วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ special part - วันไหว้cool





ผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอ
Special part
วันไหว้cool

________________________________________



สวัสดีเด็กๆน้องๆชาวติ่งทั้งหลาย วันนี้ผม ปาร์ค ชานยอล หรือที่รู้จักกันในชื่อพี่ปาร์คของทุกคน มาทำหน้าที่ดำเนินเรื่องในตอนพิเศษกันน้าครับ จะบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องในผชจรขตขพธนะ อันนี้เป็นตอนพิเศษที่เสร่อแต่งขึ้นมาเฉยๆ ด้วยความที่ว่างจัดเนื่องจากเน็ตอิคนเขียนแม่งใช้ไม่ได้เว้ย ฝนแม่งตก ละทีนี้เร้าท์เตอร์แม่งเละเป็นส้นตีนเลยครับ ไฟไม่กระพริบ พอโทรไปหาทรูละคุยกะคอลเซนเตอร์ไม่รู้เรื่อง แม่งเอาแต่บ่นไรไม่รู้งุ้งงิ้งๆในลำคอนะ ฟังไม่ทัน แล้วชอบพูดเร็วๆเข้าใจยาก ทีนี้กูก็เกรงใจไม่กล้าถามซ้ำ ทีนี้เขาบอกว่า จะเอาช่างมาซ่อมให้พรุ่งนี้เฟ้ย จนตอนนี้สี่ห้าวันละยังไม่มาเลย แล้วเขาก็แนะนำอะไรไม่รู้ยาวเป็นพารากราฟเลย แต่กูไม่ได้ยินอะ หูเป็นหอยหมดละ มันสาหัสมาตั้งแต่ฟังเพลงลูกทุ่งในรถเมล์ดังๆทุกเช้า และสกิลการสื่อสารกับคอลเซนเตอร์เสียงแหลมๆกูก็ต่ำมากด้วยอะ ชิบหายละ บ่นยาวเลยดิทีนี้ ทอดๆ อันนี้สเปๆ มึงไม่อยากอ่านก็ไม่เป็นไรน้ากูแค่อยากแต่งเฉ้ยเฉย กับเนื้อเรื่องผชจรพวกมึงไม่ต้องเอามาโยงกันน้า ไม่ใช่ว่าใครสงสัยว่า เฮ้ยมุงตอนที่แล้วมุงอยู่ซกโชไม่ใช่หรอ ทำไมมาโผล่ตรงนี้ ขอให้เข้าใจทั่วกันน้าชะนีน้า


โอเคครับ กลับเข้าเรื่องกันดีฝ่า เนื่องในโอกาสใกล้จะถึงวันไหว้cool ละ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กดีมาตั้งแต่อนุบาล หม่ามี๊สอนมาดีครับ เราก็ต้องแสดงความกตัญญูกตเวทีซะหน่อย หลังจากที่ทำตัวเป็นนักเรียนอัปปรีย์มากว่าสิบเจ็ดปีเต็ม


เรื่องมันก็ไม่มีไรมากครับ ตอนเด็กๆผมก็น่ารักรุ่งริ่งพอสมควร อย่างที่เคยบอกไปว่าผมเคยซ้ำชั้นตอนอนุบาล ด้วยความที่มันมีเหตุอะไรหลายๆอย่างซึ่งทำให้คนที่หน้าตากับปัญญาไม่สามัคคีกันอย่างผมไม่สามารถจะเรียนอย่างปกติเหมือนนักเรียนคนอื่นๆได้


แต่ถ้าจะให้เล่าตั้งแต่แรก ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง รวมถึงชีวิตที่จังไรของผมในสมัยเด็ก มันคงจะเสียเวลาไปสักหน่อย ถ้ามึงอยากรู้ สามารถติดตามได้ในผชจรขตขพธ special kid version ในนั้นผมจะเล่าทุกๆอย่างให้ฟัง มันน่ารักอย่างสาหัสเลยจริงๆ


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จำได้ทุกอย่างนะ ผมเป็นเด็กที่ครูรักที่สุดเลยอะในบรรดาเพื่อนๆทุกคน เพราะครูบอกว่าผมจะต้องอยู่กับครูอีกปี ส่วนคนอื่นพอเรียนจบอนุบาล ครูแม่งไล่ขึ้นชั้นประถมหมดเลยเว้ย ยกเว้นกูเนี่ยที่ยังอยู่ สงสัยจะถูกใจ เนื้อหอมตั้งแต่เด็กละครับ (แต่หนังเหม็นรึเปล่านี่ไม่แน่ใจ ตอนเด็กๆไม่ค่อยชอบอาบน้ำครับ)


“บอกตรงๆนะหัวกูไม่ไบรท์กะอิพวกนี้เลย “


ผมพูด ในขณะที่ยืนหันหลังพิงโต๊ะที่พวกไอ้ฮุนนั่งจัดพานกันอยู่ ไม่รู้ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ ผมเองก็ไม่เก่งอะไรพวกนี้อะครับ วาดรูประบายสีกูยังไม่เคยได้คะแนนเกินห้าเลย มองรู้เรื่องว่าเป็นรูปอะไรก็เก่งละ ก็คนมันไม่มีอะไรอะ มีแต่ใจ จะให้ทำไงน้อ


