วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ chapter 16

และแล้ววันสุดท้ายของการทำงานพิเศษที่ซกโซก็มาถึง วันนี้อากาศแจ่มใจครับ หิมะไม่ตกละ รู้สึกร้อนๆ เหมือนว่าเราจะกระแดะใส่เสื้อโค้ทต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ผมถอดเสื้อนอกออกแล้ววางพาดไว้กับราว วันนี้เป็นอีกวันที่ทำงานหนักมากๆ พวกผมสี่ห้าคนยกของเดินสวนกันไปมาแทบจะทั้งวัน หลังจะเดาะละไอสัด ยังดีที่พุงค้ำอยู่ อยู่นี่แดกเยอะมากครับ เพราะกินฟรี ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้เกรงใจพอสมควร กูเลยซัดเป็นหม้อนึงเหนาะๆ



เดี๋ยวเอาอันนี้ไปไว้ตรงนั้นเลยนะ 



คุณป้าใจดีบอก ด้วยความที่เก๊าท์คงแดกขาไปเรียบร้อยแล้วจึงได้แต่ยืนสั่งอยู่เฉยๆ ผมปาดเหงื่อแล้วหันไปให้สัญญาณกับไอ้ไค พี่ลู่หาน และไอ้ฮุนที่อยู่คนละมุมของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นยักษ์แล้วช่วยกันยกมันขึ้น ย้ายไปไว้ตรงมุมสุดของบ้าน



อิเหี้ย!!!!!!นิ้วกู นิ้วกู!!!!!!!!!!!!!!! แว้กกกกกกกกกกกก 



เฮ้ยเชี่ยไคยกๆๆ 



ในจังหวะที่วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเท่าควายลงพื้นนั่นเอง ไอ้ฮุนที่เป็นคนวางลงไปก่อนถึงกับว้ากออกมาดังลั่น เดือดร้อนพวกผมต้องช่วยกันยกขึ้นมาอีกรอบ คือแม่งหนักก็หนักอะกูเกร็งจนเหงือกระบมละ ถึงกับหน้าสั่น



แบค กูขอคุยไรด้วยหน่อยดิ 



และในจังหวะที่กำลังหามุมดีๆวางซึ่งจะไม่ทำให้ใครเจ็บตัวอยู่นั่นเอง ไอ้คริสแม่งมาจากไหนไม่รู้ ลากไอ้แบคที่กำลังเช็ดกระจกออกไปข้างนอกเฉย ผมมองตาม ไอ้คริสแม่งจับมือไอ้แบคด้วย งี้ยอมไม่ได้ละ กูปล่อยเลย



โอ้ยเหี้ยยยยยยยยยยยย!!!!!! เหี้ยยยยยยย ตีนกู ตีนกู!!!!!!!!!! 



ผมรีบวิ่งตามไปในทันที ไม่ได้สนใจว่าเสียงไอ้ฮุนจะร้องโหยหวนดังแค่ไหน แต่ที่ผมสนใจก็คือ ไอ้คริสจะคุยอะไรกับไอ้แบคต่างหาก ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้แม่งทำคะแนนน่าดูจนผมแทบตามไม่ทัน นี่ก็อาศัยความปัญญาอ่อนและความเนียนล้วนๆในการเข้าใกล้ไอ้แบค เพราะตอนนี้ไอ้คริสแม่งตามติดมันแจเลย



ไม่รู้ทำไมต้องลากไปไกลขนาดนั้น ผมพยายามวิ่งตามไปอย่างเงียบที่สุด ไม่แน่ใจว่าไอ้คริสแม่งอุ้มอิแบคแล้วพาวิ่งหนีผมรึเปล่า เพราะมันขาสั้นเกินกว่าจะเดินเร็วได้ขนาดนี้ กระพริบตาทีก็มาโผล่อยู่ตรงทะเลสาบที่วันนั้นผมมาหาไอ้แบคแล้ว



แกร๊บ .. 



เหยียบเข้าไปตรงพงหญ้า ผมซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้โง่ๆต้นหนึ่งในสวน รู้สึกเย็นตีนเหี้ยๆเพราะไม่ได้ใส่รองเท้าออกมา หิมะยังปกคลุมอยู่โดยรอบ ผมเลยต้องเหยียบลงไปบนรากต้นไม้อย่างช่วยไม่ได้ กูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมึงต้องเลือกฉากนี้ด้วย มันลำบากพระเอกอย่างกูมากเลย แถมแม่งก็คันด้วย ยังดีไม่มีมด แต่ที่เครียดตอนนี้คือหิมะจะกัดตีนกูมะเนี่ย เห็นอย่างงี้หนังตีนก็ไม่ได้หนาเท่าหนังหน้าน้า วันนั้นหินก็แทงตาปลากูไปทีนึงละ



ซิ้ด .. 



ครางซิ้ดออกมาอย่างรัญจวนใจด้วยความเสียวสยิวที่ฝ่าตีน บางทีตีนผมอาจจะติดกับพื้นไปละก็ดั้ย ไอ้คริสแม่งก็ไม่พูดสักที มัวแต่ยืนเอาฟันหน้าขนานพื้นอยู่นั่นแหละไอสัด กูเย็นตีนจะไม่ไหวแล้ว ทำไมต้องลีลาด้วยไม่เข้าใจ ผมย่ำเท้ากับพื้นสลับซ้ายขวาไปมา เกาะต้นไม้แน่นจนแทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวด้วยความหนาวเหน็บ หน้าเบี้ยวประหนึ่งโซระ อาโออิมาเอง



กูชอบมึง 



ในที่สุดอิตัวประกอบมันก็ยอมเปิดปากพูดออกมาสักที ผมเบ้ปากใส่มัน(แต่มันไม่เห็น) หน้ามันดูตึงๆแปลกๆ สงสัยเขิน ผมว่าไอ้คริสคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรั้งเงิงตัวเองไว้ไม่ให้ดีดไปฟาดหน้าไอ้แบค ก็เงี้ยแหละ ตอนประถมผมเคยเตือนมันแล้วให้ไปดัดฟันแม่งก็ไม่ฟัง เอาตังไปซื้อไพ่ยูกิมาเล่นหมด ซึ่งก็คือกูนิแหละที่บ้าเล่นกะมัน



แต่ช่างเห้อะ ศัตรูหัวใจก็คือศัตรู กูไม่สามารถคบคนลายมือเหี้ยๆเป็นเพื่อนได้จริงๆ (เพราะลายมือกูเหี้ยพอแล้ว) ศิลปะแม่งก็กากๆ ไม่สามผ่านเลยค่ะพี่ปาร์ครับไม่ได้จริงๆ คิดดูครับ ให้วาดหมากับเห็บ เชื่อปะแม่งวาดออกมาเหมือนกันเลย แถมวาดคนก็หน้าเหลี่ยมๆ ไอเหี้ยนี่ไม่มีจินตนาการเอาซะเลย ละเวลาครูให้ทำงานส่งแม่งก็เขี่ยเละๆใส่กระดาษมา โห้ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยกูนึกว่าพะแนงหมู



กูชอบมึงมากๆนะ มึง..@%&^*_# 



อ่านปากมันออกแค่ประโยคแรก ไอ้คริสแม่งทะเลาะกับเหงือกตัวเองอีกแล้ว ผมเลยไม่สามารถจะเดาได้จริงๆว่าแม่งพูดว่าอะไร แถมอยู่ไกลกูไม่ได้ยิน ไอ้คริสยื่นมือไปจับมือไอ้แบคมากุมไว้ วินาทีนี้ผมขึ้น อยากจะวิ่งเข้าไปแยกวงเดี๋ยวนี้ แต่ติดอยู่ที่ว่าตีนกูชาลามขึ้นมายันน่องเรียบร้อยแล้ว จึงได้แค่ต่อยต้นไม้(เบาๆ)อย่างเจ็บใจเพียงเท่านั้น



พยายามทำหูให้กางที่สุดเพื่อรับเสียงจากที่ไกล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ได้ยิน ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าไอ้แบคที่กำลังยืนหันหลังให้ผมอยู่นั้นพูดอะไรกับไอ้คริสบ้าง จนกระทั่งไอ้คริสค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบังแล้วคว้าตัวไอ้แบคเข้าไปกอด นั่นทำให้ใจผมหล่นลงไปกองอยู่ที่ตีนในทันที เหมือนก้อนเนื้อใต้อกซ้ายกระตุกวูบแล้วอันตรธานหายไป มันหายไปไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เลยว่ะ ทำไมอะ นี่กูอกหักแล้วอย่างนั้นใช่ไหม ?



สัดเด้ย 



ไม่มีการส่งจดหมายราชการมาเตือนล่วงหน้า อยู่ๆน้ำตาแม่งก็ไหลออกมา ผมเดินเขย่งตีน(ด้วยความเย็น) ออกไปจากตรงนั้น ผมไม่สามารถทนดูฉากเลิฟซีนที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ได้แล้ว แค่เห็นมันกอดกันกูก็อยากโทรฟ้องหม่ามี๊ซะเดี๋ยวนี้ ว่าแล้วก็ล้วงหาโทรศัพท์ในกางเกง แต่ไม่เจออะอืมช่างเห้อะสงสัยลืมไว้ในห้อง ไม่เป็นไร กูบิ้วเอง ร้องเองก็ด้ะ แกรมมี่อย่าลืมมาติดต่อกูไปเป็นพระเอกเอ็มวีนะ ตอนนี้กูพร้อม ขอแค่กล้องพร้อม ไฟพร้อม ฉากพร้อม น้ำตากูไหลเลย



เงยหน้าขึ้นอีกทีก็มาโผล่ไหนแล้วก็ไม่รู้ น้ำตาแม่งคลอจนมองอะไรไม่เห็นเลย ผมเดินตรงเข้าไปในสถานที่หนึ่งซึ่งให้ความรู้สึกค่อนข้างจะอุ่น บางทีผมเองอาจจะต้องการความอบอุ่นก็ได้มั้ง พอเช็ดน้ำตาออกไปถึงได้รู้ว่ามันเป็นโรงอาบน้ำที่เป็นน้ำพุร้อนสำหรับนักท่องเที่ยวของรีสอร์ทที่ไอ้พวกนั้นมาอาบน้ำตอนเครื่องทำน้ำอุ่นเสียนั่นเอง ไม่รอช้า ผมรีบเดินเข้าไปเลย



ข้างในไม่มีใครสักคน อาจจะเป็นเพราะว่าหมดช่วงหน้าเทศกาลแล้ว ทุกคนก็เลยกลับกันหมด เหลือแขกอยู่ไม่กี่ห้องเท่าที่ผมเช็คดูที่เคาท์เตอร์เมื่อเช้า ผมเดินผ่านผ้าม่านสีเหลืองแดงที่เป็นสองแฉกเข้าไป ไอความร้อนที่โอบล้อมรอบตัวผมนั้นทำให้รู้สึกดีขึ้นเยอะ ผมปาดน้ำตาทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แม่งก็ยังไม่หมดสักที ไม่รู้ทำไมผมถึงเสียใจ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน



ไอ้แบคกับไอ้คริสคงคบกันละมั้ง ผมน่าจะกล้ากว่านี้ บางทีผมน่าจะบอกไอ้แบคให้เร็วกว่านี้ ทำไมผมแม่งกากงี้วะ ถึงไอ้แบคจะไม่เอา แต่อย่างน้อยก็ถือว่าผมยังได้บอก แต่นี่กูยังไม่ทันได้บอกเลยมึงก็ตัดหน้ากูไปแล้วอะ มันเป็นความผิดของผมเองอะที่ชะล่าใจ แต่มึงจะมาตัดหน้ากูงี้ก็ไม่ถูกอะ กูเจอมันก่อนมึงอีกนะ กูรักมันก่อนมึงอีก กูรักมันตั้งแต่กูยังเป็นวุ้นอยู่ในท้องแม่แล้วด้วย



ตู้ม!!! 



