ประตูบ้านถูกเปิดเบาๆอย่าระมัดระวัง
ผมแทรกตัวเข้าไปในนั้นอย่างระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้แม่ได้ยิน
หลังจากที่กลับมาจากโรงพักที่ใช้ขังพวกเราถึงหนึ่งคืนเต็ม
ผมส่งไอ้แบคเข้าบ้านก่อนจะเดินเสียวหลังวาบกลับเข้ามาในบ้านตัวเอง
ยังดีที่พ่อไอ้แบคไม่อยู่ แต่ผมนี่ดิ แม่นั่งอยู่กลางบ้าน
เสียงทีวีที่ดังแว่วมาทำให้ผมรู้สึกใจไม่ดี
ค่อยๆถอดรองเท้าวางลงบนชั้นแล้วย่องผ่านหลังหม่ามี๊ขึ้นไปชั้นบนด้วยความเสียวสะท้าน
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงของแม่
“ไงพี่ปาร์ค เมื่อคืนไปไหนมาครับ ? “
ผมลอบกลืนน้ำลายฝืดคอลงไป หันกลับไปประจันหน้ากับแม่ช้าๆ
“ไปทอดผ้าป่ากับเพื่อนมาครับหม่ามี๊ “
ผมยิ้มแหยๆแล้วเกาหัวแก้เก้อ สภาพชุดนักเรียนยังอยู่ครบเซต
ถึงแม้จะมีรอยตีนและเปรอะฝุ่นเต็มไปหมด
ยกมือปิดหางคิ้วที่เป็นแผลถลอกแผลใหญ่ของตัวเอง ดูยังไงก็มีพิรุธ
“สนุกไหมครับ ? “
หม่ามี๊ขยับมานั่งประจันหน้าแล้วกอดอก
ผมกำกางเกงตัวเองแน่นแล้วยืนก้มหน้า รู้สึกเหมือนปากกำลังจะเบะในไม่ช้า
ไม่ชอบแม่โหมดนี้เลย
“ไปกินเหล้ากับเพื่อนมาครับ กระทืบกันด้วย
ไปเข้าโรงพักมาแล้วก็ให้พ่อไอ้ฮุนไปประกันตัวออกมา.. “
ผมหลับตาปี๋แล้วสารภาพออกไปทุกอย่างเพราะทนความกดดันไม่ไหว
ผมไม่สามารถจะโกหกแม่ได้เลยเวลาที่ทำอะไรผิด เอาจริงๆตอนเด็กๆผมก็โกหกบ่อยอยู่
แต่แม่จะจับได้ทุกครั้งถึงแม้ว่าผมจะพยายามเนียนแค่ไหนก็ตาม ไม่รู้ดิ
มันเป็นสัญชาติญาณของความเป็นแม่ หม่ามี๊เคยบอกว่าถ้าโกหกหม่าม๊จะไม่รัก
ผมทนไม่ได้หรอกถ้าหม่ามี๊จะไม่รักผม ..
เงยหน้าขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานจนน่าอึดอัด
หม่ามี๊ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วตรงมาที่ผม ผมก้มหน้ารับผิด
เตรียมตัวรับบทลงโทษทุกอย่างี่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างจำยอม
ถึงแม้ว่าแม่จะไม่เคยตีผมเลยก็ตาม แต่เป็นลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องยอมรับผิด
“โถ่ลูกชายของหม่ามี๊ โตเป็นหนุ่มแล้ว ..“
ก้มหัวรับแรงฟาดจากฝ่ามือของคนเป็นแม่
แต่กลับไม่ได้รับสัมผัสรุนแรงนั้น
ผมได้ยินเพียงแค่น้ำเสียงเอ็นดูของแม่พร้อมกับสัมผัสเบาๆจากฝ่ามืออุ่นที่ลูบหัวของผม
เพียงเท่านั้นก็น้ำตาจะไหล
“ดูซิเนี่ย แผลเต็มตัวเลย ปากก็แตกคิ้วก็แตก
หน้าตาไม่หล่อเลยนะครับพี่ปาร์ค นี่อัดมันเละเลยรึเปล่า “
“อัดมันเละเลยครับหม่ามี๊!
ลงไปนอนกองที่พื้นเลย”
พูดไปเท่านั้นก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับแม่
ไม่ได้บอกว่าตกลงใครกันแน่ที่ลงไปนอน กูเองแหละไอสัด 5555555 แต่ไม่เป็นไรครับ
ให้แม่เข้าใจว่ากูเก่งอะดีและ เห้อ โล่ง
“เก่งครับเก่ง วันหลังมีใครหน้าไหนมาหาเรื่องลูกชายก็เอาหูตบมันเลยนะ
แต่ห้ามไปหาเรื่องคนอื่นก่อนรู้ไหม พี่ปาร์คของหม่ามี๊ไม่เกเรอยู่แล้วใช่ไหมครับ “
“อือครับ แหม่ ทำมาเป็นล้อ หูผมก็กางเหมือนแฟนแม่อะแหละ รักๆๆๆๆๆน้า
นึกว่าจะดุ ตกใช “ ผมโผเข้ากอดคนเป็นแม่อย่างรักใคร่แล้วหอมแก้มหม่ามี๊ไปฟอดใหญ่
“รักๆครับ ไปไอตัวแสบ ขึ้นไปอาบน้ำลงมากินข้าว
แล้วเดี๋ยวหม่ามี๊ทำแผลให้”
“ครับผม”
Sehun part
ผมนอนอ่านการ์ตูนอยู่เงียบๆในห้องของตัวเอง หลังจากที่กลับมาจากวันนั้น
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่พ่อกลับมาที่บ้านผมแทบไม่ได้ออกไปไหน นอกจากโรงเรียน
มอเตอร์ไซค์คันเก่งของผมถูกยึด พ่อไปคนไปรับไปส่งผมตลอด
แม้แต่โทรศัพท์ก็ถูกริบเอาไป ไอห่าแม่งโคตรอึดอัด
ผมจะได้เจอพวกเดอะแก๊งค์แค่เฉพาะที่โรงเรียนเท่านั้น แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยไรกันมากเพราะเป็นช่วงใกล้สอบปลายภาคแล้ว
ชีวิตกูโคตรมืดมนเลย นี่แค่ชกต่อยไม่ได้ไปทำใครท้องสักหน่อยนี่หว่า
ผมวางการ์ตูนคว่ำปิดลงบนหน้าแล้วถอนหายใจ
แม้แต่แม่ยังช่วยพูดกับพ่อให้ผมไม่ได้ การสื่อสารทุกทางถูกปิด พ่อยึดแม้กระทั่งเราท์เตอร์อินเตอร์เน็ต
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อถึงเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าทหารมากซะขนาดนั้น
พ่อเป็นคนเผด็จการและเข้มงวดมากๆครับ ไม่รู้ดิ
แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็ยังมีความอ่อนโยนให้กับแม่
ยังดีที่เป็นตอนเปิดเทอม
ไม่งั้นพวกไอ้ยอลอาจจะคิดว่าผมตายห่าไปแล้วและแห่กันไปแจ้งตำรวจก็เป็นได้
ผมยกหนังสือออกไปจากหน้า จ้องมองปฏิทินที่แขวนอยู่บนผนังพลางถอนหายใจ อีกไม่กี่วันก็วันเกิดไอเหี้ยไคมันแล้ว
ผมยังไม่รู้จะทำอะไรให้มัน แถมยังต้องมาติดแหง็กอยู่ในนี้อีก นี่กูไม่ได้เกเรเลยนะ
ถามหน่อยถ้าเห็นเพื่อนโดนกระทืบต่อหน้าจะทำแงะ ตอนเรียนพ่อไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลยรึไงวะ
โห่ เซ็ง
นอนคิดไรไปได้ไม่นานแม่ก็ลงมาตามไปกินข้าว
ผมไม่ชินเลยกับการที่ครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ ปกติพ่อจะอยู่ที่ค่ายตลอด
และแม่ก็จะอยู่ที่บ้านเป็นครั้งคราวเพราะต้องไปขึ้นวอร์ด
ส่วนใหญ่ผมก็นั่งๆนอนๆอยู่บ้านนิแหละ แต่ก็มีบางทีที่ผมออกไปแว๊นกับไอ้พวกนั้นบ้าง
แต่ไม่ใช่นอนตายอยู่แต่ในห้องแบบนี้ กูเบื่อ
นั่งลงบนโต๊ะกินข้าวที่เต็มไปด้วยความอึดอัด
พ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ฝั่งตรงข้าม
สายตาของผมจับจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือของตัวเอง มันเด้งอยู่ตลอดเวลา ผมชะเง้อมอง
