพลางแยกเขี้ยวใส่ อะไร กูแค่พูดเบาๆเอง เจ๊เค้าไม่ได้ยินหรอก
=_=
“เมื่อกี้น้องว่าอะไรนะคะ “
เสียงกระเทยถึกทะมึนดังขึ้นข้างๆใบหู
ผมหลับตาปี๋แล้วค่อยๆหันไปช้าๆ อ่าวสรุปเจ๊ได้ยินหรอ T_T
เจ๊ได้ยินแล้วทำไมเจ๊ไม่บอกผมอะ
นี่กูไม่อยากตายด้วยน้ำมือกระเทยดีกรีนักตบวอลเล่ย์บอลชายหาดทีมชาติเกาหลีใต้นะโว้ย
ศพไม่สวยเลยนี่พูดจริงๆไม่ได้ล้อเล่น
“คะ .. ครับ T_T “
“พี่ก็ชอบน้องเหมือนกันค่ะ เรามาแลกเบอร์กันไหม “
ไอเหี้ย เอาแล้วT-T เสียงแมนกว่าพ่อกูอี๊กกกกก
ผมกำราวรถเมล์ไว้แน่นจนมันแทบจะหักคามือ
ก่อนจะซบหน้าลงกับแขนตัวเองหนีสายตาแหลมคมที่จ้องมองมาอย่างทะลุทะลวงนั้นอย่างหมดแรง
พี่เทยละมือออกจากราวรถเมล์ก่อนจะก้มหน้าลงไปค้นกระเป๋ากุชชี่ลายเสือดาวของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย
จังหวะพอดีกับที่รถเมล์เบรก
พี่กระเทยร่างยักษ์ผู้ไร้ที่ยึดเหนี่ยวจึงเซล้มลงมาซบอกผมเต็มๆ
T_T my gosh ม๋อม
.. ม๋อม helpน้องคริสด้วย
“อุ๊บส์ ขอโทษค่ะ “
“ไม่เป็นไรครับT_T “
เจ๊เทยคว้าหมับเข้าที่เนื้อตูดของผมเต็มๆเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว
ก่อนจะหยิกขยำมันเต็มแรงเพื่อเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ T_T
และในจังหวะที่รถเมล์กำลังยื้อตัวทะยานออกไปอีกครั้ง ใบหน้าสากกร้านของเจ๊เทยก็ถือวิสาสะไซร้ไปกับเต้านมขวาของผม
หัวนมป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี
หมดแล้ว ..
หมดแล้วพรมจรรย์ของเด็กหนุ่มวัยแรกแย้ม
“ T_T “
หันไปทำหน้าร้องไห้ใส่พี่ลู่หานที่ยืนเขย่งโหนราวอยู่ข้างๆอีกฝั่งเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้ายับย่นที่กำลังหัวเราะอย่างสะใจเพียงเท่านั้น
สมาร์ทโฟนเครื่องเขื่องถูกยื่นมาตรงหน้าจากทางขวาเพื่อเรียกความสนใจของผมกลับไปอีกครั้ง
พร้อมกับแพขนตาหน้าสิบแปดชั้นที่กำลังกระพริบขึ้นลงหว่านสเน่ห์ชวนขนตูดลุก
“บ้านผมยังใช้นกพิราบอยู่เลยครับพี่ T_T ไม่มีเบอร์จริงๆ
“
“งั้นนกพิราบน้องสุดหล่อพันธุ์อะไรฮ้า
เดี๋ยวพี่ลิลลี่จะเอานกกระตู้วู้ของพี่ติดต่อไปหาน้องเอง
เอาเบอร์นกพิราบน้องมาก็ได้ค่ะ “
“นกพิราบก็ไม่มีเบอร์ครับพี่ T_T “
แม่งเอ้ยไอเหี้ย T_T ชื่อลิลลี่เลยหรอ มาเป็นดอกเลยหรอ
นี่จะเอาจริงๆใช่ไหม ล้อกันเล่นหรือเปล่า fuck ..
พี่หน้าวัวพยายามยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า แต่มืออีกข้างก็ยังขยำเนื้อตูดผมไม่ปล่อย
ความเสียวทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด
ผมแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดแรงถ้ามือข้างหนึ่งไม่ได้กำลังโหนรถเมล์ไว้อยู่
เมื่อไหร่จะถึงมหาลัย ใครก็ได้ช่วยกูที
“ถ้าอย่างงั้นน้องบ้านอยู่ไหน เดี๋ยวเย็นนี้มาจอยกันพี่ไปหา “
“ไม่เป็นไรพี่ T_T เกรงใจอะ “
พี่หน้าวัวยืดตัวเต็มความสูง อ่าวสัด
แม่งสูงกว่ากูอีก ล่ำกว่ากูสองเท่า ไหล่ใหญ่ยิ่งกว่าควายธนู คอหนาสองฟุต ผิวดำสากยิ่งกว่าซีเมนต์ปูถนนหน้าบ้าน
ผมเงยหน้ามองก่อนจะบีบน้ำตาร้องขอความเห็นใจ แต่เปล่าเลย
มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มือใหญ่เท่าใบลานคว้าตัวผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอด
ส่งขาข้างหนึ่งที่เต็มไปด้วยขนยุ่บยั่บมาเกี่ยวรัดเอวของผมเอาไว้อย่างแน่นหนา
ก้มหน้าลงมาให้วิกผมสีแดงของเจ้าตัวคลอเคลียใบหน้าพอสยิวกิ้ว ผมยิ้มแห้ง ..อยากกลับแคนาดา
“อ้าว อยู่มหาลัยเดียวกันเลย คณะอะไรจ๊ะ “
“การ .. การบินครับ “
จะไม่ตอบออกไปเลยถ้าพี่แกไม่ได้กำลังถลึงตาใส่ผมอยู่
ผมยกมือไหว้ร้องขอชีวิต
ในขณะที่พี่ลู่หานกำลังหัวเราะอย่างสมน้ำหน้าเบาๆเป็นแบคกราวน์
เจ๊ไปหาคนข้างๆผมบ้างเซ่! ผมเป็นตุ๊ด ปล่อยผมไปเถอะ T_T
“ว้า คนละคณะกันนี่นา แย่จังเรยเอาะ ไม่เป็นไร
ไว้พี่ลิลลี่แวะไปหานะคร้า .. เดี๋ยวเจ๊ต้องลงป้ายหน้าก่อนไปทำธุระ
คงไม่ได้ไปส่งตัวเองที่คณะนร้า ไว้โอกาสหน้านะฮร้า เจ๊ไปก่อน “
หมับ!!!