“... “


ไอ้พวกนั้นไม่ตอบ ผมมองไอ้ฮุนที่กำลังนั่งพับเพียบร้อยมาลัยอยู่บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ในขณะที่ไอ้ไคกำลังนอนหงายเอาหนังสือปิดหน้าอยู่บนตักไอ้ฮุน ส่วนแบคฮยอนก็นั่งจัดพันอยู่ข้างๆ อย่าถามว่าทำไมมีมึงแค่สี่คนอีกแล้ว ไม่มีเพื่อนคบแล้วหรือยังไง เอ้าไอสัด ก็ฟิคนี้กูเป็นพระเอก กูจะให้มีแค่นี้อะจะทำแมะ คนเยอะเรื่องก็เยอะ ใช่แมะๆ


“นั่งพับเพียบละมันไม่หนีบไข่หรอวะ “


ผมปีนขึ้นไปนั่งรุมพานดอกไม้บ้าง ชะโงกหน้าถามอิฮุนที่นั่งร้อยมาลัยอย่างมีสมาธิ ก้มหยิบดอกไม้มาจัดเรียงบนพานทองบ้าง


“เสร่ออีกละ มึงทำไม่เป็นก็เงียบๆมั่งเหอะ สองชั่วโมงมานี่มึงพูดไม่หยุดเลยนะไอสัด “


“ก็กูเหงาอะ คนมีคู่ไม่รู้หรอก “


ผมตัดพ้อ เอนตัวไปถูๆกะอิแบคที่นั่งจัดพานอย่างตั้งใจ มันไม่สนใจผมเลยอะ


“คู่ไหนละวะ “


“ก็อิก้อนดำๆที่อยู่บนตักมึงอะ อิจฉาอยากมีคนให้นอนตักมั่งง่อ “


พาลไปถึงอิดำที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวพลางเอาดอกหญ้าในมือไปแยงๆหูมันเล่น ไม่รู้มันนอนไปได้ยังไง ถ้าไอ้ฮุนไม่ได้นั่งพับเพียบอยู่ไอ้ไคอาจจะโดนไข่แม่งแทงหัวละก็ได้นะ อินี่ก็ใหญ่ไม่ใช่เล่น แต่ก็งั้นๆอะ ใหญ่น้อยกว่ากูหน่อยนึง


“มึงอย่าไปกวนมันมันเหนื่อย “ ไอ้ฮุนพูด ปัดมือผมออก


“เนี่ย! พวกมึงก็เป็นเงี้ย จะไม่ให้กูเป็นเด็กมีปัญหาได้แงะ เซ็ง เบื่อ ไม่มีใครรัก เหงา ไม่มีใครเล่นกะกูเลย เหี้ยะ! “


รู้สึกตัวเองเป็นกระเทยโอท็อปอิมพอร์ตจากอเมริกา ช่วงนี้พร็อพกูอาจจะเยอะไปสักหน่อย คนมันเครียดจะให้ทำยังไง ผมปาดอกหญ้าใส่หน้าไอ้ฮุนแล้วลุกออกมาจากโต๊ะในทันทีด้วยความงอนขั้นพีค วันนี้แม่งน่าหงุดหงิดชิบหายเลย อุตส่าห์เลือกมาทำพานจะได้ไม่ต้องเรียน แต่ไม่มีใครสนใจกูเลย แถมไอ้แบคก็เอาแต่สนใจแต่พาน นี่พวกมึงเห็นพี่ปาร์คเป็นตัวอะไร กูเป็นพระเอกนะไอสัด ทุกคนต้องรุมรักกูดิ แบบนี้มันไม่ใช่อะกิ๊บ แหม่




เมื่อไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ผมระเห็จระเหินมาอยู่บนดาดฟ้าของตึกวิทย์ ด้วยความที่อยากจะเท่ห์แบบในการ์ตูนญี่ปุ่น แบบที่พระเอกโดดเรียนมาแอบหลับบนดาดฟ้าไรเงี้ยเกร๋ๆ แล้วนางเอกขึ้นมาเจอ จากนั้นก็ตรั่บๆกันบนดาดฟ้า อืม .. ไม่ใช่ละ ไม่เสื่อมดิ วันนี้วันครู เอาใหม่ ผมขึ้นมาดาดฟ้า นั่นแหละ ก็อยากจะเท่ห์มั่งไรมั่ง แต่สภาพอากาศแม่งไม่เอื้ออำนวย ไอเหี้ย มึงรู้ปะ มันร้อนมาก ร้อนแบบหัวแทบแตก แดดแม่งไม่มีความเกรงใจพระเอกอย่างกูเลย แถมบนดาดฟ้าแม่งโล้นแบบไม่มีหลังคา ฝุ่นก็หนาเป็นนิ้วๆ ละยังมีซากวิญญาณถุงเท้าใครก็ไม่รู้อยู่ด้วย ผมเลยต้องล้มเลิกความคิดนั้นแล้วเดินคอตกกลับลงไปข้างล่าง กูอุตส่าห์เดินน่องบานขึ้นมาถึงชั้นห้า มันไม่เกร๋เลยอะมันไม่เกร๋


ด้วยความที่ไม่อยากกลับไปเรียน ผมเลยไปอยู่ที่สนามเด็กเล่นตรงตึกเด็กอนุบาลแทน ผมมองไปที่ตึกสามชั้นตรงนั้น ชั้นล่างสุดห้องริมขวามือ ผมจำมันได้ดี มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับแบคฮยอนในตอนอนุบาลสาม ยอมรับว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเรียนหนังสือรู้เรื่อง