ร้อยกว่ามิสคอลที่ขึ้นมานี่แม่งมีของใครบ้างก็ไม่รู้ ผมอยากจะหยิบมันขึ้นมาแล้ววิ่งขึ้นห้องแต่ก็ทำไม่ได้
เมื่อพ่อวางหนังสือพิมพ์ลงพอดี
อาหารทุกจานถูกวางเสิร์ฟพร้อมกับแม่ที่นั่งลงข้างๆผม
“ใกล้จะเข้ามหาลัยอ่านหนังสือบ้างรึยัง “ พ่อถาม
แต่ละประโยคที่คุยกันนับครั้งได้
“ยังครับ ผมเพิ่งมอห้า สอบปีหน้า”
ก้มหน้าตอบอยู่กับจานข้าว พ่อทำงานหนักจนลืมไปแล้วว่าผมอยู่มออะไร
อายุเท่าไหร่ แต่ช่างเหอะ เรื่องบางเรื่องที่รู้ๆกันอยู่พ่อยังไม่รู้เลย
แต่ก็ดีแล้วครับ แบบนี้ผมก็อยู่ของผมดีแล้ว
“ก็เพราะเป็นซะแบบนี้แหละมันจะไม่มี่ที่เรียน
คบเพื่อนเลวก็เลวตามเพื่อน “
“นี่พ่อพูดเกินไปปะ “
ผมยืนขึ้นเลย วางช้อนกระแทกลงกับจานข้าว กูไม่แดกแม่งและ พ่อเงยหน้าปรายตามองผมด้วยสายตานิ่งงันราวกับจะดูถูก
ผมเข้าใจว่าพ่อผิดหวังในตัวผม แต่ทำไมต้องว่าถึงขนาดนี้วะ
แล้วที่ทำกับผมนี่มันไม่มากไปหน่อยหรอ นี่ผมเป็นวัยรุ่นอยู่นะ นมเพิ่งจะแตกพาน
ทำไมตัดอิสระกันแบบนี้วะ
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต่อ โทรศัพท์ของผมก็สั่นอีกครั้ง
หน้าจอปรากฏชื่อไอเหี้ยไคที่ผมเป็นคนเมมเอาไว้ พ่อแค่นหัวเราะอย่างดูถูก
“แม้แต่นิสัยก็ยังหยาบคาย เหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน “
“คุณคะ.. “
“ก็เพราะพ่อไม่สอนผมไง “
ผมพูดเท่านั้นก่อนจะคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะแล้ววิ่งขึ้นห้อง
ล็อกประตูแล้วกดรับ ตัวผมสั่นไปหมดด้วยความโมโห
“(โหไอเหี้ยรับสักที กูนึกว่ามึงตายเกิดใหม่ไปละ
เป็นไงมั่งวะพ่อมึงกลับไปยัง) “
“ยัง”
“(มึงอยู่ในห้องปะ เปิดหน้าต่างให้กูหน่อย กูไปเที่ยวกับพี่ลู่มา
ซื้อชาไข่มุกกับซูชิมาฝาก)“
เกือบจะดีใจแล้วถ้าไม่ได้กล่าวถึงพี่ลู่หานอยู่ในประโยค
ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างทั้งๆที่ยังถือสายอยู่
เห็นเหง้าหน้าดำๆของมันอยู่ตรงหน้าต่างห้องฝั่งตรงข้าม
มือหนาถือถุงเหี้ยไรไม่รู้สองสามถุงชูให้ผมดู
“โหเหี้ยเสียวรั้วบ้านมึงชิบหายอะ นี่ถ้ากูหล่นลงไปนี่หมันแดกแน่ๆ “
ไอ้ไคบอกผมหลังจากที่ปีนข้ามมาที่ระเบียงห้องของผมแล้ว
ผมเบี่ยงตัวหลบให้มันเข้ามาก่อนจะปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ยุงออก พอดีเลี้ยงยุงไว้ครับ
“อะของมึง เหนื่อย คนเยอะชิบหาย“
ไอ้ไคยื่นถุงเหล่านั้นให้ผมก่อนจะถือวิสาสะทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงของผมในทันที
ผมหันไปถีบมันเบาๆก่อนจะหันกลับมาสนใจถุงในมือ
ข้างในเป็นชาไข่มุกรสที่ผมชอบสองแก้วกับอาหารญี่ปุ่นร้านประจำกล่องใหญ่โคตรพ่อ พร้อมกับถุงกระดาษเรียบๆอีกหนึ่งถุง
“เห้ยไอเหี้ย ไปสอยมาได้ไง “
เปิดถุงออกมาก็เจอเสื้อยืดสีดำตัวที่ผมเล็งไว้เมื่อนานมาแล้วตอนไปแว๊นกับมัน
จำได้ว่าเหลือไม่กี่ตัวแล้วแม่งก็แพงชิบหายเลย
วันนั้นผมก็เลยไม่ได้ซื้อกะรอให้มันลดราคา แต่เสือกมาเซลล์ตอนที่กูติดแหง็กอยู่แต่ในบ้านซะนี่
ผมเอาเสื้อตัวนั้นมากอด ดม เอาหน้าถูๆอย่างรักใคร่ ฮือ เท่ห์เหี้ยๆเลยนะตัวนี้
“กูไปฆ่ากับอิเจ๊นั่นมา มึงรู้ปะ แบบของมึงอะแม่งเหลือตัวสุดท้าย
กูหยิบก่อนแล้ววางไว้ตรงเคาท์เตอร์ จะไปเอาอีกตัวพอกลับมาอิป้านั่นแม่งหยิบไปอะ กูแย่งกันชิบหายจนพนักงานต้องมาแยกกูกะนางออกอะ
ไอเหี้ยคนแบบโคตรเยอะกูรำคาญ “
ไอ้ไคลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่างออกรส ผมหัวเราะ
หยิบแก้วชาไข่มุกขึ้นเจาะดูด นึกถึงเหตุการณ์ที่มันเล่าแล้วก็ขำ ปกติไอ้ไคมันไม่ชอบไปที่ๆคนเยอะเท่าไหร่ผมรู้
“แล้วมึง วันนี้ไปดูหนังมา พี่ลู่หานขำลั่นโรงอะกูอายเค้าชิบหาย ละก็ไปร้องเกะกันมา
พี่เค้าเสียงโคตรเพราะเลยมึงสมกับเป็นนักร้องนำวงโรงเรียนอะ
ไม่เหมือนมึงไอสัดร้องเหมือนควายออกลูก “
“เอ้าก็เสียงกูยังไม่แตกนี่หว่า 555555 “
“เออแต่กูอยากให้มึงไปด้วยจริงๆนะแม่งมันส์ว่ะ พี่ลู่แม่งบอกแล้วแต่กูๆๆทุกอย่างเลยนะกูก็จัดเลย
“
ผมหัวเราะก่อนจะก้มหน้าอยู่กับเสื้อตัวเดิม อ่อมึงจะด่ากูว่าเอาแต่ใจสินะแหม
เหมือนทุกประโยคแม่งจะทำให้ผมจึ้กอยู่ตลอดเวลาเลย ผมรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจพูดหรอก
แต่กูก็เจ็บนะเนี่ยเอากูไปเทียบกับพี่ลู่หานงี้ ก็มึงชอบเค้านี่หว่า
อะไรก็เหนือกว่ากูหมดอะแหละ
“เออไอฮุน วันเกิดกูอะ ไปแดกกะกูปะวะ มีไรจะเซอร์ไพรส์ “
ผมหันไปมองปฏิทิน อาทิตย์หน้าหน้าก็วันเกิดมันละ
ไม่รู้จะชวนล่วงหน้าเยอะไปไหน แต่ก็โอเค จนถึงตอนนั้นพ่อผมคงกลับค่ายไปแล้ว
“เออไปๆ “
นั่งคุยนอนคุยไรอยู่สักพักผมก็จับมันอ่านหนังสือ
เอาจริงๆก็ควายพอกันแหละแต่ใกล้สอบแล้วก็เอาซักหน่อย
หยุดสองวันแทนที่แม่งจะอ่านหนังสือเสือกไปเที่ยวอีก
ไอ้ไคร้องโอดครวญแทบจะตลอดเวลาแต่ก็ยอมนั่งอ่าน
แต่อ่านไปได้ไม่กี่ชั่วโมงแม่งก็หลับและ ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน
“เห้ย สี่ทุ่มละ มึงจะกลับบ้านมึงปะเนี่ย “
สะกิดไอ้ไคที่นอนเอาหนังสือปิดหน้าอยู่บนเตียงแต่สะกิดเท่าไหร่แม่งก็ไม่ตื่น
ผมยกหนังสือออกจากหน้ามันแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
เปลือกตาสีมุกที่หลับพริ้มและแรงหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอนั้นทำให้รู้ว่ามันกำลังหลับสนิท
ผมได้แต่นั่งมองมันหลับอยู่เงียบๆ เพราะถ้ามันตื่น
ผมคงไม่กล้าที่จะสบตามันเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ
“เซอร์ไพรส์ไรของมึงวะไอ้ไค หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่กูคิดนะ ..