ถอยหลังไปสักสองก้าวแล้ววิ่งโดดลงไปในบ่อน้ำพุร้อนในทันทีจนมวลน้ำกระจายออกเป็นวงกว้าง นี่ถ้าไม่สังเกตดีๆอาจจะนึกว่านักกีฬาทีมชาติมาเอง ผมไม่รู้หรอกว่าคนอกหักเค้าทำยังไงกัน เท่าที่เห็นในหนังแม่งก็มักจะเข้าห้องน้ำไปร้องไห้ใต้ฝักบัวแบบไม่ถอดเสื้อผ้าสักชิ้น แต่ที่นี่มันไม่มีฝักบัวละจะให้กูทำยังไง



อั้ก! 



โดดลงมาแล้วกูก็นึกว่าน้ำมันจะลึก ผมกลั้นหายใจเต็มที่ประหนึ่งไปดำน้ำดูปะการังที่ทะเลเมดิเตอเรเนียน แต่ที่ไหนได้น้ำแม่งเสมอไข่กูเลย จุกเต็มๆอะแรงน้ำแม่งอัดไข่เต็มๆจนกูนึกว่าจะเป็นหมันซะแล้ว แต่คงไม่หรอก ของผมก็แข็งแรงพอสมควร ยังดีไม่โดดไกลไปกว่านี้อีกหน่อย ไม่งั้นเลยบ่อครับ คราวนี้ได้ตายของจริง นอกจากจะเสียจู๋แล้วยังเสียชีวิตด้วย มันไม่คุ้มเลยจริงๆ



จนกระทั่งน้ำอุ่นๆช่วยให้ผ่อนคลายลงบ้างแล้วถึงเรียกสติผมกลับมา กูเกือบเอาหัวโขกสระฆ่าตัวตายไปแล้วปะละ แค่คิดเรื่องไอ้แบคน้ำตาผมก็ไหลลงมาอีกรอบและ คนเหี้ยอะไร มีอิทธิพลกับใจผมมากจริงๆ ตอนนี้ผมขอทบทวนอะไรกับตัวเองสักหน่อยละกัน แหม่ กูน่าจะเอาไข่มาด้วย ต้มแดกอร่อยเลย น้ำร้อนๆงี้มันใช่ แต่ช่างเห้อะ อกหักแล้วก็เป็นเงี้ยครับปล่อยกูไปเหอะ เดี๋ยวก็หาย







Baekhyun part


หลังจากที่เดินกลับเข้ามาในบ้านพัก ผมถือขวดน้ำไปให้พี่ลู่หานที่กำลังยกลังเป็นไอ้หนุ่มจับกังอยู่คนเดียว ส่วนไอ้ไคกับไอ้ฮุนแม่งลงไปนอนตายอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว ไอ้ยอลก็ไม่อยู่ สงสัยจะไปเข้าห้องน้ำมั้ง พี่ลู่หานรับขวดน้ำไปจากผมแล้วยิ้มให้ ส่งมือสากมาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู พี่ลู่เป็นคนน่ารักครับ ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ไอ้คริสจะชอบพี่ลู่หานมากขนาดนี้



ขอบคุณครับน้องแบค 



ผมยิ้มรับแล้วนั่งลงข้างๆพี่เขา บางทีก็ตกใจ เพราะพี่ลู่หานมักจะอารมณ์ขึ้นๆลงๆครับ บางทีก็กูมึง แต่บางทีก็เรียกผมน้องแบคอย่างที่เห็น ผมแอบสังเกตท่าทางเขาอยู่ตลอดเวลา พี่ลู่นั่งอ้าขาออกโคตรกว้าง ใช้สองแขนเท้าหน้าขาตัวเองไว้แล้วโน้มตัวลง ยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อตัวเองอย่างลวกๆ เผยให้เห็นกล้ามท้องเป็นลอนสวย จนตอนนี้ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าพี่ลู่หานเคะมันจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ ผมว่าไอ้คริสแดกแห้วชัวร์ครับ



กูชอบมึงจริงๆนะ มึงเป็นเพื่อนที่น่ารักมากๆเลยว่ะ กูรู้สึกผิดต่อมึง กูชอบพี่ลู่หาน แต่กูจีบเค้ามาเป็นปีๆละก็ไม่ติดกูเลยมาจีบมึงเนี้ยะ แต่พอกูเจอเค้าอีกกูก็รู้ว่ากูยังชอบเค้าอยู่เลยว่ะ กูขอโทษ มึงไม่โกรธกูนะ ?  ‘



เออๆ ไม่โกรธๆ .. โอ้ยเชี่ย อ่อก ..อย่ากอดแน่นสิวะ ฟันหน้ามึงจะเฉาะหัวกูอยู่ละเนี่ย



นึกถึงคำพูดของมันละก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจีบไม่ติด แทบจะขำฟันระเบิดให้กับความน่ารักมุ้งมิ้งของไอ้คริสมัน เทียบกับพี่ลู่หานแล้ว ไอ้คริสดูเคะกว่าพี่เขาเยอะ แถมแม่งก็กากๆ ตัวก็ผอมแห้ง นี่ถ้าไม่เล่นฮับคิโดมันคงจะสู้แรงพี่เขาไม่ได้แน่ๆ ที่พอจะมีก็คงจะมีแต่ใจ และส่วนสูงที่มากกว่าเท่านั้นเอง



สั้ด! กูเจ็บ!! 



เสียงสบถด่าของไอ้ฮุนที่ดังขึ้นตรงห้องล็อบบี้เรียกความสนใจไปจากผมและพี่ลู่หาน ไอ้สองคนนั้นกำลังนั่งทำแผลกันอยู่ตรงโซฟา ข้างตัวมีกล่องพยาบาลวางอยู่ ไม่รู้ว่าแม่งไปทำกันอิท่าไหนถึงได้แผลมา พี่ลู่หานได้ยินก็ลุกไปดู ผมเดินตาม



พวกมึงตีกันทำไมเนี่ย 



ก็ดูแม่งทำแผลให้ดิผมเจ็บอะ พี่ลู่มาทำแผลให้ผมเหอะ ขืนให้อิเหี้ยนี่ทำนิ้วได้หลุดพอดี



ไอ้ฮุนกระชากมือตัวเองออกมาจากมือไอ้ไคแล้วยื่นไปหาพี่ลู่หานแทน แต่ก็ต้องหันไปจิ๊ปากใส่อย่างไม่พอใจเพราะมือเรียวนั้นโดนดึงกลับไปอีกรอบ มือหนากำรอบข้อมือขาวไว้แน่นแล้วค่อยๆบรรจงใช้สำลีเช็ดบริเวณรอบแผลเบาๆอย่างใจเย็น ผมอมยิ้ม รู้ว่ามันเป็นห่วงไอ้ฮุนแต่ไม่พูด



มึงจะให้พี่ลู่ทำทำไม กูทำเอง เดี๋ยวเลือดมึงไปโดนเค้า พี่ลู่หานเป็นเอดส์จะว่ายังไง 



ไปทำยังไงให้เล็บแตกวะเนี่ยหืม 



ก็ไอเชี่ยยอลอะ ยกตู้กันอยู่ดีๆแม่งปล่อยละวิ่งไปเลย ไอห่า เจ็บ 



ไอ้ฮุนบ่นกระปอดกระแปดพลางเชิดหน้าเบ้ปากเหมือนเด็กๆ จะว่าไปแล้วก็นึกถึงตอนห้าขวบ อินี่ปัญญาอ่อนมากๆครับ ตอนแรกผมก็นึกว่ามันจะเป็นตุ้ดและ แต่ตอนนี้ก็เหมือนอยู่



ปะแบค ออกไปซื้อของกัน 



ผมหันกลับไปหาต้นเสียง ไอ้คริสที่ถูกคุณป้าใจดีเรียกไปตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาถือกระดาษแผ่นเล็กๆที่บรรจุรายการของที่ต้องซื้อในวันนี้พร้อมกับกุญแจรถกำลังเดินมาทางนี้ ผมส่ายหน้า



ไม่อยากไปอะข้างนอกแม่งหนาว มึงให้พี่ลู่หานไปเป็นเพื่อนละกัน 



สวมบทเป็นกามเทพ(กามเทพจริงๆครับ ไม่ใช่กาม-เทพ เหมือนไอ้ชานยอลมันนะ) ถือวิสาสะผลักไหล่คนตัวสูงกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆให้เข้าไปหาไอ้คริส แต่เหมือนผมจะผลักแรงไปหน่อย พี่ลู่หานเซกระเด็นไปติดไอ้คริสในทันที ยังดีที่มันรับไว้ทัน ไม่งั้นพี่เขาคงหน้าทิ่มไปและ ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ปั้นหน้าน่ารักน่าเอ็นดูกลับไปเพียงเท่านั้น ไม่งั้นผมอาจจะโดนแข้งพี่แกฟาดประหนึ่งลูกบอลในสนามหญ้า แค่ขนหน้าแข้งกูก็ว่าเจ็บละแหละ คิดดูครับยืนใกล้ๆนี่ไม่ได้เลย ขนพี่แกแทงจนขาพรุนอะครับ แหม่ ไม่ธรรมด้า



เฮ้ย ไปด้วย “ ไอ้ไคเมื่อเห็นพี่ลู่หานไปก็เกิดอยากจะไปบ้าง มือขาวที่วางอยู่บนตักในตอนแรกก็ถูกปล่อยทิ้งในทันที