“คิดถึงจังเลย “


ไล้มือไปตามสไลเดอร์ที่ถูกซ่อมแซมและทาสีใหม่ด้วยความคิดถึง สนามเด็กเล่นที่นี่ผมเล่นมาหมดแล้วทุกอย่าง และผมมักจะหนีคุณครูมาอยู่ในนี้เวลาที่รู้สึกไม่อยากเรียน ไม่อยากจะควยแต่ว่าสนามเด็กเล่นนี่ตอนเด็กๆพี่ปาร์คคุมนะครับขอบอก


ผมแทบจะวิ่งเข้าใส่ของเล่นทุกชิ้น ก่อนจะลงมือเล่นมันทีละอย่างๆจนหมด ตอนเด็กๆผมก็คิดว่ามันกว้าง แต่ตอนนี้ผมโตเป็นควายจนหมาเลียตูดไม่ถึงละ (ตอนแรกผมก็ว่าผมเป็นคนนะ แต่พอโตมา ไอ้แบคบอกว่าผมเป็นควายอะ อันนี้ผมก็งงๆ ) ถึงรู้ว่ามันเล็กนิดเดียวเอง


ผมคลานเข้าไปอยู่ในบ้านสำหรับเด็กขนาดย่อม มันเล็กและแคบมากเมื่อเทียบกับตัวผมในส่วนสูง185เซนติเมตร มองไปรอบๆ ในนี้ไม่มีหน้าต่างหรือกระจก ยกเว้นประตูพลาสติกตรงทางเข้าที่สามารถเปิดปิดได้เท่านั้น ผมเอนตัวลงนอนแล้วขดขาเข้ามา เพราะขาผมยาวเกินกว่าที่จะนอนสบายๆในที่แคบๆเช่นนี้ได้ ใช้สองมือรองท้ายทอยหนุนไว้ มองขึ้นไปบนเพดานที่ยังไม่ถูกทาสีใหม่ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา



ชานยอล    แบคฮยอน



ลายมือสับปะรังเคถูกเขียนด้วยสีชอล์กอยู่บนเพดาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตัวหนังสือที่เหมือนเอาเจี๊ยวเขียนนั้นเป็นของใคร ผมเอื้อมมือไปลูบมันเบาๆด้วยความคิดถึง รู้สึกดีใจที่ส่วนด้านบนของเพดานไม่ถูกทาสีทับลงไปใหม่เพราะคงเข้ามาได้ลำบาก




ชานยอล ตัวเองมือบอนอีกแล้วนะ เขียนแบบนี้ได้ไง ถ้าคุณครูเห็นเดี๋ยวก็โดนตีหรอก 

ครูไม่รู้หรอก ถ้าเค้าไม่บอก ตัวเองไม่บอก จะมีใครรู้ได้ไง 

แล้วทำไมตัวเองต้องเขียนชื่อเค้าด้วย แบบนี้คนอื่นก็รู้สิว่าใครทำ 

 ก็ตัวเองสอนเค้าเขียนหนังสือ เค้าก็เลยเขียนชื่อตัวเองไง 

แล้วทำไมต้องมีหัวใจด้วยล่ะ 

 ถามมากจัง ก็ตัวเองสำคัญไง




ผมหลุดหัวเราะ นึกถึงบทสนทนาอันแก่แดดแก่ลมของผมกับมันในตอนนั้น ตอนที่เข้ามาหลบฝนในบ้านของเล่นในขณะที่รอหม่ามี๊มารับกลับบ้าน ผมยังจำมันได้ทุกอย่าง ในช่วงแรกๆ ผมต้องคัดลายมือเป็นเล่มๆ แถมแม่งก็ตีมือผมเอาๆ กว่าจะเขียนหนังสือได้นี่มือแทบจะแบนเป็นเป็ดละไอสัด


ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นเบาๆตรงไหล่ ผมลืมตาขึ้นมอง แบคฮยอนยื่นลำตัวครึ่งบนเข้ามาในบ้านหลังแคบ มือเล็กสะกิดผมแรงๆหลายครั้ง นี่ถ้าผมไม่ถึกพอบางทีแขนผมอาจจะหลุดไปละก็ด้ะ อิห่า แรงฟวายจังเลย


“ไร “


“กะละว่ามึงต้องอยู่นี่ เหยิบๆ “


ผมหันไปตอบมัน ยังคงเคืองเรื่องเมื่อเช้า แม่งสนใจพานดอกไม้มากกว่าผม ไอ้แบคกลับทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วไล่ผมให้เขยิบไปชิดติดริมผนัง ผมขดขาเข้ามาอีกจนไข่กูแทบจะพับได้สามทบ คนตัวเล็กปีนเข้ามาทางประตู พื้นที่ที่ว่าแคบแล้วกลับยิ่งแคบหนักเข้าไปอีกจนอึดอัด ผมหันไปถอนหายใจใส่อิเตี้ยที่ตอนนี้ปิดประตูพลาสติกบานเล็กเข้ามาเรียบร้อยแล้ว


