วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

↯ผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอ (2) : chapter 4 โจ๊กหมู [NC17]




chapter 4  โจ๊กหมู





“ยะ .. อย่านะโว้ย “



“หึ”



เสียงเล็กร้องห้าม แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยให้ผมอยากจะปล่อยมันไปเลย กลับกอดมันแน่นขึ้นกว่าเดิมแล้วโน้มใบหน้าลงไปหามันช้าๆ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก รู้สึกตัวเองเป็นเมะหล่อก็ตอนนี้แหละครั้งแรก อารมณ์มันเป็นแบบนี้นี่เองใช่ไหม เอาจริงๆมันก็เท่ห์ดีนี่



“อื้อ “



โน้มหน้าลงไปจนคอจะหัก กว่าริมฝีปากของผมจะประกบกับมันได้ ตกลงมันเตี้ยหรือว่ากูสูงเกินไปก็ไม่รู้ ไอ้แบคร้องประท้วงทันทีที่ริมฝีปากของเราแนบชิดกัน แต่ผมไม่สนใจ ส่งปลายลิ้นชื้นไล้สัมผัสริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้นเบาๆ ดุนดันมันเล็กน้อยจนริมฝีปากบางยอมเปิดออก



แรงผลักจากมือเล็กที่เต้านมขวาของผมยังดื้อดึง คนตัวเล็กยังคงไม่ยอม ทั้งๆที่มึงจะเอาหน้าหลบกูก็ได้ แต่ก็ไม่เห็นมันจะทำอย่างนั้น สงสัยเป็นวิธีการอ่อยอย่างหนึ่งที่ผมเองก็ตามไม่ทัน คิดได้ดังนั้นผมก็ส่งลิ้นผ่านโพรงปากร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนกับลิ้นเล็กๆนั่นในทันที เอียงใบหน้ารับองศาก่อนจะขบเม้มริมฝีปากบางนั้นอย่างเอาแต่ใจ สองมือคลายกอดจากเอวเล็กแล้วเลื่อนไปตำแหน่งอื่น ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วจนคนตัวเล็กเริ่มจะคล้อยตาม



“โอ้ย “



แต่ผมคิดผิดมหันต์ ฝ่าเท้าเล็กๆกระทืบลงที่ตาปลาของผมอย่างจัง จนผมต้องผละริมฝีปากออกมาร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แต่มีหรือกูจะยอม ผมเอื้อมมือไปปิดน้ำจากฝักบัว(กลัวเปลืองค่าน้ำ) ก่อนจะดันร่างเล็กๆนั้นชิดกับกำแพง สองมือของผมกดมือเล็กไว้กับผนังจนไอ้แบคขยับหนีไปไหนไม่ได้



“มึง! อุ้บ .. “



ไม่รอให้มันด่าไปมากกว่านี้ ผมโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบคนปากดีอีกครั้ง ปากดีแต่ไม่รู้ว่าลีลาดีหรือไม่ และวันนี้เราจะมาพิสูจน์กันนะครับท่านผู้โช้ม ผมใช้เข่ากดขาทั้งสองข้างของมันไว้เพื่อไม่ให้มันมีโอกาสได้เตะผ่าหมากผมได้ ลูกชายใครใครก็รัก



จนกระทั่งแบคฮยอนสิ้นฤทธิ์ที่จะขัดขืนแล้ว ผมจึงปล่อยริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้นให้เป็นอิสระ เลื่อนใบหน้าลงไปซุกอยู่กับซอกคอขาวเนียนที่เปียกชื้น สองมือริดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางออกจนหมด กดจูบเบาๆซับหยดน้ำให้ด้วยริมฝีปากอุ่น ไล้ลิ้นชิมน้ำประปาบนลำคอสวยจนทั่ว นึกว่าจะเค็ม ที่ไหนได้.. โคตรเค็ม (ล้อเล่น)



“ชานยอล ไม่เอา “



“แต่กูจะเอานี่ “



“อะ ..ฮื่อ “



ตอบมันไปเท่านั้นพลางก้มหน้าลงต่ำ ดึงรั้งสาบเสื้อที่เปียกโชกออกไปจากหัวไหล่ขาวเนียน สองมือของผมเลื่อนจากการจับกุมมือเล็กเปลี่ยนเป็นโอบรัดเอวคอดนั้นไว้แทน กดจูบเบาๆที่ปลายยอดอกเล็กก่อนจะใช้ริมฝีปากครอบครองมันอย่างแช่มช้า ลงลิ้นหนักๆพลางขบเม้มดูดดึงมันเล่นจนแผ่นอกบางแอ่นผวา มือน้อยจิกไหล่ผมอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ



“ใจคอมึงจะจิกให้เนื้อกูหลุดติดมือไปเลยใช่ไหม “



ผมละริมฝีปากออกจากแผ่นอกเล็ก ก่อนจะกดจูบไล่ลงไปเรื่อยๆ พูดงึมงำกับร่องสะดือสวยพลางส่งปลายลิ้นลงไปละเลงหนักๆจนคนตัวเล็กในอ้อมกอดต้องดิ้นพล่าน  ดึงรั้งขอบบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วลงไปจนถึงหัวเข่า เผยให้เห็นแก่นกายขนาดน่ารักกำลังลุกขึ้นเซย์ไฮอยู่ตรงหน้า



“สัดชานยอล กูไม่เอาจริงๆนะ .. “



“งั้นเอาเล่นๆก็ได้ “



ไอ้แบคบอกผมเสียงสั่น มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่ผมเลย  ริมฝีปากอิ่มเบะคว่ำลงดูน่ารัก ใบหน้าแดงๆนั้นก้มลงมองผมด้วยสีหน้าอ้อนวอน แต่ผมไม่เห็นจะรู้สึกสงสารมันเลย กลับรู้สึกว่าน่าเอาแรงๆ มากกว่า



“อะ .. อ๊า “



เลิกสนใจใบหน้าน่ารักนั่นแล้วก้มลงไปอีกครั้ง แตะปลายลิ้นลงที่ส่วนหัวของแก่นกายเล็กเบาๆเป็นการหยั่งเชิง เพียงเท่านั้นขาเรียวก็สั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่ ผมหัวเราะ ก่อนจะช่วยจับขาเรียวข้างหนึ่งพาดไว้บนบ่าของตัวเองเพื่อไม่ให้มันล้มพับลงไปเสียก่อน ก่อนจะใช้ริมฝีปากร้อนครอบครองแก่นกายเล็กนั้นไว้จนสุดลำ