กูไปด้วย “ ไอ้ฮุนลุกตาม เห็นมันแอบเบ้หน้านิดๆด้วยความเจ็บเพราะมือหล่นไปกระแทกกับโต๊ะ



มึงไปไม่ได้ เจียมสังขารตัวเองหน่อย



ผลักหน้าเพื่อนสนิทให้นั่งลงอย่างเดิม ก้มลงมองที่ตีนไอ้ฮุนก็แทบจะช็อค เมื่อเห็นรอยเขียวๆม่วงๆเป็นจ้ำๆเนื่องจากโดนตู้ทับ น่าแปลกที่แม่งไม่ร้องสักแอะ ไอ้ฮุนเงยหน้าขึ้นมองไอ้ไคแล้วชักสีหน้าใส่



อย่าดื้อ เดี๋ยวกูซื้อขนมมาฝาก ไปและ 



ส่งมือมายีหัวไอ้ฮุนอีกรอบก่อนจะเลื่อนลงมาที่พวงแก้มนิ่มแล้วหยิกมันเบาๆอย่างมันเขี้ยว ยิ้มมุมปากอย่างมั่นหน้านิดๆเหมือนคิดว่าตัวเองหล่อที่สุดในโลก ตวัดแขนโอบไหล่พี่ลู่หานแล้วหมุนตัวเดินออกไป ผมถอนหายใจ เหนื่อยใจจริ้ง หน้าบ้านๆตัวดำๆอย่างกะกรรมกรนิ ควรจะเจียมบ้างนะมึงอะ เห้อ หล่อล่ะเพลีย



เป็นอะไรปะวะ 



ผมทิ้งตัวนั่งลงที่ว่างตรงโซฟาข้างๆไอ้ฮุน เห็นแม่งถอนหายใจละรู้สึกแย่ไปด้วย ไอ้ฮุนไม่ตอบ เอาแต่ขมวดคิ้วทำหน้าพ่อตายอยู่อย่างนั้น



ชอบมันมึงก็บอกมัน 



มึงรู้หรอวะ ? “ ดูเหมือนประโยคที่ผมพูดออกไปจะสะกิดจุดได้ตรงเป๊ะ ไอ้ฮุนหันกลับมาในทันที



ดูไม่ออกก็ควายและ เอามือมานี่ เดี๋ยวกูทำแผลให้ใหม่



มือขาวส่งมาวางบนตักผมอย่างว่าง่าย ผมจัดการรื้อผ้าพันแผลที่ไอ้ไคทำค้างไว้ลวกๆออกแล้วทำใหม่หมด ไอ้ไคแม่งก็นะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าตกลงมันยังไง คนที่อยู่ข้างๆมึงมาตลอดเสือกไม่สนใจ เดี๋ยวรู้เลย เดี๋ยวสักวันมึงก็รู้



อย่าร้อง ถ้ามึงร้องกูจะเอาแง่งโซฟาหนีบนิ้วมึง 



เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นแม่งนั่งนิ่งบิ้วท์ตัวเองเป็นพระเอกมิวสิควีดิโอเรียบร้อยแล้ว ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบมันยังไง ก็เลยขู่แม่งไปขำๆ ไอ้ฮุนหันมาหัวเราะใส่ผม แต่ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ใจของผมกระตุกวูบ เพียงม่านใสที่หยีลงจากการฉีกยิ้มนั้นทำให้น้ำใสที่เอ่อคลอในตอนแรกไหลลงมาในทันที



ไอห่า กูบอกว่าอย่าร้อง 



ตบหัวมันทีนึงแล้วรีบคว้าตัวแม่งเข้ามากอด เห็นมันร้องไห้แล้วภาพเซฮุนตอนห้าขวบก็ฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้ฮุนมักจะขี้แยและร้องไห้เพราะไอ้เชี่ยไคบ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังอยากเล่นกับไอ้ไค แม่งติดไอ้ไคมากๆจนผมเองก็แปลกใจ และไม่ว่าจะเพราะอะไร ถ้าเป็นไอ้ไคปลอบมันก็จะหยุดร้องทุกครั้งเลย



=_= 



สะอื้นหนักจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัวแต่ก็ไม่มีเสียงร้องออกมาสักแอะ ผิดจากตอนเด็กๆลิบลับ ไอ้ฮุนซบหน้าอยู่กับไหล่ของผมพลางกอดเอวผมเอาไว้แน่น ผมรู้สึกได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลเปียกลงไปยันร่องนม ได้แต่กอดปลอบมันแล้วลูบหลังเบาๆอย่างไม่รู้จะทำยังไง แต่ที่รู้ๆ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มันเข้มแข็งขึ้นมากจริงๆ



มันไม่เอากู มันไม่ได้ชอบกู กูไม่ได้เป็นตุ้ดนะ ..



เออรู้ “ ถึงมึงจะเหมือนก็เหอะ =_=



กูเป็นผู้ชาย กูเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆที่ชอบผู้หญิง .. แต่กูยอมเป็นได้ทุกอย่างเพื่อมัน 



นั่งฟังไอ้ฮุนพูดไปเรื่อยๆ เสียงที่ยังไม่แตกหนุ่มพูดอู้อี้อยู่ข้างหู ประโยคหลังที่ถูกกลั่นออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆนั้นทำให้ผมน้ำตาคลอ ผมเขยิบเข้าไปใกล้อีกแล้วเลื่อนมือขึ้นไปลูบหัวมันเบาๆอย่างที่ไอ้ไคเคยทำ คนในอ้อมกอดสะอื้นไห้หนักจนผมต้องกอดมันแน่นขึ้นอีก น่าสงสารจับใจ






จนกระทั่งฟ้ามืดลง รถกระบะคันเก่าเลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านพักพร้อมกับไอ้ไคและพี่ลู่หานที่ช่วยกันขนของลงมาจากรถ โดยที่ไอ้คริสเอารถไปจอดที่โรงรถตามเดิม จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นหัวไอ้ชานยอลโผล่เลย ผมเดินตามไอ้สองคนนั้นเข้าไปในครัว บนโต๊ะเต็มไปด้วยของกินเยอะแยะเป็นพิเศษเนื่องจากวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของพวกเรา คุณป้าเลยให้ซื้อของมาเลี้ยงพวกเราเป็นการส่งท้าย ผมรีบวิ่งไปเกาะโต๊ะ รื้อขนมในถุงออกมากองไว้ข้างนอก มีแต่ของชอบทั้งนั้นเลย


“อันนั้นของไอ้ฮุนมัน “


ทุกอย่างที่ผมหยิบขึ้นมาจะแกะแดกก็มีเสียงไอ้ไคที่ยืนย่างหมูอยู่หลังครัวแทรกขึ้นมาทุกครั้ง จนบางทีผมก็งงแล้วว่ามีอันไหนบ้างที่กูกินได้ แต่เหมือนจะไม่มีเลย สรุปไม่ได้ซื้อมาฝากกูก็บอกสิไอสัด ให้กูรื้อเพื่อ ? จะมาให้ความหวังกันทำไม ผิดหวังว่ะ โอ้ยหิว


มองตามไอ้ฮุนที่โดนพี่ลู่หานเรียกเข้าไปในครัว มันคงไม่อยากจะอยู่กับคนใจร้ายและตัวดำสักเท่าไหร่ และด้วยความที่ผมเป็นคนหล่อและจิตใจดี กูอาสาไปอยู่เป็นเพื่อนอิเงาะป่าที่หลังครัวเองก็ได้ กลัวแม่งเหงา ไง ผมใจดีใช่ปะละ แหม่ ไม่ต้องชม


“แค่ก! “


ควันโขมงประหนึ่งเกิดคดีวางเพลิงที่ซานติก้าผับ นี่ถ้าไม่รู้เรื่องกูคงนึกว่าไฟไหม้ ผมสำลักจนต้องไอโขลกออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ท่ามกลางกลุ่มควันหนาแน่น มีผู้ชายตัวเล็กๆและหน้าตาดีสองคนกำยืนล้อมเตาย่างเนื้อ ในมือถืออาวุธคู่กายคือที่คีบเหล็กกากๆหนึ่งอัน ไม่เข้าใจว่าที่คีบแม่งจะสั้นไปไหน ไอสัด กูร้อน



“ไอห่า ถ้าปิ้งหมูมันจะลำบากขนาดนี้ ถ้ากูไม่ได้แดกเยอะที่สุดนะ อย่ามาเรียกกูว่าจงอิน “



ผมพลิกเนื้อแล้วมองผ่านกลุ่มควันไปยังเหง้าหน้าดำๆของไอ้ไคที่กำลังบ่นอยู่ หน้าแม่งก็ดำๆมึนๆ แทบจะแยกไม่ออกว่าอันไหนควันอันไหนหน้ามัน ไม่รู้จะบ่นเหี้ยอะไรนักหนา จะว่าไปแล้วก็อิ่ม แอบจกแดกไปหลายชิ้นละเหมือนกันครับ เป็นแผนกย่างเนื้อนี่ ถึงมันจะเหนื่อยแต่ก็คุ้ม



จนในที่สุดเนื้อย่างหอมฉุยเกือบสามกิโลก็พร้อมแดก ผมยกถาดเข้าไปไว้ตรงโต๊ะแบบนั่งพื้นที่เราล้อมวงกินข้าวกันอยู่ทุกวัน ทั้งไอ้คริสและพี่ลู่หานมาช่วยกันยกของมาวางไว้บนโต๊ะ ทั้งเครื่องดื่ม เหล้า เบียร์ ยาคูลท์ น้ำแข็งมีหมด จะขาดก็แต่ไอ้ชานยอลที่หายหัวไปตั้งแต่เมื่อบ่ายนั่นแหละ ไม่รู้แม่งไปไหนของมัน


“บอกกูดิร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรมึง “


เสียงไอ้ไคดังมาจากในครัว ผมหันกลับไปก็พบว่ามันกำลังเดินตามไอ้ฮุนเข้ามาในห้อง ไอ้ฮุนเดินก้มหน้าก้มตาไม่ตอบอะไร ขยี้ตาแดงๆของตัวเองแล้วเดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับผม น้ำตามันไหลอยู่ตลอดเวลาเลย


“เป็นไรทำไมไม่บอกวะ “


“ไม่ได้เป็นอะไร “

ไอ้ฮุนไม่ได้หันไปตอบ เพียงแต่นั่งก้มหน้าเช็ดน้ำตาอยู่อย่างนั้น จมูกรั้นเชิดขึ้นสูดน้ำมูกเบาๆ ผมหันไปมองหน้ากับพี่ลู่หาน เริ่มรู้สึกใจไม่ดี ไอ้ไคจับแขนไอ้ฮุนไว้แล้วดึงกระชากเข้าไปหาอย่างแรงจนร่างไอ้ฮุนแทบปลิว ก่อนจะจับหน้ามันให้เงยขึ้นแล้วจ้องกลับไปอย่างต้องการคำตอบ ผมว่าในครัวเมื่อกี้แม่งต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ


“ตอบกูดิ เป็นอะไร ใครทำอะไรมึง“


“คือมึงอย่าโวยวายได้ปะไอสัด กูหั่นหอมมา ไอห่า!