“โอ๋งอนพี่แบคอ่อครับนุ้งปาร์ค ง้อๆน้า “


“ง้อควยไร กูจริงจัง ออกไปเลย “


ผมยังคงรักษาฟอร์มเอาไว้ สะบัดแขนออกจากการจับกุมของฝ่ามือเล็ก มันจับผมเขย่าไปมาจนแทบจะกลายเป็นช็อกโกบอล ผมเบือนหน้าหลบใบหน้าน่ารักนั่นแล้วหันไปสนใจตีนตัวเองแทน ด้วยกลัวว่าความน่ารักของมันจะทำให้ผมใจอ่อน


“ไม่ได้ง้อควยๆๆๆๆๆ ง้อเจ้าของควย “


“ทะลึ่งละ “


หันไปผลักหน้ามันออกไปไกลๆ เนื่องจากใบหน้าสวยนั้นใกล้เข้ามามากจนเกินไปแล้ว มึงดูมันพูดดิ ปากแม่งน่าจับจูบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสักสิบห้าที คำพูดกะหน้าตานี่ไม่ได้เข้ากันซะเลย ใครสั่งใครสอนให้ทำตัวอัปปรีย์จังไรแบบนี้ ใช้ไม่ได้!


“กูทำพานเสร็จแล้ว ไปไหว้ครูกันน้า อย่าโกรธพี่แบคนะครับน้องปาร์ค “


“น้องปาร์คเตี่ยมึงดิ กูแก่กว่ามึงกี่ปี อย่ามาลามปาม ลงไป! “


ใจผมเต้นโครมครามเมื่อไอ้ตัวแสบเริ่มจะเขยิบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมที่นั่งขดขาอยู่กลับต้องยิ่งทำตัวลีบติดผนังเข้าไปอีกเมื่อใบหน้าน่ารักนั้นโน้มเข้ามาใกล้ ไอ้แบคคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแล้วแยกขาออกคร่อมผมเอาไว้ สองมือจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แน่นแล้วปีนขึ้นมานั่งบนตักเหมือนที่เคยทำบ่อยๆตอนเด็กๆ มันจะไม่อะไรเลยถ้าแม่งไม่เขย่าตัวขึ้นๆลงๆทิ้งสะโพกนิ่มลงบนตักให้ผมเสียวไข่เล่นเนี่ย


แง มันแกล้งกูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แง แข็งแล้ว แข็งแล้ว แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ T_T



“หายโกรธพี่แบคน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “


“อิเหี้ยT_T “


“น้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “


เสียงที่ไม่แตกหนุ่มสักทีตะโกนอยู่ข้างหูจนหูผมแทบแตก ขี้หูผมแทบจะออกมาเบรคแดนซ์กันอย่างเมามันส์เพราะเสียงแหลมๆของมัน น่ารำคาญเท่านั้นไม่พอ คนตัวเล็กขย่มขึ้นลงอีกพลางโยกหัวไปมาอย่างน่ารัก ผมว่าผมตายแน่ๆเลย ผมต้องตายแน่ๆ


“ฮรือว์ ออกปายT_T “


“ออกไป วู้ว ออกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ yeah


มันพูดว่าออกๆๆๆๆๆ แล้วร้องออกมาเป็นเพลง ทิ้งน้ำหนักตัวโยกไปตามจังหวะอย่างสนุกสนาน ผมได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมแล้วคอยประคองเอวคอดไว้ไม่ให้มันโยกหัวไปโขกเพดานข้างบน อิเหี้ย ที่ก็แคบ มึงยังจะมาขย่มๆๆๆกูอีก คิดว่ากูมีความอดทนอะไรขนาดนั้นเลยหรือไง


“อิเหี้ยแบคอย่า T_T 


“เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ ออกไป ออกไป้! โอ้ย! “

นั่น ไอ้แบคขย่มตัวไปมาจนหัวไปโขกกับหลังคาเข้าเต็มๆ คนตัวเล็กก้มหัวลงแล้วเลื่อนมือมากุมหัวตรงที่โขกไว้แน่นพลางร้องโอดโอย


“นั่นไง กูบอกละไม่ฟัง ไหนมาดูดิ้ หัวแตกไหมไอสัด “


ผมดุ ลืมความเป็นชายที่แข็งแกร่งตรงด้านล่างไปชั่วขณะ ผมจับไหล่บางให้โน้มตัวลงมาหา ก่อนจะจับข้อมือเล็กไว้ให้พ้นจากการบดบังบริเวณแผล ตรงหัวมันมีรอยถลอกเล็กๆอยู่ด้วย ผมยืดตัวขึ้นแล้วเป่าลมอุ่นๆรดลงไปเบาๆเพื่อคลายความเจ็บให้ ไอ้แบคครางซิ้ด มึงจะซิ้ดหาเตี่ยมึงหรอ แค่นี้กูก็จะทนไม่ไหวละนิ คนนะไม่ใช่พระอิฐพระปูน แหม่


“ซิ้ดดดดดด ..”