“อ๊า .. ชะ .. ชานยอล บอกว่าไม่เอาไงวะ “



ขยับริมฝีปากเข้าออกช้าๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ใช้โพรงปากร้อนบีบรัดแก่นกายเล็กนั้นเบาๆ ไอ้แบคตัวงอเกร็งหน้าท้องแน่น ครางเสียงสั่นพลางหนีบขาเข้าหากันอย่างสุดจะทน มือน้อยพยายามจะผลักหัวผมออกไป  ให้เดาว่ามันคงจะเสียว คิดได้ดังนั้นผมจึงใช้ลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วแก่นกายเล็ก ตวัดปลายลิ้นรัวๆหนักๆที่ส่วนปลายให้แฟนได้ เสียว มากขึ้นไปอีก



“ฮะ ..อึก .. “



มือเล็กจิกไหล่ผมแรงขึ้นอีกเมื่อผมส่งนิ้วเรียวเลื่อนไปที่ช่องทางด้านหลัง ไล้ปลายนิ้ววนรอบรอยจีบนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆกดจมลึกลงไปช้าๆ มันคับแน่นมากๆ จนนิ้วของผมไม่สามารถสอดเข้าไปได้จนสุด ผนังอุ่นร้อนตอดรัดนิ้วผมตุ้บๆอย่างเป็นจังหวะจนสัมผัสได้



“ชานยอล  กู .. กูเจ็บ “



ไอ้แบคบอกผมเสียงเบา ในน้ำเสียงนั้นดูอ่อนแรงเหลือเกิน ช่องทางอุ่นร้อนตอดรัดรุนแรงจนผมต้องถอนนิ้วออกมา แล้วหันกลับไปให้ความสนใจกับแก่นกายเล็กที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยนั้นแทน ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะลากปลายลิ้นไล้เลียจากส่วนปลายไปจนสุดโคนจนคนตัวเล็กครางระงม



“อ๊า .. มะ ไม่ไหว“



มือบางสอดเข้ามาขยุ้มที่กลุ่มผมของผมอย่างเร้าอารมณ์ ก่อนร่างเล็กๆจะทิ้งน้ำหนักลงมาที่ไหล่ของผมอย่างหมดแรง ขาเรียวข้างเดียวที่ใช้ยืนนั้นจิกปลายเท้าลงกับพื้นห้องน้ำด้วยความเกร็ง ดูท่าทางมันคงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมจึงครอบครองแก่นกายเล็กไว้ด้วยริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง ส่งอุ้งมือร้อนช่วยรูดรั้งให้มันเร็วรัวเพื่อให้คนน่ารักของผมได้ไปถึงฝั่งฝันไวๆ



“อ๊ะ !!.. อ๊า “



จนถึงที่สุดแห่งห้วงอารมณ์ แบคฮยอนเกร็งตัวแน่นก่อนจะกระตุกเล็กน้อย แก่นกายเล็กฉีดพ่นน้ำสีขุ่นอุ่นร้อนเข้ามาเต็มโพรงปาก ผมตวัดลิ้นไล้เลียส่วนปลายทำความสะอาดให้ก่อนจะเก็บกลืนมันลงไปอย่างไม่รังเกียจ ถามว่าเค็มไหม มันก็เค็มอะแหละ



“แฮ่ก .. “



เมื่อปล่อยขาเรียวบนบ่าให้เป็นอิสระ ไอ้แบคทรุดฮวบลงไปนั่งที่พื้นห้องน้ำอย่างหมดแรงในทันที แผ่นอกบางกระเพื่อมสั่นไหวไปตามแรงหอบหายใจ ฝ่ามือขาวเท้ายันตัวเองไว้กับพื้น ริมฝีปากบางเผยอออกน้อยๆเพื่อช่วยรับออกซิเจนเข้าปอด ผมกลืนน้ำลายเหนียวฝืดคอลงไปอย่างยากลำบาก ภาพที่เห็นตรงหน้ามันเอ็กซ์ยั่วอารมณ์ผมเหลือเกิน



“ลุกไหวไหม “



เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้มาคาดเอวเอาไว้ก่อน จะให้มันเห็นว่าลูกชายผมยังยืนโด่เด่อยู่ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ผมค่อยๆพยุงมันให้ลุกขึ้นแล้วจับมันอาบน้ำ คิดว่ามันคงจะไม่มีแรงไปทำอะไรได้ในตอนนี้



“... “



ไม่ได้พูดอะไรไปกว่านั้น ไอ้แบคเองก็เงียบเหมือนกัน มันคงจะอาย คนตัวเล็กก้มหน้างุดจนคางติดอก ในขณะที่ผมก็รีบอาบน้ำให้มัน ตั้งหน้าตั้งตาฟอกสบู่ไปทั่วเรือนร่างขาวเนียนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปหาอย่างอื่น ทั้งๆที่ในหัวกำลังคิดอกุศลกับมันล้านแปดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



อาบน้ำให้มันเสร็จแล้วก็ออกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้อีกผืน ใช้ผ้าผืนใหญ่ห่อคนตัวเล็กซะจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา ผมยีหัวมันหนึ่งที ก่อนจับไอ้แบคหันหลังแล้วดันมันออกไปจากห้องน้ำ



“เฮ้อ “



เดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกรอบ ถอดผ้าเช็ดตัวออกแล้วพิงตัวเองไว้กับผนังห้องน้ำพลางพรูลมหายใจออกมา สุดท้ายก็ไม่ได้เอา แค่เห็นว่ามันเจ็บผมก็ไม่กล้าไปต่อแล้ว







“อ่า .. แบคฮยอน .. แบคฮยอน “



จนสุดท้ายกูก็ว่าวเหมือนเคย เป็นเด็กดีครับ อนุรักษ์การละเล่นไทยอย่างยิ่ง ไม่รู้จะอนุรักษ์เพื่ออะไรในเมื่อผมเป็นคนเกาหลีโดยชาติกำเนิด ผมหลับตาลงพลางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเสียวสุดจะทน ก่อนจะสาวมือชักขึ้นลงเร็วๆ แค่นึกภาพหน้าไอ้แบคเมื่อกี้ตอนมันกำลังครางก็ทำให้ผมถึงจุดสุดยอดได้ไม่ยากเลย เซ็กซี่จริงๆ



“ซิ้ด ..อึก!