โดนผลักหน้าจนหงาย สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของไอ้ไคในตอนแรกนั้นเปลี่ยนกลับแทบไม่ทัน ผมหลุดก๊าก เห็นจานหอมที่พี่ลู่หานยกมากินแกล้มกับเนื้อย่างแล้วยิ่งขำฟันแทบร่วง แต่เสียงหัวเราะของทุกคนก็ต้องหยุดลงเท่านั้นเมื่อเห็นผู้มาใหม่เดินผ่านโต๊ะไปช้าๆราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง


“ไอ้เชี่ยยอล มึงไปทำอะไรมาเนี่ย “


ผมรีบลุกไปหามันทันทีที่เห็น ไอ้ยอลเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำที่เจิ่งนองไปทั่ว ทั้งเนื้อตัวและเสื้อผ้าของมันเปียกชุ่ม ผมจับแขนเปื่อยๆของมันแล้วเขย่าเพื่อเรียกความสนใจ แต่เหมือนใบหน้าเลื่อนลอยนั้นจะไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่นิดเดียว


“กู ..ยินดีกะมึงด้วยนะ “ ม่านกลมเลื่อนกลับลงมาหาผมช้าๆ ขยับปากเหมือนคนไร้อารมณ์สุดๆ


“ยินดีอะไร “


“กูไม่แน่ใจว่าไอ้คริสเป็นเอดส์รึเปล่า แต่ทำอะไรอะใส่ถุงยางด้วยนะ กูเป็นห่วงมึงนะ“


ฝ่ามือหนายกขึ้นบีบไหล่ผมเบาๆแล้วเดินเหมือนคนสติหลุดออกไปทางห้องพัก ผมได้แต่ยืนมองแม่งงงๆ หันกลับไปที่โต๊ะ ทุกคนที่นั่งอยู่แม่งเหลือกตาอ้าปากค้างงงเป็นไก่ตาแตกกับเป็นแถบๆ จะถามใครก็ไม่ได้ ณ จุดนี้คงไม่มีใครสามารถเข้าถึงอารมณ์ติสท์ของมันได้จริงๆ



“เหยคิดมาก มันอาจจะเพิ่งดูการ์ตูนมามั้ง“


ไอ้ไคพูดออกมาท่ามกลางความเงียบและงุนงง ผมก็ได้แต่หันไปพยักหน้ากะมันแล้วกลับไปนั่งล้อมโต๊ะเหมือนเดิม ลงมือสวาปามเนื้อย่างที่เพียรปิ้งมาตั้งแต่เมื่อตอนหัวค่ำด้วยความหิวโหย




Chanyeol part


เหมือนวิญญาณหลุดออกไปจากร่าง ..


หลุดหายไปพร้อมกับหัวใจและพวงไข่ ผมหันไปเปิดก๊อกแล้วเดินไปใต้ฝักบัวแบบในเอ็มวีอย่างที่ตั้งใจไว้ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่พื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง ร้องไห้ออกมาอย่างไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ตาบวมประหนึ่งกบสู้ชีวิตที่ว่ายทวนมหาสมุทรแปซิฟิกมาวางไข่ที่พัทยาในช่วงฤดูฝน ผมพิงกำแพงก่อนจะถอนหายใจยาว แค่นึกถึงหน้ามันที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงผมเมื่อกี้น้ำตาก็ไหลไม่หยุด



เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ผมร้องไห้งอแงเหมือนเด็กสามขวบที่ไปตลาดแล้วแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นให้ ร่างของผมสั่นเทาประหนึ่งไวเบรเตอร์ชั้นเยี่ยมที่เห็นในหนังเอวี ผมชันเข่าขึ้น กอดตัวเองเอาไว้ด้วยความหนาวเหน็บ ไม่เข้าใจว่ากูจะเปิดน้ำทิ้งไว้ทำไม แต่บางทีอะไรๆมันก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน


“แกร๊ก.. “


เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกความสนใจของผมให้เงยหน้าขึ้นไปดู แต่สายน้ำที่หลั่งรดลงมา บวกกับน้ำตาที่เอ่อคลออยู่นั้นทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามันเป็นใคร บุคคลปริศนาย่างสามขุมเข้ามาอย่างเร็ว ก่อนจะเงื้อมือขึ้นแล้วตวัดลงมาสุดแรง ผมก้มหัว หลับตาปี๋


“เปิดน้ำทิ้งไว้ทำเตี่ยไร มันเปลืองน้ำ!


อ่าว ..


จนกระทั่งน้ำจากฝักบัวถูกปิด ร่างของบุคคลปริศนาจึงปรากฏ เป็นไอ้คริส ศัตรูหัวใจของผมนั่นเองที่กำลังยืนกอดอกจ้องหน้าผมอยู่ ผมแค่นหัวเราะอย่างสมเพชตัวเองพลางเงยหน้าขึ้นแล้วเหลือกตาใส่มัน ถึงขนาดมาหยามกูถึงที่


“ไอ้แบคให้กูมาตาม “


มันพูด ข่วนใจผมเป็นแผลลึกๆอีกหนึ่งแผล รักกันมากเลยสิมึง ถึงขนาดมาตามกูเองไม่ได้ ต้องให้แฟนมึงมาข่มกูถึงที่เลยหรอวะ แค่นี้กูยังเจ็บไม่พอใช่ไหม


“กูแพ้ละ กูยอม “


“ยอมเหี้ยไร มึงร้องไห้ทำแมะ “


ไอ้คริสถามแล้วย่อตัวลงให้เท่ากับผม ก่อนที่มือกร้านๆของมันจะยื่นมาแตะไหล่ของผมเบาๆ ผมรีบปัดมันออก แล้วก้มหน้าลงกับเข่าของตัวเอง ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน รู้สึกสมเพชตัวเองสุดๆ


“ร้องไห้ทำไมไอยอล “


“พ่อตาย“


“พ่อมึงตายนานแล้ว “


ถึงกับหน้าสั่นด้วยแรงปะทะจากฝ่ามือหนาบนกะโหลกศรีษะ ไอ้คริสตบหัวผมอย่างแรงจนเจ็บ ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปด่าพ่อมันสักสองประโยค แต่ก็ต้องอ้าปากค้างไว้เพียงเท่านั้นเมื่อมือข้างที่ตบหัวผมเมื่อกี้ถูกใช้มันเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยีหัวผมจนยุ่งฟู


“ชู่ว .. ไม่ต้องร้อง “


“...“


“มึงฟังอะไรนี่ “


ไอ้คริสล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาจิ้มอะไรอยู่พักหนึ่งแล้วยื่นมาหาผม ผมหรี่ตาลงอย่างตั้งใจฟังเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของไอ้แบคดังแว่วออกมาจากลำโพง



มึงบอกมันที ไอควาย .. กูอ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไงละ อ่อก! ..ชอบกูก็ทำอะไรสักอย่างสิวะ ยืนนน..โง่เป็นควายเอ๋ออยู่ได้ หรือมึงมีหัวไว้คั่นหูกางๆของมึงอย่างเดียวเลย.. อีกไม่ถึงปีกูก็ไม่อยู่ อึ้ก .. แล้ว กู เอื้อก! .. จะไม่รอมึงแล้วนะ ไอ้ไคมึงเอาเหล้ามา น้ำแข็งมา .. เตี้ยมึงพอเหอะไอห่าเมาแล้ว .. ไอเหี้ยใครชงเพียวให้มันวะเดี๋ยวก็ช็อคหรอก ..ไอ้คริสมึง! .. ครืด .. แคร่กๆ 



จับใจความไม่ค่อยได้เพราะเสียงแม่งตีกันมั่วไปหมด แถมเสียงไอ้แบคก็ฟังแทบไม่รู้เรื่องเพราะมันบ่นห่าไรไม่รู้งุ้งงิ้งๆอยู่ในลำคอ ยังไม่ทันจะรู้เรื่องเท่าไหร่โทรคลิปเสียงนั้นก็จบลง ผมเงยหน้ามองไอ้คริสทั้งน้ำตาด้วยความไม่เข้าใจ ไอ้คริสยิ้มให้ผม



“มันหมายถึงมึง “







“คร่อก .. “


สภาพทุกคนหลังจากกลับมาจากก๊งเหล้านั้นเละเทะเกินกว่าจะเรียกได้ว่ามนุษย์ ผมสะลึมสะลือลุกขึ้นไปเยี่ยวเหมือนปกติทุกคืน กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งจนปวดหัวเพราะไม่มีใครคิดจะอาบน้ำ ผมเบ้หน้า รู้สึกดีที่ไม่ได้แดกเหล้า เอาจริงๆผมยังไม่เคยกินเลยด้วยซ้ำ เพื่อนแม่งก็ล้ออยู่นั่นแหละ แค่ได้กลิ่นกูก็หน้าเบี้ยวแล้ว ต่างจากไอ้แบคที่คอแข็งที่สุดในกลุ่ม และถึงผมจะสู้ไม่ได้ .. แต่ยังไงอย่างอื่นผมก็แข็งกว่ามัน


เดินข้ามไอ้ไคที่นอนขวางประตูห้องน้ำอยู่ เกือบสะดุดเพราะมองไม่เห็น ความดำมืดปกคลุมอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ ผมหลับตายืนฉี่อย่างสุขุมและเยือกเย็น แต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูจากข้างนอก


หยิบผ้านวมมาห่อตัวแล้วเดินไปตามทางเดินมืดๆในยามดึกสงัดด้วยความกลัว เดินตามใครคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นไอ้แบคออกไปข้างนอกตัวบ้าน เพียงแค่เปิดประตูออกไป ความเย็นก็เข้าปะทะกับร่างกายจนหนาวสั่น ผมสูดจมูก รู้สึกเหมือนจะไม่สบายเนื่องจากแช่น้ำมาตลอดทั้งวัน


เดินย่ำไปตามพื้นเย็นๆพลางกวาดตามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง จะว่าไปก็กลัวผี แต่อยากรู้ว่าไอ้แบคออกมาทำอะไรมากกว่า ผมเดินเลาะเข้าทางสนามหญ้าไปถึงลานกว้างที่ใช้ตากผ้าด้านหลังบ้านพัก แสงสว่างจากดาวหลายล้านดวงส่องลงมาพอให้มองเห็นร่างเล็กๆของเพื่อนสนิทยืนอยู่ไม่ไกลนัก


“สร่างเมาเร็วนะมึงอะ “


ยืนมองอยู่นานก็ตัดสินใจเดินไปยืนอยู่ข้างๆพลางตวัดผ้าห่มให้คลุมร่างของเราสองคนเอาไว้ รู้สึกอายที่เข้าใจอะไรผิดๆ แถมยังเสือกไปบอกให้มันใช้ถุงยางอีก ผมอมยิ้มน้อยๆ หันไปมองใบหน้าน่ารักที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอยู่อย่างตื่นเต้น


“กูนอนไม่หลับ”


ไอ้แบคว่า เสียงมันแหบจนแทบจะไม่ได้ยิน ให้เดาว่ามันคงเมาแล้วแหกปากร้องเพลงเหมือนเคย ผมไม่รู้ว่าในวงเหล้ามันทำอะไรลงไปบ้างในระหว่างที่ผมอาบน้ำอยู่ แต่พอเข้าไปอีกทีก็เห็นมันเมาพับอยู่กับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เดือดร้อนผมต้องหิ้วมันกลับมาที่ห้องอย่างช่วยไม่ได้


“กูไม่ได้ชอบไอ้คริส “ มันพูด ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม “..กูชอบมึง “


ไม่รู้ว่ามันเมารึเปล่าที่พูดออกมาแบบนั้น ไอ้แบคพูดแล้วมองหน้าผมอย่างต้องการคำตอบ ผมก้มหน้า ไม่สามารถจะสบตามันได้จริงๆ ผมแม่งกากว่ะ ขนาดชอบยังต้องให้มันเป็นคนบอกก่อนเลย


“รอกูก่อนนะแบค .. “


ผมตอบ ตวัดแขนรวบเอวบางเข้ามาชิด จับมือมันประสานเอาไว้แล้วบีบแน่นให้มันได้รับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของผม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตา สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดออกไป



สักวันที่กูพร้อม .. สักวันที่กูดีพอ กูจะบอกมึงแน่ๆ 







ภาคเรียนที่สองดำเนินมาอย่างรวดเร็ว ผมเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์เมื่อเห็นไอ้แบคเดินลงมาจากตึก สีหน้าของมันดูมวนๆแปลกๆชอบกล ผมรีบลุกขึ้นไปหามันทันทีที่เห็นไอ้คริสเดินตามลงมาด้วย


“เป็นไงมั่งวะ “


“ก็พอทำได้ ..มั้งว่ะ ไอห่า หิว ไปหาไรกินกันเถอะ “


ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี มันบอกว่ามันทำได้แต่หน้ามันดูเคร่งเครียดมากเลยทีเดียว ผมหมุนตัวกลับเดินตามไอ้แบคไปเงียบๆ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกาหลีซึ่งจัดเป็นสนามสอบสำหรับนักเรียนที่จะมาสอบชิงทุนแลกเปลี่ยนที่แคนาดา ผมเพิ่งรู้เมื่อเช้าว่าไอ้คริสก็ลงสอบด้วยเหมือนกัน รู้งี้กูสมัครด้วยตั้งแต่แรกก็ดีอะ


ไม่กล้าถามอะไรเพราะไอ้แบคดูซีเรียสซะจนน่ากลัว ผมได้แต่เดินก้มหน้าเงียบๆตามมันไปเท่านั้น ยกมือปิดปากหาวด้วยความง่วงเพราะตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อเข้ามาในตัวเมือง คือบ้านของพวกเราไม่ได้อยู่ในโซลครับ ก็ขอบอกเลยว่าเป็นเด็กบ้านนอกพอสมควร อันที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่หลังเขาหรอก แต่เขาแม่งเสือกมาตั้งหน้าบ้านกูเอง อันนี้ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน


“กูบอกแล้วว่าให้นอนอยู่บ้าน “


“ก็อยากมาให้กำลังใจมึงนี่ .. ถึงจะไม่อยากให้มึงไปก็เหอะ“


พูดต่อประโยคหลังด้วยเสียงเบา แต่เหมือนว่าไอ้แบคจะไม่ได้สนใจฟังผมเท่าไหร่นัก คนตัวเล็กยิ้มร่าแล้ววิ่งไปทางอื่น ผมหันไปมอง เห็นพี่ลู่หานกับไอ้ไคยืนอยู่ตรงมุมตึก ไอ้คริสเองก็วิ่งไปหาสองคนนั้นเหมือนกัน


“มาทำอะไรวะ “


“มาเป็นเพื่อนพี่ลู่สอบสัมภาษณ์ว่ะ มึงทำข้อสอบได้ปะเนี่ย เพื่อนกูจะไปโกอินเตอร์ละ “


ไอ้ไคกับไอ้แบคคุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติ ได้ข่าวว่ามึงเพิ่งจะนั่งลอกการบ้านกันเมื่อวานที่โรงยิม ผมถอนหายใจอย่างเหม็นเบื่อพลางเบือนหน้าไปทางอื่น รู้สึกตัวเองเป็นส่วนเกินสุดๆ ทุกคนคุยกันอย่างออกรส ส่วนผมเองก็จะออกรถเหมือนกัน กูจะขับหนีแม่งไปบวชอยู่ภูฏานเลยไอสัด เมินกูกันดีนัก



หย่อนตูดนั่งที่ร้านข้าวใกล้ๆกับมหาลัย พี่ลู่หานกับไอ้คริสอาสาจะไปสั่งข้าวให้ ส่วนผม ไอ้ไค และไอ้แบคนั่งรอแดกกันอยู่ที่โต๊ะ ผมนั่งเงียบๆอย่างอยู่ไม่สุข กวาดตามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น โซลนี่แม่ง เมืองหลวงศิวิไลซ์มาก อยากอยู่มหาลัยที่นี่มากเลยว่ะ แต่น้ำหน้าอย่างผมคงสอบไม่ติดหรอก เพราะมันเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของเกาหลีเลยนี่หว่า อย่างกูนี่ เรียนจบละกลับไปเลี้ยงควายก็คงพอ มืดมนครับ อนาคต


“แล้วไอ้ฮุนอะ “


“นอนตายอยู่บ้านอะ เมื่อคืนแม่งไปแดกเหล้าที่บ้านไอ้เทาแล้วก็เมาเละกลับมาเลย ถ้ากูไม่ไปลากมันก็ไม่กลับ “


ฟังแล้วอาจจะทะแม่งๆ แต่ก็นั่นแหละครับ จะบอกว่าตอนนี้พวกผมกับพวกไอ้เฉินญาติดีต่อกันแล้ว ทูบีนัมเบอร์วันครับ เอาจริงๆมันก็รักเพื่อนดี ถึงจะนิสัยเหี้ยไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่มันไม่เลวชาติกับพวกผมเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ยังทำนิสัยอัปปรีย์ๆกับคนอื่นอยู่เรื่อยๆ ยังดีที่ผมกับไอ้ฮุนไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรมาก เราเลยเป็นเพื่อนกันได้ แต่กับไอเชี่ยไคนี่ก็เกือบจะวางมวยกันอยู่หลายรอบเหมือนกัน


“แล้วมึงก็ทิ้งมันนอนอยู่บ้านเนี่ยนะ “


“เอ่า ก็กูก็ต้องตามมาดูแลแฟนในอนาคตกูปะ มึงดูเค้าดิ น่ารักชิบหาย วันนี้ในรถกูเกือบจับฟัดละเนี่ย “


ไอ้ไคชี้ไปที่พี่ลู่หานที่ยืนสั่งข้าวอยู่กับไอ้คริส ผมหรี่ตามอง ยังไม่เห็นความน่ารักที่ว่านั่นเลย พี่ลู่หานกำลังยืนเกาหลังอย่างซกมกรอข้าวอยู่ตรงเคาท์เตอร์ พอไอ้คริสไปช่วยเกาให้เท่านั้นแหละ พี่แกถีบยันไปติดผนังเลย นี่หรอน่ารักของมึง.. สยอง


“เห้ยเตี้ย มึง ไม่ต้องเครียดหรอก ติดก็ติด ไม่ติดก็ถือว่าสอบเอาประสบการณ์ “ไอ้คริสวางจานข้าวลงแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับไอ้แบค


“โห่ก็มึงเก่งอะ ยังไงมึงก็ติด ถ้ามึงได้ไปแล้วกูไม่ได้ไปทำไงอะ ทิ้งกู “


เสียงพูดคุยยังดังตลอดมื้ออาหาร มีแต่ผมคนเดียวที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ผมก้มหน้าเงียบๆนั่งเขี่ยข้าวในจานของตัวเองด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ผมหันไปข้างๆ ไอ้คริสกับไอ้แบคกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ม่านกลมใสที่ยิ้มจนหยีเป็นรูปสระอินั้นดูร่าเริงและเป็นประกาย



ผมได้แต่นั่งมองใบหน้าด้านข้างของไอ้แบคคนเดียวเงียบๆ
ริมฝีปากอิ่มกำลังยิ้มให้คนตรงหน้า แม้แต่นัยน์ตาของมันก็ยังสะท้อนภาพของไอ้คริส




แล้วกูที่นั่งหัวโด่อยู่ข้างๆมึงล่ะ ? ..  เคยอยู่ในสายตามึงบ้างไหม 





ตลอดหนึ่งเดือนช่างยาวนานสำหรับนักเรียนที่ไปสอบแข่งขันชิงทุน ทุกคนต่างลุ้นว่าตัวเองจะสอบติดหรือไม่ แต่สำหรับผมแม่งเหมือนเรื่องมันเพิ่งจะเกิดเมื่อวาน พวกเราเกือบสิบคนรวมพวกไอ้เฉินด้วยกำลังเดินออกจากตึกวิทย์มุ่งหน้าไปที่โรงอาหารเหมือนทุกวัน แต่บอร์ดประกาศอันใหญ่ยักษ์ตรงห้องธุรการที่ตั้งขวางอยู่นั้นเรียกความสนใจจากคนขี้เสือกอย่างพวกเราได้ทั้งหมด



วิ่งกรูกันเข้าไปออตรงบอร์ดประหนึ่งปลาตอดขี้ คนมุงกันเยอะมากจนมองไม่เห็นว่าบนบอร์ดนั้นมีข่าวสารอะไร ไอ้แบคที่ยืนข้างๆผมกำลังเขย่งปลายเท้าสุดชีวิตชะเง้อมองแต่ก็ไร้ผล เงยหน้ามองป้ายด้านบนที่ส่วนสูงของคนอื่นๆบังไม่ถึงก็พบว่าเป็นประกาศรายชื่อผู้สอบได้ทุนไปแคนาดาและฝรั่งเศษ หันมองไปข้างๆ ไอ้คริสเดินอ้อมไปแทรกข้างๆเรียบร้อยแล้ว


“เชี่ยยอลอุ้มหน่อย “


เมื่อไร้หนทางคนตัวเล็กกว่าจึงหันมาแล้วชูมือขึ้นสองข้างตรงหน้า ดูเหมือนมันจะลืมไปว่ามึงเลยห้าขวบมาสิบกว่าปีแล้ว ไอ้แบคย่ำเท้าไปมาอย่างตื่นเต้นก่อนจะเดินอ้อมหลังผมเพื่อจะขึ้นมาขี่หลังของผมให้ได้ ผมได้แต่ยืนเงอะๆงะๆให้มันกระโดดขึ้นหลังอย่างงงๆ จนสุดท้ายร่างเล็กๆก็ปีนขึ้นมาอยู่บนแผ่นหลังของผมได้สำเร็จ


“ขอทางหน่อยครับๆ “


เอ่ยเสียงหล่อออกไปแล้วใช่เข่ากระแซะอีพวกขวางโลกที่ยืนเกะกะขวางทางอยู่ให้เขยิบไปให้พ้นทาง ผมกระชับขาเรียวของแบคฮยอนให้แนบชิดกับสีข้างเพื่อที่จะได้แบกมันได้ถนัดขึ้นก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไปไม่ถึงแถวหน้าสุดอยู่ดี


“ไอ้คริสติดด้วย!


เสียงใสดังอยู่ข้างหู ยังดีที่กูผมตั้งฉากก็เลยได้ยินแค่ครึ่งเดียว ไอ้แบคโน้มหน้าเข้ามาเพื่อจะได้ดูรายชื่อบนบอร์ดได้ถนัดขึ้น จนคางเรียวสวยต้องขึ้นมาเกยไว้กับไหล่ของผมอย่างช่วยไม่ได้ ปลายจมูกรั้นพ่นลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดบริเวณซอกคอเป็นจังหวะจนทำให้ผมขนลุก


ดูเหมือนคนตัวเล็กจะตื่นเต้นมากไปหน่อย เพราะหัวใจมันเต้นแรงจนผมสัมผัสได้เลย ผมกวาดตาไปตามตารางรายชื่ออย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่แล้วตัวหนังสือที่ผมเห็นตรงด้านล่างสุดของแผ่นกระดาษก็แทบจะทำให้หัวใจหยุดเต้น อยู่ดีๆก็รู้สึกจุกอกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมอยากจะเดินออกมาเดี๋ยวนั้นเลย เพราะชื่อนั้นเป็นชื่อที่ผมไม่อยากเห็นมันอยู่บนบอร์ดมากที่สุด


บยอน แบคฮยอน 5/6



“กูติด!


“ไอ้แบค มึงติด!


“กริ้ดดดดดดดดดดดดดด มึงติด! กูติด!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “


เราสองคนเดินฝ่าฝูงชนที่แน่นขนัดออกมาได้ยังไงผมเองก็ลืมไปแล้ว ทันทีที่หลุดออกมาจากวงล้อมไอ้พวกนั้นก็วิ่งไปรุมไอ้แบคกับไอ้คริสทันที ผมทรุดตัวลงนั่งกับฟุตบาทข้างๆทาง รู้สึกขาหมดเรี่ยวแรงที่จะยืนไปซะดื้อๆ รู้สึกปวดหนึบที่ใต้อกซ้ายและบริเวณเบ้าตา .. ผมก้มหน้า รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล


“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย มึงติด เพื่อนกูโกอินเตอร์แล้ว น่อT_T


“เย็นนี้หมูกระทะเลยมึง เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง “


เสียงเซ็งแซ่ดังมาจากกลุ่มเดอะแก๊งค์ที่โห่ร้องกันอย่างดีใจ แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่ามันเป็นเสียงของใครบ้าง กรอบสายตาของผมในตอนนี้เอาแต่จ้องมองไปที่รองเท้านักเรียนของตัวเองอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มันจะเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เห็นรองเท้าของตัวเองแล้ว ผมเห็นแต่ก้อนเหี้ยไรไม่รู้ขาวๆมัวๆพร้อมความรู้สึกปวดแสบที่เบ้าตา ก่อนที่ภาพรองเท้านักเรียนจะกลับมาชัดอีกครั้ง




รู้ตัวอีกทีน้ำตาแม่งก็ไหลออกมาไม่หยุด ผมห้ามตัวเองไม่ได้เลย
ไม่รู้ว่าทำไมพวกแม่งดีใจกันแล้วผมถึงต้องมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
ผมไม่อยากให้มันไป ไม่อยากให้ไอเตี้ยไปไหนทั้งนั้น..


แค่แม่งไปขี้กูยังคิดถึงเลย แล้วนี่ไปตั้งแคนาดา กูไม่ขาดใจตายเลยหรอวะ ห่าเอ้ย






เหมือนจะเสียใจจนช็อคสติหลุดไปแล้ว ซึ่งก็เป็นอันเข้าใจกันดีว่าคนสมาธิสั้นอย่างผมไม่สามารถซึมเศร้ากับอะไรได้นานๆ เย็นวันนั้นเรามาฉลองกันที่ร้านหมากระทะแถวบ้านไอ้เทาเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งไอ้คริสและไอ้แบคที่จะไปเรียนต่อที่แคนาดาในตอนสิ้นปี ผมนั่งคุยกับตะเกียบเงียบๆคนเดียวในมุมหนึ่งของโต๊ะอาหารที่มีความยาวเท่ากับแหลมมาลายูที่คาบสมุทรอินเดีย ไม่รู้ว่าใครบ้างที่มาร่วมแดกฟรีกันในวันนี้ แต่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพื่อนของผมทั้งสองคนนั้น บอกเลยว่าไม่ถึงสิบ


“เต็มที่นะมึง ไม่อั้น “ ไอ้เฉินว่า วางจานเนื้อพูนๆกระแทกลงบนโต๊ะ


“อั้นห่าไรละก็หมูกระทะ มึงจะให้กูเกรงใจใคร “


“ไม่ๆกูหมายถึงขี้อะอย่าอั้น ห้องน้ำอยู่หลังร้านซ้ายมือ “


เรียกเสียงฮากริบได้จากคนทั้งโต๊ะ อารมณ์เหมือนมานั่งสมาธิที่ป่าช้าวัดดอน ไอ้เฉินถึงกับนึ่งไปเลยทีเดียว ไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะพูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่นัก ทุกคนต่างสนใจเนื้อที่ตัวเองเป็นคนย่างบนเตา เพราะแม่งเผลอไม่ได้เลย หันซ้ายปลาหมึกหาย หันขวาหมูหาย หันหลังไปเติมน้ำแข็งทีนี่หายไปทั้งแถบ เหลือแต่วุ้นเส้นกะผักอยู่ขอบๆเตาให้มึงดูต่างหน้า เอาจริงๆควรมีคนละเตาแล้วแยกกันปิ้ง จะได้ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันเหมือนคู่ไอ้ไคกับไอ้ฮุนที่แม่งนั่งอยู่ข้างๆกูเนี่ย โว้ยตะเกียบมึงจะทะลุเบ้าตากูอยู่แล้ว


“ผักก็ไม่แดก เหี้ยไรก็ไม่แดก แถบนี้กูย่างไว้ละมึงมีสิทธิ์อะไรมาจกของกูไป “ ไอ้ไคบ่น


“มึงไม่รู้จักคำว่ากัลยาณมิตรหรอวะ เพื่อนทีดีอะรู้จักไหม “


“กูรู้จักแต่เพื่อนที่หิวอะ สัด นั่งก็เบียดละยังเสือกเอาไข่มาพาดขากูอีก มึงไปนั่งไกลๆเลยปะ วู้ว!รำคาญ “


จี๊ปากแล้วเอาเอาแขนข้างที่ถือตะเกียบกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องไอ้ฮุนเต็มแรงจนมันร้องเสียงหลง คนโมโหหิวนี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆ ไอ้ฮุนงอนสะบัดบ๊อบหนีไปนั่งอีกฟากนึงของโต๊ะไกลๆ ประจวบเหมาะกับที่พี่ลู่หานเดินเข้าร้านมาพอดี ไอ้ไควางตะเกียบแล้วรีบลุกไปลากพี่ลู่มานั่งตรงที่ว่างข้างๆในทันที


ทุกคนคงจะงงว่าพวกมึงนั่งกันยังไง หล่อจะบอกให้ก็ด้ะ คือมันเป็นอย่างงี้ครับ หัวโต๊ะคือไอ้คริส ตามด้วยด้านข้างคือพี่ลู่หาน ไอ้ไค ผม ไอ้แบค และใครไม่รู้อีกสองคน ส่วนด้านข้างอีกด้านคือไอ้ฮุน ไอ้เทา ใครไม่รู้อีกสามคน และไอ้เฉินที่นั่งติดกับไอ้คริสตรงหัวโต๊ะ ส่วนหัวโต๊ะอีกฝั่งนึงว่างครับ ให้โพ่งนั่ง


หงิมเป็นพิเศษประหนึ่งว่าเป็นเด็กเนิร์ดถูกหลอกให้มาอยู่ในกลุ่มเด็กเหี้ย ผมนั่งตัวลีบติดกับเก้าอี้ มือนึงหยิบตะเกียบคีบหมูในจานที่ไอ้แบคเป็นคนย่างให้เข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่า แม้แต่จะย่างกูยังขี้เกียจย่างเอง แก้วน้ำตรงหน้าทุกคนเป็นแก้วเหล้าสีอำพันดูเข้ากับความเป็นวัยรุ่นผู้คึกคะนอง ซึ่งต่างจากผมที่เป็นน้ำสตรอเบอรีปั่นอยู่คนเดียวทั้งโต๊ะ


ชอบสตรอเบอรี่ครับ แบบว่าเข้ากับเหง้าหน้าเราที่สุดแล้ว



“เป็นไรวะมึงเงียบๆ เหล้าหน่อยปะ สักกรึ้บรับรองหนุกๆมันส์ๆ “


“ไอ้ยอลมันไม่กินเหล้า “ เป็นไอ้แบคที่ตอบคำถามของไอ้เฉินแทนผม


“ทำไมวะแจ่มแมวนะมึงลองกิน ทีเดียวลอย “


แก้วเหล้าชงอย่างเข้มถูกยื่นมาตรงหน้า ผมส่ายหัวเป็นพัลวัน หม่ามี๊ไม่ให้ดื่มครับ อายุไม่ถึง (เอาจริงๆแม่งเกินนานแล้ว ) หม่ามี๊บอกว่าเป็นเด็กดีห้ามเสพสิ่งเสพติดและของมึนเมาครับ นี่จะมาแดกหมูกระทะกูยังโทรรายงานก่อนเลย คือนี่ไม่ได้จะอวดน้าแต่บับว่าหม่ามี๊กลับมาจากเมกาแล้วนะฮร้า ถ้าแม่เห็นผมเมาคอพับกลับบ้านนี่มีหวังอกอีแป้นแตกแน่นอนผมฟันธงเลย


“กูแดกไม่เป็นอะไม่เอาว่ะ “


ปฎิเสธมันออกไปแล้วยกแก้วน้ำสตรอเบอรีขึ้นจิบ รู้สึกว่าวินาทีนั้นตัวเองตอแหลสุดเท่าที่เคยเกิดมาละ แม้แต่ไอ้ฮุนที่เป็นลูกคุณหนูแม่งยังกระดกเอาๆ ไอ้เฉินยิ้มเผล่ ยังคงคะยั้นคะยอให้ผมกิน แก้วเหล้าที่เด็กมันเป็นคนชงให้ถูกวางลงข้างๆแก้วน้ำสตรอเบอรี่ของผม


“หน่าไอยอล ครั้งนึงในชีวิต กูไม่ชวนมึงเสพยาก็บุญแค่ไหนละเนี่ย “


เอ่ยกระเซ้าผมอีกครั้งในระหว่างที่ไอ้แบคกับไอ้ฮุนพากันลุกออกไปไหนก็ไม่รู้ ผมชะเง้อมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไอ้แบคไม่ได้อยู่แถวนี้ ก่อนจะกลับมาจ้องเจ้าแก้วสีเหลืองอำพันนั่นอีกครั้ง น้ำแข็งสองก้อนที่ลอยอยู่ด้านบนของแก้วเหมือนกำลังพูดกับผมว่าแดกกูซิแดกกู


“มันจะดีอ่อวะ ฟินแน่นะ “


เอ่ยไปเท่านั้นแล้วยกกระดกไปสองอึกใหญ่ๆเพราะแรงจากฝ่ามือไอ้เฉินที่คอยดันก้นแก้วไว้อยู่ ผมหลับตาปี๋ ความขมและร้อนรุนแรงถูกกลืนผ่านลำคอลงไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกแสบไปหมดทั่วทั้งคอ ไอสัด นี่คืออร่อยหรอ นี่คือสิ่งที่พวกมึงตามหากันมาตลอดชีวิตใช่ไหม กูว่าเอาปากไปฟาดประตูรถยังรสชาติดีกว่า


“เป็นไงมึง “


“อืม ..อร่อย เยี่ยมๆ บราโว่ อืม กูแสบคอมากๆ ไอสั้ด!


ชูนิ้วโป้งแบบว่าเยี่ยมๆสองทีให้มันก่อนจะเปลี่ยนเป็นชูนิ้วกลางแทนแล้วรีบวางแก้วเหล้าที่พร่องไปแล้วครึ่งหนึ่งอย่างเข็ดขยาด นี่ถ้าตบหัวมันได้ผมคงตบไปและ แต่ติดที่โต๊ะกั้นเราสองไว้อยู่ นี่ถึงกับมึนเลยนะมึนเลย สงสัยผมยังเด็กเกินไปที่จะมาดื่มของมึนเมาอะไรพวกนี้ สำหรับผมต้องนมครับนมเท่านั้นเลยจริงๆ ยิ่งสดๆจากเต้านี่อย่าให้พูด



และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่มันบอก กรึ้บเดียวถึงกับมึนเลยจริงๆ ผมซัดไปอีกแก้วเต็มๆด้วยความกระสันอยาก เอ่อไม่รู้ว่ากูใช้ศัพท์ถูกรึเปล่านะ คือรสชาติมันก็ไม่ได้ดีครับ แต่พอบรรยากาศครึมๆ ฟ้าเริ่มมืด ทุกคนพากันชนแก้วเหล้าแล้วยกกระดกกันอย่างเมามันส์ ด้วยความที่ผมค่อนข้างเป็นคนชอบเข้าสังคมพอสมควร ดังนั้นพี่ปาร์คจึงไม่พลาดครับ


“ไอเหี้ย ใครเอาให้มันแดกเนี่ย กูออกไปหิ้วเหล้าตรงเซเว่นหัวมุมแปปเดียวพวกมึงเล่นเพื่อนกูแบบนี้เลยหรอ มึงไม่รู้หรอว่าแม่งคออ่อนอะ ได้กลิ่นก็คอพับละ แล้วนี่ให้แม่งแดกเป็นแก้ว อ่อนทั้งคออ่อนทั้งปัญญาแล้วเนี่ย“


“อะระ! ถึงคอกูอ่อนแต่โคยกูแข็งนะ แบคมึง มมมมไม่ ...  รู้ไร“


ผมเถียงแล้วชี้หน้ามันอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะโดนมือบางผลักเบาๆที่ไหล่ผมก็ปลิวไปติดชิดริมสุดของเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ไอ้แบควางถุงเซเว่นที่ใส่เครื่องดื่มไว้ใต้โต๊ะแล้วยกเปิดเทแจก ผมเอาแก้วไปรอ กลืนน้ำลายเหนียวๆผ่านลงคอไปอย่างลำบาก พยายามจะปรือตาขึ้นอย่างสุดความสามารถ ไม่รู้ดิ รู้สึกอารมณ์ตอนนี้อยากทิ้งตัว


“เชี่ยยอลมึงเมาและ เด็กๆนั่งหัวโด่อยู่เยอะแยะมึงพูดงี้ได้ไงวะ เละแล้ว พอเลิกๆ “


แก้วใสที่บัดนี้เหลือต่น้ำแข็งเปล่าถูกแย่งไปจากมือ ก่อนจะถูกเติมเต็มด้วยน้ำสตอเบอรี่ปัญญาอ่อนแก้วเดิม แต่มีหรอผมจะยังอยากกินอิน้ำสับปะรังเคนั่นอีก ตอนนี้ต้องเหล้าเท่านั้น ผม ..


“อ่อก .. “


“เชี่ย!!!!!


“โว้ยทิชชู่ๆ ไอ้คริสเอาทิชชู่มาเร็ว “


รู้สึกโลกแม่งหมุนคว้างไปหมด ผมไม่สามารถจับใจความได้แล้วว่าใครพูดอะไรบ้าง รอบตัวดูวุ่นวายไปหมดจนอยากจะหลับตาปิดหูหนีไปซะให้พ้นๆด้วยความรำคาญ อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนว่าเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่แม่งพลิกคว่ำอย่างรวดเร็วขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก้อนอ้วกดันขึ้นมาจนถึงคอหอยก่อนจะออสโมซิสออกไปทางปากประหนึ่งเปิดก๊อก ผมก้มหน้าอยู่กับตักของคนข้างๆ ของกึ่งแข็งกึ่งเหลวในกระเพาะอาหารพุ่งทะลักออกมาไม่หยุด ผมห่อริมฝีปาก รู้สึกคลื่นไส้และปวดหัว


“ไอยอล ลุก.. ลุก .. “


ตัวผมถูกประคองขึ้นยืนอย่างมึนงงในขณะที่โลกกำลังหมุนคว้างประหนึ่งเครื่องเล่นในสวนสนุก ผมได้แต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ร่างของผมถูกพาเดินอย่างโคลงเคลงไปที่ไหนซักแห่งโดยมีคนช่วยพยุงหลังเอาไว้อยู่ มือเล็กๆของใครคนหนึ่งยื่นมารองตรงปากของผม และผมไม่สามารถจะห้ามตัวเองไม่ให้อ้วกใส่มือนั้นได้เลย


“ห่าเอ้ย “


ประคองกันมาอย่างทุลักทุเลจนถึงอ่างล้างหน้า ผมจัดการชโลมอ้วกลงไปบนนั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ร้านหมูกระทะแห่งนี้ในทันทีอย่างไม่รีรอ เหมือนยิ่งอ้วกแล้วแม่งยิ่งออกมาเรื่อยๆ ผมหลับตาปี๋ เกาะขอบอ่างแน่นแล้วเอาหัวมุดลงไป รู้สึกเสียดายหมูย่างที่แดกเข้าไปอย่างเยอะ 99บาทสรุปกูกินไม่คุ้มอยู่คนเดียวทั้งๆที่คนอื่นมันซัดเป็นโลงี้เนี่ยนะ โห ผิดหวังว่ะ


“แค่กๆ ..อึก .. “



กว่าจะเงยหน้าขึ้นมาได้ก็เล่นเอาหน้ามืด หลังจากล้างหน้าล้างปากเสร็จ ผมปรือตามองตัวเองในกระจก แม่งมีใครไม่รู้มองกลับมา มันจ้องตากับผมอย่างเอาเรื่อง ผมหัวเราะ หูกางๆ หน้าหล่อๆมึนๆ แล้วตรงปากแม่งเละเป็นส้นตีนเลย


มองหาคนที่หิ้วผมมาด้วยก็ไม่เห็นซะแล้ว ได้ยินเสียงน้ำอยู่ในห้องน้ำห้องแรกสุดที่ไม่ได้ปิดประตูเอาไว้ ผมพยายามเดินอย่างตรงที่สุดเข้าไปดู เห็นไอ้แบคกำลังถอดเสื้อทำอะไรสักอย่างอยู่ในห้องน้ำ


“เฮ้ยมึงอะ ..ออกกก ..มา! กลับไปเอากันที่บ้าน!!


เสียงที่ยานคางและกวนส้นตีนที่สุดถูกส่งผ่านริมฝีปากอันบวมแดงของผมอย่างบังคับไม่ได้ ไม่รู้ไอ้แบคมันจะมาแก้ผ้าอะไรตรงนี้ มันไม่เหมาะสมเลย ไม่เอาในห้องน้ำกูลำบาก


“มึงเห็นปะกูเปื้อนหมดละไอสัด อ้วกมึงทั้งนั้นเลยเนี่ย “


ยืนเถียงกับมันอยู่ในห้องน้ำ ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง ตาของผมมันเอาแต่จับจ้องท่อนบนที่เปลือยเปล่าของไอ้แบคอยู่อย่างนั้น ผมลอบกลืนน้ำลาย รู้สึกหน้าเห่อร้อนและแดงขึ้นมาแปลกๆ ผมไม่ได้เขินนะ ผมเมาต่างหาก กูมาว


โดนลากออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ไอ้แบคทำความสะอาดตัวเองเสร็จแล้ว กลิ่นเหล้าคลุ้งเต็มตัวผมไปหมดจนรู้สึกอยากจะอ้วกออกมาอีกครั้ง รู้สึกมึนหัว โลกมันหมุนไปมาจนผมไม่สามารถจะเดินตรงๆได้ ผ่านโต๊ะของกลุ่มเด็กนักเรียนที่ใส่เสื้อช็อปกลุ่มใหญ่ๆก่อนจะไปถึงโต๊ะ ไม่รู้เวรอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอีกครั้ง ก้อนอ้วกตีขึ้นมาจนถึงคอหอยจนกลั้นไว้ไม่อยู่


“โอร้กกกกกกกกก!


อัดเข้าไปเต็มๆใส่หัวของนักเรียนเสื้อช็อปสีน้ำเงินคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมสุดอย่างไม่ได้ตั้งใจ นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจยังมาเป็นก๊อก ผมห่อริมฝีปากแล้วปล่อยมันออกมาจนหมดไม่มีเหลือ คนทั้งโต๊ะหันมามองกันเป็นตาเดียว ก่อนที่เจ้าของหัวเกรียนๆที่ถูกชะโลมไปด้วยเศษอ้วกอันน่ารักของผมนั้นจะหันกลับมาประจันหน้ากับผม


“โทษพี่โทษๆ อั้นไม่อยู่ แหะๆ “ ผมยิ้มแห้ง ก้มหยิบทิชชู่แปะๆไว้บนหัวเกรียนๆนั้นก่อนจะโค้ง180องศาให้ด้วยความเคารพและนอบน้อม


“มึง!!


“อ่อก .. 


มันชี้หน้าผมแล้วปีนข้ามเก้าอี้กรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนการตะลุมบอนจะเกิดขึ้น ไอ้แบคที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหันกลับมาพอดีก่อนจะกระชากแขนผมให้ออกไปจากตรงนั้น ผมได้แต่เดินมึนๆอย่างไร้เรี่ยวแรงตามมันไปเท่านั้น


“สัดเฉินลุกเร็ว!


วงแตก .. สิบกว่าคนลุกฮือกระจายกันออกไปอย่างมึนงง ไอ้ไคยังมีกะใจตักน้ำซุปซดก่อนจะปีนขึ้นโต๊ะแล้วโดดข้ามเก้าอี้ไปอย่างรวดเร็ว ผมยืนเซอย่างมึนเบลอ รู้สึกเจ็บที่แขนเพราะโดนลากไปตรงนั้นที ตรงนี้ที ปวดหนึบที่ขมับไปหมดจนไม่สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้


“ผลั้ก! ตุ้บ อั้ก!


ยืนโงนเงนได้ไม่นานเท่าไหร่นักก็รู้สึกได้ถึงแรงถีบเข้าที่กลางหลังอย่างแรงจนแอ่น ผมเสียหลักล้มลงไปนอนที่พื้นในทันที ก่อนหลายตีนจะเข้ามาย้ำซ้ำๆบนร่างของผม ผมได้แต่เอายกมือป้องหัวตัวเองไว้แล้วนอนงอด้วยความเจ็บจุก เปลือกตาหนักอึ้งจนแทบจะปิด ได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้งอบอวลไปหมด ตอนนี้ผมอยากจะอ้วกออกมาอีกรอบ


กูจะไม่กินเหล้าอีกละชีวิตนี้สาบานเลย


“เฮ้ยไอ้ยอล!


ทั้งมึนและเจ็บจนต้องนอนอยู่เฉยๆให้พวกแม่งรุมยำตีนอย่างเลี่ยงไม่ได้ วินาทีนี้ผมเข้าใจแล้วว่าโดนรุมกระทืบมันเป็นยังไง ผมหลับตาลงอย่างหมดแรง ได้ยินเสียงเพื่อนโหวกเหวกเสียงดังก่อนจะเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น เสียงห่าไรไม่รู้แม่งตีกันมั่วไปหมดจนผมต้องอ้วกออกมาอีกรอบ โอ้ยอิเหี้ย ไม่ไหวแล้ว นี่มันวันวิปโยคอะไรของกูวะเนี่ย






=_=..”


“อืม แดกข้าวแดงกันอร่อยเลยมึง “


ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ในซังเตเรียบร้อยแล้วครับ ผมพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างมึนๆบนพื้นห้องขังชั่วคราวที่เต็มไปด้วยฝุ่น เห็นพวกไอ้ไคกับไอ้เฉินกำลังยืนเกาะลูกกรงเป็นชะนีร่ายไม้กันอยู่ไกลๆ


“ไอยอลมึงไหวปะวะ “


“เออ “


ไอ้เทาถาม ผมตอบมันไปเท่านั้นทั้งๆที่รู้สึกร้าวไปทั้งตัวเหมือนกระดูกจะแตก ผมไอแห้งๆ รู้สึกขมจนเฝื่อนคอและแสบที่ริมฝีปากจนต้องร้องซิ้ดออกมา พอเอามือแตะๆดูก็เห็นคราบเลือดเกรอะกรังติดอยู่ มองไปรอบๆ ทุกๆคนมีสภาพโชกเลือดไม่ต่างกัน


“เกิดไรขึ้นวะเนี่ย “


ผมสะบัดหัวเพื่อไล่ความมึนออกไป จำได้ลางๆว่าเมื่อคืนไปอเมซิ่งไทยแลนด์กับเพิ่ลๆที่ร้านหมูกระทะแถวบ้านไอ้เทา แล้วหลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานคิตตี้กลับบ้าน อาบน้ำ ทาแป้ง สวดมนต์แล้วนอนกอดอิเจี๊ยบตามปกติ แต่ไหงมาโผล่ในนี้ได้วะเนี่ย


“มีปาร์ตี้กันนิดหน่อยว่ะ มึงไม่ต้องเครียด เดี๋ยวพ่อไอ้ฮุนก็มาละ “ไอ้ไคหันมาตอบผมก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ


“แล้วไอ้แบคอะ “


ผมถาม เลิกสนใจกลุ่มนักเรียนอีกกลุ่มที่ถูกขังไว้อยู่ห้องข้างๆกัน เริ่มจำได้ลางๆว่าเมื่อคืนผมกินเหล้าด้วย ตอนแรกในความทรงจำมันบอกผมว่าเมื่อคืนผมกำลังนั่งจิบน้ำชายามบ่ายกับโอบามาที่ทำเนียบขาว แต่คิดไปคิดมามันจะเป็นอย่างงั้นได้ไงวะ มันไม่ใช่ละแหละ กูว่ากูเบลอละ ผมยกมือขึ้นนวดแขนตัวเอง มันช้ำด้วย มันช้ำไปหมดทั้งตัวเลย .. เมื่อคืนผมโดนรุมตีนด้วย เออใช่! ไอสัดนันยางเบอร์42เลยปะทะเข้าเบ้าหน้ากูนี่ มาเป็นซีรีย์


“โดนเรียกไปสอบปากคำอะ .. นั่นไงมาละ “


ประตูห้องขังถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กๆของเพื่อนสนิทที่ถูกผลักเข้ามาอย่างหยาบคาย ไอ้แบคเซร่วงลงมาทันที ผมรีบลุกไปรับไว้ได้ทัน ก่อนจะจับร่างมันหมุนไปรอบๆเพื่อสำรวจความเสียหาย สภาพสะบักสะบอมจนผมใจเสีย มือของผมสั่นจนบังคับแทบไม่ได้เมื่อได้สัมผัสริมฝีปากเล็กที่ช้ำเลือด ถ้าไม่ใช่เพราะผมก็คงไม่เป็นเรื่องขนาดนี้ คงไม่มีใครเจ็บตัว


ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันก็เหมือนจะมีอะไรอยู่ข้างนอกนั่น ไอ้ฮุนรีบลุกไปที่ประตูห้องขังทันที ก่อนคนอื่นจะลุกตามกันไป ผมหรี่ตาลงเพื่อมองให้เห็นชัดขึ้นกว่าเดิม ร่างสูงใหญ่ของชายมีอายุกำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับตำรวจอยู่ข้างนอกนั่น เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าผมก็รู้เรื่องเลย เสียวหลังแว้บ นั่นพ่อไอ้ฮุน


ทุกคนได้ออกมาจากห้องขังในเวลาถัดมาเท่าไหร่นัก โชคดีที่พ่อไอ้ฮุนเป็นถึงท่านนายพลยศใหญ่จึงไม่ยุ่งยากอะไรนัก พวกไอ้เฉินกับเด็กในแก๊งค์มันก็แยกย้ายกันไป ตามด้วยไอ้คริสกับพี่ลู่หาน ดูเหมือนพี่ลู่หานเองก็จะโดนหนักไม่น้อยเหมือนกัน ถึงขนาดต้องยอมกลับไปที่บ้านใหญ่กับไอ้คริส เหลือแต่พวกผมสามคนคือผม ไอ้ไค ไอ้แบค กำลังยืนมองไอ้ฮุนที่เดินก้มหน้าคอตกตามพ่อมันขึ้นรถไป ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง เรื่องแม่งแย่จนผมทำอะไรไม่ถูก





แล้วถ้าแม่ผมรู้เรื่องจะทำยังไงวะเนี่ย โอย แม่ต้องผิดหวังมากแน่ๆ


___________________________________________



4 ความคิดเห็น:

  1. แอร๊กกกกกกกกกกก เเบบบ โอ้ยยยยย น้ำตาไหลทำไมไม่รู้
    อิยอลลลอ้วกเเตกทะไมมมม
    เป็นเรื่องเลยย
    เเบคอย่าไปนะะะะ
    ด้อนท์โก๊๊๊๊๊๊๊๊๊๊๊๊๊๊ อร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
    คาจิมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
    ฮาจิมาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
    อร๊ากกกกกก

    ตอบลบ
  2. ตีกันซะเละเลยนะ 55555

    ตอบลบ
  3. วันซวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตายแน่แล้วยอล แม่จะว่าไง 555555555+

    ตอบลบ
  4. โหยยยนน...นี่เมาจนอ้วกรดหัวคนอื่นเลยอ่อ น้องแบคเลยโดยำตีนไปด้วยเล่ย(ไม่ห่วงพระเอกเลย555555) แต่ก็นะ. .แบคได้ไปแคนาดาอ่ะ และแบคก็บอกแล้วด้วยว่าชอบยอล แต่อิยอลนี่ลีลาตอบนะมึง เดี๊ยะๆ

    ตอบลบ