“ลุก จะไปไหว้ครูก็ไป “


ผมประคองเอวบางให้ลุกออกไปจากตัก คราวนี้คนตัวเล็กลุกตามอย่างว่าง่าย แล้วคลานออกไปทางประตูพลาสติกบานเล็กโดยที่มือยังกุมอยู่ที่บริเวณแผลอยู่ ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก




ไม่นานนักพวกเราทั้งสี่ก็ถือพานมายืนโง่อยู่หน้าตึกอนุบาล ปีนี้เราเลือกที่จะไหว้ครูสมัยอนุบาลของพวกเราครับ ซึ่งผมคิดถึงคิดถึ้งคิดถึงมากที่สุด ผมค่อยๆประคองพานทองที่ถูกประดับด้วยดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปด้านใน โดยที่ไอ้ไคและไอ้ฮุนก็ช่วยกันถือกระเช้าอันเท่าควายเดินตามหลังมา


“ฮัลเหลครับจารย์ จำผมได้ปะนิ “


เปิดประตูผ่างเข้าไปก็เจออาจารย์ประจำชั้นสมัยอนุบาลสามนั่งตรวจงานสวยๆอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเปล่าเปลี่ยวเอกา เพราะตอนนี้บ่ายสามละ พวกเด็กนรกแม่งกลับบ้านกันไปหมดละครับ เหลือแต่พวกเด็กมัธยมที่ยังจะต้องมีชีวิตต่อไปอีกสองคาบ แต่พวกผมก็โดดเรียนมาเกร๋ๆ


“อ้าว เธอ ชานยอล ปาร์คชานยอลใช่รึเปล่า “


“อ่านป้ายชื่อดิครับครูมีตาไว้ทำไมนิ “


ว่าแล้วก็แอ่นนมให้จารย์ดูป้ายชื่อที่ปักอยู่ตรงอกเสื้อนักเรียน อาจารย์หัวเราะแล้วถอดแว่นออกพลางหันหน้ามาหา เขาคงไม่ถือสาผมหรอก ก็รู้ว่าผมนิสัยเงี้ย เป็นไง บอกละ ครูอนุบาลแม่งเจ๋ง ถึงแม้สิบเจ็ดปีผ่านไปแล้ว หน้าอาจารย์ก็ยังเหมือนเดิม อาจจะดูแก่ลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีละอองความใจดีเคลือบอยู่บนรอยตีนกาเหล่านั้น


“มาหาครูมีอะไรรึเปล่า “


“เอาซองผ้าป่ามาให้อะครับ จะให้ครูช่วยทำบุญซะหน่อย “


ผมวางซองสีขาวไว้บนโต๊ะตรวจการบ้าน ครูทำหน้าสตั๊นไปประมาณแปดวิ แล้วล้วงกระเป๋าตังออกมา ผมขำ


“ล้อเล่นๆ อันนี้เป็นจดหมายที่พวกผมเขียนถึงครูอะครับ ถึงจะแบบลายมือส้นตีนไปหน่อยแต่เขียนจากใจ “


ผมนั่งลงที่พื้นข้างๆโต๊ะ ไอ้พวกที่เหลือสามคนก็นั่งตาม กระเช้าผลไม้ถูกวางลงบนโต๊ะ ผมมองครูที่ค่อยๆดึงจดหมายออกจากซองด้วยมืออันสั่นเทา รู้สึกลุ้นๆยังไงไม่รู้ว่ะ ครูจะปลื้มไหมน้าๆๆๆๆ


“อ่านออกปะครับ อ่านไม่ออกถามได้ ๆ “


ผมคอยชะเง้อมองว่าครูอ่านไปถึงไหนแล้ว กระดาษแผ่นค่อนข้างยับเพราะพวกผมสี่คนแย่งกันไปมา ลายมือเหี้ยๆตรงท้ายกระดาษนั่นเป็นของผมเอง ส่วนตรงที่เกริ่นนำพารากราฟแรกเป็นของไอ้ฮุน ลายมือแม่งขอมมาก พอๆกับไอ้ไคในพารากราฟถัดมาที่ลายมือค่อนข้างจะไปทางพม่า สรุปทั้งแผ่นรู้เรื่องอยู่สองบรรทัด


“อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ครูซึ้งมาก ขอบใจนะพวกเธอ “


“เบๆครับครู ทีนี้พนมมือเร็ว เดะพี่ปาร์คให้พร “


เห็นครูแอบซับน้ำตาด้วยความปลื้มปิติผมก็อดดีใจไม่ได้ ผมหันไปหาไอ้แบคให้ยกพานมาตั้งตรงหน้า กำ ครูแม่งเสือกบ้าจี้พนมมืออีก ทีนี้ทำไงละมึง ยะอะปะรามะตังทิพาจะนังนี่ใช้ไม่ได้ละนะ เล่นไปแล้ว กูไม่ชอบเล่นมุขซ้ำ


“อ่า ผมก็ขอให้ครูมีแฟนหล่อๆ ลงจากคานไวๆ ละก็มีสุขภาพแข็งแรง ขออย่าให้เจอนักเรียนจังไรแบบผมอีกเลย ขอบคุณที่สอนผม ดูแลผมให้โตขึ้นเป็นคนปกติ ขอบคุณที่ไม่ทำให้ผมต้องซ้ำชั้นอีกรอบ อ่าละผมก็มีเรื่องจะสารภาพบานเลยอะ ผมขอโทษที่ดื้อกับครู ชอบเถียง ไม่ยอมให้ครูตี ต้องให้ครูถือไม้เรียววิ่งไล่ผมทุกวันเลย ไม่รู้เก๊าท์แดกรึยังนะป่านนี้ ดูแลสุขภาพมั่งนะครับ ละก็คนที่เอาตะปูเรือใบไปโรยตรงหน้าห้องพักครูอะ ผมเอง ขอโทษที่แอบมองเกงในครู ผมไม่ได้ตั้งใจนะ แต่ตามันมองเอง แล้วก็ขอโทษที่ผมก้าวร้าว ทำนิสัยไม่ดี ซ้อรี่ที่นินทาครูมาอย่างแสนสาหัส จะบอกว่าคนที่เอาดินน้ำมันไปอุดท่อไอเสียรถครูอะคือผม ละคนที่เอาหมากฝรั่งไปแปะไว้บนเก้าอี้ครูก็ผมอีกอะครับ โหมีอีกบานเลยแต่คิดไม่ออกละ มีแค่เนี้ย รักๆครูนะครับ สารังเห้ “


