วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ special part - วันไหว้cool





ผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอ
Special part
วันไหว้cool

________________________________________



สวัสดีเด็กๆน้องๆชาวติ่งทั้งหลาย วันนี้ผม ปาร์ค ชานยอล หรือที่รู้จักกันในชื่อพี่ปาร์คของทุกคน มาทำหน้าที่ดำเนินเรื่องในตอนพิเศษกันน้าครับ จะบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องในผชจรขตขพธนะ อันนี้เป็นตอนพิเศษที่เสร่อแต่งขึ้นมาเฉยๆ ด้วยความที่ว่างจัดเนื่องจากเน็ตอิคนเขียนแม่งใช้ไม่ได้เว้ย ฝนแม่งตก ละทีนี้เร้าท์เตอร์แม่งเละเป็นส้นตีนเลยครับ ไฟไม่กระพริบ พอโทรไปหาทรูละคุยกะคอลเซนเตอร์ไม่รู้เรื่อง แม่งเอาแต่บ่นไรไม่รู้งุ้งงิ้งๆในลำคอนะ ฟังไม่ทัน แล้วชอบพูดเร็วๆเข้าใจยาก ทีนี้กูก็เกรงใจไม่กล้าถามซ้ำ ทีนี้เขาบอกว่า จะเอาช่างมาซ่อมให้พรุ่งนี้เฟ้ย จนตอนนี้สี่ห้าวันละยังไม่มาเลย แล้วเขาก็แนะนำอะไรไม่รู้ยาวเป็นพารากราฟเลย แต่กูไม่ได้ยินอะ หูเป็นหอยหมดละ มันสาหัสมาตั้งแต่ฟังเพลงลูกทุ่งในรถเมล์ดังๆทุกเช้า และสกิลการสื่อสารกับคอลเซนเตอร์เสียงแหลมๆกูก็ต่ำมากด้วยอะ ชิบหายละ บ่นยาวเลยดิทีนี้ ทอดๆ อันนี้สเปๆ มึงไม่อยากอ่านก็ไม่เป็นไรน้ากูแค่อยากแต่งเฉ้ยเฉย กับเนื้อเรื่องผชจรพวกมึงไม่ต้องเอามาโยงกันน้า ไม่ใช่ว่าใครสงสัยว่า เฮ้ยมุงตอนที่แล้วมุงอยู่ซกโชไม่ใช่หรอ ทำไมมาโผล่ตรงนี้ ขอให้เข้าใจทั่วกันน้าชะนีน้า


โอเคครับ กลับเข้าเรื่องกันดีฝ่า เนื่องในโอกาสใกล้จะถึงวันไหว้cool ละ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กดีมาตั้งแต่อนุบาล หม่ามี๊สอนมาดีครับ เราก็ต้องแสดงความกตัญญูกตเวทีซะหน่อย หลังจากที่ทำตัวเป็นนักเรียนอัปปรีย์มากว่าสิบเจ็ดปีเต็ม


เรื่องมันก็ไม่มีไรมากครับ ตอนเด็กๆผมก็น่ารักรุ่งริ่งพอสมควร อย่างที่เคยบอกไปว่าผมเคยซ้ำชั้นตอนอนุบาล ด้วยความที่มันมีเหตุอะไรหลายๆอย่างซึ่งทำให้คนที่หน้าตากับปัญญาไม่สามัคคีกันอย่างผมไม่สามารถจะเรียนอย่างปกติเหมือนนักเรียนคนอื่นๆได้


แต่ถ้าจะให้เล่าตั้งแต่แรก ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง รวมถึงชีวิตที่จังไรของผมในสมัยเด็ก มันคงจะเสียเวลาไปสักหน่อย ถ้ามึงอยากรู้ สามารถติดตามได้ในผชจรขตขพธ special kid version ในนั้นผมจะเล่าทุกๆอย่างให้ฟัง มันน่ารักอย่างสาหัสเลยจริงๆ


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จำได้ทุกอย่างนะ ผมเป็นเด็กที่ครูรักที่สุดเลยอะในบรรดาเพื่อนๆทุกคน เพราะครูบอกว่าผมจะต้องอยู่กับครูอีกปี ส่วนคนอื่นพอเรียนจบอนุบาล ครูแม่งไล่ขึ้นชั้นประถมหมดเลยเว้ย ยกเว้นกูเนี่ยที่ยังอยู่ สงสัยจะถูกใจ เนื้อหอมตั้งแต่เด็กละครับ (แต่หนังเหม็นรึเปล่านี่ไม่แน่ใจ ตอนเด็กๆไม่ค่อยชอบอาบน้ำครับ)


“บอกตรงๆนะหัวกูไม่ไบรท์กะอิพวกนี้เลย “


ผมพูด ในขณะที่ยืนหันหลังพิงโต๊ะที่พวกไอ้ฮุนนั่งจัดพานกันอยู่ ไม่รู้ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ ผมเองก็ไม่เก่งอะไรพวกนี้อะครับ วาดรูประบายสีกูยังไม่เคยได้คะแนนเกินห้าเลย มองรู้เรื่องว่าเป็นรูปอะไรก็เก่งละ ก็คนมันไม่มีอะไรอะ มีแต่ใจ จะให้ทำไงน้อ


“... “


ไอ้พวกนั้นไม่ตอบ ผมมองไอ้ฮุนที่กำลังนั่งพับเพียบร้อยมาลัยอยู่บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ในขณะที่ไอ้ไคกำลังนอนหงายเอาหนังสือปิดหน้าอยู่บนตักไอ้ฮุน ส่วนแบคฮยอนก็นั่งจัดพันอยู่ข้างๆ อย่าถามว่าทำไมมีมึงแค่สี่คนอีกแล้ว ไม่มีเพื่อนคบแล้วหรือยังไง เอ้าไอสัด ก็ฟิคนี้กูเป็นพระเอก กูจะให้มีแค่นี้อะจะทำแมะ คนเยอะเรื่องก็เยอะ ใช่แมะๆ


“นั่งพับเพียบละมันไม่หนีบไข่หรอวะ “


ผมปีนขึ้นไปนั่งรุมพานดอกไม้บ้าง ชะโงกหน้าถามอิฮุนที่นั่งร้อยมาลัยอย่างมีสมาธิ ก้มหยิบดอกไม้มาจัดเรียงบนพานทองบ้าง


“เสร่ออีกละ มึงทำไม่เป็นก็เงียบๆมั่งเหอะ สองชั่วโมงมานี่มึงพูดไม่หยุดเลยนะไอสัด “


“ก็กูเหงาอะ คนมีคู่ไม่รู้หรอก “


ผมตัดพ้อ เอนตัวไปถูๆกะอิแบคที่นั่งจัดพานอย่างตั้งใจ มันไม่สนใจผมเลยอะ


“คู่ไหนละวะ “


“ก็อิก้อนดำๆที่อยู่บนตักมึงอะ อิจฉาอยากมีคนให้นอนตักมั่งง่อ “


พาลไปถึงอิดำที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวพลางเอาดอกหญ้าในมือไปแยงๆหูมันเล่น ไม่รู้มันนอนไปได้ยังไง ถ้าไอ้ฮุนไม่ได้นั่งพับเพียบอยู่ไอ้ไคอาจจะโดนไข่แม่งแทงหัวละก็ได้นะ อินี่ก็ใหญ่ไม่ใช่เล่น แต่ก็งั้นๆอะ ใหญ่น้อยกว่ากูหน่อยนึง


“มึงอย่าไปกวนมันมันเหนื่อย “ ไอ้ฮุนพูด ปัดมือผมออก


“เนี่ย! พวกมึงก็เป็นเงี้ย จะไม่ให้กูเป็นเด็กมีปัญหาได้แงะ เซ็ง เบื่อ ไม่มีใครรัก เหงา ไม่มีใครเล่นกะกูเลย เหี้ยะ! “


รู้สึกตัวเองเป็นกระเทยโอท็อปอิมพอร์ตจากอเมริกา ช่วงนี้พร็อพกูอาจจะเยอะไปสักหน่อย คนมันเครียดจะให้ทำยังไง ผมปาดอกหญ้าใส่หน้าไอ้ฮุนแล้วลุกออกมาจากโต๊ะในทันทีด้วยความงอนขั้นพีค วันนี้แม่งน่าหงุดหงิดชิบหายเลย อุตส่าห์เลือกมาทำพานจะได้ไม่ต้องเรียน แต่ไม่มีใครสนใจกูเลย แถมไอ้แบคก็เอาแต่สนใจแต่พาน นี่พวกมึงเห็นพี่ปาร์คเป็นตัวอะไร กูเป็นพระเอกนะไอสัด ทุกคนต้องรุมรักกูดิ แบบนี้มันไม่ใช่อะกิ๊บ แหม่




เมื่อไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ผมระเห็จระเหินมาอยู่บนดาดฟ้าของตึกวิทย์ ด้วยความที่อยากจะเท่ห์แบบในการ์ตูนญี่ปุ่น แบบที่พระเอกโดดเรียนมาแอบหลับบนดาดฟ้าไรเงี้ยเกร๋ๆ แล้วนางเอกขึ้นมาเจอ จากนั้นก็ตรั่บๆกันบนดาดฟ้า อืม .. ไม่ใช่ละ ไม่เสื่อมดิ วันนี้วันครู เอาใหม่ ผมขึ้นมาดาดฟ้า นั่นแหละ ก็อยากจะเท่ห์มั่งไรมั่ง แต่สภาพอากาศแม่งไม่เอื้ออำนวย ไอเหี้ย มึงรู้ปะ มันร้อนมาก ร้อนแบบหัวแทบแตก แดดแม่งไม่มีความเกรงใจพระเอกอย่างกูเลย แถมบนดาดฟ้าแม่งโล้นแบบไม่มีหลังคา ฝุ่นก็หนาเป็นนิ้วๆ ละยังมีซากวิญญาณถุงเท้าใครก็ไม่รู้อยู่ด้วย ผมเลยต้องล้มเลิกความคิดนั้นแล้วเดินคอตกกลับลงไปข้างล่าง กูอุตส่าห์เดินน่องบานขึ้นมาถึงชั้นห้า มันไม่เกร๋เลยอะมันไม่เกร๋


ด้วยความที่ไม่อยากกลับไปเรียน ผมเลยไปอยู่ที่สนามเด็กเล่นตรงตึกเด็กอนุบาลแทน ผมมองไปที่ตึกสามชั้นตรงนั้น ชั้นล่างสุดห้องริมขวามือ ผมจำมันได้ดี มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับแบคฮยอนในตอนอนุบาลสาม ยอมรับว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเรียนหนังสือรู้เรื่อง


“คิดถึงจังเลย “


ไล้มือไปตามสไลเดอร์ที่ถูกซ่อมแซมและทาสีใหม่ด้วยความคิดถึง สนามเด็กเล่นที่นี่ผมเล่นมาหมดแล้วทุกอย่าง และผมมักจะหนีคุณครูมาอยู่ในนี้เวลาที่รู้สึกไม่อยากเรียน ไม่อยากจะควยแต่ว่าสนามเด็กเล่นนี่ตอนเด็กๆพี่ปาร์คคุมนะครับขอบอก


ผมแทบจะวิ่งเข้าใส่ของเล่นทุกชิ้น ก่อนจะลงมือเล่นมันทีละอย่างๆจนหมด ตอนเด็กๆผมก็คิดว่ามันกว้าง แต่ตอนนี้ผมโตเป็นควายจนหมาเลียตูดไม่ถึงละ (ตอนแรกผมก็ว่าผมเป็นคนนะ แต่พอโตมา ไอ้แบคบอกว่าผมเป็นควายอะ อันนี้ผมก็งงๆ ) ถึงรู้ว่ามันเล็กนิดเดียวเอง


ผมคลานเข้าไปอยู่ในบ้านสำหรับเด็กขนาดย่อม มันเล็กและแคบมากเมื่อเทียบกับตัวผมในส่วนสูง185เซนติเมตร มองไปรอบๆ ในนี้ไม่มีหน้าต่างหรือกระจก ยกเว้นประตูพลาสติกตรงทางเข้าที่สามารถเปิดปิดได้เท่านั้น ผมเอนตัวลงนอนแล้วขดขาเข้ามา เพราะขาผมยาวเกินกว่าที่จะนอนสบายๆในที่แคบๆเช่นนี้ได้ ใช้สองมือรองท้ายทอยหนุนไว้ มองขึ้นไปบนเพดานที่ยังไม่ถูกทาสีใหม่ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา



ชานยอล    แบคฮยอน



ลายมือสับปะรังเคถูกเขียนด้วยสีชอล์กอยู่บนเพดาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตัวหนังสือที่เหมือนเอาเจี๊ยวเขียนนั้นเป็นของใคร ผมเอื้อมมือไปลูบมันเบาๆด้วยความคิดถึง รู้สึกดีใจที่ส่วนด้านบนของเพดานไม่ถูกทาสีทับลงไปใหม่เพราะคงเข้ามาได้ลำบาก




ชานยอล ตัวเองมือบอนอีกแล้วนะ เขียนแบบนี้ได้ไง ถ้าคุณครูเห็นเดี๋ยวก็โดนตีหรอก 

ครูไม่รู้หรอก ถ้าเค้าไม่บอก ตัวเองไม่บอก จะมีใครรู้ได้ไง 

แล้วทำไมตัวเองต้องเขียนชื่อเค้าด้วย แบบนี้คนอื่นก็รู้สิว่าใครทำ 

 ก็ตัวเองสอนเค้าเขียนหนังสือ เค้าก็เลยเขียนชื่อตัวเองไง 

แล้วทำไมต้องมีหัวใจด้วยล่ะ 

 ถามมากจัง ก็ตัวเองสำคัญไง




ผมหลุดหัวเราะ นึกถึงบทสนทนาอันแก่แดดแก่ลมของผมกับมันในตอนนั้น ตอนที่เข้ามาหลบฝนในบ้านของเล่นในขณะที่รอหม่ามี๊มารับกลับบ้าน ผมยังจำมันได้ทุกอย่าง ในช่วงแรกๆ ผมต้องคัดลายมือเป็นเล่มๆ แถมแม่งก็ตีมือผมเอาๆ กว่าจะเขียนหนังสือได้นี่มือแทบจะแบนเป็นเป็ดละไอสัด


ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นเบาๆตรงไหล่ ผมลืมตาขึ้นมอง แบคฮยอนยื่นลำตัวครึ่งบนเข้ามาในบ้านหลังแคบ มือเล็กสะกิดผมแรงๆหลายครั้ง นี่ถ้าผมไม่ถึกพอบางทีแขนผมอาจจะหลุดไปละก็ด้ะ อิห่า แรงฟวายจังเลย


“ไร “


“กะละว่ามึงต้องอยู่นี่ เหยิบๆ “


ผมหันไปตอบมัน ยังคงเคืองเรื่องเมื่อเช้า แม่งสนใจพานดอกไม้มากกว่าผม ไอ้แบคกลับทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วไล่ผมให้เขยิบไปชิดติดริมผนัง ผมขดขาเข้ามาอีกจนไข่กูแทบจะพับได้สามทบ คนตัวเล็กปีนเข้ามาทางประตู พื้นที่ที่ว่าแคบแล้วกลับยิ่งแคบหนักเข้าไปอีกจนอึดอัด ผมหันไปถอนหายใจใส่อิเตี้ยที่ตอนนี้ปิดประตูพลาสติกบานเล็กเข้ามาเรียบร้อยแล้ว


“โอ๋งอนพี่แบคอ่อครับนุ้งปาร์ค ง้อๆน้า “


“ง้อควยไร กูจริงจัง ออกไปเลย “


ผมยังคงรักษาฟอร์มเอาไว้ สะบัดแขนออกจากการจับกุมของฝ่ามือเล็ก มันจับผมเขย่าไปมาจนแทบจะกลายเป็นช็อกโกบอล ผมเบือนหน้าหลบใบหน้าน่ารักนั่นแล้วหันไปสนใจตีนตัวเองแทน ด้วยกลัวว่าความน่ารักของมันจะทำให้ผมใจอ่อน


“ไม่ได้ง้อควยๆๆๆๆๆ ง้อเจ้าของควย “


“ทะลึ่งละ “


หันไปผลักหน้ามันออกไปไกลๆ เนื่องจากใบหน้าสวยนั้นใกล้เข้ามามากจนเกินไปแล้ว มึงดูมันพูดดิ ปากแม่งน่าจับจูบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสักสิบห้าที คำพูดกะหน้าตานี่ไม่ได้เข้ากันซะเลย ใครสั่งใครสอนให้ทำตัวอัปปรีย์จังไรแบบนี้ ใช้ไม่ได้!


“กูทำพานเสร็จแล้ว ไปไหว้ครูกันน้า อย่าโกรธพี่แบคนะครับน้องปาร์ค “


“น้องปาร์คเตี่ยมึงดิ กูแก่กว่ามึงกี่ปี อย่ามาลามปาม ลงไป! “


ใจผมเต้นโครมครามเมื่อไอ้ตัวแสบเริ่มจะเขยิบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมที่นั่งขดขาอยู่กลับต้องยิ่งทำตัวลีบติดผนังเข้าไปอีกเมื่อใบหน้าน่ารักนั้นโน้มเข้ามาใกล้ ไอ้แบคคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแล้วแยกขาออกคร่อมผมเอาไว้ สองมือจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แน่นแล้วปีนขึ้นมานั่งบนตักเหมือนที่เคยทำบ่อยๆตอนเด็กๆ มันจะไม่อะไรเลยถ้าแม่งไม่เขย่าตัวขึ้นๆลงๆทิ้งสะโพกนิ่มลงบนตักให้ผมเสียวไข่เล่นเนี่ย


แง มันแกล้งกูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แง แข็งแล้ว แข็งแล้ว แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ T_T



“หายโกรธพี่แบคน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “


“อิเหี้ยT_T “


“น้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “


เสียงที่ไม่แตกหนุ่มสักทีตะโกนอยู่ข้างหูจนหูผมแทบแตก ขี้หูผมแทบจะออกมาเบรคแดนซ์กันอย่างเมามันส์เพราะเสียงแหลมๆของมัน น่ารำคาญเท่านั้นไม่พอ คนตัวเล็กขย่มขึ้นลงอีกพลางโยกหัวไปมาอย่างน่ารัก ผมว่าผมตายแน่ๆเลย ผมต้องตายแน่ๆ


“ฮรือว์ ออกปายT_T “


“ออกไป วู้ว ออกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ yeah


มันพูดว่าออกๆๆๆๆๆ แล้วร้องออกมาเป็นเพลง ทิ้งน้ำหนักตัวโยกไปตามจังหวะอย่างสนุกสนาน ผมได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมแล้วคอยประคองเอวคอดไว้ไม่ให้มันโยกหัวไปโขกเพดานข้างบน อิเหี้ย ที่ก็แคบ มึงยังจะมาขย่มๆๆๆกูอีก คิดว่ากูมีความอดทนอะไรขนาดนั้นเลยหรือไง


“อิเหี้ยแบคอย่า T_T 


“เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ ออกไป ออกไป้! โอ้ย! “

นั่น ไอ้แบคขย่มตัวไปมาจนหัวไปโขกกับหลังคาเข้าเต็มๆ คนตัวเล็กก้มหัวลงแล้วเลื่อนมือมากุมหัวตรงที่โขกไว้แน่นพลางร้องโอดโอย


“นั่นไง กูบอกละไม่ฟัง ไหนมาดูดิ้ หัวแตกไหมไอสัด “


ผมดุ ลืมความเป็นชายที่แข็งแกร่งตรงด้านล่างไปชั่วขณะ ผมจับไหล่บางให้โน้มตัวลงมาหา ก่อนจะจับข้อมือเล็กไว้ให้พ้นจากการบดบังบริเวณแผล ตรงหัวมันมีรอยถลอกเล็กๆอยู่ด้วย ผมยืดตัวขึ้นแล้วเป่าลมอุ่นๆรดลงไปเบาๆเพื่อคลายความเจ็บให้ ไอ้แบคครางซิ้ด มึงจะซิ้ดหาเตี่ยมึงหรอ แค่นี้กูก็จะทนไม่ไหวละนิ คนนะไม่ใช่พระอิฐพระปูน แหม่


“ซิ้ดดดดดด ..”


“ลุก จะไปไหว้ครูก็ไป “


ผมประคองเอวบางให้ลุกออกไปจากตัก คราวนี้คนตัวเล็กลุกตามอย่างว่าง่าย แล้วคลานออกไปทางประตูพลาสติกบานเล็กโดยที่มือยังกุมอยู่ที่บริเวณแผลอยู่ ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก




ไม่นานนักพวกเราทั้งสี่ก็ถือพานมายืนโง่อยู่หน้าตึกอนุบาล ปีนี้เราเลือกที่จะไหว้ครูสมัยอนุบาลของพวกเราครับ ซึ่งผมคิดถึงคิดถึ้งคิดถึงมากที่สุด ผมค่อยๆประคองพานทองที่ถูกประดับด้วยดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปด้านใน โดยที่ไอ้ไคและไอ้ฮุนก็ช่วยกันถือกระเช้าอันเท่าควายเดินตามหลังมา


“ฮัลเหลครับจารย์ จำผมได้ปะนิ “


เปิดประตูผ่างเข้าไปก็เจออาจารย์ประจำชั้นสมัยอนุบาลสามนั่งตรวจงานสวยๆอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเปล่าเปลี่ยวเอกา เพราะตอนนี้บ่ายสามละ พวกเด็กนรกแม่งกลับบ้านกันไปหมดละครับ เหลือแต่พวกเด็กมัธยมที่ยังจะต้องมีชีวิตต่อไปอีกสองคาบ แต่พวกผมก็โดดเรียนมาเกร๋ๆ


“อ้าว เธอ ชานยอล ปาร์คชานยอลใช่รึเปล่า “


“อ่านป้ายชื่อดิครับครูมีตาไว้ทำไมนิ “


ว่าแล้วก็แอ่นนมให้จารย์ดูป้ายชื่อที่ปักอยู่ตรงอกเสื้อนักเรียน อาจารย์หัวเราะแล้วถอดแว่นออกพลางหันหน้ามาหา เขาคงไม่ถือสาผมหรอก ก็รู้ว่าผมนิสัยเงี้ย เป็นไง บอกละ ครูอนุบาลแม่งเจ๋ง ถึงแม้สิบเจ็ดปีผ่านไปแล้ว หน้าอาจารย์ก็ยังเหมือนเดิม อาจจะดูแก่ลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีละอองความใจดีเคลือบอยู่บนรอยตีนกาเหล่านั้น


“มาหาครูมีอะไรรึเปล่า “


“เอาซองผ้าป่ามาให้อะครับ จะให้ครูช่วยทำบุญซะหน่อย “


ผมวางซองสีขาวไว้บนโต๊ะตรวจการบ้าน ครูทำหน้าสตั๊นไปประมาณแปดวิ แล้วล้วงกระเป๋าตังออกมา ผมขำ


“ล้อเล่นๆ อันนี้เป็นจดหมายที่พวกผมเขียนถึงครูอะครับ ถึงจะแบบลายมือส้นตีนไปหน่อยแต่เขียนจากใจ “


ผมนั่งลงที่พื้นข้างๆโต๊ะ ไอ้พวกที่เหลือสามคนก็นั่งตาม กระเช้าผลไม้ถูกวางลงบนโต๊ะ ผมมองครูที่ค่อยๆดึงจดหมายออกจากซองด้วยมืออันสั่นเทา รู้สึกลุ้นๆยังไงไม่รู้ว่ะ ครูจะปลื้มไหมน้าๆๆๆๆ


“อ่านออกปะครับ อ่านไม่ออกถามได้ ๆ “


ผมคอยชะเง้อมองว่าครูอ่านไปถึงไหนแล้ว กระดาษแผ่นค่อนข้างยับเพราะพวกผมสี่คนแย่งกันไปมา ลายมือเหี้ยๆตรงท้ายกระดาษนั่นเป็นของผมเอง ส่วนตรงที่เกริ่นนำพารากราฟแรกเป็นของไอ้ฮุน ลายมือแม่งขอมมาก พอๆกับไอ้ไคในพารากราฟถัดมาที่ลายมือค่อนข้างจะไปทางพม่า สรุปทั้งแผ่นรู้เรื่องอยู่สองบรรทัด


“อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ครูซึ้งมาก ขอบใจนะพวกเธอ “


“เบๆครับครู ทีนี้พนมมือเร็ว เดะพี่ปาร์คให้พร “


เห็นครูแอบซับน้ำตาด้วยความปลื้มปิติผมก็อดดีใจไม่ได้ ผมหันไปหาไอ้แบคให้ยกพานมาตั้งตรงหน้า กำ ครูแม่งเสือกบ้าจี้พนมมืออีก ทีนี้ทำไงละมึง ยะอะปะรามะตังทิพาจะนังนี่ใช้ไม่ได้ละนะ เล่นไปแล้ว กูไม่ชอบเล่นมุขซ้ำ


“อ่า ผมก็ขอให้ครูมีแฟนหล่อๆ ลงจากคานไวๆ ละก็มีสุขภาพแข็งแรง ขออย่าให้เจอนักเรียนจังไรแบบผมอีกเลย ขอบคุณที่สอนผม ดูแลผมให้โตขึ้นเป็นคนปกติ ขอบคุณที่ไม่ทำให้ผมต้องซ้ำชั้นอีกรอบ อ่าละผมก็มีเรื่องจะสารภาพบานเลยอะ ผมขอโทษที่ดื้อกับครู ชอบเถียง ไม่ยอมให้ครูตี ต้องให้ครูถือไม้เรียววิ่งไล่ผมทุกวันเลย ไม่รู้เก๊าท์แดกรึยังนะป่านนี้ ดูแลสุขภาพมั่งนะครับ ละก็คนที่เอาตะปูเรือใบไปโรยตรงหน้าห้องพักครูอะ ผมเอง ขอโทษที่แอบมองเกงในครู ผมไม่ได้ตั้งใจนะ แต่ตามันมองเอง แล้วก็ขอโทษที่ผมก้าวร้าว ทำนิสัยไม่ดี ซ้อรี่ที่นินทาครูมาอย่างแสนสาหัส จะบอกว่าคนที่เอาดินน้ำมันไปอุดท่อไอเสียรถครูอะคือผม ละคนที่เอาหมากฝรั่งไปแปะไว้บนเก้าอี้ครูก็ผมอีกอะครับ โหมีอีกบานเลยแต่คิดไม่ออกละ มีแค่เนี้ย รักๆครูนะครับ สารังเห้ “


ยาว.. ยาวเลยมึง ผมยื่นมือไปโบกๆตรงหน้าครูที่ตอนนี้เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว พูดไปน้ำตาก็ปริ่มๆนะ รู้สึกขนลุกชูชันไปหมด ครูฟังผมอยู่ปะเนี่ย อิสองคนข้างหลังนี่แม่งก็อะไร ไม่สำนึกในบุญคุณละยังมาคุยเล่นคิกคักกันอีกไอสัด ไม่เคารพครูก็ออกไปเลยไป


“ครู เฮลโหล้ ครู !


ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ เอ๊ะหรือจิตจะหลุดไปแล้วจริงๆ จนผมต้องตบมือดังๆตรงหน้า ครูถึงหลุดออกจากภวังค์ ผมขมวดคิ้ว อะไร สารภาพแค่นี้ถึงกับช็อค โห่


“เอ้อ! อื้ม ขอบใจนะๆ “


“ไม่เป็นไรครับเรื่องแค่นี้ ขี้ๆ “


“ครูซึ้งมากจริงๆ “


“เชื่อครับเชื่อ อะพวกมึงกราบ สาม สี่ “


หันไปสั่งอิสามตัวที่เหลือที่ตอนนี้จับกลุ่มเม้ามอยกันอย่างไร้สำนึก ผมจัดการอัญชลี วันทา อภิวาทไปสามจบ ก่อนจะเดินตัวปลิวออกมาจากห้องอย่างเป็นสุข เห้อ ในที่สุดผมก็ได้แต่งความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์บ้างซักที มีฟามสุขครับ




จนกระทั่งเลิกเรียน ประตูโรงเรียนถูกเปิดพร้อมกับเหล่านักเรียนที่วิ่งออกจากรั้วโรงเรียนกันอย่างร่าเริงประหนึ่งสวนสัตว์แตก และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมปั่นจักรยานคิตตี้อย่างเร็วด้วยความไวแสงออกไปจนพ้นรั้ว อยากจะกลับบ้านใจจะขาด อิจฉาอิพวกมีมอไซค์ขับ ไอ้ไคกับไอ้ฮุนพากันแว๊นออกไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ประตูเปิด แม่งบิดทีเดียวไปถึงปากซอยละ กูนี่ต้องคอยออกแรงถีบจนน่องแทบระเบิด แถมอิเตี้ยที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังแม่งก็อ้วนขึ้นทุกวัน ผมชักไม่แน่ใจละว่ามันหนักมากกว่าผมรึเปล่า


“เอ้ย กูลืมของไว้ที่โรงเรียน เดะมา มึงรอนี่แหละ “


ปั่นมาถึงหน้าบ้านก็ดำเนินตามแผนการทันที ไอ้แบคลงจากเบาะหลังแล้วพยักหน้าหงึกหงักอย่างงงๆกลับมาให้ผม ก่อนจะรับกุญแจบ้านจากผมแล้วเดินเข้าบ้านไป ผมปั่นจักรยานย้อนกลับมาทางเดิมอีกรอบ ตรงไปยังร้านขายช่อดอกไม้ที่อยู่ถัดจากซอยบ้านไอ้ไคไปอีกสองซอย นอกจากคุณครูสมัยอนุบาลแล้ว ผมยังมีครูอีกคนที่ยังไม่ได้ไหว้


“ขอโทษทีครับ ช้าไปนิด 55555555555 “


เปิดประตูผลั้วะเข้าไปแล้วยิ้มน้อยๆให้พี่สาวใจดี โค้งให้นิดๆแล้วเดินเข้าไปหา นูน่าคนสวยอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวและผ้ากันเปื้อนสีครีม ในมือมีดอกไม้สีม่วงอยู่หนึ่งกำ ผมเดินตรงไปที่โต๊ะที่ใช้วางของสำหรับจัดช่อดอกไม้ที่อยู่ตรงกลางร้าน ยกมือไหว้อาเจ๊ไปทีหนึ่งแล้วคว้ากรรไกรมาช่วยตัดกิ่งและหนามออกจากก้าน


ผมรู้จักกับนูน่าใจดีเมื่อตอนมอต้นครับ มันจะมีช่วงนึงที่กลับบ้านดึกๆทุกวันเพราะต้องอยู่ซ้อมดนตรีที่โรงเรียน ทุกครั้งที่เดินผ่าน ผมจะเห็นนูน่าปิดร้านอยู่คนเดียวทุกวัน ด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี .. ไม่เอาไม่ตอแหลดีกว่า เอาใหม่ ด้วยความเสร่อบวกกับหน้าม่อนิดๆ ผมจึงไปช่วยอาเจ๊คนสวยปิดร้านทุกวันจนสนิทกันไปละ เจ๊แกใจดีครับ น่ารัก น่าเป็นแม่ของลูก


“ช่อนี้จะเอาไปให้ใครคะเนี่ย ลงทุนมาทำเองเลย “


“ให้คุณครูครับ วันนี้วันครู “


“คุณครูคงปลื้มใจน่าดูนะหืม “


นูน่าพูดแล้วยิ้มออกมาในขณะที่จัดดอกไม้ปักเรียงไว้บนโอเอซิส ผมได้แต่หัวเราะ ก้มหน้าก้มตาตัดหนามออกจากก้านดอกไม้ทีละก้าน กว่าจะเสร็จทั้งหมดก็ได้แผลไปเยอะพอสมควร


“เออนูน่าครับ ไอดอกไม้เนี่ย ถ้าเราจะบอกว่าเรารักเค้า ต้องใช้ดอกอะไรหรอครับ ? “


“กุหลาบไงคะ สีชมพู กับสีแดง น่าจะสื่อความหมายได้ดีที่สุด “


นั่งชวนคุยไปเรื่อยๆ นูน่าเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานและน่าหลงใหลมากจริงๆ จัดดอกไม้ก็สวย ทำงานก็เก่ง แถมยังอยู่คนเดียว ผมว่าบางทีเจ๊แกน่าจะมีแฟนได้ละนะ ไม่น่าโสดเลย ถ้าไม่ติดว่าผมชอบไอ้แบค บางทีผมอาจจะชอบนูน่าก็ได้นะ นมก็ไม่ใช่เล็กๆ


“เอ่าละอย่าง กุหลาบสีดำในตู้อะครับ มันหมายถึงอะไร “


ผมชี้ไปที่ดอกกุหลาบสีดำเพียงดอกเดียวที่อยู่ในตู้แช่เย็น มันดูล้ำค่าและน่าสนใจมากเลยทีเดียว ดูท่าว่ามันจะหายากมากๆซะด้วย


“กุหลาบสีดำ รักอันเป็นนิรันดร์จ้ะ “


“อ่อ .. “


ผมพยักหน้า มองออกไปข้างนอกร้านผ่านกระจกบานใส



รักนิรันดร์.. หรอวะ ?



“แล้วถ้าผมจะขอซื้ออันนั้น ได้ปะครับ “







จนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้ม หลังจากที่ช่วยนูน่าคนสวยปิดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมปั่นจักรยานกลับบ้านพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ผมเป็นคนจัดเองกับมือ ภายในมีดอกคัตเตอร์สีขาวเหลืองดอกเล็กๆอยู่รอบ และตรงกลางเป็นดอกกุหลาบสีดำที่ผมเล็งมันไว้ตั้งแต่เข้าไปในร้าน ทั้งหมดถูกห่อด้วยกระดาษแก้วสีขาว และกระดาษมันลายจุดสีครีม มัดด้วยเชือกป่านสีน้ำตาลอ่อน และผูกทับด้วยริบบิ้นสีขาวเรียบดูเข้ากัน


“... “


ผมยิ้ม มองช่อดอกไม้ที่ถูกวางอย่างทะนุถนอมบนตะกร้าหน้ารถ ถึงแม้ว่าฝ่ามือของผมจะเต็มไปด้วยพลาสเตอร์ปิดแผลเป็นสิบๆอัน แต่ผมภูมิใจที่ได้เป็นคนทำมันด้วยตัวเอง และผมมั่นใจว่าคนที่ได้รับจะต้องดีใจอย่างแน่นอน


“เฮ้ย! “


เบรกจักรยานกะทันหันจนหัวแทบทิ่ม เมื่อขี่ไปเกือบจะถึงบ้านเพื่อนสนิท ถึงแม้ว่าฟ้าใกล้จะมืดแล้วก็ตาม แต่ที่ผมเห็นชัดเต็มสองลูกกะตา ไอ้ไคกับไอ้ฮุน กำลังยืนจูบกันอยู่ตรงเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน ผมเหลือกตาด้วยความตกใจ จอดจักรยานนั่งดูด้วยความสงสัย


“พลั๊ก! “


ยังไม่ทันจะได้ดูฉากดีพคิส ไอ้ไคก็โดนไอ้ฮุนผลักออกไปกระแทกกับตู้โทรศัพท์ข้างๆกัน ไอ้ฮุนกำหมัดทุบอั้กรัวๆลงบนไหล่ไอ้ไคจนผมรู้สึกเจ็บแทน ไอ้เหี้ยกูงง ตกลงยังไง ไอ้ไคมันชอบพี่ลู่ไม่ใช่หรอวะ แล้วไอ้ฮุนก็มีซัมติงกับพี่ลู่หานอยู่ เอ้าแล้วพวกมึงมาจูบกันได้ยังไง เอ้าแล้วพี่ลู่กูละไอสาดดดดดดดด  มึงเอากันเองแล้วพี่เหี่ยวของกูจะอยู่กะครายยยยยยยยยยยยย


“ฮ่าๆ “


ไอ้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูกของไอ้ไคแล้วยิ่งเพิ่มความโง่งงงวยให้ตัวเองยิ่งขึ้นไปอีก ผมเกาหัวแกรกๆจนเหากระเด็นออกมาเป็นสิบๆตัวละมั้งไอสัด ไอ้ฮุนวิ่งหนีเข้าบ้านไปแล้ว ไอ้ไคที่โดนซัดไปซะน่วมยังไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ นอกจากหัวเราะแล้ววิ่งตามเข้าไปในบ้าน ผมงง จะมีใครอธิบายให้กูฟังได้บ้าง


“อะไรของพวกแม่งวะ “


ก็ได้แต่พูดเท่านั้น เพราะคงไม่มีใครมาตรัสรู้ด้วย ผมชะโงกหน้าดูช่อดอกไม้ที่ผมตั้งใจทำว่ามันยังอยู่ดีหรือไม่ ก่อนจะออกแรงปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างเร่งรีบ ฟ้ามืดแล้ว ป่านนี้คุณครูของผมคงจะรอนานแล้วเหมือนกัน


ปั่นจักรยานทีมชาติหนียุงมาจนถึงหน้าบ้าน ยุงแม่งมีความสามารถพิเศษมากครับ มันสามารถฝ่าดงป่าสาหร่ายของขนขาผมเข้ามาเพื่อเจาะเลือดกรุ๊ปเอของผมไปแดกอย่างหน้าด้านๆ เจ็บจิ๊ดๆครับแม่งคัน แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าหลังจากแดกจนอิ่มและสาแก่ใจแล้ว มันจะออกมาได้รึเปล่าถ้าไม่มีแผนที่ เพราะพื้นที่บริเวณขนขาของผมก็แอดเวนเจอร์พอสมควร


จอดจักรยานแล้วเดินถือช่อดอกไม้เข้าไปในบ้านด้วยใจระทึก ชะโงกหน้าดูที่ห้องครัวก็ไม่พบคุณครูที่ผมตามหา ผมจึงเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก แทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงสีหน้าของคุณครูตอนที่ได้รับช่อดอกไม้จากผม  


“แกร๊ก  “


เปิดประตูเข้าไปก็เป็นอย่างที่คิด แบคฮยอนกำลังนั่งหันหลังอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ผมซ่อนช่อดอกไม้ไว้ข้างหลัง ค่อยๆเลื่อนประตูปิดเบาๆแล้วย่องเข้าไปหาอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ คุณครู ของผมได้ทันรู้สึกตัว


“ไอเชี่ยตกใจ “


คนตัวเล็กสะดุ้งจนทำดินสอในมือหล่น เมื่อผมยื่นช่อดอกไม้ไปไว้ตรงหน้า ในขณะที่ผมยืนซ้อนอยู่ข้างหลังมัน แบคฮยอนหันกลับมาหาผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย น่ารักจัง


“ดอกไม้สำหรับคุณครูครับ ต้องกราบตีนด้วยปะนิ “


“ไอ้บ้า ! “


มันด่าแล้วก็ตีแขนเข้าให้อีกที แรงมันเยอะใช่เล่น ผมกุมแขนตัวเองพลางหัวเราะ ยัดช่อดอกไม้ใส่มือมันแล้วยิ้มกว้าง


“เออ ขอบคุณ “


“ครับ รักครูครับ 5555555555555555555555555555555 “


ผมได้แต่ยืนเกาคอแก้เก้ออยู่อย่างงั้น พูดไปแล้ว ถึงแม้มันจะดูไม่จริงจังเพราะตอนนี้ผมอาจจะยังไม่พร้อม แต่ก็ถือซะว่าบอกมันทางอ้อมละกัน ไอ้แบคยืนก้มหน้าอยู่กับช่อดอกไม้ที่ผมทำให้ แก้มนิ่มนั้นแดงปลั่งทั้งสองข้าง น่ารัก น่ารัก น่ารัก


“เอามาให้กูทำไมวะ “


มันถาม ยังมุดอยู่กับช่อดอกไม้อยู่อย่างนั้น สงสัยจะไม่กล้าสบตาผมแหงๆ ก็เงี้ย คนมันหล่อให้ทำแงะ


“มึงเป็นครูคนแรกที่สอนกูรู้เรื่องเลยนะ ไม่มีมึงกูคงซ้ำชั้นอยู่อย่างงั้นอะ “


“แล้วนี่อะไร “ มันถาม ปลายนิ้วเล็กไล้วนอยู่บนการ์ดเล็กๆสีครีมที่แขวนอยู่กับช่อดอกไม้


“อ่อ โน้ตอะ มึงอ่านดิ กูตั้งใจเขียนนะ จากใจเลย “


“อ่า .. “ ไอ้แบคพยักหน้า ก่อนจะเปิดมันออก ผมชะโงกหน้ามองอย่างลุ้นๆ




ปาเจรา จาริยา โหนติ คุนุตารา นุสา สกา.. เร้กเก้
.......................................................................




“ไอเหี้ยชานยอล !!!!!!!!!!!!!!!!! “


“โอ้ย!! โอ้ยๆ ตีกูทำไมเนี่ย “


ผมวิ่งหลบไปทั่วห้อง ไอ้แบคอ่านจบก็ทิ้งช่อดอกไม้ลงพื้นแล้วไล่ตีผมใหญ่เลย ไอสัด กูผิดอะไรวะเนี่ย


“มึงหยุด! หยุดเดี๋ยวนี้ไอสัด กวนตีนนัก มาให้กูกระทืบเดี๋ยวนี้! “


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


“หยุด! มาให้กูฆ่ามึงเดี๋ยวนี้ “


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”





END


[SF] TEASER- KAIx SEHUN [!NC18]

.head1 { background:#584f4b; } .head1 h1 { color:#fff!important; font-family: Tahoma, Tahoma ; border:1px dashed #736a65; } .head2 table,.head2,.head2 td {background:#6e635e; } .head2 font { color:#4a403c !important; font-size:12px; } table.story { border-color: #7a7670; } span.desc_head {font-weight: bold; color: #7a7670; } table { background-color: #fff; border:#ffffff; } td { background-color: #fff ; border:#fff; } INPUT, SELECT, TEXTAREA { background-color:#e3dddb !important; color:#7a7670 !important; font-family: tahoma; border: dashed 0px #a29d96; font-size:11px; padding: 2;} #button4{background:#e3dddb !important;} #button3{background:#e3dddb !important;} .tableblack { border:0px solid #000 !important; color:#000000;} td font { color:#7a7670 !important; } td,th,div,body,li,ul,p { color:#7a7670 !important; font-family:Tahoma; letter-spacing:0.4px; font-size:12px;} span.desc_head {font-weight: bold; color:#62544e!important;} span.small_title { color:#4a403c !important;} #shareForm, #shareicon { display: none; } hr { visibility: hidden; } *::selection{ background:#6d6662; color:#e0dad7;} *::-moz-selection{ background:#6d6662; color:#e0dad7;} *::-webkit-selection{ background:#6d6662; color:#e0dad7;}-->




"ว้ากกกกกกกกกก ตื่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “

เสียงหนึ่งดังขึ้นลั่นหอพักจนหลังคาแทบจะสะเทือน บยอนแบคฮยอนออกมายืนอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่นก่อนจะปิดหูหลับตาว้ากอย่างบ้าคลั่งจนเหล่าเมมเบอร์ทะยอยฟื้นขึ้นมาเป็นแถบๆ เมื่อหมดหน้าที่ คนตัวเล็กจึงพาร่างของตัวเองที่ตื่นเต็มตาแล้วเข้าไปกระโจนใส่ปาร์คชานยอลที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในทันที

เซฮุนที่กำลังหลับสบายกลับต้องตื่นขึ้นมาเนื่องจากเสียงทรงพลังของเมนว้อยซ์ในกรุ้ป เปลือกตาสีมุกขยับเบาๆเล็กน้อยก่อนจะเปิดขึ้นมาช้าๆ แสงแดดที่ส่องลอดผ่านร่องผ้าม่านเข้ามาทำให้รู้เช้าวันใหม่มาถึงเสียแล้ว ข้อแขนเล็กวาดกอดคนขี้เซาที่ยังคงหลับสนิทที่นอนอยู่ข้างๆแล้วออกแรงเขย่า

“ตื่นกัมจง วันนี้เข้าบริษัท “ 

“เข้าไปทำไม ไหนว่าไม่มีซ้อมไง “

คิมจงอินตอบกลับมาเนือยๆ ยังคงหลับตาในขณะที่นอนคว่ำ ก่อนจะคว้าร่างเล็กๆของอีกคนมากอดเอาไว้แน่น ซุกหน้าลงกับแผ่นออกบางแล้วหลับต่อ

“วันนี้ถ่ายทีเซอร์เช็ตสุดท้ายไง ลุกเลย อาบน้ำ “

ผลักหัวคนชอบฉวยโอกาสออกไปให้พ้น แต่เหมือนแรงจะน้อยเกินไปซักหน่อย  มือหนากระชากทีเดียวคนตัวเล็กกว่าก็เลื่อนลงมานอนใต้ร่าง ร่างสูงโปร่งของคิมจงอินขึ้นคร่อมโดยใช้แขนยันไว้ กดริมฝีปากปิดทับริมฝีปากอิ่มเบาๆ ก่อนจะโถมตัวนอนทับอีกคนทั้งตัว

“โอ้ยจงอิน หายใจไม่ออก “

คนตัวขาวว่า ยกสองมือขึ้นดันไหล่กว้างออกไป ด้วยความที่จงอินตัวใหญ่และหนักกว่ามาก ร่างเล็กๆจึงต้องตะเกียกตะกายให้หลุดพ้นก่อนที่ตัวเขาจะบี้แบนไปเสียก่อน

“ถ้าไม่ลุกไปอาบน้ำวันหลังไม่ต้องมานอนห้องนี้เลยนะ “

ทุบอั้กเข้าให้ที่ไหล่กว้าง ก่อนจะพูดขู่จนอีกคนยอมลุกออกไป ก็แหง กว่าเขาจะได้มานอนกับเซฮุนสองคนนี่ยากซะเหลือเกิน

“ไปก็ได้ครับไปก็ได้ “

ตอบเนือยๆอีกรอบเหมือนยังไม่ตื่นดีก่อนจะขโมยจูบที่ริมฝีปากอิ่มเข้าให้อีกครั้ง ฝ่าเท้าขาวยกขึ้นจะถีบอีกคนแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะร่างสูงโปร่งลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปแล้วเรียบร้อย


หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สมาชิกฝั่งเอ็มรวมทั้งดีโอขึ้นรถตู้กันไปที่บริษัทก่อนแล้วเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา เหลือก็แต่สมาชิกฝั่งเคที่ยังนอนอืดกันอยู่กลางห้องนั่งเล่น โดยมีเสียงร้องเพลงประหลาดๆของชานยอลดังก้องไปทั่วหอพักเป็นแบคกราวน์

“เมื่อไหร่จะเสร็จสักทีวะ =_=

แบคฮยอนเอ่ยขึ้น รู้สึกรำคาญกับเสียงเพลงของชานยอลเต็มที เขาจะไม่อะไรเลยถ้าได้ไปนั่งๆนอนๆเล่นโทรศัพท์รอเซฮุนอาบน้ำฆ่าเวลาเหมือนคนอื่นๆ แต่ดันมาถูกเจ้าตัวล็อคคอไว้ให้นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆกันซะนี่ แถมเสียงเพลงทุ้มต่ำนั้นยังกดกระซิบลงมาใกล้ๆหูจนเขาแทบจะประสารทหลอน

“จงอินไปตามน้องหน่อยไป จะสายแล้วเนี่ย “

พี่ซูโฮเงยหน้าขึ้นจากไอพอดแล้วบอกกับคนหน้าเนือยที่นอนอยู่ที่พื้นกลางห้อง ก่อนจะเคาะหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเป็นเชิงเตือน จงอินได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะลุกออกไป

“น้องรีบๆเลยน้อง ทุกคนรอน้องอยู่คนเดียวเนี่ยครับ “

เท้าแขนไว้กับประตู้องพลางเอ่ยแซวน้อง ที่ทุกๆคนชอบเรียกบ่อยๆ ไม่บ่อยนักที่จะพูดครับๆกับเซฮุนเหมือนอย่างตอนนี้ เขาละหมั่นไส้จริงๆ ต่อหน้าคนอื่นกลับมาเรียกไคฮยองๆๆๆ ทั้งๆที่อายุก็เท่ากันแท้ๆ แค่อ่อนเดือนกว่าเท่านั้นเอง แล้วยังมีหน้ามาว่าเขาหน้าแก่ พ่อไม่จูบโชว์ก็บุญแค่ไหน

“เดี๋ยวครับฮยอง น้องแก้ผ้าอยู่ไม่เห็นหรือไง “

เสียงที่เริ่มจะแตกหนุ่มตอบกวนอารมณ์ ก่อนเจ้าตัวจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวคาดไว้ที่เอว คิมจงอินแค่นหัวเราะ ทีกลางคืนไม่เห็นยั่วเขาอย่างนี้

“น้องก็รีบใส่เสื้อผ้าสิครับ หรือต้องให้พี่จงอินใช้อารมณ์ “

“ถ้าจะหมายถึงอารมณ์กามนี่ พี่เข้าตึกไปก่อนเลยก็ได้ครับ “

ตอบกวนเข้าให้อีกรอบ มือขาวหยิบเสื้อสีขาวตัวในสุดขึ้นมาสวม ก่อนจะสวมกางเกงขายาวอีกตัวแล้วใส่เข็มขัด รู้สึกว่ากางเกงหลวมขึ้นกว่าเดิมยังไงก็ไม่รู้แฮะ

“เสื้อตัวนี้น่ารักเกินไป “

คนตัวสูงเดินเข้ามาหา ก่อนจะจับคนที่อ่อนเดือนกว่าให้หันหน้าเข้ามาหาเขาเต็มตัว ตาคมไล่มองต่ำไปบนลายเสื้อสีขาว มือหนาวางลงบนกลุ่มผมสีมัลติคัลเลอร์ก่อนจะขยี้มันจนยุ่งด้วยความมันเขี้ยว

“แหงดิ ฮุนฮานอิสเรียล “

เซฮุนยักไหล่ ก่อนจะปิดตู้เสื้อผ้าลงแล้วยกมือปัดที่ไหล่เสื้อสองสามที เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อของพี่ลู่หานที่ได้มาจากแฟนคลับ ทั้งเขาและพี่ลู่แชร์เสื้อผ้าใส่กันบ่อยจนแทบจะวนครบทุกตัว

“ถอดออก “

ทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะเอ่ยสั่งโดยไม่รอให้อีกคนได้ตอบอะไร มือหนาดึงชายเสื้อบนตัวอีกคนถอดผ่านหัวไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบเสื้อเบสบอลแขนยาวสีดำแดงของเขาให้อีกคนสวมแทน คนตัวขาวได้แต่ยู่ปากด้วยความไม่พอใจ รับเสื้อไปใส่ก่อนจะค้อนขวับวงใหญ่เข้าให้หนึ่งที

“ใส่เสื้อยืดเดี๋ยวหนาว “

ยีผมคนตัวเล็กกว่าไปอีกรอบ เซฮุนทำตัวน่ารักน่าฟัดขึ้นทุกวันจนเขาชักจะหวง คนตัวเล็กกว่ากลับเบะปากแล้วพูดล้อเลียนเขาพลางส่ายหัวไปมาเหมือนตัวตลกก่อนจะเดินออกไป จงอินหลุดหัวเราะ น่ารักจริงๆ

เห็นคนตัวเล็กกว่าเดินไปที่ชั้นที่อยู่เหนือตู้เสื้อผ้า ปลายเท้าเขย่งพยายามจะยันตัวเองขึ้นเพื่อเอื้อมหยิบหมวกหลายสิบใบที่วางเรียงกันอยู่บนนั้น จงอินรีบเดินเข้าไปช้อนหลัง เอื้อมมือเพียงนิดก็คว้าหมวกสีดำใบที่เซฮุนต้องการจะหยิบมาไว้ในมือ

“จะเอาใบนี้หรอ ? “ จับปีกหมวกไว้แล้วชูให้ดู เซฮุนพยักหน้า

“เออ “

“ขอดิ “ เสียงทุ้มเอ่ยปากสั่ง

“ขอ “

พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก คนตรงหน้าชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็กมากขึ้นทุกวันจนเขาเองก็ไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงอายุเท่ากันหรือเปล่า จงอินกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนที่ชอบทำบ่อยๆ ก่อนจะเป็นคนสวมหมวกใบนั้นไว้ที่หัวของเซฮุน ก่อนแขนแกร่งจะถือวิสาสะเหนี่ยวลำคอของคนตัวเล็กกว่าให้มายืนใกล้ๆแล้วเกินออกไปด้วยกัน







ใช้เวลาไม่นานสมาชิกที่เหลือทั้งห้าคนก็มาถึงที่หน้าตึก แบคฮยอนลงจากรถเป็นคนแรก ตามด้วยชานยอล ซูโฮ จงอิน และเซฮุนปิดท้าย ฝ่ามือขาวถือนมกล้วยและโทรศัพท์มือถือไว้ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในตึกเพื่อหลบบรรดาแฟนคลับที่กำลังจะเข้ามาล้อมพวกเขา



สมาชิกทุกคนเปลี่ยนชุดตามที่คอสตูมจัดไว้ให้ เซฮุนเป็นคนสุดท้ายที่จัดการตัวเองเสร็จอีกเช่นเคย ร่างโปร่งสวมเสื้อแขนยาวสีขาวแขนสีกรมท่า และกางเกงขาสั้นที่เขาไม่ค่อยได้ใส่บ่อยนัก เส้นผมสีมัลติคัลเลอร์ที่เขาชอบนักชอบหนาถูกจัดทรงจนดูหล่อขึ้นมาเป็นกอง ร่างขาวลุกขึ้นก่อนจะเดินไปสมทบกับเมมเบอร์คนอื่นๆที่อยู่หลังกล้อง ทุกคนถ่ายทีเซอร์ภาพเดี่ยวกันเกือบเสร็จแล้ว

“เสี่ยวลู่ น่ารักจัง“

วาดแขนกอดคอคนเป็นพี่ที่ยืนกอดอกจ้องจอมอนิเตอร์อยู่ข้างๆพี่โปรดิวเซอร์ ลู่หานหันมายิ้มให้ก่อนจะพูดคุยอะไรกันนิดหน่อย ไม่แปลกที่คนจะชิปคู่ฮุนฮานกันเสียส่วนใหญ่ เพราะพวกเขาทั้งคู่ก็สนิทกันพอดู เซฮุนมองไปที่จอมอนิเตอร์ก่อนจะหลุดขำออกมา ทรงผมของจงอินถูกถักเป็นเปียเล็กติดหนังหัว ยิ่งสีผิวเข้มๆที่รับกับแสงไฟนั่นแล้ว มองไกลๆยิ่งเหมือนนิโกรเข้าไปใหญ่

“ตลกว่ะ ฮ่าๆ “

หันไปขำกับชานยอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างหน้า ก่อนจะเผลอไปสบตาเข้ากับคนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ในฉาก จงอินแยกเขี้ยวมาให้ก่อนจะหันไปถ่ายต่อจนเสร็จ

ถึงตาของโอเซฮุนถ่ายบ้างแล้ว จงอินเดินออกมาจากฉาก ปลดกระดุมคอเสื้อออกสองสามเม็ดแล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ข้างๆชานยอล เซฮุนเดินเข้าไปในฉากที่พี่ๆทีมงานจัดไว้ให้ ร่างโปร่งดูท่าจะเก้ๆกังๆเล็กน้อย ไม่รู้จะทำท่าอะไร ก่อนจะพยักหน้าเมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาจากหลังกล้อง

กล้องโปรตัวใหญ่ถูกตากล้องยกเข้าไปใกล้จนเซฮุนชักจะเกร็ง เซฮุนนั่งพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะมองไปยังเลนส์กล้อง กล้องตัวใหญ่อยู่ห่างเขาไปเพียงครึ่งเมตร ไหนจะสายตาของพี่ๆอีกสิบเอ็ดคนที่ยืนกอดอกมองเขาอย่างตั้งใจ เท่านี้ก็รู้สึกกดดันและเคอะเขินจนไม่รู้จะเอามือและเท้าไปไว้ที่ไหน

“ช็อตนี้เลยครับน้อง กำลังได้ “

และในจังหวะที่ยกขาข้างหนึ่งวางยันบนโต๊ะพอดี กล้องโปรตัวใหญ่รัวแฟลชลงมาหลายช็อตจนเขาตกใจ ถึงอย่างนั้นใบหน้าคมยังนิ่งตามนิสัย ขาเรียวที่ยกขึ้นทำให้กางเกงขาสั้นนั้นเลิกขึ้นไปอีกจนเห็นขาอ่อนขาวๆชวนมอง แต่ดูเหมือนจะถูกใจพี่ตากล้องเหลือเกิน

“... “

จนกระทั่งถ่ายเสร็จ ขาเรียวจึงได้ฤกษ์เอาลงจากโต๊ะตัวเตี้ยๆที่ใช้เป็นที่ตั้งกล้อง เซฮุนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่งานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ส่งมาถึงเขจากหลังฉาก เหลือบตาไปมอง ม่านใสก็สบเข้ากับดวงตาคมของจงอินที่มองจ้องมาพอดี คิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นเชิงจะดุพลางส่ายหัวน้อยๆ เซฮุนเสตาหลบแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ







“โซโกกิๆๆๆๆๆๆๆ วู้ว เนื้อย่าง“

กว่าจะถ่ายเสร็จครบทุกคนก็ปาเข้าไปสามทุ่ม เหล่าเมมเบอร์ทั้งสิบสองพากันเดินลงตึกด้วยความร่าเริง โดยมีเสียงโหวกเหวกของกลุ่มที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเป็นแบคกราวน์ พาวเขานัดกันว่าถ่ายเสร็จวันนี้จะไปกินเนื้อย่างเลี้ยงฉลองการคัมแบคเสียหน่อย

“เนื้อย่าง เนื้อย่างๆ เนื้อย่างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ yeah

=_=

“เนื้อย่างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “

ตลอดทางเดินไปขึ้นรถมีแต่คำว่าเนื้อย่างเต็มไปหมด โอเซฮุนก็เอากับเขาด้วย ยกนมกล้วยขึ้นกระดกอึ้กๆก่อนจะหันไปบ่นคำว่าเนื้อย่างใส่คนตัวดำที่เดินอยู่ข้างๆ ตอนนี้ออกมานอกตัวตึก เขาแทบจะมองไม่เห็นจงอินเลยด้วยซ้ำ แถมยังใส่เสื้อดำอีก นี่ถ้าไม่เดินข้างกันคงจะไม่รู้ว่าจงอินอยู่แถวนี้ด้วยเลยนะเนี่ย

“เนื้อๆๆๆๆๆ เนื้อย่าง คัมมอน  yeah เนื้อๆย่างๆ yeah

หลุดหัวเราะไปกับบทเพลงเนื้อย่างที่ชานยอล คริส และเฉินที่เดินนำอยู่ข้างหลังร้องแรปฟีทเจอริ่งกันอย่างบ้าคลั่ง เซฮุนหันไปขำกับจงอินพลางแรปเนื้อย่างใส่คนที่กำลังทำหน้าเนือยได้ที่ ตั้งแต่ถ่ายทีเซอร์เสร็จจงอินก็ไม่พูดอะไรอีกเลย แถมยังทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา

“เป็นไรวะ “

“เป็นแฟนคนแถวนี้แหละ “

ตอบแบบขอไปทีก่อนจะชิ่งขึ้นรถไปก่อน ทิ้งให้เซฮุนยืนงงอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถูกแบคฮยอนกับชานยอลที่เดินตามมาข้างหลังดันให้เข้าไปนั่งในรถ

จงอินนั่งติดหน้าต่าง ตามด้วยเซฮุน แบคฮยอน และชานยอล ทั้งสี่คนนั่งอัดกันอยู่เบาะหลังจนที่กว้างๆนั้นแคบไปถนัดตา ชานยอลและแบคฮยอนยังสนทนาเรื่องเนื้อย่างที่กำลังจะไปกินกันไม่หยุด พี่ซูโฮที่นั่งอยู่เบาะหน้าก็เอากับเขาด้วย

“ชานยอล ชอบเนื้อย่างปะวะ เนื้อย่างแม่งอร่อยมาก เนื้อย่าง อยากกินเนื้อย่าง ฮือ“

แบคฮยอนพูด หลับตาจินตนาการถึงเนื้อย่างชิ้นใหญ่ๆ สไลด์บางๆ หมักกับซอสถั่วเหลืองเข้มข้นที่ย่างไฟจนหอมฉุยละลายในปาก ชานยอลหลุดหัวเราะ แขนยาววาดกอดคอคนที่นั่งข้างๆไว้แล้วโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างใบหูเล็ก

“ถ้าพูดถึงโซโกกิละก็นะ คืนนี้คงต้องกินหลายๆรอบเลยล่ะ “

จู่ๆเสียงเล็กก็เงียบไป ภาพเนื้อย่างหายวับไปในพริบตาเมื่อได้ยินคำว่าเนื้อย่างที่ชานยอลพูด แต่ความหมายมันต่างกันออกไป คำว่าโซโกกิที่ชานยอลพูด คงจะไม่ได้หมายถึงเนื้อย่างแน่ๆ


เพียงเท่านั้นร่างเล็กๆทั้งร่างก็ชาวาบ รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า สองแก้มนิ่มแดงก่ำไปจนถึงใบหู

ก่อนจะฮิ้วกันทั้งคนรถ คนทะลึ่งถูกมือเล็กทุบอั้กเข้าที่ต้นแขน ก่อนจะเริ่มออกปากเม้ามอยกันในเรื่องอื่นๆอีกเพียบจนนับไม่หวาดไม่ไหว

“...”

มีเพียงจงอินที่เงียบ ใบหน้าคมหันออกนอกหน้าต่าง ใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงอัดดังๆจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยิน

“เป็นอะไร “

หันไปถามแต่ก็ไม่ตอบ มือขาวจึงเลื่อนไปจับข้อศอกอีกคนแล้วเขย่าเบาๆเป็นเชิงตื้อ ถึงอย่างนั้นก็ยังโดนเจ้าตัวสะบัดหนีอยู่ดี เซฮุนถอนหายใจ เขาไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีกแล้วละเนี่ย ?


กลับมาที่หอพัก เหล่าเมมเบอร์รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปกินเนื้อย่างกันอย่างกระตือรือร้น เซฮุนที่รีบเดินตามจงอินไปก็เป็นอันต้องนั่งรออยู่ข้างนอกเมื่อเห็นว่าอีกคนหนีเข้าห้องน้ำไปเสียแล้ว

“รีบอาบน้ำนะเซฮุน คืนนี้จื่อเทาเลี้ยงๆๆๆๆๆ “

เจ้าของชื่อเสี่ยวลู่ ที่เซฮุนชอบเรียกบ่อยๆเดินมาเกาะประตูในขณะที่เดินผ่านหน้าห้อง ใบหน้าน่ารักยื่นเข้ามาในตัวห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้เข้ามาคุยด้วยก็โดนอี้ชิงลากคอเสื้อไปซะอย่างนั้น

“แกร๊ก “

ประตูห้องน้ำเปิดออก ตามด้วยร่างสูงโปร่งของคิมจงอินที่เดินออกมา เซฮุนรีบเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว กะว่าถ้าอาบเสร็จจะออกมาคุยด้วยสักหน่อย เคลียร์กันให้รู้ไปเลยว่าตกลงเป็นอะไรกันแน่ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ร่างขาวเนียนถูกคลุมด้วยชุดคลุมอาบน้ำ เซฮุนเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบว่าอีกคนนอนเหยียดขาอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ร่างสูงโปร่งสวมชุดนอนตัวโคร่งสีน้ำเงินเข้มแทนที่จะเป็นชุดที่ควรจะใส่ออกไปข้างนอก คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะเดินเข้าไปหา

“ไม่ไปกินเนื้อย่างหรือไง “

“ไม่”

เสียงทุ้มตอบ สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าหนังสือ เซฮุนยืนกอดอก สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงแปลกๆที่ออกมาจากริมฝีปากหยัก

“ไม่พอใจอะไรบอกดิ “

ไม่พอใจที่คนแถวนี้นั่งแหกขา “ จงอินตอบกลับมาแทบจะในทันที ร่างขาวได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา

“โถ่ เรื่องแค่นี้ “

“ไม่แค่หรอก เขาเห็นขาอ่อนโอเซฮุนกันไปค่อนโลกละ “

“โห่ๆ แค่นี้เอง ง้อๆ อย่าโกรธดิวะ “

หนังสือเล่มบางถูกฝ่ามือขาวฉวยเอาไป ก่อนจะปิดมันแล้ววางไว้ข้างๆตัว มือเล็กเลื่อนไปหยิกแก้มอีกคนเป็นเชิงง้อ จงอินไม่ตอบ เพียงส่งสายตาไปมองค้อนคนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่เท่านั้น

“โกรธว่ะ ไม่ชอบ “

“น่า .. “

ก๊อกๆ

และในจังหวะที่ใบหน้าขาวกำลังจะโน้มลงไปหอมแก้มอีกคนเพื่อเป็นการง้อนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จงอินจิ๊ปากอย่างขัดใจ ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ใบหน้าคมเบือนหนีไปบางอื่นอย่างเสียอารมณ์ เซฮุนผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็พบว่าพี่ลู่หานและเมมเบอร์คนอื่นๆพร้อมจะออกไปทานเนื้อย่างกันแล้ว

“ไม่ไปแล้วพี่ “ เปิดประตูแล้วชะโงกหน้าออกไปบอก ทั้งๆที่เขาเองก็บ่นอยากกินเนื้อย่างมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว

“อ่าว ทำไม “

“คือ ท้องผมไม่ค่อยดีอะ กลัวไม่ย่อย จงอินมันก็ไม่อยากกิน พวกพี่ไปกินเหอะ “

พูดออกไปอย่างเสียดาย หันกลับไปมองคนที่นั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่บนเตียง ถึงจะอยากกินแค่ไหนจงอินก็สำคัญกว่า ลู่หานพยักหน้าเป็นเชิงรับก่อนจะแห่กันผ่านประตูบานเล็กออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งหอเงียบสนิทเมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคน

“ทำไงจะหายโกรธอะ “

เซฮุนปิดประตูแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง รู้สึกหนาวนิดหน่อยเนื่องจากสวมแค่ชุดคลุมอาบน้ำบางๆเพียงตัวเดียว ฮีทเตอร์ก็ไม่ได้เปิดเนื่องจากจงอินเป็นคนขี้ร้อนพอตัว

“ทำแบบที่ถ่ายรูปเมื่อบ่ายให้ดูดิ “

“โห แค่นี้ สบาย ทำละหายเลยนะ? “

เลิกคิ้วถามให้แน่ใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากำมะหยี่สีดำที่อยู่ปลายเตียง โดยที่ตัวเองก็ลืมนึกไปว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงชุดคลุมอาบน้ำบางๆสวมอยู่เท่านั้น ขาเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนโซฟา ไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของคนที่กำลังนั่งกอดอกมองเขาอยู่บนเตียงเลยสักนิด

“หึ “

“ทีนี้หายโกรธยัง “

เมื่อขาข้างหนึ่งถูกเจ้าตัวยกขึ้น ชุดคลุมอาบน้ำตัวสั้นก็เลิกขึ้นไปจนเห็นขาอ่อนและเนื้อสะโพกขาวๆวับๆแวมๆ เรียกให้จงอินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องกลืนน้ำลายลงไปอย่างลำบากคอ แต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังไม่รู้ตัว

“ยัง ยกขาอีกข้างดิ “

“อะได้ จัดเลย “

เหมือนสปิริตในการง้อของโอเซฮุนจะมีมากไปจนลืมคิดอะไรบางอย่างไป ขาเรียวอีกข้างถูกยกขึ้นวางฝ่าเท้าทาบลงบนโซฟา กลายเป็นว่าขาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาจนกลายเป็นตัวเอ็มเสียอย่างนั้น ชุดคลุมอาบน้ำเลิกขึ้นไปกองอยู่ตรงหน้าท้องเนียน ด้วยความที่ไม่ได้ใส่ชั้นในหรืออะไรเลย สะโพกมนที่กระดกขึ้นเผยให้เห็นปากช่องทางสีชมพูเข้มและแก่นกายสีหวานโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้นึกด้วยซ้ำ

เอ็กซ์ดีนี่

เสียงทุ้มพูดเท่านั้น ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา โอเซฮุนสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ ใบหน้าหวานแดงซ่านไล่ไปจนถึงใบหู เรียวขาขาวรีบหุบเข้าหากันโดยอัติโนมัติ แต่ก็ไม่ทันเมื่อมือหนาที่ไวกว่าเลื่อนมาจับมันแยกออกแล้วแทรกตัวเข้ามาระหว่างกลาง

!! “ 






“!! “ 



ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากพูดอะไร ริมฝีปากสีเชอร์รี่ก็ถูกปิดทับลงมาด้วยริมฝีปากหยัก คางเรียวถูกมือหนาดันให้เงยขึ้นเพื่อให้รับจูบได้ถนัดขึ้น ก่อนริมฝีปากร้อนจะเพิ่มแรงกดลงมาหนักๆ ใบหน้าคมเอียงน้อยๆเพื่อปรับองศา ขบเม้มริมฝีปากอิ่มอยู่สักพัก ก่อนลิ้นชื้นจะถูกสอดผ่านโพรงปากร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนกับลิ้นเล็ก



“อื้อ! “ 


ด้วยความที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ร้องท้วงออกมาพลางดันไหล่กว้างของอีกคนออกไป แต่ยังไม่ทันไรมือน้อยก็ถูกอีกคนรวบมันไว้ด้วยมือเดียว เชือกเส้นเล็กที่ผูกกับเสื้อคลุมอาบน้ำไว้ที่เอวถูกมือหนากระตุกเพียงครั้งเดียวก็หลุดออก ก่อนริมฝีปากหยักจะผละออกไปให้อีกคนได้หายใจ วางทาบมันลงกับผิวเนื้ออ่อนบริเวณซอกคอขาวแล้วกดเม้มหนักๆจนเกิดรอยสีเข้มไปทั่ว 



“อ๊ะ! “ 


จมูกโด่งคมฝังลงกับผิวเนื้อเนียนนุ่ม สูดกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำที่เขาชอบ ก่อนจะกดจูบย้ำๆที่เดิมจนเจ้าของเรือนร่างขาวเนียนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ มือหนาเริ่มซุกซนไม่อยู่นิ่ง ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วบริเวณจนทำให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาขนลุกขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้



“อ๊ะ จะ ..จงอิน”



ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างจับรอบเอวเล็กคอดจนเกือบจะมิด ก่อนจะไล่ขึ้นมาจนถึงแผ่นอกบาง ปลายนิ้วโป้งกดลงที่ตุ่มไตสีอ่อนทั้งสองข้างเป็นการหยั่งเชิง เห็นคนตัวขาวที่สะดุ้งด้วยความตกใจแล้วก็ยิ่งอยากแกล้ง ส่งปลายนิ้วเรียวบดขยี้มันแรงๆจนร่างขาวเนียนต้องบิดไปมาด้วยความเสียวซ่าน



“อ่ะ .. ไม่เอา“



ข้อเข่าของคนตัวสูงถูกวางลงบนพื้นที่โซฟาที่เหลือตรงระหว่างขาเรียวที่แยกออก ก่อนจะกดน้ำหนักลงที่บริเวณกลางลำตัวของอีกคนเหมือนอยากจะแกล้ง จงอินทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วโถมตัวดันให้พนักโซฟานั้นราบลงไป ก่อนจะผลักอกบางให้นอนราบแล้วตามลงไปคร่อมตามลำดับ



“วันหลังถ้าจะโชว์ โชว์ให้ฉันดูได้คนเดียว “ 



กดกระซิบที่ข้างหูแล้วพรมจูบเบาๆที่ใบหูเล็กจนขนอ่อนลุกชั้นไปทั่วทั้งตัว เซฮุนหลับตาปี๋ เมื่อลิ้นร้อนถูกส่งมาเย้าแหย่บริเวณกกหูจนต้องหดคอหนี ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำเลื่อนลงไปด้านล่าง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อเรียวลิ้นร้อนตวัดเร็วๆบนยอดอกจนมันแข็งเป็นไต



“อื้ม .. ห่ะ “



ลมหายใจร้อนขาดห้วง เมื่อมือซุกซนค่อยๆแหวกเสื้อคลุมอาบน้ำออกแล้วสัมผัสบริเวณกลางลำตัวเบาๆ ก่อนจะบีบมันแรงๆจนเซฮุนต้องเบ้หน้า ริมฝีปากหยักครอบลงไปบนยอดอกก่อนจะดูดเลียซ้ำไปซ้ำมาจนร่างสวยต้องบิดเร้า มือข้างที่เหลือก็เลื่อนไปปรนเปรอยอดอกอีกข้างเช่นกัน 



“อ่ะ .. อ๊า “ 



เสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากเล็กทันทีที่มือหนาสัมผัสเข้ากับแก่นกายที่เริ่มจะแข็งตัว อุ้งมือร้อนกอบกุมมันไว้หลวมๆแล้วเริ่มขยับขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆชวนให้ทรมานกาย และเริ่มเร็วอีกจนตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็กลับมาช้าอีกจนคนด้านใต้ต้องโมโห 



“เร็ว .. อึก “ 



จังหวะการขยับจากมือร้อนช้าลงเรื่อยๆจนในที่สุดก็หยุด ใบหน้าคมผงกขึ้นเพื่อดูว่าจงอินทำอะไรกับร่างกายเขาบ้าง ก่อนจะต้องนอนลงไปอย่างเก่าเมื่อรู้สึกปวดหนึบที่แก่นกายจนทรมานเสียเหลือเกิน ปลายนิ้วโป้งเลื่อนขึ้นมาหมุนวนบริเวณส่วนหัวที่มีน้ำใสปริ่มออกมาเพราะความกระสันอยาก ก่อนจะเขี่ยมันเบาๆ เรียกให้ลมหายใจของคนด้านล่างกระตุก 



“เร็วๆ จงอิน เร็วๆ .. “



เอ่ยขอร้องก่อนจะหยัดตัวขึ้นดันแก่นกายเข้าหามือหนา การหายใจที่ไม่เป็นจังหวะและความทรมานนั้นทำให้เซฮุนลืมความกระดากอายไปหมดสิ้น ฝ่ามือขาวบีบแรงๆที่ไหล่กว้างพลางส่งสายตาเว้าวอนเป็นการร้องขอ แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือรอยยิ้มเอ็นดูบนใบหน้าคมและจูบหนักๆที่ริมฝีปากเพียงเท่านั้น 



“รู้ไหมว่าตัวเองผิด ? “



“อื้อ .. รู้ .. ฮ่ะ “



เสียงหวานขาดห้วงก่อนจะดังแทรกด้วยเสียงครางในลำคอ เมื่อมือหนาที่กอบกุมส่วนล่างของเขาอยู่เริ่มขยับอย่างเนิบนาบอีกครั้ง แสงสว่างจากปลายทางเริ่มใกล้เข้ามาถึงอีกในไม่ช้า แต่ก็ต้องดับวูบเมื่อแก่นกายร้อนถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เซฮุนจิ๊ปาก.. ความปวดหนึบและทรมานเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว



“จะทำอีกไหม “ 



“มะ .. ไม่ทำแล้ว “ 



ละล่ำละลักตอบกลับไปเร็วๆ ยังคงหอบหายใจหนัก การจะบังคับให้พูดเป็นประโยคสั้นๆนั้นดูจะยากเหลือเกินสำหรับเซฮุนในตอนนี้ เรือนร่างขาวเนียนบัดนี้แดงเถือกไปทั้งตัว คิมจงอินหยัดตัวลุกขึ้นมองผลงานของตัวเองยิ้มๆ สวยเหลือเกิน .. ผิวขาวๆนั่นดูรับกับรอยจูบแดงเป็นจ้ำๆที่เขาเป็นคนสร้างไว้เสียจริงๆ



“แล้วรู้ไหมผิดแล้วต้องทำยังไง ? “



“ขอ .. ขอโทษ “ 



ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองจงอินที่หยัดตัวลุกขึ้นยืนด้วยความไม่เข้าใจ ม่านใสที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งแรงอารมณ์นั้นยังคงเว้าวอน มองตามร่างสูงโปร่งที่เดินกลับไปนั่งกอดอกอยู่บนเตียง



“ใช่หรอ ? “ คิ้วเรียวเลิกขึ้น มองอีกคนที่นั่งหอบอยู่บนโซฟา




“ไคฮยองอ่า น้องขอโทษครับ“



เรียกอย่างนั้นก่อนจะเดินเข้าไปหาถึงแม้ว่าจะรู้สึกกระดากปากก็ตาม แต่ด้วยอารมณ์ที่ยังคั่งค้างก็สามารถเปลี่ยนให้เจ้าตัวแสบกลายเป็นแมวเชื่องๆได้ไม่ยาก ร่างขาวทิ้งตัวนั่งคร่อมจงอินที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ จงใจกดสะโพกมนทับลงไปบนส่วนกลางลำตัวของคนด้านใต้จนมันตื่นขึ้น ความแข็งขืนบริเวณเป้ากางเกงคับแน่นดุนดันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด



“หายโกรธน้องนะครับ “ 



พูดลากเสียงหวานๆแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ก่อนแขนเล็กจะยกขึ้นคล้องคอคนที่ตนกำลังนั่งตักอยู่ เสื้อคลุมอาบน้ำถูกร่นลงมาจนเห็นไหล่ขาวเนียนที่แต้มด้วยรอยจูบสีชมพูเข้มจางๆ เจ้าของริมฝีปากสีสดโน้มใบหน้าลงกดริมฝีปากลงบนปลายจมูกโด่งคมหนัก ก่อนจะไล่ลงมาประกบกับริมฝีปากร้อนอีกครั้ง ส่งปลายลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากหยักเบาๆแล้วสอดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นร้อนอย่างเก้ๆกังๆ แต่ถึงอย่างนั้นความไร้เดียงสาของเซฮุนกลับเพิ่มอารมณ์อยากให้กับจงอินเป็นอย่างมาก



“อื้อ.. “ 



กดจูบไปตามลำคอระหงส์ที่เชิดขึ้น ปลายจมูกโด่งสูดกลิ่นหอมนั้นซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อ ก่อนเอวคอดจะถูกยกจนตัวลอยขึ้น ขาเรียวยาวที่เหยียดตรงนั้นหดกลับมานั่งขัดสมาธิเอาไว้ มือหนาสอดผ่านเสื้อคลุมอาบน้ำตัวบางก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปยังสะโพกอิ่มด้านหลัง บีบขยำมันเข้าให้เต็มมือด้วยความมันเขี้ยว 



“อ่ะ ..“



นิ้วเรียวยาวกดแรงๆที่ปากทางเข้าที่เต้นตุ้บอย่างเชิญชวน ก่อนจะค่อยๆกดนิ้วเข้าไปด้านในช่องทางร้อนช้าๆ นิ้วที่สองตามเข้าไปทันทีที่นิ้วแรกถูกสอดเข้าไปจนสุด ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวทั้งสองจะค่อยๆกดจุดไปตามผนังร้อนที่ตอดรัดแน่นพลางหักข้อนิ้วดึงออกแล้วขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ



“อ๊า! “ 



เซฮุนผวาเฮือก กอดไหล่คนด้านใต้ไว้แน่นเมื่อปลายนิ้วเรียวไปสัมผัสโดนจุดหนึ่งเข้า คิมจงอินยิ้มเผล่ รู้แล้วว่าจุดรวมอารมณ์ของอีกคนอยู่ตรงไหน ริมฝีปากหยักกดจูบแรงๆที่กระดูกไหปลาร้าสวยเด่นที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะกระแทกปลายนิ้วย้ำเข้าไปที่จุดนั้นแรงๆจนร่างสวยกระตุกสั่น 



“อึก .. “



ฉับพลันความรู้สึกเจ็บจุกก็แล่นวาบไปทั่วร่างเมื่อสะโพกอิ่มถูกยกขึ้นให้กลืนแก่นกายคับใหญ่ที่จ่อรอไว้ที่ช่องทางร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เข้าไปได้แค่เพียงส่วนหัว ช่องทางคับแคบก็บีบรัดรุนแรงจนจงอินต้องขบกรามแน่นเพื่อสกัดกลั้นอารมณ์ 



“อ๊า “



ร้องเสียงหลงเมื่อแก่นกายคับใหญ่สอดเข้าไปได้จนสุด แถมคนด้านใต้ยังแกล้งกระแทกสวนขึ้นมาแรงๆจนร่างขาวโยกไปข้างหน้า ลึกเสียจนรู้สึกอึดอัดและโหวงแปลกๆบริเวณท้องน้อย ใบหน้าสวยเชิดขึ้นพลางอ้าปากค้าง ร้องครางออกมาอย่างสุดกลั้น แผ่นหลังบางแอ่นเชิดเบียดกายเข้าหาอีกคนในทันที



“อืม .. “



เมื่อความอุ่นร้อนโอบล้อมกายจนสุดความยาว คิมจงอินครางต่ำออกมาอย่างเหลืออด ช่องทางของเซฮุนอุ่นร้อนและคับแน่นมากจริงๆ ถึงจะเคยมีเซ็กส์กันมาหลายครั้งแล้วก็ตาม ริมฝีปากหยักครอบลงบนยอดอกที่จ่ออยู่ตรงหน้า ก่อนจะกัดเข้าให้ด้วยความมันเขี้ยว 



“ฮะ .. อย่า .. อย่ากัด อื้อ“



ร้องห้ามแต่ก็กลายเป็นร้องครางแทนเสียอย่างนั้น เมื่อสะโพกสอบกระแทกสวนขึ้นมาอีกรอบ ก่อนมือหนาจะจับเข้าที่เอวคอดแล้วพาขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ เปลือกตาสีมุกปิดลงก่อนจะกอดไหล่กว้างเอาไว้แน่นแล้วซบหน้าลงไปอยู่อย่างนั้น ริมฝีปากบางอ้าค้างครางออกมาด้วยความเสียวกระสัน 



“อืม .. แน่นโคตร “ 



“อ่ะ อ๊า .. จงอิน! “ 



เสียงครางหวานถูกขัดแทรกด้วยเสียงครางต่ำปะปนกันจนเป็นท่วงทำนอง เสียงชื้นแฉะจากการสอดใส่เรียกให้ใบหน้าสวยขึ้นริ้วแดงๆได้ไม่ยาก เซฮุนซบหน้าลงกับไหล่กว้าง ขยับสะโพกขึ้นลงสวนกับแก่นกายใหญ่ไปพร้อมๆกับมือหนา ก่อนจะร้องลั่นเมื่อถูกอีกคนกดไหล่ให้ลงไปกระแทกกับแก่นกายคับใหญ่ที่สวนขึ้นมาจนเจ็บจุก ลึก .. ลึกเสียจนเสียวเกินบรรยาย



“ซิ้ด ..“



เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งสูดปากออกมาเนื่องจากความคับแน่น ปล่อยมือออกจากเอวคอดแล้วเลื่อนไปลูบไล้ที่แผ่นหลังขาวเนียนนุ่มมือแทน ร่างขาวแอ่นหลังหนีสัมผัสวาบหวามเกินจะทนนั้นแต่ก็ติดอยู่ที่ด้านหน้า ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วแผ่นอกบาง กดจูบขบเม้มสร้างรอยไปทั่วจนแทบไม่เหลือที่ว่าง 



“จงอิน.. อ๊า จงอิน จงอิน “ 



ชื่อของคนด้านใต้ถูกพร่ำเรียกไม่ขาดปาก โยกสะโพกขึ้นลงถี่ๆจนความปวดเมื่อยเริ่มจะกลืนกินที่หน้าขา จงอินครางต่ำในลำคอ สวนสะโพกสอบกระทั้นกายขึ้นไปด้วยจังหวะที่เร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อรู้สึกว่าใกล้จะถึงจุดเต็มที ส่งลิ้นร้อนตวัดเลียซ้ำๆที่ยอดอกสีสวยจนมันเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม ฝ่ามือร้อนเลื่อนลงไปกอบกุมแก่นกายที่สั่นระริกของคนด้านบนเอาไว้แล้วรูดรั้งมันเร็วๆเพื่อให้ไปถึงฝั่งพร้อมกัน 



“อ่า .. เซฮุนนา “ 



ครางเรียกอย่างเอ็นดู ชอบเซฮุนในโหมดนี้มากกว่าโหมดเหวี่ยงๆเป็นไหนๆ กดปลายจมูกหอมแก้มนิ่มไปฟอดใหญ่แรงๆเป็นการให้รางวัล ก่อนจะดันร่างสวยที่กำลังขยับอยู่บนตัวให้ลงไปนอนราบ แก่นกายที่เกือบหลุดออกจากช่องทางสีเข้มถูกดันเข้าไปจนสุดความยาวอย่างแรงอีกครั้ง 



“อ๊า! ละ.. ลึกไปแล้ว “



ร้องห้ามก่อนจะส่งมือไปดันหน้าท้องแกร่งเอาไว้ให้ชะลอลงแต่ก็ไร้ผล ฝ่ามือขาวข้างนั้นกลับถูกมือหนาจับไปกุมไว้แล้วพรมจูบที่หลังมือเบาๆ ก่อนลิ้นร้อนจะแลบเลียผ่านปลายนิ้วเรียวช้าๆ ดวงตาคมจ้องลึกลงมาจนม่านใสต้องเสหลบ .. มันร้อนแรงจนเกินไป 



“อ๊า .. จงอิน มันจะ .. ฮ่ะ “ 



สะโพกอิ่มกระดกขึ้นรับ แผ่นหลังขาวเนียนแอ่นขึ้นไม่ติดเตียง เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่ถี่กระชั้นเกินกว่าที่ควรจะเป็น ขาเรียวข้างหนึ่งถูกคนด้านบนจับยกขึ้นพาดบ่าพลางสอดกายเข้ามาลึกขึ้นไปอีก ในขณะที่ขาอีกข้างถูกจับให้เกี่ยวไว้กับเอวสอบ ม่านใสเบิกกว้าง เรียวปากบางอ้าค้างก่อนจะร้องครางออกมาดังๆอย่างสุดกลั้น จิกปลายเท้างองุ้มด้วยความเสียวซ่านเกินจะทน สัมผัสได้ถึงแสงสีขาวสว่างวาบที่ใกล้เข้ามาทุกที



“อ๊า!! “




“ซิ้ดดด อ่า .. “



ภาพในหัวขาวโพลนไปหมด ได้ยินเพียงแค่เสียงทุ้มพร่ำที่เรียกชื่อเขาอยู่ข้างหูเท่านั้น ร่างขาวกระตุกเกร็ง ก่อนจะปลดปล่อยหยดหยาดแห่งอารมณ์ออกมาจนหมด แขนเล็กรั้งตัวเองหยัดตัวขึ้นแล้วกอดไหล่กว้างไว้แน่น ในขณะที่คนด้านบนก็กระทั้นกายเข้ามาในจังหวะสุดท้าย ก่อนจะฉีดพ่นน้ำขาวขุ่นอุ่นร้อนเข้าไปในช่องทางคับแน่นอีกเช่นกัน 



“แฮ่ก .. “



หอบหนักพลางทิ้งตัวลงทับคนด้านใต้ทันที ริมฝีปากหยักกดจูบหนักๆที่ขมับเข้าให้อีกที



“สะ .. เสร็จแล้วก็ออกดิวะ มันเหนอะอะ “



เมื่อรู้สึกได้ถึงความเหนอะหนะบริเวณร่องสะโพกและซอกขาก็ผลักคนตัวใหญ่ให้ออกไปจากตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นจงอินก็ยังคงไม่ถอนกายออกไปเสียที 



“สัญญาก่อนว่าจะไม่ทำงี้ให้ใครเห็นอีก “



“อือ ออกดิมันอึดอัดอะ “



“รักน้องนะครับ “ 



ออกแรงผลักน้อยๆก่อนที่คนด้านบนจะถอนกายออกไป แขนแกร่งยันตัวไว้กับเตียงก่อนจะกระซิบที่ข้างใบหูสวยเบาๆ ริมฝีปากหยักยกยิ้มชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าขาวแดงก่ำใบจนถึงใบหู 



“ระ ..รู้แล้ว “



“แล้วน้องต้องตอบว่าไง ? “



ใบหน้าสวยก้มงุดจนคางติดอก มือหนาจึงเชยคางเรียวให้เงยหน้าขึ้นสบตาเมื่อเห็นว่าคนน่ารักชักจะเลิ่กลั่ก ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างต้องการคำตอบ ยิ่งทำให้ใบหน้าของเซฮุนร้อนฉ่ายิ่งขึ้นไปอีก 



“ระ.. รักครับ “ 



“หึ “ 



“เฮ้ย เดี๋ยว! อ๊า “ 



กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะจับคนตัวเล็กกว่าพลิกหันหลังทันที เซฮุนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่บทรักร้อนแรงจะเริ่มต้นอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง 







“อ๊า .. “ 





END

___________________________________________



จบไอสัด เกร๋ๆ แม่งแดกพลังกูมากเลย 
อ่านบจบก็ไปนอนๆได้ละนะพวกมึง ดึกล้า 
รักทุกคลนะครับ บายๆๆๆๆๆ