“ฮื้อออ T_T “
เจ๊หน้าวัวเอามือทาบอกตัวเองพลางห่อปากอย่างมีจริตแล้วพูดกับผม
ก่อนมือใหญ่ที่ฉาบไปด้วยเล็บสีแดงจะคว้าหมับเข้าที่ไอคริสน้อยแล้วขยำมันเต็มแรงจนผมจุกตัวงอ
“อ่าส์ ..ใหญ่ไม่ใช่เล่นนะสุดหล่อ พรี่ไปละนร้า จุ๊บ
“
“T_T “
เจ๊หน้าวัวก้มลงมากระซิบเสียงทะมึนชิดใบหูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจูบเข้าที่แก้มผมแรงๆแล้วจรลีลงจากรถเมล์จากไปอย่างร่าเริง
ในขณะที่ผมกุมไข่ทรุดตัวลงกับเบาะรถเมล์อย่างหมดแรง หมด.. หมดเลย หมดแล้วจริงๆ T_T
GOT
DAMAGE!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! TT _ TT
นรก ...
นรกจริงๆ
หลังจากที่พยายามเบียดตัวลงมาจากรถเมล์นรกนั่นแล้ว
ผมสาบานเป็นครั้งที่สองว่าจะไม่ขึ้นรถเมล์อีกเป็นครั้งที่สอง
หรือว่าบางทีพรุ่งนี้ต้องถอยจักรยานซักคัน
เหมือนจะเคยเห็นไอ้แบคมีจักรยานคันแบ๊วๆอยู่คันนึงเมื่อนานมาแล้ว
ไม่รู้ตอนนี้มันยังเก็บไว้อยู่ไหม ถ้ายังอยู่กูจะยืม เพราะว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว
เละทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ และพวงไข่
“เจ๊ลิลลี่ อืมกูจะจำไว้ “
ผมสบถบ่นไปตลอดทาง
ยังเห็นพี่ลู่หานแอบหัวเราะสะใจใส่ผมอยู่เรื่อยๆ ผมเดินขาถ่างเล็กน้อยด้วยความจุก
นอกจากมือใหญ่ๆของเจ้หน้าวัวจะบีบขยำลงมาที่ไอ้คริสน้อยของผมอย่างไม่ออมแรงแล้ว
เล็บสีแดงยาวเฟื้อยของเจ๊ยังจิกไข่ผมอย่างไม่ถนอมเลยเช่นกัน กูจะฟ้องมูลนิธิปวีณา
“เป็นหมันแล้วม้าง “
“อะไร “
“เปล้า! “ พี่ลู่หานยักไหล่
ท่าทางยียวนกวนส้นตีน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ารวั้ก
“อยากโดนมั่งปะละ
พ่อจะขยำให้เสียวไปถึงลิ้นปี่เลย “
“โห กลัวจัง “
เจ้าของใบโฉดหันกลับมาส่งสายตาดูแคลนใส่ผม
ก่อนเจ้าตัวจะผลักผละออกจากอ้อมกอดอันเหนียวแน่นประหนึ่งตีนตุ๊กแกจากผม
แล้วสะบัดบ๊อบเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ผมล้วงกระเป๋า
(กระตุกยิ้มนิดๆอย่าง(พยายามจะ)เท่ห์
(ลืมฉากในรถเมล์เมื่อกี้ไป))เดินตามไปช้าๆอย่างไม่รีบร้อน ก็แหง
คนขาสั้นยังไงก็เดินเร็วไม่ทันคนยาว เอ้ย คนขายาวอยู่แล้ว
“เอ่าๆ นั่นจะไปไหน “
“หนีมึง “
ผมตะโกนถามหลังจากที่เห็นพี่ลู่หานเร่งฝีเท้าเพื่อจะเลี้ยวหลบมุมตึกไป
เจ้าตัวหันมาตอบเท่านั้นก่อนจะวิ่งเลี้ยวหายลับสายตา ผมหลุดขำ
หยิบกระเป๋าสตางค์ของเจ้าตัวที่วางทิ้งไว้บนหลังตู้ใส่รองเท้าตั้งแต่กตอนก่อนออกจากบ้านออกมาเปิดดู
ข้างในมีรูปพี่ลู่หานหัวทองๆหยิกๆใส่แว่นดำสมัยแว๊นอยู่หนึ่งใบ
พร้อมกับบัตรนักศึกษา บัตรประชาชน และเงินอีกจำนวนหนึ่ง
เสร็จกูล่ะ.. หิ
“ซียู “
___________________________________________________________