ยาว.. ยาวเลยมึง ผมยื่นมือไปโบกๆตรงหน้าครูที่ตอนนี้เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว พูดไปน้ำตาก็ปริ่มๆนะ รู้สึกขนลุกชูชันไปหมด ครูฟังผมอยู่ปะเนี่ย อิสองคนข้างหลังนี่แม่งก็อะไร ไม่สำนึกในบุญคุณละยังมาคุยเล่นคิกคักกันอีกไอสัด ไม่เคารพครูก็ออกไปเลยไป


“ครู เฮลโหล้ ครู !


ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ เอ๊ะหรือจิตจะหลุดไปแล้วจริงๆ จนผมต้องตบมือดังๆตรงหน้า ครูถึงหลุดออกจากภวังค์ ผมขมวดคิ้ว อะไร สารภาพแค่นี้ถึงกับช็อค โห่


“เอ้อ! อื้ม ขอบใจนะๆ “


“ไม่เป็นไรครับเรื่องแค่นี้ ขี้ๆ “


“ครูซึ้งมากจริงๆ “


“เชื่อครับเชื่อ อะพวกมึงกราบ สาม สี่ “


หันไปสั่งอิสามตัวที่เหลือที่ตอนนี้จับกลุ่มเม้ามอยกันอย่างไร้สำนึก ผมจัดการอัญชลี วันทา อภิวาทไปสามจบ ก่อนจะเดินตัวปลิวออกมาจากห้องอย่างเป็นสุข เห้อ ในที่สุดผมก็ได้แต่งความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์บ้างซักที มีฟามสุขครับ




จนกระทั่งเลิกเรียน ประตูโรงเรียนถูกเปิดพร้อมกับเหล่านักเรียนที่วิ่งออกจากรั้วโรงเรียนกันอย่างร่าเริงประหนึ่งสวนสัตว์แตก และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมปั่นจักรยานคิตตี้อย่างเร็วด้วยความไวแสงออกไปจนพ้นรั้ว อยากจะกลับบ้านใจจะขาด อิจฉาอิพวกมีมอไซค์ขับ ไอ้ไคกับไอ้ฮุนพากันแว๊นออกไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ประตูเปิด แม่งบิดทีเดียวไปถึงปากซอยละ กูนี่ต้องคอยออกแรงถีบจนน่องแทบระเบิด แถมอิเตี้ยที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังแม่งก็อ้วนขึ้นทุกวัน ผมชักไม่แน่ใจละว่ามันหนักมากกว่าผมรึเปล่า


“เอ้ย กูลืมของไว้ที่โรงเรียน เดะมา มึงรอนี่แหละ “


ปั่นมาถึงหน้าบ้านก็ดำเนินตามแผนการทันที ไอ้แบคลงจากเบาะหลังแล้วพยักหน้าหงึกหงักอย่างงงๆกลับมาให้ผม ก่อนจะรับกุญแจบ้านจากผมแล้วเดินเข้าบ้านไป ผมปั่นจักรยานย้อนกลับมาทางเดิมอีกรอบ ตรงไปยังร้านขายช่อดอกไม้ที่อยู่ถัดจากซอยบ้านไอ้ไคไปอีกสองซอย นอกจากคุณครูสมัยอนุบาลแล้ว ผมยังมีครูอีกคนที่ยังไม่ได้ไหว้


“ขอโทษทีครับ ช้าไปนิด 55555555555 “


เปิดประตูผลั้วะเข้าไปแล้วยิ้มน้อยๆให้พี่สาวใจดี โค้งให้นิดๆแล้วเดินเข้าไปหา นูน่าคนสวยอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวและผ้ากันเปื้อนสีครีม ในมือมีดอกไม้สีม่วงอยู่หนึ่งกำ ผมเดินตรงไปที่โต๊ะที่ใช้วางของสำหรับจัดช่อดอกไม้ที่อยู่ตรงกลางร้าน ยกมือไหว้อาเจ๊ไปทีหนึ่งแล้วคว้ากรรไกรมาช่วยตัดกิ่งและหนามออกจากก้าน


ผมรู้จักกับนูน่าใจดีเมื่อตอนมอต้นครับ มันจะมีช่วงนึงที่กลับบ้านดึกๆทุกวันเพราะต้องอยู่ซ้อมดนตรีที่โรงเรียน ทุกครั้งที่เดินผ่าน ผมจะเห็นนูน่าปิดร้านอยู่คนเดียวทุกวัน ด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี .. ไม่เอาไม่ตอแหลดีกว่า เอาใหม่ ด้วยความเสร่อบวกกับหน้าม่อนิดๆ ผมจึงไปช่วยอาเจ๊คนสวยปิดร้านทุกวันจนสนิทกันไปละ เจ๊แกใจดีครับ น่ารัก น่าเป็นแม่ของลูก