กระตุกเกร็งก่อนจะพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาจนเลอะกำแพงห้องน้ำ โห พุ่งแรงแซงโค้งมากๆ ณ จุดๆนี้ ตกลงนี่เจี๊ยวหรือปืนฉีดน้ำ อย่างงี้สงกรานต์ผมคงไม่แพ้ใครแล้วแน่ๆ



เมื่อเสร็จกิจก็อาบน้ำชำระร่างกายของตัวเอง เมื่อยมือสัด รู้ละทำไมกล้ามกูขึ้นทั้งๆที่ไม่เคยเล่นฟิตเนส ไม่รู้ผมต้องทนว่าวเองอย่างงี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ก็ถือว่าก้าวหน้าไปได้หนึ่งก้าวแล้วล่ะนะ .








“เอาทุกอย่างมาครบแล้วใช่ไหม “



ผมถามไอ้แบคในขณะที่เราทั้งคู่กำลังขับรถไปมหาวิทยาลัย คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับพยักหน้าหงึกหงักในขณะที่กอดกระเป๋าเอาไว้แน่น จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่พูดอะไรกับผมสักคำ



“เช้านี้อยากกินอะไร จะพาไปกิน “



“กินโจ๊กได้ไหม อยากกินโจ๊กร้อนๆ “



“ได้ครับ “



ผมตอบเท่านั้น ก่อนจะเงียบกันไปตลอดทาง ให้ตายเถอะแฮรี่ ภาพหน้าไอ้แบคที่กำลังร้องครางด้วยความเสียวสะท้านยังติดตาผมอยู่จนถึงตอนนี้ ผมพยายามเพ่งสมาธิไปที่ถนนตรงหน้า แต่เสียงเพราะๆที่กำลังร้องเพลงคลอเบาๆนั้นทำให้ผมนึกถึงเสียงครางของมันทุกทีเลยจอร์จ



“เตี้ยมึงลงไปจองที่ตรงนั้นไว้ก่อน เดี๋ยวกูถอยรถ “



จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย ที่จอดรถได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในวันปฐมนิเทศ ผมไล่อิแบคลงไปยืนขวางที่จอดรถไว้เพื่อไม่ให้อิรถระยำคันอื่นมาแย่งกูจอดไปเสียก่อนตอนที่กำลังถอยรถ ไอ้แบคพยักหน้า ก่อนจะวิ่งกอดกระเป๋าดุ้กๆไปยืนตรงกลางที่จอดรถ



ขับเดินหน้าไปนิดนึงแล้วถอยเอาตูดเข้า เวลาขับออกไปจะได้ออกได้ง่ายๆ ผมมองกระจกมองหลังในขณะที่กำลังถอยรถ เห็นไอ้แบคยืนคุยงุ้งงิ้งอยู่กับผู้ชายส่วนสูงไล่เลี่ยกันคนหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไอ้เวรตะไลนั่นมันถือวิสาสะยีหัวแฟนผม และนั่นทำให้กูกำพวงมาลัยแน่นจนแทบจะหลุดติดมือออกมา



“ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”



บีบแตรดังลั่นไปทั่วทั้งลานจอดรถ แต่ไอ้แบคก็ยังไม่สนใจ จนผมต้องกดแตรรัวๆเป็นจังหวะสามช่า ไอ้ห่านั่นถึงเดินออกไป ผมรีบถอยรถเข้าซองแล้วรีบลงมาจากรถ



“ไอ้หน้าตุ่นนั่นใคร “ ผมปิดประตูดังปังกะให้ดังไปยันเชียงใหม่ ก่อนจะเดินอ้อมรถไปหาไอ้แบค



“หน้าตุ่นไหน “



“ที่มาคุยกะมึงเมื่อกี้ มึงคุยอะไรกัน “ ผมส่งสายตาชิ้งๆวิ้งๆไปหามัน หึงอะ หึง



“อ่อ กูทำกระเป๋าตังหล่นแล้วพี่เค้าเก็บให้ “



“แล้วทำไมมันต้องยีหัวมึงด้วย มันเป็นพ่อมึงหรอ “



“พ่อห่าไร เค้าหยิบใบไม้ออกจากหัวกูให้ต่างหากว่อย “



“อ่าวเรอะ แล้วไป “



จบลงเท่านั้นกับบทสนทนาพ่อแง่แม่งอน ผมเดินจูงมือพาอิอ้วนไปหาข้าวแดกที่ร้านโจ๊กแถวๆหน้ามอ คนเยอะอย่างกะหนอน แถมมีแต่คนมองมาที่มันจนผมต้องโอบเอวมันไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ



“ไอยอลอย่าดิ มันไม่ดี “



“ไม่ดีอะไร อมกูก็อมมาแล้ว “



“เชี่ย! .. กูหมายถึงว่า คนอื่นเค้าจะมองเราไม่ดี “



ไอ้แบคหน้าแดงอีกแล้ว มันขืนตัวออกจากอ้อมแขนของผมสุดแรงพลางพูดเสียงเบา แต่ผมไม่ได้เถียงอะไรต่อ เดินไปสั่งโจ๊กสองชามแล้วเข้าไปนั่งด้านในสุดของร้าน ก่อนจะเปิดประเด็นอีกครั้งในระหว่างนั่งรอโจ๊กมาเสิร์ฟ



“ทำไมอะ “



“ก็ กูอยู่ปีหนึ่ง แล้วมึงอยู่ปีสอง แถมเป็นพี่ว้ากอีก ถ้ามึงมาอะไรๆกับกู กูไม่อยากให้ใครเค้าเห็นแล้วหมั่นไส้อะ สงสารกูเถอะจริงๆ กูอยากใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างสงบสุขนะ “



“ยังไงวะ “ ผมถามอีก โชว์โง่ไปหนึ่งที



“ก็แบบ มันคงดูไม่ดีปะวะถ้าสมมติว่า คนอื่นเค้ารู้ว่ากูเป็นแฟนมึงแล้วได้สิทธิพิเศษอะไรแบบนั้นอะ คนอื่นเค้าก็จะหมั่นไส้อะ แล้วพี่ปีสองคนอื่นๆเค้าก็จะยิ่งแกล้งกูอะ กูยังไม่อยากโดนแบนนะ มึงเข้าใจกูไหม “



“แล้วจะให้กูทำยังไงอะ มีแต่คนมองมึง กูก็หวงเป็นเหมือนกันนะ .. อร่อก “ ผมถาม จ้วงโจ๊กที่เพิ่งมาเสิร์ฟเข้าปากอย่างรวดเร็ว ..อิเหี้ย!! ร้อน



“ก็ทำเหมือนปกติดิ เหมือนเพื่อนกัน ถือว่ากูขอ “ ไอ้แบคตอบ ก่อนจะเอาหน้าจุ่มลงไปในชามโจ๊ก ป้าด อะไรจะหิวขนาดน้าน



“แล้วถ้ามันมีคนมาทำกะมึงเหมือนอิหน้าตุ่นเมื่อกี้กูจะทำยังไงอะ มึงมันขี้ยั่วอะ กูปล่อยมึงไม่ได้หรอก “ ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เคี้ยวขิงในปากจนแหลกละเอียดด้วยความอาฆาตแค้น  อิด๊อกกกก ขม



“โอย มึงเงียบๆแล้วแดกเถอะ “



อิแบคไม่ทนเสวนาต่อ มันเอาหน้ากระแทกชามโจ๊กแล้วแดกเงียบๆ ผมก็ได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียวด้วยความไม่พอใจ อยากจะงอแงใจจะขาดแต่ติดว่าคนเยอะ อีกอย่างอิลุงคนขายแม่งก็โหดอย่างกะอะไรดี โจ๊กหมูในยามสายนี้จึงไม่อร่อยเท่า หมูโจ๊ก ของอิแบคเมื่อเช้าเท่าไหร่นัก เซ็งจริงๆ ขิงให้เยอะกว่าข้าว ตกลงกูสั่งโจ๊กหรือผัดขิงกูก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว



แดกเสร็จก็จ่ายตัง อิอ้วนล่อไปสองชามเหนาะๆ แล้วมีหน้ามาบ่นว่าจุก เอาเป็นว่าอิ่มสบายท้อง(มัน) แต่หนักท้องผม แดกเยอะยังไม่พอ เสือกแวะซื้อไอติมร้านข้างๆกินอีก แดกไอติมตอนเช้าเนี่ยนะ มึงคิดได้ยังไง หรือว่าผมจะต้องหางานพิเศษทำเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อเอาตังมาเลี้ยงข้าวอิช้างน้ำนี่กันนะ ไม่เห็นมันจะมีจิตสำนึกคิดจะไดอ่งไดเอตอะไรเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าบ้างเลย มึงอวบจนมึงจะปริอยู่แล้วแบค อีกไม่กี่โลมึงก็จะก้าวเลยคำว่าอ้วนไปแล้ว สงสารแฟนบ้าง ทุกวันนี้ผมได้แต่ปลอบใจตัวเองด้วยความคิดที่ว่า อ้วนแล้วกอดจะได้อุ่น



“เดินจับมือหน่อยก็ไม่ได้หรอ “



“ไม่ “



ผมเดินตามหลังคนขาสั้นหนึ่งก้าว เพราะกลัวว่าถ้าอยู่ข้างๆกันแล้วมันจะด่า เอ่ยปากขอร้องต่อรองมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ได้แต่คำปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง ผมหน้างอง้ำเป็นตูด อยากจูงมือแฟน จูงจมูกแฟน พาแฟนเข้าคอกเหมือนทุกวัน แต่วันนี้กลับทำไม่ได้ สายตาหลายคู่จับจ้องมองมาที่แฟนของผม ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ชะนีและกระเทย ตุ้ดและเกย์ มาหมดทั้งซีรีย์



ผมเดินวนรอบร่างป้อมๆของแฟนหนึ่งรอบ อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ใครหลายคนมองมาทางนี้ หนึ่ง มันลืมรูดซิปกางเกงหรือเปล่า สอง มันใส่เสื้อกลับด้านหรือเปล่า สาม มันเอากางเกงในมาสวมหัวรึเปล่า สี่ มันเอาเสื้อในแม่มาคาดหัวไว้รึเปล่า และห้า หน้ามันเหมือนคนรึเปล่า .. แต่ดูเหมือนว่าห้าข้อที่พูดมานั้นจะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประการทั้งปวง





แต่เป็นเพราะว่าแฟนผม น่ารัก แน่ๆ ถึงได้มีคนสนใจมากมายขนาดนี้
แล้วแบบนี้จะไม่ให้กูหวงได้ยังไง





“ส่งตรงนี้ก็พอแล้ว “



มันหันกลับมาบอก อีกสองร้อยเมตรจะถึงตึกคณะ ผมยืนเบะปาก หน้าเป็นตูด อ้าแขนออกสองข้าง



“กอดก่อน”



“ตีนละกัน “



แต่ถึงอย่างนั้นอ้อมแขนของผมกลับไม่ได้รับการเติมเต็ม ไอ้แบคบอกเท่านั้นก่อนจะแลบลิ้นแล้วหมุนตัวเดินกลับไป ทิ้งให้พระเอกที่มีสะเบ้าหน้าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟิคยืนหูสะบัดยู่ตรงนั้นในที่เปลี่ยว ผมกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา มองคนตัวเล็กที่เดินทิ้งสะโพกยั่วยวนกวนส้นตีนด้วยตาละห้อย เซ็ง




ห้ามบอกใครใช่ไหม ได้..
ได้เลยแบคกี้





หิ.ฉีกยิ้มปากถึงรูหู(โปรดนึกภาพตาม)










Kris part




“ก๊อกๆๆๆ “



หูกระดิกเล็กน้อยหลังจากได้ยินเสียงเคาะแรงๆที่หน้าประตูห้อง ผมพลิกตัวหันไปมองก่อนจะหลับต่อด้วยความง่วง ให้เดาว่าคงเป็นคุณแม่บ้านที่เสร่อมาปลุกคุณชายเล็ก(กูเอง (ชายเล็กแต่อย่างอื่นใหญ่))เหมือนทุกเช้า ซึ่งมันก็ไม่เคยได้ผล ผมจะตื่นก็ต่อเมื่อผมพอใจจะตื่นเท่านั้น ไง ดูเซเลปอะ เกร๋กู้ด



“ก๊อกๆ .. “



“เออคร้าบ “ ขานตอบไปเท่านั้น วันนี้ดูเหมือนว่าป้าแม่บ้านจะขี้ตื้อเป็นพิเศษ



“ก๊อกๆๆ ปังๆๆๆๆ ตึงๆ!



ผมลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะชุดใหญ่ ดูเหมือนป้าแม่บ้านจะฮาร์ดคอร์เกินกว่าการเคาะปลุกผมเสียแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าป้ากำลังใช้ตีนถีบประตูห้องผมอย่างแน่นอน ผมเดินขยี้หัวตัวเองประหนึ่งเหาแดกย่างสามขุมไปที่ประตูอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกระชากลูกบิดเปิดออกอย่างแรง



!!



ส่งยิ้มละมุนอบอุ่นเหมือนคุณชายผู้มากมารยาทให้คุณป้าเหมือนที่เคย(ตอแหล)ทำทุกครั้ง แต่เหมือนวันนี้ป้าแกจะหน้าตาเปลี่ยนไปจากทุกวันที่ผ่านมา  ป้าหน้าเหมือนพี่ลู่หานมาก จนผมคิดว่าป้าคือพี่ลู่หานเลยอะ สราด เหี่ยวอะ ป้าไม่ทาครีมรกแกะอินโดนีเซียแล้วหรอ



“ขอยืมครีมโกนหนวดหน่อย “



“ไรนะ ? “



ผมเอียงคอพลางแคะขี้หูแล้วทำหน้าให้กวนส้นตีนที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยทำมา เพิ่งตื่นเบลอๆเลยได้ยินไม่ค่อยชัด ขี้หูอุดตันอยู่ในกระดูกค้อนทั่งโกนเป็นก้อนเล็กๆดูน่ารัก เป็นพี่ลู่หานจริงๆที่มาเคาะห้องผมแต่เช้าตรู่ เจ้าของหน้าแข้งขนยุ่บยั่บนั่นเองที่ทำให้ประตูห้องนอนของผมสั่นสะเทือนได้ถึงขนาดนี้



“ขอยืมครีมโกนหนวด “




“ครีมเหี้ยไรวะ “




ผมพูดงึมงำกับตัวเองพลางเกาหัวจนเหากระเด็นออกมาสร้างครอบครัวที่พื้นพรมในห้อง พี่ลู่หานพูดเบาไปหรือกูไม่ได้ยินเอง เอาจริงๆกูก็หูดีนะ ผมยืนมองเจ้าตัวยืนบิดไปบิดมาอยู่หน้าห้องอยู่นานสองนานก่อนจะหลีกทางให้เขาเข้าไปหยิบเอง



พี่ลู่หานเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมยืนหน้ามึนพิงตู้เสื้อผ้ามองอีกคนอยู่ไม่ห่าง




“นี่จะไปไหน “



“ไปมอดิ “



เล่นเอาซะผมที่ยืนล้วงเสื้อเกาสะดืออยู่ถึงกับตาลีตาเหลือก ใช่ วันนี้เปิดเรียนวันแรก นี่ถ้าพี่ลู่ไม่พูดกูคงลืมไปซะสนิท ผมรีบสาวเท้ารัวๆไปคุ้ยตู้เสื้อผ้า แต่ก็ไม่เจอชุดนักศึกษาอยู่ในนั้น หันไปมองถุงกระดาษมุมห้อง ชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมายังมีป้ายราคาติดอยู่



“อูย คุณชายเล็กใส่เสื้อไม่ซักหรอครับ “



“เงียบปากไปไป ปากดีนักเดี๋ยวจูบเลย “



ผมหันไปตอบคนปากดี เอากรรไกรมาตัดป้ายราคาที่เสื้อออกแล้วสะบัดๆมันเล็กน้อย โยนมันลงบนเตียงก่อนจะรีบเข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำ



“แปรงเบาๆ สงสารเหงือกบ้าง “



“... “ ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ปรายตามองพี่ลู่หานที่กำลังยืนโกนหนวดอยู่ข้างๆผ่านกระจก



“สงสารคนฟันเหยินเนาะ แปรงฟันลำบากอะ  “



ยัง ยังไม่เลิก ผมเหล่มองอีกครั้งทั้งๆที่แปรงสีฟันยังคาอยู่ที่ปาก พี่ลู่หานยักคิ้วกวนส้นตีนกลับมาให้จนผมรู้สึกหมั่นไส้ ผลักหัวเล็กๆนั่นไปหนึ่งที



พี่ลู่หานไม่ได้ตอบอะไร คนตัวเล็กกว่าก้มหน้าล้างครีมโกนหนวดออกใจใบหน้าอันเหี่ยวยับ(นี่ก็ยังไม่เลิกแซะ)ของตัวเองเงียบๆ ผมได้แต่ยืนแปรงฟันมองอยู่อย่างนั้น ท่าทางเงอะๆงะๆของเขาทำให้ผมต้องหัวเราะจนแทบจะสำลักยาสีฟัน



“นี่โกนหนวดยังไงโกนไม่เกลี้ยง “



หลังจากเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาก็ขำจนเหงือกระบม ผมอมแปรงสีฟันไว้แล้วจับใบหน้าหวานให้หันมาหา พี่ลู่หานโกนหนวดไม่เกลี้ยงเหลือเป็นหย่อมๆเหมือนหมอยหมาตรงปลายคาง จับเจ้าตัวเชยคางขึ้นพลางหยิบครีมโกนหนวดบีบป้ายลงบนคางมนให้ ก่อนจะหยิบมีดโกนมาค่อยๆโกนออกให้เบาๆอย่างระมัดระวังไม่ให้มันบาด นี่หนวดพี่แกเขียวยิ่งกว่ากูอีกนะเนี่ย



“มึงเอ่อ .. ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้มั้ง “



ผมเหล่จ้องดวงตากลมที่เลิ่กลั่กเล็กน้อยพลางยิ้มขำ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ตั้งหน้าตั้งตาโกนหนวดออกให้จนเสร็จแล้วปล่อยคางมนให้เป็นอิสระ เมื่อพ้นจากมือผม พี่ลู่หานรีบก้มลงไปล้างหน้าอย่างรวดเร็วจนหัวโขกกับก๊อกน้ำ ผมหลุดหัวเราะ



“อาตี๋ใหญ่ระวังหน่อยสิครับ หืม “



“ไรละสัด “



ผมเอ่ยแซวคนฟอร์มจัด พี่ลู่หานหันหน้าหนีผมแล้วลูบหัวตัวเองป้อยๆอย่างกลัวเสียฟอร์ม คนตัวเล็กกว่ารีบหมุนตัวหันหลังกลับแล้วก้มหน้าก้มตาเดินออกไป แถมยังสะดุดพื้นต่างระดับตรงประตูห้องน้ำอีกต่างหาก ซื้อบื้อจริงๆ








“นี่ทำไมต้องตามกูมาด้วยเนี่ย “



ก้มลงมองพี่หน้าเหี่ยวที่เงยหน้าท้าแดดเปรี้ยงหันมาคุยกับผมในขณะที่เรากำลังเดินไปตามซอยบ้าน ผมยักไหล่ กระชับสายสะพายเป้ไว้ให้แน่นแล้วเดินตามไปเงี่ยนๆ เอ้ย เงียบๆ แม่งร้อนอะร้อนสัด คือตอนนี้ต้องการรถอย่างรุนแรง ป๊าแม่งใจร้ายจริงๆ



"ผมนั่งรถเมล์ไม่เป็น “



“โถ่ อาตี๋เล็ก คุณหนูจริงๆ ..กลิ่นน้ำหอมมึงเหม็นมากนะ “



พี่ลู่หานเหล่มองผมเหยียดๆ หมั่นไส้จนกูต้องจับหัวทุยๆนั่นมาซุกนมตัวเองแล้วกดหน้าอีกคนให้แนบนมกูอยู่อย่างนั้น วันๆไม่เคยจะพูดกับกูดีๆสักครั้งหรอก



“ดมสิครับ ออกจะหอม “



“อื้อ!! ไอเอี้ย! อ่อยอู๊!!!!



พี่ลู่หานดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมแขน กำปั้นควายๆทุบอั้กเข้าที่สองแขนของผมอย่างแรงไม่มียั้ง จนกระทั่งเดินมาถึงป้ายรถเมล์ ผมถึงปล่อยเจ้าตัวให้เป็นอิสระ



“บรื้นนนนนน “



ยืนมองรถเมล์สายนรกที่ขับผ่านไปคันแล้วคันเล่าก็ไม่เห็นพี่ลู่หานจะขึ้นไปสักที ควันดำพ่นออกจากท่อท้ายรถโขมงไหม้ส่งกลิ่นหอมหวลประหนึ่งร้านหมูปิ้งแม่ละเมียดหน้าปากซอย ผมยืนหดตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลัวว่าควันรถจะมากลบกลิ่นน้ำหอมแคววิ้นคายของผมซะหมด



“แท็กซี่เหอะ “



“งั้นมึงก็ขึ้นไปคนเดียวเลย “



ผมพูดออกมา ชะเง้อเงิงออกไปมองแท็กซี่ที่คาดว่าจะขับผ่าน แต่ไม่เคยจะมีใครผ่านมาทางนี้ นี่ชั้นรออะไรอยู่หรอ รู้ตัวอีกที มันก็เห็นแต่ เหลือแค่เพียงแต่ เหลือก็แต่ .. แค่น้ำตา(ติ่งกามิมาเอง) พี่ลู่หานยืนเท้าเอวเขย่าเสื้ออย่างเซ็กซี่พร้อมกับส่งใบหน้ากวนส้นตีนกลับมาให้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปสิบห้าปี แท็กซี่เก่าคร่ำครึอายุราวพันห้าร้อยปีกำลังคลืบคลานชิดซ้ายมาทางนี้ที่สิบสองนาฬิกาเจ็ดสิบห้าลิปดาตะวันออก ผมยืดตัวขึ้น คว้าคอเสื้อคนเป็นพี่แล้วรีบรุดแซงเดินไปอย่างไว ชะนีที่ยืนพ้อยเท้าอยู่ไม่ได้แดก



“ไปหมาลัยไหมครับ “



“... “



ผมเปิดประตูหลังแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในรถ เอาเงิงค้ำกับประตูรถไว้กดดันพี่โชเฟอร์เล่นๆ แต่เหมือนว่าฟันและความหล่อของผมจะไม่มีความหมาย เหยินแบบไร้คุณค่า ลุงแท็กซี่ส่ายหน้าช้าๆ ให้ดูแก่เหมือนกับหน้าตาและสภาพรถของเขา ผมได้แต่พยักหน้าและยิ้มหล่ออย่างสุภาพ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล



สั้ด! ไม่ไปแล้วมึงจะชิดซ้ายทำเหี้ยไร






“อ่า ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับผม “



ว่าแล้วก็เปิดประตูทิ้งไว้แล้วจรลีเดินจากไป สมน้ำหน้าลุง ลุงเดินลงมาปิดเองละกันนะลุง กวนตีนกูดีนัก ตอนแรกกูกะจะปิดแรงๆให้ประตูแม่งหลุดลงมาทั้งยวง เอาให้พังแม่งทั้งคันรถ แต่นั่นมันคงจะไม่สะใจเท่าให้ลุงสละสังขารอันน้อยนิดของลุงเดินลงมาปิดเองเท่าไหร่ คิดแล้วก็เหี้ย



“มึงทำไมไปทำกะลุงเค้าอย่างงั้น “



ระเห็จระเหินกลับมายืนเท่ห์อยู่ตรงป้ายรถเมล์ที่เดิม ร้อนจนแร้เปียก กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นเหงื่อดมแล้วเซ็กซี่เป็นที่สุด แถมเสื้อก็ไม่ได้ซัก ผมหันไปปรายตามองพี่ลู่ที่กำลังยืนกดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ไม่ได้ตอบอะไรออกไป กูร้อน



“ไปคริส “



กูยืนจนอีกนิดนึงจะเป็นเทพีเสรีภาพอยู่ละ จนในที่สุดพี่ลู่หานก็สะกิดข้อศอกผมยิกๆให้เดินตามเขาไป รถเมล์ฝุ่นคลั่กคันอย่างควายเลื่อนมาจอดตรงหน้า พร้อมกับเสียงเปิดประตูอัติโนมัติที่สะเทือนไปทั้งรูหู ผมก้าวตามพี่ลู่หานขึ้นไปติดๆ เอ่อเห่อ คนแม่งแน่นเหมือนประเทศนี้มีรถเมล์แค่คันเดียว