ไม่งั้นกูคงอยู่ไม่ไหวแน่ๆเลยว่ะ “
อิสระหวนกลับมาอีกครั้ง ในวันที่ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง
เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมน้อเธอ ถุ้ย กูกลายเป็นพี่เสกไปเลย บทพูดก็ยิ่งน้อยๆอยู่ยังเสือกมาร้องเพลง
ผมนั่งห้อยตีนอยู่ริมสระน้ำที่บ้านของไอ้เทา (อีกแล้ว) วันนี้เป็นวันพิเศษครับ
เนื่องจากมีบอลนัดสำคัญในตอนห้าทุ่มของวันนี้ พวกเราจึงมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ไม่รู้นะพี่ลู่ แต่ถ้าแมนยูแพ้ พี่ต้องยอมเป็นแฟนผม “
“แดกตีนเหอะมึงอะ 5555555 ”
ดูเหมือนพี่ลู่หานจะกินเหล้าจนเริ่มจะกรึ่มๆแล้ว
เพราะนางเริ่มเผยด้านดาร์คๆออกมาทีละนิด จากที่เมื่อเย็นเอ็นดูน้องๆทุกคนราวกับขี้ในหิน
แต่ตอนนี้กลับเรียกมึงเรียงตัวไม่เลือกหน้า ผมหันไปมองพี่ลู่กับไอ้ไคที่เดินวนไปวนมาอยู่ริมสระพลางหัวเราะออกมาด้วยความขำ
ไอ้ไคเดินตื้อพี่ลู่ไม่ลดละ
ผมว่าอีกไม่นานมันคงได้โดนหน้าแข้งล่ำๆของพี่แกถีบตกสระอย่างแน่นอน
เหมือนจะขำหน่อยๆ
แต่พอมาประมวลผลดีๆในประโยคนั้นแล้วมันขำไม่ค่อยออกเลย แต่ช่างเห้อะ
ผมมันเป็นพระเอกที่รันทดที่สุดในเรื่องนี้แล้ว
(เรื่องนี้ทุกคนเป็นพระเอกครับปล่อยมันเถอะ) คิดดูกูอาภัพขนาดไหน
ไม่เคยมีช่วงเวลาดีๆกะใครเขาหรอก พูดละมันก็เศร้า
“เดี๋ยวขนขาเปื่อยนะมึง มา เอาสาหร่ายมาแช่เป็นเพื่อน “
ไอ้ยอลเดินมาจากไหนไม่รู้มานั่งหย่อนตีนลงสระข้างๆผม เสื้อนักเรียนที่ปลดกระดุมแล้วสองเม็ดกับแก้วนมช็อกโกแลตนั่นดูไม่เข้ากันเลยแม้แต่นิด
ไอ้ยอลเข็ดกับแอลกอฮอล์มากอย่างเหลือเชื่อ แม่งดูเป็นเด็กดีไปเลย มันบอกว่าไม่อยากให้แม่ผิดหวัง
ก็ดีอะ ถ้าพ่อผมเข้าใจผมแบบนี้บ้างคงดี
“เป็นห่าไรวะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะวันนี้ ญาติเสียหรอ “
ผมเอ่ยทัก เห็นมันยิ้มตลอดเวลาไม่หยุดตั้งแต่เช้าแล้ว
ไอ้ยอลหันมาพยักหน้าให้ผมแล้วเอาแก้วนมมันมาชนกับแก้วเบียร์ผมเสียอย่างนั้น ไม่เปิดปากพูดอะไร
กำหมัดแน่นแล้วชูขึ้นเหนือหัว ชี้ไปที่ไอ้ไคแล้วทำท่าปาดคอพลางตบมือชอบใจ
“เป็นเหี้ยไรเนี่ยมึงพูดภาษาคนไม่ได้หรอ
ปกติกูก็ฟังมึงไม่ค่อยจะรู้เรื่องละยังจะมาใบ้อีก “
“เออน่า หมดงานเนี้ย กูพาพวกมึงเที่ยวหรูเลย “
ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากก็ต้องกลับมาโดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเลอีกครั้ง
เมื่อไอ้แบคเดินมานั่งหย่อนตูดอยู่อีกฝั่งข้างๆไอ้ยอล ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดก
คนเดียวไม่เหงาเท่าสามคนจริงๆ แสรด
จนถึงเวลาห้าทุ่มเศษ
จอยักษ์ถูกยกออกมาจากในบ้านของไอ้เทาโดยพวกแม่บ้าน บ้านแม่งรวยมากจริงๆจนผมอิจแฉ
พวกเราต่างมานั่งล้อมวงรอดูบอลนัดสำคัญอย่างใจจดใจจ่อ แต่ที่น่าลุ้นมากกว่าคือ
พี่ลู่จะต้องเป็นแฟนไอ้ไคมันจริงๆไหม เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ กูจะได้ถอย
รักคนเหี้ยมันก็เจ็บครับ ยิ่งรักคนที่มันไม่เคยรู้ส้นตีนไรเลยนี่มันก็ยิ่งน่าโมโห
“เชื่อกู พี่ลู่เสร็จกูแน่ๆ “
แก้วเหล้าเย็นๆถูกวางแนบลงบนแก้มจนผมสะดุ้ง หันไปต่อยไหล่ไอ้ไคที่เดินเข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เป็นการเอาคืน
มือหนาดันเอวให้ผมกระเถิบไปนั่งชิดริมก่อนที่มันจะตามลงมานั่งด้วย
นี่ก็เบียดเหลือเกิน กูอุตส่าห์ปลีกวิเวกมานั่งเล่นเอ็มวีในหลืบคนเดียวเงียบๆยังจะตามมาซ้ำกูอีก
“หนึ่งศูนย์ละไอฮุน พี่ลู่เสร็จกูแน่ๆ “
ตลอดครึ่งเกมส์ ไอ้ไคเอาแต่พูดคำนี้จนผมชักจะรำคาญ แต่เพราะว่ามันเอาแขนมาล็อคคอผมไว้จึงทำได้แค่นั่งจิบเบียร์ฟังไปเท่านั้น
ไอ้พวกข้างหน้าเชียร์กันอย่างเมามันส์เหมือนเชียร์มวย
ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้มันมีอะไรให้คิดมากกว่า
หลับสัปหงกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
สะลึมสะลือตื่นมาอีกทีก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองกับคนข้างๆกำลังเอาหัวพิงกันอยู่ ท่าทางนิ่งงันของไอ้ไคทำให้ผมรู้ว่ามันก็กำลังหลับอยู่เหมือนกัน
เห็นไอ้พวกนั้นอยู่ดีๆก็ลุกฮือขึ้นไปรุมจอจนผมต้องชะเง้อมองตาม เสียงโห่ร้องดังลั่นไปทั่วทั้งสระทำเอาคนที่กำลังซบไหล่ผมอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา
“เซลซี!!!!!!!!!!!!!!!!! เซลซี! วู้วววว
“
ตื่นมาไม่ต้องรอให้สมองได้ประมวลผลนานเท่าไหร่นัก
ไอ้ไคลุกไปเฮกับพวกไอ้เฉินในทันที ผมมองเลขบนจอริมขวามือและภาพนักฟุตบอลที่กำลังจับมือกันอย่างเหม่อลอย
รู้สึกเหมือนสติหลุดทั้งๆที่ปกติก็ไม่ค่อยจะมี ผมก้มหน้าลง หัวเราะกับตัวเองเงียบๆ
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นนักเตะทีมแมนยูเลยว่ะ
กูแพ้ราบคาบเลย ..
Chanyeol part
ราวกับโลกทั้งใบสลายหายไปกับตา ..
“เฮฮฮฮฮฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!! “
นี่พวกมึงเชียร์เซลซีกันหมดเลยหรอ ?
ผมก้มหน้าลงกับตักของตัวเองก่อนจะหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมาอย่างไม่อาย
ไม่อยากจะบอกใครเลยจริงๆแต่มันต้องบอก เมื่อวันเสาร์ผมไปพนันบอลกับโต๊ะใหญ่เอาไว้หลังจากที่ห่างหายไปนาน
ไม่ใช่ไร ได้โน้ตบุ้คเครื่องใหม่มาก็เล่นซะหน่อย ประจวบเหมาะกับที่ไปดูดวงมาด้วย
ไอเหี้ย อย่าให้รู้นะว่าหมอดูคนนั้นแม่งอยู่ไหนอะ กูจะอมขี้ไปพ่นหน้าแม่งไอสัด
แล้วอาทิตย์เดียวเงินตั้งสามแสนผมจะไปหาคืนได้ที่ไหนวะ
“ไรนะ สามแสน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “
“เออ มึงอย่าทำหน้างั้นดิวะ แค่นี้กูก็จะร้องไห้และ “
ทิ้งตัวลงทรุดกับโซฟากลางบ้านไอ้เทา หลังจากที่เก็บกวาดของเข้ามาแล้ว
ไอ้พวกนั้นทำตาถลึงใส่ผมแล้วมองผมด้วยสายตาที่หลากหลายยากจะคาดเดา
ผมนอนแผ่อย่างหมดหนทางปล่อยให้พวกแม่งประนามไป นี่ใครจะช่วยกูได้มั่งเนี่ย
ผูกคอตายดีแมะ สามแสน ขายตูดทั้งชีวิตจะหาคืนได้รึเปล่ายังไม่รู้
“กูบอกกี่ครั้งละวะว่าไม่ให้เล่น “
ไอ้แบคเดินมาตบหัวผมอย่างแรงจนต้องก้มไปตามแรงตบ ผมได้แต่นั่งก้มหน้า
ไม่กล้าเถียงกะมัน ตอนนี้อารมณ์ของผมแม่งแย่มากเลยอะ หงุดหงิด กังวลไปหมด ผมจะทำยังไงดีวะเนี่ย
“แยกย้ายไปนอนเหอะว่ะ พรุ่งนี้ค่อยคิดกันว่าจะเอาไง อย่าคิดมากไอยอล “
ไอ้เทาเดินมาตบบ่าผมก่อนจะหิ้วปีกกับไอ้คริสเดินขึ้นห้องไป
ผมได้แต่นั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นกับไอ้ฮุนที่สภาพไม่ต่างกัน .. ก็มึงไม่มาเป็นกู
มึงไม่เข้าใจหรอกไอแสรด สามแสนนะไม่ใช่สามบาท โถ้ะ
“แบคไปไหนอะ อย่าทิ้งกูดิ “
“ไปนอนกับไอ้คริส ปะไอ้ไค ปล่อยแม่งไว้ตรงนี้แหละ “
ผมดึงชายเสื้อไอ้แบคไว้แล้วเงยหน้ามองมัน แต่เหมือนมันจะโกรธผม ไอ้แบคสะบัดบ๊อบหนีขึ้นไปข้างบนกับไอ้ไค
ทิ้งให้ผมนอนตายซากอยู่ที่โซฟาอยู่อย่างนั้น
แม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดยังทิ้งผมเลยคิดดู
“ไอ้ฮุน มึงจะไม่ทิ้งกูใช่ปะวะ “
“เออ นอนเหอะ อย่าคิดมากเลยมึง “
เหมือนมันก็จะอารมณ์แย่พอๆกับผม
ไอ้ฮุนถอนหายใจแล้วพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนตักของผม
ผมลูบหัวมันเบาๆ เห็นคราบน้ำตาบนแก้มเนียนใสแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ผมพิงหัวแหงนลงไปกับพนักโซฟา
ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ก่อนจะหลับไปในที่สุด
“พวกกูมีแปดหมื่น “