“ช่อนี้จะเอาไปให้ใครคะเนี่ย ลงทุนมาทำเองเลย “


“ให้คุณครูครับ วันนี้วันครู “


“คุณครูคงปลื้มใจน่าดูนะหืม “


นูน่าพูดแล้วยิ้มออกมาในขณะที่จัดดอกไม้ปักเรียงไว้บนโอเอซิส ผมได้แต่หัวเราะ ก้มหน้าก้มตาตัดหนามออกจากก้านดอกไม้ทีละก้าน กว่าจะเสร็จทั้งหมดก็ได้แผลไปเยอะพอสมควร


“เออนูน่าครับ ไอดอกไม้เนี่ย ถ้าเราจะบอกว่าเรารักเค้า ต้องใช้ดอกอะไรหรอครับ ? “


“กุหลาบไงคะ สีชมพู กับสีแดง น่าจะสื่อความหมายได้ดีที่สุด “


นั่งชวนคุยไปเรื่อยๆ นูน่าเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานและน่าหลงใหลมากจริงๆ จัดดอกไม้ก็สวย ทำงานก็เก่ง แถมยังอยู่คนเดียว ผมว่าบางทีเจ๊แกน่าจะมีแฟนได้ละนะ ไม่น่าโสดเลย ถ้าไม่ติดว่าผมชอบไอ้แบค บางทีผมอาจจะชอบนูน่าก็ได้นะ นมก็ไม่ใช่เล็กๆ


“เอ่าละอย่าง กุหลาบสีดำในตู้อะครับ มันหมายถึงอะไร “


ผมชี้ไปที่ดอกกุหลาบสีดำเพียงดอกเดียวที่อยู่ในตู้แช่เย็น มันดูล้ำค่าและน่าสนใจมากเลยทีเดียว ดูท่าว่ามันจะหายากมากๆซะด้วย


“กุหลาบสีดำ รักอันเป็นนิรันดร์จ้ะ “


“อ่อ .. “


ผมพยักหน้า มองออกไปข้างนอกร้านผ่านกระจกบานใส



รักนิรันดร์.. หรอวะ ?



“แล้วถ้าผมจะขอซื้ออันนั้น ได้ปะครับ “







จนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้ม หลังจากที่ช่วยนูน่าคนสวยปิดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมปั่นจักรยานกลับบ้านพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ผมเป็นคนจัดเองกับมือ ภายในมีดอกคัตเตอร์สีขาวเหลืองดอกเล็กๆอยู่รอบ และตรงกลางเป็นดอกกุหลาบสีดำที่ผมเล็งมันไว้ตั้งแต่เข้าไปในร้าน ทั้งหมดถูกห่อด้วยกระดาษแก้วสีขาว และกระดาษมันลายจุดสีครีม มัดด้วยเชือกป่านสีน้ำตาลอ่อน และผูกทับด้วยริบบิ้นสีขาวเรียบดูเข้ากัน


“... “


ผมยิ้ม มองช่อดอกไม้ที่ถูกวางอย่างทะนุถนอมบนตะกร้าหน้ารถ ถึงแม้ว่าฝ่ามือของผมจะเต็มไปด้วยพลาสเตอร์ปิดแผลเป็นสิบๆอัน แต่ผมภูมิใจที่ได้เป็นคนทำมันด้วยตัวเอง และผมมั่นใจว่าคนที่ได้รับจะต้องดีใจอย่างแน่นอน


“เฮ้ย! “


เบรกจักรยานกะทันหันจนหัวแทบทิ่ม เมื่อขี่ไปเกือบจะถึงบ้านเพื่อนสนิท ถึงแม้ว่าฟ้าใกล้จะมืดแล้วก็ตาม แต่ที่ผมเห็นชัดเต็มสองลูกกะตา ไอ้ไคกับไอ้ฮุน กำลังยืนจูบกันอยู่ตรงเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน ผมเหลือกตาด้วยความตกใจ จอดจักรยานนั่งดูด้วยความสงสัย


“พลั๊ก! “


ยังไม่ทันจะได้ดูฉากดีพคิส ไอ้ไคก็โดนไอ้ฮุนผลักออกไปกระแทกกับตู้โทรศัพท์ข้างๆกัน ไอ้ฮุนกำหมัดทุบอั้กรัวๆลงบนไหล่ไอ้ไคจนผมรู้สึกเจ็บแทน ไอ้เหี้ยกูงง ตกลงยังไง ไอ้ไคมันชอบพี่ลู่ไม่ใช่หรอวะ แล้วไอ้ฮุนก็มีซัมติงกับพี่ลู่หานอยู่ เอ้าแล้วพวกมึงมาจูบกันได้ยังไง เอ้าแล้วพี่ลู่กูละไอสาดดดดดดดด  มึงเอากันเองแล้วพี่เหี่ยวของกูจะอยู่กะครายยยยยยยยยยยยย


“ฮ่าๆ “


ไอ้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูกของไอ้ไคแล้วยิ่งเพิ่มความโง่งงงวยให้ตัวเองยิ่งขึ้นไปอีก ผมเกาหัวแกรกๆจนเหากระเด็นออกมาเป็นสิบๆตัวละมั้งไอสัด ไอ้ฮุนวิ่งหนีเข้าบ้านไปแล้ว ไอ้ไคที่โดนซัดไปซะน่วมยังไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ นอกจากหัวเราะแล้ววิ่งตามเข้าไปในบ้าน ผมงง จะมีใครอธิบายให้กูฟังได้บ้าง