“ชิดในเลยน้องชิดใน ยืนสองแถวหันหลังชนกันน้อง ชิดในหน่อย “



และแล้วฝูงมวลมหาประชาชนก็เบียดเสียดกันเข้ามาจนหน้าพี่ลู่หานแทบจะฝังลงไปกะนมอิเจ๊คนข้างๆ ผมจับราวข้างบนไว้หลวมๆแล้วเดินชิดตามเข้าไปติดๆเพราะกลัวเจ๊กระเทยคนข้างๆจะเหยียบตีนเอา แม่งล่อซะส้นเข็ม นี่นึกสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าส้นมันปกลงบนสะเบ้าตีนผมแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ร็อคกันทั้งคันแน่นอนครับ



“ชิดในหน่อยน้อง ไอหัวทองเสื้อขาวตัวเปรตๆอะ ชิดเข้าไปอีก “



รู้สึกเหมือนกระเป๋ารถมันด่าผมว่าเปรต เพราะมองไปรอบๆแล้วก็คงไม่มีใครหัวทองเหมือนผมแล้ว ผมได้แต่ยืนงงๆแล้วเดินชิดเข้าไปอีก เสียงตะโกนด่ายังดังอยู่ในโสตประสาทตลอดเวลา ไอหัวเกรียนกระเป๋ารถเมล์เดินมาต้อนคนให้ชิดเข้ามาอีกจนแทบจะติดกันเป็นปลากระป๋อง กูว่าเดี๋ยวอีกสักพักมันต้องให้ขี่คอกันอย่างแน่นอน อิเจ๊กระเทยคนข้างๆนี่ก็เบียดเข้ามาเหลือเกิน นี่คงอยากจะรวมร่างกับผมมากใช่ไหม แหม เห็นกูหล่อหน่อยไม่ได้เลยล่ะสิ



พี่ๆ พี่มานั่งบนจมูกผมเลยมั้ยครับ



“โอ้ย!



“มึงเบาๆ เดี๋ยวเค้าก็ตบมึงให้หรอก “



โดนพี่ลู่หานกระทืบตีนเข้าเต็มๆ ผมหันไปโอ้ยใส่หน้ายับๆของเจ้าตัวพลางแยกเขี้ยวใส่ อะไร กูแค่พูดเบาๆเอง เจ๊เค้าไม่ได้ยินหรอก =_=



“เมื่อกี้น้องว่าอะไรนะคะ “



เสียงกระเทยถึกทะมึนดังขึ้นข้างๆใบหู ผมหลับตาปี๋แล้วค่อยๆหันไปช้าๆ อ่าวสรุปเจ๊ได้ยินหรอ T_T เจ๊ได้ยินแล้วทำไมเจ๊ไม่บอกผมอะ นี่กูไม่อยากตายด้วยน้ำมือกระเทยดีกรีนักตบวอลเล่ย์บอลชายหาดทีมชาติเกาหลีใต้นะโว้ย ศพไม่สวยเลยนี่พูดจริงๆไม่ได้ล้อเล่น



“คะ .. ครับ T_T



“พี่ก็ชอบน้องเหมือนกันค่ะ เรามาแลกเบอร์กันไหม “



ไอเหี้ย เอาแล้วT-T เสียงแมนกว่าพ่อกูอี๊กกกกก ผมกำราวรถเมล์ไว้แน่นจนมันแทบจะหักคามือ ก่อนจะซบหน้าลงกับแขนตัวเองหนีสายตาแหลมคมที่จ้องมองมาอย่างทะลุทะลวงนั้นอย่างหมดแรง พี่เทยละมือออกจากราวรถเมล์ก่อนจะก้มหน้าลงไปค้นกระเป๋ากุชชี่ลายเสือดาวของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย จังหวะพอดีกับที่รถเมล์เบรก พี่กระเทยร่างยักษ์ผู้ไร้ที่ยึดเหนี่ยวจึงเซล้มลงมาซบอกผมเต็มๆ





T_T my gosh ม๋อม .. ม๋อม helpน้องคริสด้วย





“อุ๊บส์ ขอโทษค่ะ “



“ไม่เป็นไรครับT_T



เจ๊เทยคว้าหมับเข้าที่เนื้อตูดของผมเต็มๆเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว ก่อนจะหยิกขยำมันเต็มแรงเพื่อเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ T_T และในจังหวะที่รถเมล์กำลังยื้อตัวทะยานออกไปอีกครั้ง ใบหน้าสากกร้านของเจ๊เทยก็ถือวิสาสะไซร้ไปกับเต้านมขวาของผม หัวนมป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี




หมดแล้ว .. หมดแล้วพรมจรรย์ของเด็กหนุ่มวัยแรกแย้ม





T_T



หันไปทำหน้าร้องไห้ใส่พี่ลู่หานที่ยืนเขย่งโหนราวอยู่ข้างๆอีกฝั่งเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้ายับย่นที่กำลังหัวเราะอย่างสะใจเพียงเท่านั้น สมาร์ทโฟนเครื่องเขื่องถูกยื่นมาตรงหน้าจากทางขวาเพื่อเรียกความสนใจของผมกลับไปอีกครั้ง พร้อมกับแพขนตาหน้าสิบแปดชั้นที่กำลังกระพริบขึ้นลงหว่านสเน่ห์ชวนขนตูดลุก



“บ้านผมยังใช้นกพิราบอยู่เลยครับพี่ T_T ไม่มีเบอร์จริงๆ “



“งั้นนกพิราบน้องสุดหล่อพันธุ์อะไรฮ้า เดี๋ยวพี่ลิลลี่จะเอานกกระตู้วู้ของพี่ติดต่อไปหาน้องเอง เอาเบอร์นกพิราบน้องมาก็ได้ค่ะ “



“นกพิราบก็ไม่มีเบอร์ครับพี่ T_T



แม่งเอ้ยไอเหี้ย T_T  ชื่อลิลลี่เลยหรอ มาเป็นดอกเลยหรอ นี่จะเอาจริงๆใช่ไหม ล้อกันเล่นหรือเปล่า fuck .. พี่หน้าวัวพยายามยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า แต่มืออีกข้างก็ยังขยำเนื้อตูดผมไม่ปล่อย ความเสียวทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด ผมแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดแรงถ้ามือข้างหนึ่งไม่ได้กำลังโหนรถเมล์ไว้อยู่ เมื่อไหร่จะถึงมหาลัย ใครก็ได้ช่วยกูที



“ถ้าอย่างงั้นน้องบ้านอยู่ไหน  เดี๋ยวเย็นนี้มาจอยกันพี่ไปหา “



“ไม่เป็นไรพี่ T_T เกรงใจอะ “



พี่หน้าวัวยืดตัวเต็มความสูง อ่าวสัด แม่งสูงกว่ากูอีก ล่ำกว่ากูสองเท่า ไหล่ใหญ่ยิ่งกว่าควายธนู คอหนาสองฟุต ผิวดำสากยิ่งกว่าซีเมนต์ปูถนนหน้าบ้าน ผมเงยหน้ามองก่อนจะบีบน้ำตาร้องขอความเห็นใจ แต่เปล่าเลย มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มือใหญ่เท่าใบลานคว้าตัวผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ส่งขาข้างหนึ่งที่เต็มไปด้วยขนยุ่บยั่บมาเกี่ยวรัดเอวของผมเอาไว้อย่างแน่นหนา ก้มหน้าลงมาให้วิกผมสีแดงของเจ้าตัวคลอเคลียใบหน้าพอสยิวกิ้ว ผมยิ้มแห้ง ..อยากกลับแคนาดา



“อ้าว อยู่มหาลัยเดียวกันเลย คณะอะไรจ๊ะ “



“การ .. การบินครับ  “



จะไม่ตอบออกไปเลยถ้าพี่แกไม่ได้กำลังถลึงตาใส่ผมอยู่ ผมยกมือไหว้ร้องขอชีวิต ในขณะที่พี่ลู่หานกำลังหัวเราะอย่างสมน้ำหน้าเบาๆเป็นแบคกราวน์ เจ๊ไปหาคนข้างๆผมบ้างเซ่! ผมเป็นตุ๊ด ปล่อยผมไปเถอะ T_T



“ว้า คนละคณะกันนี่นา แย่จังเรยเอาะ ไม่เป็นไร ไว้พี่ลิลลี่แวะไปหานะคร้า .. เดี๋ยวเจ๊ต้องลงป้ายหน้าก่อนไปทำธุระ คงไม่ได้ไปส่งตัวเองที่คณะนร้า ไว้โอกาสหน้านะฮร้า เจ๊ไปก่อน  “




หมับ!!!





“ฮื้อออ T_T



เจ๊หน้าวัวเอามือทาบอกตัวเองพลางห่อปากอย่างมีจริตแล้วพูดกับผม ก่อนมือใหญ่ที่ฉาบไปด้วยเล็บสีแดงจะคว้าหมับเข้าที่ไอคริสน้อยแล้วขยำมันเต็มแรงจนผมจุกตัวงอ



“อ่าส์ ..ใหญ่ไม่ใช่เล่นนะสุดหล่อ พรี่ไปละนร้า จุ๊บ “



T_T



เจ๊หน้าวัวก้มลงมากระซิบเสียงทะมึนชิดใบหูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจูบเข้าที่แก้มผมแรงๆแล้วจรลีลงจากรถเมล์จากไปอย่างร่าเริง ในขณะที่ผมกุมไข่ทรุดตัวลงกับเบาะรถเมล์อย่างหมดแรง หมด.. หมดเลย  หมดแล้วจริงๆ T_T



GOT DAMAGE!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! TT _ TT








นรก ...



นรกจริงๆ




หลังจากที่พยายามเบียดตัวลงมาจากรถเมล์นรกนั่นแล้ว ผมสาบานเป็นครั้งที่สองว่าจะไม่ขึ้นรถเมล์อีกเป็นครั้งที่สอง หรือว่าบางทีพรุ่งนี้ต้องถอยจักรยานซักคัน เหมือนจะเคยเห็นไอ้แบคมีจักรยานคันแบ๊วๆอยู่คันนึงเมื่อนานมาแล้ว ไม่รู้ตอนนี้มันยังเก็บไว้อยู่ไหม ถ้ายังอยู่กูจะยืม เพราะว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว เละทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ และพวงไข่



“เจ๊ลิลลี่ อืมกูจะจำไว้ “



ผมสบถบ่นไปตลอดทาง ยังเห็นพี่ลู่หานแอบหัวเราะสะใจใส่ผมอยู่เรื่อยๆ ผมเดินขาถ่างเล็กน้อยด้วยความจุก นอกจากมือใหญ่ๆของเจ้หน้าวัวจะบีบขยำลงมาที่ไอ้คริสน้อยของผมอย่างไม่ออมแรงแล้ว เล็บสีแดงยาวเฟื้อยของเจ๊ยังจิกไข่ผมอย่างไม่ถนอมเลยเช่นกัน กูจะฟ้องมูลนิธิปวีณา



“เป็นหมันแล้วม้าง “



“อะไร “



“เปล้า! “ พี่ลู่หานยักไหล่ ท่าทางยียวนกวนส้นตีน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ารวั้ก



“อยากโดนมั่งปะละ พ่อจะขยำให้เสียวไปถึงลิ้นปี่เลย “



“โห กลัวจัง “



เจ้าของใบโฉดหันกลับมาส่งสายตาดูแคลนใส่ผม ก่อนเจ้าตัวจะผลักผละออกจากอ้อมกอดอันเหนียวแน่นประหนึ่งตีนตุ๊กแกจากผม แล้วสะบัดบ๊อบเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ผมล้วงกระเป๋า (กระตุกยิ้มนิดๆอย่าง(พยายามจะ)เท่ห์ (ลืมฉากในรถเมล์เมื่อกี้ไป))เดินตามไปช้าๆอย่างไม่รีบร้อน ก็แหง คนขาสั้นยังไงก็เดินเร็วไม่ทันคนยาว เอ้ย คนขายาวอยู่แล้ว



“เอ่าๆ นั่นจะไปไหน “



“หนีมึง “



ผมตะโกนถามหลังจากที่เห็นพี่ลู่หานเร่งฝีเท้าเพื่อจะเลี้ยวหลบมุมตึกไป เจ้าตัวหันมาตอบเท่านั้นก่อนจะวิ่งเลี้ยวหายลับสายตา ผมหลุดขำ หยิบกระเป๋าสตางค์ของเจ้าตัวที่วางทิ้งไว้บนหลังตู้ใส่รองเท้าตั้งแต่กตอนก่อนออกจากบ้านออกมาเปิดดู ข้างในมีรูปพี่ลู่หานหัวทองๆหยิกๆใส่แว่นดำสมัยแว๊นอยู่หนึ่งใบ พร้อมกับบัตรนักศึกษา บัตรประชาชน และเงินอีกจำนวนหนึ่ง




เสร็จกูล่ะ.. หิ




“ซียู “







___________________________________________________________