“เฮ้ย “
นอนฟุบอยู่หลังห้อง แม้แต่ข้าวกลางวันผมก็กินไม่ลง ผมเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียง
พวกไอ้เฉินบุกมาถึงห้องจนคนอื่นๆในห้องต้องพากันแห่ออกไปหมดด้วยความรังเกียจ ถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับตูดของไอ้คริสที่ประทับลงข้างหน้าผม
มือสากยื่นมาลูบหัวผมเบาๆจนต้องสะบัดหนี
“พวกมึงทำงี้ทำไมวะ “
“ไม่อยากเห็นมึงเครียดว่ะ ช่วยได้ก็ช่วย อะแดกซะ เลิกคิดมาก
มึงเป็นแบบนี้ไอ้แบคมันไม่ชอบมึงไม่รู้หรอวะ พวกกูก็ไม่ชอบนะ “
กล่องข้าวที่มีกับข้าวสองสามอย่างง่ายๆถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับนมหวานขวดเล็กๆหนึ่งขวด
ผมเงยหน้ามองพวกมัน รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล ถึงจะสันดารเหี้ยแต่มันก็ดีกับเพื่อนมากจริงๆ
นึกรู้สึกผิดที่เคยกระทืบมันคาลิฟต์วันนั้น ผมยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ
“ขอบใจว่ะมึง ขอบใจ ฮือ “
“มึงจะร้องไห้ห่าไร อึ้บซะ รีบกินเดี๋ยวเข้าเรียนละ เป็นลูกผู้ชายอย่าร้อง
พวกกูไม่ทิ้งมึงหรอก “
หลายมือรุมผลักหัวของผมจนหน้าแทบจะลงไปกระแทกกล่องข้าว พอพวกมันปลอบแล้วน้ำตาผมยิ่งไหลออกมาไม่หยุด
ถึงจะปลอบแบบห้วนๆก็เหอะ ตั้งแต่วันนั้นไอ้ไคกับไอ้แบคก็ไม่ค่อยจะมาโรงเรียน
ไอ้ฮุนแม่งก็เงียบ แทบจะไม่พูดอะไรกับผมเลย ตอนนี้ผมเหลือแค่พวกไอ้เฉินจริงๆ
กินเสร็จไม่ทันไรก็ต้องเข้าเรียน มองไปรอบๆ
ไอ้ไคกับไอ้แบคที่นั่งข้างหน้าแม่งก็ไม่มาโรงเรียนตั้งสองวันแล้ว ผมไปหามันที่บ้านก็ไม่อยู่
ส่วนไอ้ฮุนที่นั่งอยู่ฝั่งขวาก็หายไปตั้งแต่เที่ยง ผมถอนหายใจ ต้องทนนั่งเรียนต่อไปยันเลิกเรียน
โหนสองแถวกลับบ้านคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว
ไม่ได้มีโมเม้นนี้มานานแล้วเหมือนกัน นึกถึงช่วงตอนที่ซ้อมดนตรีแล้วกลับดึกๆคนเดียวเลย
เมื่อเย็นตอนเลิกเรียนพี่ลู่หานให้เงินผมมาอีกสามสี่พัน
ผมกลับบ้านแล้วเอาเงินมากองๆกันแล้วลองนับดู กระปุกออมสินหมูที่หยอดมาตั้งแต่สมัยประถมถูกเอามาทุบ
เงินในบัญชีถูกถอนออกมาหมด
“แสนกว่าเองอ่อวะ “
ทิ้งตัวลงนอนแผ่ลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยเศษเหรียญ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อบรรเทาความเครียด
กัดกรามแน่นจนขมับขึ้นเป็นสันนูน นี่กูเครียดจริงๆนะเนี่ย เงินอีกตั้งเกือบสองแสนผมจะไปหามาจากไหนวะ
เรื่องนี้จะให้แม่รู้ไม่ได้เด็ดขาดเลย ให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด
คิดไปคิดมาแม่งไม่มีทางเลือก ผมเอาเครื่องเล่นเกมส์เพลย์กับโน้ตบุ้คและข้าวของเครื่องใช้อื่นๆภายในห้องที่พอจะมีราคายัดใส่กระเป๋าเป้ใบโตก่อนจะรีบออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
ยังดีที่หม่ามี๊ไปทำเล็บตั้งแต่เมื่อบ่าย ไม่งั้นชีวิตคงหาไม่
เดินกลับมาบ้านแทบจะตัวเปล่า ได้เงินมาแค่หมื่นกว่าๆ
โหชีวิตพระเอกรันทดเหลือเกิน อาศัยไฟจากเสาไฟฟ้าเป็นเพื่อนใจ
แม้แต่ความกลัวผียังทำไรผีพนันอย่างผมไม่ได้เลย
ตอนนี้มันเครียดไปหมดจนไม่มีกะใจจะคิดอะไรอย่างอื่น ผมจะทำยังไงต่อไปดีวะเนี่ย
สาบานเลยว่าถ้าพ้นเรื่องนี้ไม่ไปผมจะไม่เล่นพนันอีกแล้ว รู้งี้ไม่น่าเล่นโต๊ะใหญ่เลย
หมอดูแม่งหายไปเลยตั้งแต่วันนั้นอะ นี่อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอกูจะซัดให้เหงือกหงายเลย
“ไอแบค .. “
แต่แล้วคนที่ผมเห็นอยู่หน้าบ้านก็ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมา ถึงแม้ว่าฟ้าจะมืดลงแล้วแต่เงาตะคุ่มๆที่คุ้นเคยนั้นผมจำมันได้ดี
ผมเดินเข้าไปหาไอ้แบคกำลังไขกุญแจเข้าบ้านอยู่ตรงนั้น มันไม่แม้แต่จะหันมามองผม
“ทำไมไม่ไปโรงเรียนวะ “
“ .... “
เดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยถาม แต่ไม่มีคำตอบออกจากปากมัน
ไอ้แบคไม่แม้แต่จะปรายตามองผมเลย คนตัวเล็กเอี้ยวตัวหลบก่อนจะไขประตูเข้าไปแล้วปิดประตูรั้วใส่หน้าผม
ทำเหมือนไม่เห็นผมอยู่ตรงนั้น ผมได้แต่ยืนมองมันหันหลังเดินเข้าบ้านไป ..
มันคงจะโกรธผมมากจริงๆ
Sehun part
สถานการณ์เริ่มกดดันขึ้นมากทุกที
ความเครียดโถมเข้ามาทุกเรื่องจนไม่มีใครมีอารมณ์จะพูดคุยกัน
ไอ้ไคกับไอ้แบคเข้ามาโรงเรียนตอนเช้าเพื่อเอางานมาส่งเท่านั้นก่อนจะโดดออกไป
วันนี้ไอ้ยอลไม่มา พวกไอ้เฉินก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ พี่ลู่หานก็หายไปด้วย
ผมนั่งแดกข้าวอยู่ในโรงอาหารเงียบๆคนเดียว
สภาพกูตอนนี้เหมือนศพไร้ญาติ ผมไม่สามารถช่วยอะไรไอ้ยอลมันได้เลย
บัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตของผมถูกพ่อยึดไปตั้งแต่เกิดเรื่องที่เข้าโรงพักวันนั้น ลำพังตัวเองยังเอาไม่รอด
พวกไอ้แบคก็ออกไปหาเงินมาช่วยไอ้ยอลมัน แต่มันบอกผมว่าไม่ให้บอกใคร ให้ผมอยู่นี่เป็นเพื่อนไอ้ยอล
แต่ตอนนี้แม่งเหมือนกูอยู่คนเดียวเลย
“คืนนี้ไปปะวะสนามกีฬา กูกะว่าจะลงแข่งด้วยว่ะ
คราวนี้ชนะได้แสนนึงเลยนะเว้ย แต่ยืมรถมึงหน่อยดิของกูเข้าอู่อยู่ว่ะ เดี๋ยวถ้าชนะกูแบ่งให้ครึ่งนึงเลย
“
ได้ยินเสียงแว่วมาอยู่ที่โต๊ะข้างหลัง ผมหยุดเคี้ยวข้าวแล้วตั้งใจฟัง
หันไปแว้บๆก็เห็นคู่สนทนาคือเพื่อนไอ้เฉินที่เคยไปกินหมูกระทะด้วยกันวันนั้น
“แข่งมอไซค์อะนะ ไมมึงไม่รอแข่งรถใหญ่วะ อันตรายนะมึง
คืนนี้ตำรวจตั้งด่านด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ “
“เออน่ามึงไปเป็นเพื่อนกูพอ ถ้ากูไม่ร้อนเงินกูก็ไม่ทำหรอก “
ผมวางช้อนกระแทกลงกับจานข้าวแล้วรีบลุกพรวด
อาจจะจับใจความไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอก
แต่ผมว่าผมมีทางช่วยไอ้ยอลมันแล้วแหละ ..
“บรื้นนนนนนน “
เสียงเบิ้ลเครื่องอย่างแรงทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆครับ ผมกำลังเดินเข้าไปในสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่ปิดทำการมาสักพักแล้ว
พวกวัยรุ่นใช้มันเป็นสนามแข่งรถ ซึ่งผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากไอ้เทามาแล้วเหมือนกัน
แต่ก็ไม่เคยมาสัมผัสบรรยากาศจริงๆจนถึงวันนี้
เสียงโห่ร้องเชียร์ดังก้องไปทั่วอย่างไม่เกรงกลัวเลยว่าพ่อมึงจะมารวบตัวไปเข้าซังเตเมื่อไหร่ก็ได้
จอดมอไซค์ทิ้งไว้ริมสนาม
เดินเลาะขึ้นไปทางอัฒจันทร์พลางกระชับเสื้อแจ็คเก็ตตัวหนาเพื่อให้ความอบอุ่นกับตัวเอง
ยิ่งขึ้นที่สูงลมยิ่งแรงจนบาดผิว วันนี้ผมใส่เสื้อผ้ามาหนาพอสมควร ผมกังวล
แต่มันก็เลือกไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยถ้าผมล้มขึ้นมา
บางทีเสื้อผ้าหนาๆอาจจะช่วยอะไรผมได้บ้าง
แขนอีกข้างหนึ่งเหน็บหมวกกันน็อคแบบเต็มหัวใบเก่งเอาไว้อย่างหมิ่นแหม่
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้โต๊ะลงทะเบียนผมยิ่งใจสั่น ตัวก็สั่น คนรอบข้างเอ่ยแซวแล้วกู่ร้องจนผมเริ่มจะกลัว
เอาจริงๆกูกลัวนานละแหละ พวกแม่งเถื่อนมากเลย เทียบกับพวกไอ้เทาแล้วคือเด็กไปเลย
“วู้วมึง เด็กใหม่จะมาลงสนามว่ะ อ่อนแอ้นเชียว อย่าลงเลยน้อง
เดี๋ยวตายพี่เสียดาย หน้าตาจิ้มลิ้มๆแบบนี้หายาก “
ผมได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วเดินก้มหน้าต่อไป ขาสั่นๆก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ
แสงไฟจ้าจากสปอร์ตไลท์ที่ส่องลงมานั้นดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่
ผมหยีตาลงแล้วก้มหน้าจ้ำอย่างไว วางหมวกกันน็อคลงบนโต๊ะลงทะเบียน
“อ้าวมึง ไอ้น้องฮุน เพื่อนไอ้เทานี่ใช่ไหม “
“คะ .. ครับ “
หลังจากเขียนชื่อลงไปเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาป๊ะเข้ากับญาติของไอ้เทาที่ผมพอจะจำได้ลางๆว่าเคยเจอครั้งสองครั้งตอนไปกินเหล้าบ้านมัน
“ไง ร้อนเงินหรอมึง “
“เอ่อ ครับ .. พี่..คุมโต๊ะที่นี่หรอครับ “
“เออ หน้ามึงหงิมๆนะ เคยแข่งบ้างปะเนี่ย กูว่าอย่าเลย อันตราย เดี๋ยวกูโทรบอกไอ้เทามารับ
“
“เฮ้ยไม่พี่ ผมแข่งได้จริงๆ ขอผมลงเหอะ ผมเดือดร้อนจริงๆ “ ผมบอก
ถึงแม้ว่าจะสั่นจนคุมตัวเองไม่ได้
“เออๆ งั้นมึงลงรอบสองละกัน ทางที่ดีกูว่ามึงโทรสั่งเสียญาติมึงก่อนก็ดีนะ
มีคนตายเกือบทุกนัด“
“....” ผมเงยหน้ามองพี่เขา หน้าเขาดูจริงจังจนผมอยากกลับบ้าน
“กูล้อเล่น 555555555 อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิวะ
แต่กูอยากให้มึงระวัง ยิ่งมึงไม่เคยแข่ง อย่าเสือกไปเลือกเลนกลางเด็ดขาด นี่ถ้าไม่เคยเห็นกันมากูไม่แนะนำมึงนะ
เห็นว่ามึงเป็นเพื่อนน้องกู กูลงข้างมึง “
“คะ .. ครับผม ”พี่คนโหดตบบ่าผมเบาๆ ผมพยักหน้า
“ไปเตรียมตัวไป เฮ้ยไอ้เลย์ มึงไปดูรถให้น้องมันหน่อย “
พี่โหดหันไปหาพี่หน้าสวยคนหนึ่งที่นั่งค้นกล่องอะไหล่อยู่ข้างหลัง
คนถูกเรียกพยักหน้าก่อนจะเดินตามผมไปที่รถ กล่องเหล็กกล่องใหญ่ถูกวางลงข้างๆก่อนจะลงมือไขน็อตไม่กี่ตัวตรงส่วนท้าย
ผมลอบกลืนน้ำลาย ได้แต่ยืนมองอยู่เฉยๆ ดูจากหน้าตาแล้วพี่เขาไม่น่าจะมีแรงยกกล่องเหล็กหนักๆนั่นได้เลย
“อะ เสร็จละ รถแต่งเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
ระวังวิ่งไปวิ่งมาน็อตหลุดขึ้นมาละซวย “
“ขะ ..ขอบคุณครับ “
“อืม โชคดี พี่เชียร์อยู่ข้างสนามนี่ละกัน อย่าลืมเช็คหมวกกันน็อคด้วยล่ะ
“
“ครับผม .. เอ่อ พี่เลย์ครับ ..“ ผมเรียก ในระหว่างที่พี่เขากำลังจะยกกล่องเหล็กนั้นเดินออกไป
“ว่าไง ? “
“เคยมีคนตายในสนามจริงๆไหม “ ผมถาม ใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตีน
“กูก็ไม่ได้อยากให้มึงกลัวนะ .. แต่มี “
ชิบหายละไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
Jongin part
“ยินดีต้อนรับคร้าบบ “
ตะโกนออกไปแม้ตีนจะล้าไล่ขึ้นมาถึงลิ้นปี่
ผมโค้งให้กับลูกค้าก่อนจะรีบวิ่งไปรับออเดอร์
สามวันมาแล้วกับการทำงานหนักแบบโคตรพ่อที่แทบจะไม่ได้พัก
ผมกับไอ้แบคได้นอนแค่สามชั่วโมงเท่านั้น แม้แต่โรงเรียนกูก็ไม่ได้ไป เงินของเราสามคนที่ได้จากไปทำงานพิเศษี่ซกโชรวมกันยังมีไม่พอ
“ไอเหี้ยแบคมึงไหวปะวะ นั่งก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูทำเอง “
เดินไปหามันที่ยืนล้างจานอยู่หลังร้าน ไอ้แบคยืนเซเหมือนจะล้ม
เมื่อบ่ายแม่งก็หน้ามืดเกือบจะวูบไปทีนึงและ ไอ้แบคดูเครียดอยู่ตลอดเวลาจนไม่เป็นอันกินอันนอน
ตั้งแต่เกิดเรื่องไอยอล ผมเห็นบางทีมันก็ไปนั่งหลบมุมอยู่คนเดียวเงียบๆ
ผมไม่รู้ว่าไอ้ยอลจะยังไง จะคิดว่าพวกผมทิ้งมันไหม แต่นิสัยเด็กๆของมันคงจะทำให้มันคิดแบบนั้น
ยังดีที่มีไอ้ฮุนคอยดูมันไว้บ้าง
อีกอย่างผมก็ไม่อยากให้ไอ้ฮุนต้องมาทำงานหนักๆแบบนี้
มันไม่ได้อึดถึกเป็นควายป่าแบบพวกผม ผมอยากให้มันเข้าใจ แต่พวกผมคงไม่มีเวลาอธิบาย
อย่างน้อย ก็ขอแค่ได้ทำหน้าที่เพื่อนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็คงพอ
ตอนนี้รวมทั้งแล้วได้มาเจ็ดหมื่นกว่าๆ นับเป็นเงินที่เยอะ แต่ก็น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเงินที่ไอยอลต้องเสียไป
ผมพอจะรู้มาจากไอ้เฉินว่าโต๊ะใหญ่แม่งโหดขนาดไหน เคยมีคนแพ้พนันแล้วไม่ส่งคืนจนโดนพี่แกเล่นเกือบถึงตาย
และผมไม่อยากจะเห็นเพื่อนผมตกอยู่ในสภาพแบบนั้น
“เฮ้ย มึงอย่าร้องไห้ดิวะ ไอ้ยอลมันไม่เป็นไรหรอก
ภายในอาทิตย์นี้เราหาเงินคืนได้แน่ เชื่อกูดิ “
ผมอึ้งไปพักใหญ่เมื่อเห็นไอ้แบคก้มหน้าเงียบแล้วอยู่ดีๆมันก็ร้องไห้ออกมา
มือเล็กแช่นิ่งอยู่ในอ่างที่เต็มไปด้วยฟองน้ำยาล้างจาน
น้ำตาหยดใสร่วงลงมาไม่หยุดโดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะเช็ดมัน ผมก้มหน้าลงไปหา
ใช้มือของผมค่อยๆเช็ดน้ำตาให้มันอย่างแผ่วเบา
“กู .. ฮึก .. ไอเหี้ยกูช่วยอะไรมันไม่ได้เลย กูทำห่าไรไม่ได้สักอย่างเลย
“
“นี่ไง เราทำอยู่นี่ไง เรากำลังพยายามเพื่อมัน มึงดูดิ “
ผมหยิบเงินค่าจ้างของวันนี้ชูให้มันดู ไอ้แบคสะอื้นฮักจนตัวโยน
ผมแทบไม่เคยเห็นมันร้องไห้แบบนี้เลย เอาจริงๆมันเป็นคนเข้มแข็งนะ
“ตั้งสามแสนจะไปหาจากไหนวะไอ้ไค กูจะไปหาได้จากที่ไหน กูจะทำยังไงดี ..”
“มันต้องได้ดิ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราลองไปกู้ดู เอาปะ “
“แล้วถ้าหาไม่ได้ ฮึก ..ไอ้ยอลจะโดนอะไรวะ ไอ้ยอลจะเป็นยังไง
มันจะเกิดอะไรขึ้น “
“ชู่ว .. พอแล้ว มึงไม่ต้องคิดแล้ว “
ผมรวบตัวมันมากอดแล้วบรรจงลูบหัวเล็กเบาๆ ไอ้แบคร้องไห้หนักมากจนไหล่บางสั่นเทาไปหมด
ผมก็ได้แต่ภาวนา ขอให้เรื่องนี้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ช่วงเวลาห้าทุ่ม หลังจากปิดร้านเรียบร้อยแล้วก็กลับบ้าน ผมปั่นจักรยานมาส่งไอ้แบคที่บ้านแล้วเดินกลับคนเดียว
ระหว่างทางก็มีไรให้คิดเยอะแยะไปหมด ผมกะว่าพรุ่งนี้จะไม่ให้ไอ้แบคไปทำงานแล้ว
แล้วผมจะลองไปกู้เงินดู เผื่อว่าบางทีมันอาจจะได้ แล้วเดี๋ยวตอนคืนค่อยว่ากันอีกที
“ฮัลโหลมึง วันนี้มีการบ้านไรมั่ง “
“(ก็ ไม่มีไรนะ ก็... )“
เดินคนเดียวทั้งเหงาและเปลี่ยว ผมเลยเลือกที่จะโทรหาไอ้ฮุนในระหว่างที่เดินกลับบ้าน
เสียงปลายสายตอบกลับมาเบามาก อันที่จริงมันก็ดัง
แต่เหมือนมีเสียงอะไรรบกวนเยอะแยะไปหมดจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงไอ้ฮุนเลย
“ โอ้ยเหี้ย ดังๆหน่อยไม่ได้ยิน นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย “
“(กู .. หรอ กูอยู่บ้าน!! .. )”
ปลายสายตอบกลับมาเหมือนแทบจะตะโกน
แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันเบากว่าเสียงรอบข้างอยู่ดี ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังแทรกขึ้นมา
ผมขมวดคิ้วมุ่น
ได้ยินเหมือนเสียงรถแข่งวิ่งผ่านไปเร็วๆเหมือนที่เคยได้ยินในหนังฟาสฟิวเรียสภาค38ที่เคยไปดูกับไอ้ฮุนมา
“อยู่บ้านหรอ ไมกูได้ยินเหมือนเสียงรถเลยวะ นี่กูก็อยู่ในซอยบ้านละไม่มีรถสักคัน“
ผมตอบ ถือโทรศัพท์ค้างไว้แล้วหันไปมาก็ไม่เจอรถซักคัน
“(ไอฟาย กูดูหนังอยู่.. )
ไอ้ฮุนตอบกลับมา
ในระหว่างที่ผมเดินขึ้นห้องพอดี เสียงรบกวนแทรกดังจนแทบจะไม่ได้ยินอะไร
ไม่เข้าใจว่ามึงจะเปิดเผื่อใครหรอ
“หนังไรวะ
ฟาสฟิวเรียสหรอ ไว้กูยืมแผ่นมั่ง”
“(เออ ละนี่มึงกลับบ้านยังวะ
ได้มากี่บาท )“
“รวมๆก็เจ็ดหมื่นกว่าอะ
วันนี้ไอ้แบคแม่งร้องไห้ด้วย กูใจหายเลย สงสารทั้งมันสงสารทั้งไอ้ยอล”
“(..ถ้าชนะก็ครบแล้ว
)“
“ไรนะไม่ค่อยได้ยินเลยว่ะ
มึงเบาทีวีหน่อยไม่ได้ไงวะ กูหูจะแตกละเนี่ย เปิดเผื่อพ่อมึงดูด้วยหรอ “
ผมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนจะปลดกระดุมเสื้อนักเรียนแล้วเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อที่จะเปิดแอร์
แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆขึ้นมา หน้าต่างห้องไอ้ฮุนที่อยู่ตรงข้ามห้องผมนั้นไม่ได้เปิดไฟอยู่
แถมบ้านมันก็ไม่ได้เปิดไฟสักดวง
“(กู #%!*^
...บรื้นนนนนน ..)”
ปลายสายตอบกลับมา
นั่นยังทำให้ผมสงสัยเข้าไปอีก โทรศัพท์ถูกยกออกห่างจากใบหู
ก่อนจะชะโงกหน้าไปเงี่ยหูฟังนี่หน้าต่างห้องไอ้ฮุน .. เงียบกริบ
“บอกกูมาฮุนมึงอยู่ไหน
“
“(กู พหสระวหำนบฟ..
เซฮุน ไปเตรียมตัวลงสนามได้แล้ว อย่าลืมเช็คหมวกกันน็อคตามที่พี่บอก ไม่งั้นหัวแบะนะเอ็ง
โชคดี .. )“
ผมแทบจะไม่ได้ยินไอ้ฮุนพูดเลย
แต่เหมือนมีเสียงของใครคนหนึ่งลอดมาจากปลายสาย มันก็ไม่ได้ชัดเท่าไหร่นัก
ผมกดโทรศัพท์แนบกับหูแล้วเปิดเสียงให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้มากนัก
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้ฮุนกำลังทำอะไร แต่ผมรู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเลย
“ไอ้ฮุนมึงบอกกูดิมึงอยู่ไหน
ทำเหี้ยไรวะ “
“(แค่นี้ก่อนละกันมึงหนังกำลังหนุกเลยว่ะ
)“
“มึงไม่ได้ดูหนังอะมึงไม่ได้อยู่ในบ้าน
มึงอยู่ไหน บอกกูมา “
ผมวิ่งลงบันไดไปทันที
เดินออกไปหน้าบ้านตีนเปล่า ใช่จริงๆด้วย ไอ้ฮุนไม่ได้อยู่บ้าน
หน้าบ้านของมันถูกล็อคด้วยแม่กุญแจจากข้างนอก ผมได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น
เหงื่อเริ่มซึมออกมาจนท่วมไปทั้งตัว ผมไม่สามารถจะยืนอยู่เฉยๆได้เลยจริงๆ
ตอนนี้ใจมันเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกกังวลไปเกินเหตุ
แต่ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆนะ ถ้ามันวางสายไปตอนนี้ ผมสาบานว่าผมจะไปหามันถึงที่เลย
“(เออไค ..)”
“อะไรวะ “
เงียบไปนานมากจนผมคิดว่ามันคงจะวางไปแล้ว
แต่เปล่า ไอ้ฮุนยังอยู่ในสาย เสียงโห่ร้องดังลอดมาเป็นระยะ พร้อมกับเสียงเร่งเครื่องยนต์หนักๆ
ผมกำหมัดแน่น ไอ้ฮุนมันกำลังทำอะไรอยู่..
“( กูชอบมึงว่ะ
)“
“เฮ้ยเดี๋ยว!!”
ไม่ทันแล้ว
ไอ้ฮุนตัดสายไปแล้ว คำพูดเมื่อกี้ ประโยคเมื่อกี้
ถึงมันจะมีเสียงรบกวนแทรกมาตลอดแต่ผมก็ได้ยินคำนั้นชัดกว่าอะไรทั้งหมด ผมกดโทรศัพท์โทรกลับไป
แต่ก็ไม่มีใครรับ โทรไปเป็นสิบๆสายแล้วมันก็ไม่รับ ไอ้ฮุนมันกำลังทำอะไรอยู่
มันคิดอะไรอยู่ว่ะ ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ดีเลย ทำไมผมถึงกังวลอยู่ตลอดเวลาเลย
ผมเอาหัวพิงกับรั้วบ้าน
ที่ไหนบ้างวะที่มีเสียงรถยนต์ขับแรงๆ ดึกๆแบบนี้เนี่ยนะ ? อะไรคือลงสนาม
แล้วหมวกกันน็อคไปเกี่ยวอะไรวะ ??????????????? ห่าเอ้ย พ่อกูไม่ใช่โคนันนะไอสัด
ถ้าชนะก็ครบแล้ว
..
ถ้าชนะก็ครบแล้วหรอวะ
.. ถ้าชนะ ..
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
Sehun part
ผมกลั้นใจพูดรัวๆออกไปแล้วรีบกดตัดสายทันที
บอกไปละ ตอนแรกกะจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่ถ้าคืนนี้ผมไม่รอดขึ้นมา
ผมคงไม่มีโอกาสได้บอกมันอีกเลยตลอดชีวิต ผมรู้ว่ามันชอบพี่ลู่
แล้วป่านนี้ก็คงจะคบกันแล้วมั้ง แต่อย่างน้อยผมก็ถือว่าผมได้บอกมันแล้ว
ผมก็ไม่เสียดายแล้วว่ะ
ฝากโทรศัพท์ไว้ที่พี่โหดที่เป็นญาติของไอ้เทา
พี่แกเดินมาตบไหล่ผมด้วยในระหว่างที่กำลังเดินเข็นมอไซค์ไปลงสนาม ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้เขาแล้วเข็นมันต่อไป
เขาคงไม่ขโมยโทรศัพท์ผมหรอกมั้ง หรือถึงขโมย .. ผมก็คงไม่ได้ใช้แล้ว
กำ นี่กูทำไมรนหาที่ตายงี้วะเนี่ย
นี่ผมไม่ได้แช่งตัวเองนะ
แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้แล้วก็ไม่รู้ดิวะ
บางทีคืนนี้อาจจะเป็นคืนสุดท้ายของผมก็ได้ใครจะรู้ แต่อย่างน้อยถ้าสมมติ ..
สมมติว่าพระเจ้าจะเมตตาพระเอกหน้าตาดีแต่บทน้อยอย่างผมบ้าง ก็ขอให้ผมชนะได้อย่างปลอดภัย
เอาเงินแสนนึงไปให้ไอ้ยอลถึงมือ ผมก็จะดีใจมากๆเลยครับ
เข็นรถมาประจำการที่ริมขวาสุดของสนาม
ตามที่พี่ไอ้เทาบอก ถ้าไม่อยากตายอย่าเสร่อเลือกเลนกลาง ผมวาดขาขึ้นคร่อมอานมอไซค์
ใส่หมวกกันน็อคแล้วลองเร่งเครื่องดูเหมือนที่คนอื่นๆเค้าทำกัน
“บรื้นนนนนน”
เสียงเร่งเครื่องดังก้องไปทั่วทั้งสนาม
และมอไซค์คันเก่งของผมก็เป็นหนึ่งในนั้น มองกวาดไปทั่วรอบๆตัว
ในสนามนี้มีมอเตอร์ไซค์กว่ายี่สิบคัน มันเยอะมากซะจนผมนึกภาพไม่ออกว่าทั้งหมดจะวิ่งในลู่วิ่งของสนามกีฬาแคบๆนี้ยังไง
ยังดีที่รถของผมเป็นแบบตัวถังและยังพอแรงสู้คนอื่นได้บ้าง
แต่ผมว่ามันจะต้องมีคันใดคันหนึ่งถูกดันเละออกไปเหมือนรอบที่แล้วแน่ๆ
ทุกคันจะต้องวนรถทั้งหมดห้ารอบถึงจะเข้าเส้นชัย ผมมองออกไปข้างหน้า .. ไม่ว่าจะเลนไหนกูก็ว่าตายเหมือนกัน
“ปัง!!!!!! “
เสียงปืนให้สัญญาณดังก้องทั้งสนาม
ก่อนรถทุกคันจะออกตัว ผมเอนตัวไปข้างหน้าแล้วบิดเต็มแรงสูบชนิดที่ว่าไม่เคยขับเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
กูขอแค่อย่างเดียว
ขอแค่ชนะก็พอ
รอก่อนว่ะไอยอล
กูจะเอาแสนนึงไปให้มึงแน่ๆ กูสัญญา
.
“หวืดดดด
ปิ๊ดดดดด โครม!!!!!!!! “
เสียงเหมือนอะไรบางอย่างที่ชนอย่างแรงดังขึ้นไม่ไกล
.. ไม่ดิ มันดังอยู่ตรงตำแหน่งของผมเลย วินาทีที่พ้นเชือกสีแดงเข้ามาเป็นคันแรก
ธงผืนใหญ่สะบัดพรึ่บก่อนจะได้ยินเสียงนกหวีดและเสียงเฮดังลั่นสนาม
ผมเห็นตัวเองกำลังพยายามทำอะไรสักอย่างกับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ ใช่ .. ผมพยายามจะเบรกมัน
แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้างคนหน้าตาดีอย่างผมสักเท่าไหร่
รถอีกหลายคันผ่านเส้นชัยเข้ามาวิ่งในลู่วิ่งแคบๆอย่างเร็วแรงโดยไม่มีผ่อน ดูเหมือนรถคันหนึ่งจะชนเข้าที่ส่วนท้ายของผมจนตูดปัดเขวออกไปจากสนาม
ผมเสียหลักล้ม ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
Jongin part
ในระหว่างที่ผมกำลังมุ่งหน้าไปที่สนามกีฬา
หลังจากถามจากไอ้เทาก็พบว่ามีการแข่งรถเถื่อนทุกๆวันศุกร์ที่นั่น เป็นอย่างที่ผมคิดไม่ผิดเลยจริงๆ
แต่พอไปถึงกลับไม่เจออะไรนอกจากกลุ่มคนกับรถไม่กี่คัน เหมือนการแข่งขันจะจบลงแล้ว
ผมมาช้าไป
รีบก้าวจ้ำอย่างไวไปตามพื้นมันวาวของโรงพยาบาล
เมื่อได้รับโทรศัพท์จากไอ้ฮุนที่โทรกลับมาหลังจากติดต่อไม่ได้ไปเกือบสองชั่วโมง
แต่ปลายสายที่ตอบกลับมานั้นกลับไม่ใช่เสียงของคนที่ผมต้องการจะได้ยิน
สมองของผมมึนเบลอไปหมด ไม่สามารถจับใจความได้เลยว่าคนในสายพูดอะไรบ้าง
และเขาเป็นใคร แต่ที่ผมรู้แน่ๆในตอนนี้คือ.. ไอ้ฮุนกำลังแย่
วิ่งมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินเพราะผมทนใจเย็นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
พอมาถึงก็เจอพี่คนที่ผมเคยเจอตอนที่ไปรับไอ้ฮุนที่บ้านไอ้เทาตอนที่มันไปกินเหล้า
อยู่กับใครคนหนึ่งที่ผมเองก็ไม่รู้จัก ในมือพี่เขาถือโทรศัพท์เครื่องคุ้นตาที่ดูเหมือนจะเป็นของไอ้ฮุน
ให้เดาว่าพี่เขาคงเป็นคนที่โทรมาหาผมก่อนหน้านี้ ผมรีบเดินเข้าไปหาในทันที
“อะ
เงินเพื่อนมึง “
ห่อกระดาษห่อใหญ่ถูกโยนใส่จนผมแทบจะรับมันไว้ไม่ทัน
พี่ไอ้เทาไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเปิดห่อดูก็แทบจะช็อคเมื่อเห็นเงินสดจำนวนมากอยู่ในนั้น
ประจวบเหมาะกับเรื่องที่พี่เขาเล่าให้ฟัง ใช่อย่างที่ผมคิดจริงๆ ไอ้ฮุนไปแข่งรถเถื่อนเพื่อเอาเงินมาช่วยไอ้ยอล
ทำไมมันถึงไม่ปรึกษาใครเลย หรือแม้แต่ผมที่สนิทกับมันที่สุด
ทำไมมันเลือกที่จะโกหกผม
ผมเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่พื้นข้างๆประตูอย่างหมดแรง
ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลย ผมเลือกจะเก็บมันไว้คนเดียว ไม่ได้บอกไอ้แบค ไอ้ยอล
หรือใครคนอื่น ไอ้แบคคงจะเพลียจนหลับไปแล้ว
ส่วนไอ้ยอลคงมีเรื่องให้เครียดมากพอแล้ว ผมก้มหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเอง ผมไม่น่าปล่อยไอ้ฮุนไว้เลย
ทั้งๆที่เพิ่งจะคุยโทรศัพท์กันไปแท้ๆ แม่งยังหลอกผมได้ลงคอ ทำไมทำแบบนี้วะ
“คนไข้เสียเลือดมากครับ
ทั้งสมองและร่างกายยังได้รับการกระทบกระเทือนอย่างสาหัส เป็นตาย50% แถมกระดูกยังแทงออกมา
ต้องต่อเอ็นและปลูกกระดูกใหม่ หมอไม่มั่นใจว่าจะรอดไหม “
รออยู่สามชาติแล้วพอออกมาก็พูดให้ผมฟังอย่างนั้น
ผมไม่รู้ว่าหมอเคยเรียนจิตวิทยามาไหมว่าแพทย์ที่มีจรรยาบรรณควรให้กำลังใจแก่ญาติของผู้ป่วย
จากที่ยืนฟังอยู่ก็แทบจะทรุดลงไปในทันที ไอเหี้ย มึงไปล้มท่าไหนวะ มึงไปชนท่าไหน
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ผมนั่งก้มหน้า กำมือที่ชื้นเหงื่อของตัวเองไว้แน่น
นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาตีสี่ครึ่งแล้ว
ความง่วงเริ่มกลืนกินเข้ามาจนแทบจะลืมตาต่อไปไม่ไหว แต่ผมจะไม่นอนจนกว่าผมจะได้ยินจากปากหมอว่าไอ้ฮุนรอดร้อยเปอร์เซ็นต์
จนกว่าผมจะได้เห็นกับตาตัวเองว่ามันไม่เป็นไร
ผมค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆอย่างใจเย็น
ตัวมันสั่นไปเองอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทำไมวะไอฮุน
กูทำอะไรกูก็นึกถึงมึง เป็นห่วงมึง แต่มึงทำกับกูแบบนี้หรอ
เออไค ..
กูชอบมึงว่ะ
นี่คือสิ่งที่มึงเลือกจะบอกกูใช่ปะวะ
มึงบอกกูเพราะมึงอยากจะบอก หรือมึงบอกกูเพราะคิดว่ามันเป็นโอกาสสสุดท้ายวะตอบกูทีดิ
แล้วที่ผ่านมามึงมัวอมอะไรอยู่ กูอยากรู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ไอ้ฮุน
กูไม่เคยเดาอารมณ์มึงได้เลยสักครั้ง
ตลอดเวลาผมคิดว่ามันชอบพี่ลู่หาน
ผมเห็นมันเป็นศัตรูมาโดยตลอด ทั้งๆที่มันอยู่เคียงข้างผมมาตลอดตั้งแต่แรก
เหมือนจะมีแต่ผมที่ทะเยอทะยานอยู่คนเดียว พยายามอยู่คนเดียว
ไม่ได้หันหลังไปมองมันเลยสักครั้ง ผมอยากรู้ว่าใจของมันทำด้วยอะไรวะ มันทนถึงขนาดนี้ได้ยังไง
มันเข้มแข็งขึ้นมากถึงขนาดนี้เลยหรอวะ ทำไมผมถึงไม่เคยรู้อะไรเลย
แต่ก่อนผมคิดว่ามันน่ารำคาญนะ
เป็นเด็กขี้แย อ่อนแอชิบหาย
แต่ไม่รู้ว่ะ
ตอนนี้ผมกลับกลายเป็นคนขี้แยและอ่อนแอแทนแล้วมั้ง
เพราะตอนนี้น้ำตาของผมกำลังไหลออกมาไม่หยุดเลย
..
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมง
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งที่ใกล้เข้ามาแล้วหยุดลงตรงหน้าผมนั้นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองทั้งน้ำตา
และแล้วคนที่ผมเห็นก็ทำให้ผมต้องร้องไห้ออกมาอีกครั้งด้วยความอ่อนแอ
เมื่อเช้ามืดผมโทรไปหาพี่ลู่หาน เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
ผมไม่รู้เลยว่าผมพูดอะไรออกไปบ้าง และผมฟูมฟายแค่ไหน แต่ตอนนั้นสติแทบไม่มีเหลือ
“ชู่ว ..
ไม่ต้องร้อง เชื่อพี่ เซฮุนจะไม่เป็นไร “
ไอ้แบคกับไอ้คริสที่มาพร้อมกับพี่ลู่หานรีบออกไปจากโรงพยาบาลทันทีที่ผมยื่นซองเงินให้ไอ้แบคไป
ดูเหมือนมันคงจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับผมเหมือนกัน ตามันแดงมากจนดูน่ากลัว สภาพก็ดูอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน
พี่ลู่หานนั่งยองๆลงให้ระดับความสูงเท่ากับผม
ใบหน้าสวยก้มลงมาพร้อมกับรอยยิ้มบางถึงแม้ในแววตาจะดูเป็นกังวล
มือเล็กเลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆอย่างปลอบโยน ผมได้แต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น
สองมือยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากตาที่บวมและแดงช้ำของตัวเองไม่หยุด ..
ผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้ฮุนแล้วผมจะทำยังไงต่อไปดี
“พี่
เรื่องที่ผม .. ที่ผมขอพี่คบวันนั้น ผมขอโทษ .. แต่ว่าผม ..“
ผมละล่ำละลักพูดออกไป
พยายามจะปรับน้ำเสียงของตัวเองให้เป็นปกติ แต่ก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ที่คอนั้นทำให้ผมไม่สามารถพูดออกไปได้อย่างใจนึก
ผมก้มหน้าลง ไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้นมองหรือสบตา มันอาจเป็นความรู้สึกผิด
ลำบากใจ เสียใจ ละอายใจหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ผมสับสนไปหมดเลย
“เออ
ไม่ต้องคิดมาก พี่ไม่ได้ตกลงคบกับเอ็งตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่หว่า “
“ที่ผมจีบพี่
ผมจริงจังนะ .. แต่ว่าผมสับสนมากเลยว่ะตอนนี้ ผมแม่งโคตรแย่เลย “
“มึงฟังพี่นะจงอิน
เค้าบอกกันมาว่า อย่าอยู่กับคนที่มึงอยากอยู่กับเค้า
แต่ให้อยู่กับคนที่มึงขาดเค้าไม่ได้ “
“... “
ผมเงยหน้าขึ้นมอง รู้ว่าพี่ลู่หานหมายถึงอะไร แต่ผมไม่เข้าใจมันเลย
“นี่พี่ไม่ได้แช่งไอฮุนมันนะ
แต่ถ้าเกิดวันนี้มันไม่รอด มึงคิดว่ามึงจะอยู่ได้ไหม “
“ผม .. “
“คิดดีๆจงอิน ถ้ามึงใช้สมองคิดไม่ได้
มึงก็ใช้ใจคิด “
ถ้าใช้สมองคิดไม่ได้
ก็ใช้ใจคิด อย่างนั้นหรอวะ ?
“มึงอาจจะสับสนตัวเองว่าตกลงจะเอายังไง
ลองเริ่มคิดจากอะไรที่มันง่ายๆ ความสุขของมึงอยู่ที่ใคร ก็คนนั้นแหละ “
ผมก้มหน้าลงแล้วคิดภาพตาม
ความสุขของผมคืออะไร?
แล้วความสุขของผมอยู่ที่ใครกันแน่วะ
ทุกครั้งที่ทำอะไร
ไม่ว่าจะทุกข์ หรือจะสุข ถึงแม้บางครั้งผมจะนึกถึงพี่ลู่หานบ้าง มันอาจจะมาจากจิตใต้สำนึกรึเปล่า
หรือผมคิดไปเองว่าผมคิดถึงไอ้ฮุนมันอยู่ตลอดเวลาเลย
อย่างน้อยก็ต้องมีเสี้ยวนึงที่มันแว้บเข้ามาในหัว
แต่แค่เห็นมันยิ้มผมก็ลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว
ใช่แล้ว ..
ความสุขของผมคือการได้เห็นรอยยิ้มของมัน
ผมมีความสุขเวลาที่มันยิ้ม
หรือหัวเราะ ไม่ว่าจะเพราะผมหรือเพราะใครก็ตาม
ผมมีความสุขเวลาที่เห็นมันปั้นหน้าบึ้งเวลาไม่พอใจ
ตอนเด็กๆมันมักจะทำแบบนี้ใส่ผมเสมอเลย
ผมมีความสุขเวลาที่มันงี่เง่าเอาแต่ใจกับผม
เพราะผมรู้ว่ามันไม่เคยทำแบบนี้ใส่ใคร
ผมมีความสุขเวลาที่ได้เถียงกับมัน
เล่นกับมัน เดินกลับบ้านด้วยกัน หรือพากันไปแดกของอร่อยๆ
ผมมีความสุขเพราะมัน
..เพราะไอ้ฮุนคือความสุขทุกอย่างของผม ..
“มึงคิดนานนะ
ไอ้ฮุนอาจจะตายห่าไปและก็ได้กว่ามึงจะได้ทันเดินเข้าไปบอกมัน “
“โหพี่ ไม่ตลกนะ
“
“กูก็ไม่ตลก
ถึงมึงจะคิดได้แล้วว่ามึงเลือกใคร แต่กูขอไม่เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้นนะ ขนลุก “พี่ลู่หานพูดติดตลก
ผมหัวเราะตาม
“พี่ทำไมเถื่อนจังวะ
หรือเถื่อนนานแล้วแล้วผมไม่รู้ “
“มึงก็ดูขนหน้าแข้งกับปลีน่องกูละกัน
เตะทีเดียวหลับยาวยันเข้าพรรษาอะ 5555 “
พี่ลู่หานยืนขึ้นแล้วถกกางเกงให้ดู
เข้าใจแล้วว่าทำไมฮาร์ดคอร์
ผมลุกขึ้นยืนตามแล้วกอดพี่เขาเข้าไปเต็มรักอย่างรู้สึกขอบคุณ
ขอบคุณที่ทำให้ผมได้รู้ใจตัวเองสักที
หลังจากที่ทางโรงพยาบาลแจ้งมาแล้วว่าไอ้ฮุนพ้นขีดอันตราย
ผมถึงยอมไปอาบน้ำและเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่พี่ลู่หานเอามาให้
ลงไปหาอะไรกินข้างล่างหลังจากไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันเต็ม ในช่วงเย็นที่ศูนย์อาหารของโรงพยาบาลนั้นไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก
ผมเลือกที่จะซื้อชาไข่มุกรสที่ไอ้ฮุนชอบติดมือไปด้วย ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสได้กินรึเปล่าก็ตาม
เดินขึ้นมาจนถึงหน้าห้องที่ไอ้ฮุนพักอยู่
พี่ลู่หานขอตัวไปรับโทรศัพท์
ทิ้งให้ผมยืนอยู่กับตัวเองที่หน้าห้องผู้ป่วยอย่างคิดไม่ตก ผมควรจะทำยังไงดี
ผมควรจะพูดอะไรออกไปดี
เปิดประตูเข้ามาก็แทบจะร้องไห้อีกรอบ
สภาพของไอ้ฮุนดูแย่มากๆ ที่ขาของมันมีเหล็กดามและเข้าเฝือกทับไว้อีกชั้น
ขาเรียวถูกพาดไว้กับผ้าผืนหนาและเหล็กค้ำมันไว้กับเตียง ที่คอมีเฝือกอ่อนและหมอนรองไว้อยู่
ใบหน้าใสเต็มไปด้วยรอยบาดจากเศษแก้ว ที่แขนก็เช่นเดียวกัน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยถลอก
มันสะบักสะบอมเสียจนผมไม่คิดว่าจะรอด
ไม่รู้ดิ ถ้าพระเจ้าเข้าข้างผม
บางทีมันอาจจะเป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้ไอ้ฮุนยังมีชีวิตรอด
พระองค์อาจจะเมตตา
ให้โอกาสผมแก้ตัวก็ได้มั้ง
“อ่าว มึงฟื้นแล้วหรอ
“
“กูตายยากกว่าที่มึงคิดละกัน
“
เดินเข้าไปที่เก้าอี้ข้างเตียง
ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรเสียงดังรบกวนมันเลยนะ
แต่ไอ้ฮุนมันลืมตาขึ้นแล้วหันมามองผมเฉยเลย แว้บแรกผมนึกว่ามันจะแบบ
ความจำเสื่อมจำผมไม่ได้ไรงี้น้ำเน่าเงาจันทร์บลาๆสุดๆไป แต่พอได้ยินประโยคที่มันสวนกลับมาก็ถึงบางอ้อ
สติมันยังอยู่ดีครบถ้วน แถมปากก็ยังดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ผมก็ได้แต่ยักไหล่พลางเกาคอแก้เก้อไปซะอย่างนั้น
ทำเหมือนมันรู้งั้นแหละว่าผมชอบมัน ทำไมผมตอแหลจัง ดูมีพิรุธสุดๆ
“มึงไม่แกล้งหลับซักหน่อยอ่อวะ
กูจะได้พูดได้อย่างไม่อายไง แล้วพอกูพูดจบมึงค่อยตื่นก็ได้นี่ “
“พูดอะไรวะ “
“พูดว่ากูชอบมึงไง
“
“หะ ? “
“เซฮุน กูชอบมึง
“
ผมก้มลงกระซิบที่ข้างหูมันเบาๆก่อนจะผละออกมาแล้วสบตามันเพื่อที่จะสื่อความรู้สึกทั้งหมดของผมที่มีต่อมันให้มันได้รู้
ม่านกลมใสกลอกกลิ้งไปมาอย่างหวั่นวิตก ให้ทายว่าตอนนี้มันจะต้องกำลังกริ้ดอยู่ในใจแน่ๆเลย
นี่ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่ดูหน้ามันดิ น่ารักน่าหยิกชิบหายเลย
“กูรู้ใจตัวเองแล้วนะ
กูไม่ใช่ไอ้ควายเผือกตัวเดิมของมึงอีกต่อไปแล้ว”
“อืม
มึงเป็นควายเผือกไม่ได้หรอก สีผิวมึงไม่ผ่าน “
“โอ้ยอิเหี้ย! แผลกู “
ผมเอาคืนคนปากดีด้วยการยื่นมือไปหยิกแก้มนิ่มๆนั่นเสียเต็มแรงแล้วจับยิดไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
ผมย่นจมูกตาม ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ ถ้าไม่ติดว่าแม่งเจ็บหนักละก็
ผมจะจับแม่งมาฟัดให้หนำใจเลย
“แล้วพี่ลู่หานล่ะวะ..
“
“พี่ลู่หาน ..
กูไม่รู้ว่ะ แต่ตอนนี้ทั้งหัวทั้งใจกูมีแต่มึงอยู่เต็มไปหมดเลย “
“!!!!!!!!!!!”
ไอ้ฮุนนิ่งไปสักพัก
เอ๋อแดกเลยสิมึง ดวงตากลมโตนั้นเบิกกว้างพร้อมกับกายบอบบางทีเกร็งจนตัวแข็งทื่อ
ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะถือวิสาสะโน้มหน้าลงไปกดจูบหนักๆที่ริมฝีปากอิ่มหนึ่งที
ไอ้ฮุนทำท่ากระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ
พยายามจะใช้ขาอีกข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกมาเตะผมให้ได้
“เฮ้ยๆๆๆ
มึงเจ็บหนักจริงปะเนี่ย นอนนิ่งๆสิวะ เดี๋ยวยิ่งเจ็บหรอก “
“ก็มึงอะ!! .. มึงอะ .. “
“กูทำไม “
ผมหัวเราะอย่างนึกขันในท่าทางน่ารักน่าหยิกเหมือนตุ้ดวัยแรกแย้มของมัน
โน้มหน้าลงไปหาจนปลายจมูกชนกันเพื่อเป็นการกลั่นแกล้ง ก่อนจะส่งยิ้มมุมปากที่คิดว่าหล่อที่สุดในโลกไปให้
ไอ้ฮุนได้แต่นอนเกร็งตัวแข็งทื่อเพราะใบหน้าหวานไม่สามารถจะหันหนีไปไหนได้
นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากจะแกล้งมันยิ่งขึ้นไปอีก
“ไหนบอกกูอีกที
เมื่อคืนในโทรศัพท์ บอกให้กูชื่นใจหน่อยได้ไหม “
“ไม่ “
“ไม่ได้เลยหรอ มึงดูดิ
ใจกูมันเรียกร้องหาแต่มึงนะ “
จับมือข้างที่ไม่ได้เจาะสายน้ำเกลือขึ้นมาทาบที่อกซ้ายของตัวเอง
มันเต้นรัวยามฝ่ามือขาวอันอบอุ่นเลื่อนสัมผัส ผมสบตามัน
ก่อนที่ไอ้ฮุนจะเป็นฝ่ายหลบตา เข้าใจว่าปากอย่างมันคงไม่ยอมพูดซ้ำสองหรอก
แต่ผมก็ยังอยากได้ยินนี่หว่า
“หืม ว่าไงไอฮุน
ถ้ามึงไม่บอกกูจูบมึงเดี๋ยวนี้เลยนะ ? “ผมบอก แค่ขู่ไม่พอ
โน้มหน้าลงไปจนริมฝีปากแตะกันเบาๆ ยังไงผมก็มีแต่ได้กับได้
“เออชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชอบ!!!!!!!ชอบไอสัดชอบ! “
คนตัวขาวหลับตาปี๋แล้วพูดออกมารัวๆจนแทบจะตะคอก
ผมหัวเราะ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบลงบนริมฝีปากสีสดในทันที
“ชอบเหมือนกันครับ
“
___________________________________________________________
จะจบแล้วมึง!!!!!!!!!!! ตรึ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มีคนขอกูเลื่อนโอนฟิคเยอะมาก กูเลยให้เลื่อนไปถึงวันอังคาร แต่ไม่ได้ประกาศอะ
กูว่าก็คงไม่มีละแหละ อืม ไม่มีไร ก็ใกล้ถึงตอนจบแล้ว
ขอบคุณที่คนที่ก้าวมาด้วยกันจนถึงตอนนี้ รักๆนะเว้ย เด้า
แอร๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบไคฮุนเศร้าไม่สุดเเงร๊
พี่ปาร์คเราเครียดเลยยยยย
อิพี่ปาร์คนี่มันนนนน
เเบคอย่าเมินปาร์คนะะ อร๊ากกก
สมหวังไปคู่นึงแล้วอ่า เลิฟฟิคนี้สุดๆ:)
ตอบลบซาบซึ้งในความรักของพวกมันมากจิงๆ
ตอบลบลุ้นแทบแย่ กว่าพวกนางจะแฮปปี้
ตอบลบ