“อะไรของพวกแม่งวะ “


ก็ได้แต่พูดเท่านั้น เพราะคงไม่มีใครมาตรัสรู้ด้วย ผมชะโงกหน้าดูช่อดอกไม้ที่ผมตั้งใจทำว่ามันยังอยู่ดีหรือไม่ ก่อนจะออกแรงปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างเร่งรีบ ฟ้ามืดแล้ว ป่านนี้คุณครูของผมคงจะรอนานแล้วเหมือนกัน


ปั่นจักรยานทีมชาติหนียุงมาจนถึงหน้าบ้าน ยุงแม่งมีความสามารถพิเศษมากครับ มันสามารถฝ่าดงป่าสาหร่ายของขนขาผมเข้ามาเพื่อเจาะเลือดกรุ๊ปเอของผมไปแดกอย่างหน้าด้านๆ เจ็บจิ๊ดๆครับแม่งคัน แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าหลังจากแดกจนอิ่มและสาแก่ใจแล้ว มันจะออกมาได้รึเปล่าถ้าไม่มีแผนที่ เพราะพื้นที่บริเวณขนขาของผมก็แอดเวนเจอร์พอสมควร


จอดจักรยานแล้วเดินถือช่อดอกไม้เข้าไปในบ้านด้วยใจระทึก ชะโงกหน้าดูที่ห้องครัวก็ไม่พบคุณครูที่ผมตามหา ผมจึงเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก แทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงสีหน้าของคุณครูตอนที่ได้รับช่อดอกไม้จากผม  


“แกร๊ก  “


เปิดประตูเข้าไปก็เป็นอย่างที่คิด แบคฮยอนกำลังนั่งหันหลังอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ผมซ่อนช่อดอกไม้ไว้ข้างหลัง ค่อยๆเลื่อนประตูปิดเบาๆแล้วย่องเข้าไปหาอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ คุณครู ของผมได้ทันรู้สึกตัว


“ไอเชี่ยตกใจ “


คนตัวเล็กสะดุ้งจนทำดินสอในมือหล่น เมื่อผมยื่นช่อดอกไม้ไปไว้ตรงหน้า ในขณะที่ผมยืนซ้อนอยู่ข้างหลังมัน แบคฮยอนหันกลับมาหาผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย น่ารักจัง


“ดอกไม้สำหรับคุณครูครับ ต้องกราบตีนด้วยปะนิ “


“ไอ้บ้า ! “


มันด่าแล้วก็ตีแขนเข้าให้อีกที แรงมันเยอะใช่เล่น ผมกุมแขนตัวเองพลางหัวเราะ ยัดช่อดอกไม้ใส่มือมันแล้วยิ้มกว้าง


“เออ ขอบคุณ “


“ครับ รักครูครับ 5555555555555555555555555555555 “


ผมได้แต่ยืนเกาคอแก้เก้ออยู่อย่างงั้น พูดไปแล้ว ถึงแม้มันจะดูไม่จริงจังเพราะตอนนี้ผมอาจจะยังไม่พร้อม แต่ก็ถือซะว่าบอกมันทางอ้อมละกัน ไอ้แบคยืนก้มหน้าอยู่กับช่อดอกไม้ที่ผมทำให้ แก้มนิ่มนั้นแดงปลั่งทั้งสองข้าง น่ารัก น่ารัก น่ารัก


“เอามาให้กูทำไมวะ “


มันถาม ยังมุดอยู่กับช่อดอกไม้อยู่อย่างนั้น สงสัยจะไม่กล้าสบตาผมแหงๆ ก็เงี้ย คนมันหล่อให้ทำแงะ


“มึงเป็นครูคนแรกที่สอนกูรู้เรื่องเลยนะ ไม่มีมึงกูคงซ้ำชั้นอยู่อย่างงั้นอะ “


“แล้วนี่อะไร “ มันถาม ปลายนิ้วเล็กไล้วนอยู่บนการ์ดเล็กๆสีครีมที่แขวนอยู่กับช่อดอกไม้


“อ่อ โน้ตอะ มึงอ่านดิ กูตั้งใจเขียนนะ จากใจเลย “


“อ่า .. “ ไอ้แบคพยักหน้า ก่อนจะเปิดมันออก ผมชะโงกหน้ามองอย่างลุ้นๆ




ปาเจรา จาริยา โหนติ คุนุตารา นุสา สกา.. เร้กเก้
.......................................................................




“ไอเหี้ยชานยอล !!!!!!!!!!!!!!!!! “


“โอ้ย!! โอ้ยๆ ตีกูทำไมเนี่ย “


ผมวิ่งหลบไปทั่วห้อง ไอ้แบคอ่านจบก็ทิ้งช่อดอกไม้ลงพื้นแล้วไล่ตีผมใหญ่เลย ไอสัด กูผิดอะไรวะเนี่ย


“มึงหยุด! หยุดเดี๋ยวนี้ไอสัด กวนตีนนัก มาให้กูกระทืบเดี๋ยวนี้! “


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


“หยุด! มาให้กูฆ่ามึงเดี๋ยวนี้ “


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”





END


1 ความคิดเห็น: