วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 7








ทุจริตนะคุณปาร์ค คุณหมดสิทธิ์สอบวิชานี้







ผมเดินตามหลังอาจารย์ไปเรื่อยๆทั้งๆที่ขาชาจนมาถึงที่หน้าห้องพักครู ประตูกระจกถูกเปิดออกพร้อมกับแอร์เย็นๆที่ปะทะผิวกาย ผมค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องนั้นก่อนที่ประตูจะปิดลงช้าๆ ความหนาวไปถึงขั้วกระดูกทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งๆที่ตอนนี้เสื้อนักเรียนของผมชุ่มไปด้วยเหงื่อ





“ไหน คุณมีอะไรจะแก้ตัวไหม “





“ผมไม่ได้ทุจริต “ ผมตอบ จ้องหน้าอาจารย์ไปตรงๆ





“แต่อาจารย์ที่คุมสอบคุณบอกว่าคุณทุจริต “ อาจารย์พูด ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงกอดอกมองผมข้ามโต๊ะหนังสือ ทันสบตากับสายตาคมๆที่จ้องจับผิดนั้น ผมเหลือบตาขึ้นไปข้างบนอย่างอ่อนใจ พูดไปก็เหมือนแก้ตัวอยู่ดี





“ผมไม่ได้ทุจริตจริงๆ “ ผมตอบกลับไป พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างถึงที่สุด





“คุณรู้ไหมทุจริตมีโทษอะไร “





“พักการเรียนครับ”





“แล้วคุณรู้ไหมโกหกมีโทษอะไร “





“ไม่ทราบครับ “







ผมตอบกลับไปอย่างเหลืออด ดูเหมือนอาจารย์จะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกผมเท่าไหร่ ใบหน้าที่ดูสะใจนั้นยกยิ้มเหยียดให้ผมนิดๆ การหัวเราะหึๆใส่เป็นอะไรที่ผมเกลียดมากที่สุด ผมขบกรามแน่น รู้สึกว่าอารมณ์เดือดนั้นกำลังจะปะทุออกมาในไม่ช้า





“ดูเหมือนเราคงจะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันนะคุณปาร์ค “





“จารย์หมายความว่าไง “





“เพราะจากที่ดูๆแล้ว คะแนนสะสมของคุณก็เหลือไม่เยอะเท่าไหร่ งานผมคุณก็ส่งเลท คะแนนจิตพิสัยก็ไม่มีเหมือนคนอื่นๆ ทั้งๆที่วิชาที่หน่วยกิตเยอะแบบนี้คุณควรจะให้ความใส่ใจ“ อาจารย์พูดไปเรื่อยๆ ก้มหยิบกระดาษปึกหนึ่งจากในเก๊ะแล้ววางมันลงตรงหน้าผม





“ความประพฤติคุณก็ใช่ว่าจะดี ชื่อเสียงคุณก็กระฉ่อนพอตัวนี่คุณปาร์ค “





ผมเงียบ







“ดังนั้นผมว่า ผมกับผู้ปกครองของคุณควรจะคุยกันหน่อยไหม “





“ไรนะจารย์! “





ผมลืมตัวก้าวเข้าไปติดโต๊ะทันที เท้าฝ่ามือลงกับกระจกใสบนโต๊ะ คิ้วของผมเริ่มขมวดจนแทบจะชนกัน ไอห่านี่มันก็เกินไปปะ ผิดผมก็ไม่ได้ผิด คือมึงไม่ยุติธรรมเลยอะ ทำไมไม่ตรวจสอบอะไรก่อนวะแล้วค่อยมากล่าวหา แถมยังเรียกผู้ปกครองอีก แบบนี้มันเกินไปจริงๆ





ถึงผมจะทำตัวเหี้ยแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยต้องให้แม่มารับรู้ในด้านไม่ดีของผม ผมไม่เคยเอาปัญหาที่โรงเรียนกลับไปที่บ้าน ผมเห็นใจแม่ที่ตั้งใจทำงานคนเดียวหาเงินและให้ความรักแบบที่ใครไม่เคยให้กับผม ผมถึงได้ทำตัวน่ารักร่าเริงตลอดเพื่อให้แม่หายเหนื่อย ผมไม่อยากให้แม่ผิดหวัง









แต่มึงเรียกผู้ปกครอง เพราะแค่ลูกเต๋าลูกเดียวเนี่ยนะไอสัด









“ได้ยินตามนั้น เรามาคุยกันว่าจะเอายังไงต่อไปกับความประพฤติของคุณ ดีไหม ? “





“ไม่ดีอะจารย์ ไร้สาระ ..แล้วผมก็ไม่ได้ทุจริตด้วย “ ผมตอบ หมุนตัวหันหลังกลับ





“หรือจะให้ผมโทรหาผู้ปกครองของคุณเลยดีนะ ? ดีไหม ผมขอเบอร์ผู้ปกครองของคุณจากอาจารย์ประจำชั้นก็ได้นี่ “







แต่เสียงนั้นทำให้ผมที่กำลังจะผลักประตูออกไปต้องชะงัก หันกลับไปประจันหน้าอาจารย์ประจำวิชาอีกครั้ง





“จารย์จะเอาไงอะ “





ผมถาม เอียงคอน้อยๆ สีหน้าและท่าทางตอนนี้ของผมคงดูหาเรื่องสุดๆ ไอสัดมึงมา ถ้ามึงจะเอา กูก็พร้อมจะไฝว้





“ผมก็แค่ต้องการให้คุณสำนึก “ อาจารย์ตอบเสียงเรียบ จะผิดไหมถ้าผมอยากจะต่อยเขา





“อะผมสำนึกละ ละยังไงต่อ “





“และคุณต้องได้รับโทษ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ เพื่อที่นักเรียนคนอื่นๆจะได้ไม่ทำผิดเหมือนอย่างคุณ “





“อะไรวะ จารย์พูดไม่รู้เรื่องละเนี่ย หิวข้าวป่าว ผมเดินไปซื้อให้เอาแมะ “





ผมถาม เหมือนจารย์แม่งพาออกอ่าวไปแล้วไอสัด กูแค่ทอยลูกเต๋าในห้องสอบเนี่ยนะหาว่ากูทุจริตแถมแม่งยังลากเอาทุกเรื่องมายำรวมกันอีก ไอสัด อาจารย์ฝ่ายปกครองยังไม่ทำกะกูถึงขนาดนี้เลยนะ นี่มึงใครเนี่ย จะไฝว้ใช่ปะ





“ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นของคุณนะคุณปาร์ค “





“แล้วผมใช่เพื่อนเล่นจารย์ปะ เวลานี้เป็นเวลาที่ผมควรจะได้ไปนั่งสอบเหมือนคนอื่นๆ ผมไม่ได้ทุจริตปะ จารย์เอาไรมายืนยันว่าผมทุจริตอะ มีหลักฐานปะ “ ผมแรปใส่ เริ่มรู้สึกว่าขึ้นแบบลงไม่ได้ เอาเลย ถ้าจะไฝว้มึงก็มา







“นอกจากพฤติกรรมจะแย่แล้ว มารยาทคุณก็ยังแน่อีกนะคุณปาร์ค ที่บ้านไม่สอนคุณให้พูดจาสุภาพกับผู้ใหญ่หรอ “ อาจารย์พูด กอดอกนั่งพิงเก้าอี้แล้วเงยหน้ามองผม





“แล้วจารย์ทำตัวน่าเคารพปะเนี่ย เป็นผู้ใหญ่คิดเป็นปะครับ หลักฐานก็ไม่มี พูดมั่วชิบหาย จะให้ผมไปสอบได้ยัง ผมไม่ได้สอบของจารย์แล้วยังจะไม่ได้สอบคาบสุดท้ายอีกอ่อ “





“... ผมว่า เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะคุณปาร์ค ไว้พรุ่งนี้เรามาคุยกันใหม่ แต่ถ้าคุณไม่มา มิดเทอมที่เหลืออีกสองวัน คุณคงจะรู้ใช่ไหมว่ามันจะไม่มีชื่อคุณอยู่ที่บอร์ดหน้าห้องสอบ “





“... “





ผมถอนหายใจ กำหมัดแน่นด้วยอารมณ์ที่อยากจะระเบิดออกมาเต็มที่ แม่งแย่ชิบหายเลยแบบนี้





“กลับไปเข้าสอบได้แล้ว “







.





.













“แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ “





“ไม่รู้ “





ผมที่ตอนนี้เอาหน้าถูไปกับโต๊ะเงยหน้าขึ้นมาตอบไอ้ไคที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้ามันดูเป็นกังวลมากกว่าผมซะอีก ทุกคนตอนนี้ดูเครียดกันมากจนไม่เป็นอันกลับบ้านกลับช่อง พวกเราเลยมาลงเอยอยู่ที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งแถวซอยโรงเรียน ผมที่ตอนนี้ทำหน้าซังกะตายตั้งแต่ออกมาจากห้องพักครูโบกมือเรียกบ๋อยที่เดินผ่านโต๊ะไปเพื่อสั่งกับข้าว





“มีเหี้ยไรอร่อยจัดมาอย่างละสอง แล้วเอาเหล้ามาเลยน้อง “





“เฮ้ยไอเชี่ยยอล ! “





ไอ้ฮุนที่นั่งตรงข้ามผมตบเข้ากลางกบาลก่อนจะหันไปสั่งใหม่ ตอนนี้ผมรู้สึกอยากทำอะไรที่มันสุดๆมากแบบไม่ไหวละ ถ้าเสพยาได้ที่กูเสพไปแล้ว ไอสัดมันไม่ไหวจริงๆอะ คือถ้าคุณเคยโดนเรียกผู้ปกครองหรือโดนอะไรแนวนี้ละคุณไม่ได้ผิด คุณจะเข้าใจความรู้สึกผมเลยเว้ย แม่งเป็นไรที่ส้นตีนมากจริงๆ





“อย่าเครียด เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปเป็นเพื่อน แดกๆไปซะ “





ไอเตี้ยหันมาบอกผมแล้วเลื่อนจานผัดผักบุ้งมาไว้ตรงหน้า ข้าวต้มร้อนๆถ้วยเล็กสองถ้วยก็ถูกเลื่อนตามมา ผมมองหน้ามันด้วยสีหน้าซังกะตายสีหน้าเดิมที่ทำมาตลอดครึ่งวันบ่าย





“มึงจะให้กูแดกข้าวต้มกับน้ำผัดผักบุ้งหรอไอฟาย กูบอกว่ากูไม่แดกผัก เคยใส่ใจกูบ้างไหม “





“ก็กูใส่ใจถึงให้มึงแดกนี่ไง ทำไมงี่เง่าตลอดเลยวะ “





“อืมกูมันงี่เง่า!”





ผมตอบประชดมันไปก่อนจะดึงถ้วยข้าวต้มมาแล้ววักน้ำผัดผักใส่จนน้ำในจานแห้ง ได้ กูกินอย่างงี้ก็ได้





“ไอ้ฮุนมึงปล่อยมัน อย่าไปโอ๋มัน “





หันขวับไปค้อนคนข้างๆซึ่งตอนนี้กำลังนั่งจัดจานกับข้าวที่เด็กเสิร์ฟเอามาให้ด้วยอารมณ์งอนขั้นแอดวานซ์ ไอ้ฮุนที่กำลังจะตักกับข้าวอย่างอื่นใส่ถ้วยผมก็เป็นอันต้องแดกเองไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครชอบไอแบคโหมดนี้ มันดูอันตรายเกินกว่าจะต่อกรได้









ใจร้ายนักนะไอสัด ไม่ง้อก็ได้ เชอะ ..









.

.









กริ๊งงงงงงงงงงงงงง









ผมรีบกดปิดนาฬิกาปลุกที่แปดเสียงร้องดังอยู่บนหัวเตียงทันทีด้วยกลัวว่าอีกคนจะตื่น ลืมตาช้าๆ นอนบิดขี้เกียจแบบเวอร์ชั่นระบำใต้น้ำด้วยความเมื่อยล้า หันไปมองไอ้แบคที่นอนหลับอยู่ข้างๆก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มันยังหลับอยู่ .. อาใช่ครับ มันมานอนบ้านผมตั้งแต่วันที่หม่ามี๊ไปเมกาละ ด้วยความที่ว่าผมกลัวผีและไม่ชอบนอนอยู่บ้านคนเดียว มันก็เลย(ถูกผมบังคับให้)ขนข้าวของมานอนบ้านผมได้อาทิตย์กว่าๆแล้วล่ะครับ







ลุกไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกเคว้งคว้างที่ข้างไข่เมื่อไม่มีกางเกงในคอยพยุง ผมจึงรีบเปิดตู้หยิบเกงในมาใส่ก่อนที่มันจะเป็นไส้เลื่อนไปเสียก่อนเพราะของผมเองก็ใหญ่ใช่เล่น และก็พบว่าคนที่ครางเป็นหมาหงอยอยู่ข้างๆหูทุกคืนได้ตื่นขึ้นมาแล้ว มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาอย่างงัวเงียและน่ารัก ผ้านวมผืนใหญ่ตอนที่ห่มด้วยกันสองคนมันก็ดูพอดีอยู่หรอก แต่พอมันคลุมอยู่บนตัวไอ้หมาแค่คนเดียวแล้วดูเหมือนว่าผ้าห่มผืนนั้นจะใหญ่เกินไปเสียด้วยซ้ำ เหมือนก้อนนุ่มนิ่มอะไรสักอย่างที่โผล่มาให้เห็นแค่หัว .. ผมหลุดหัวเราะ









แบคฮยอนเวลาตื่นนอนน่าฟัดทุกวัน









“นี่เพิ่งเจ็ดโมงเอง นอนไปก่อนก็ได้มึง เดี๋ยวบ่ายๆกูกลับมาอ่านหนังสือด้วย “





ผมบอกมัน จริงๆให้มันนอนไปอะดีละ เพราะว่าวันนี้เขาหยุดให้อ่านหนังสือ ไม่มีการเรียนการสอน แต่ผมนี่ดิต้องไปเพราะงานงอกอยู่ ผมหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อนักเรียนมาใส่ ส่วนกางเกงก็ไปรื้อเอาในตะกร้าที่ยังไม่ได้ซักแล้วมาสะบัดๆ ใส่ได้ต่ออีกสองวัน สะอาดซะไม่มี





“... “





แบคฮยอนไม่ตอบ เหมือนมันจะยังตื่นไม่เต็มตาเท่าไหร่นัก มันมองหน้าผมแล้วอ้าปากหาววอดแบบไม่เกรงใจใคร แถมยังไม่ปิดปากอีกต่างหาก ก่อนจะล้มตัวลงนอน คนตัวเล็กจมหายไปกับผ้านวมผืนใหญ่อีกครั้ง ผมหัวเราะ ส่ายหน้าน้อยๆในความน่ารักน่าหยิกของมัน













“ขอให้ลูกช้างโชคดีในวันนี้ด้วยเถิด “







ผมที่ตอนนี้กำลังยกมือไหว้ศาลเจ้าหน้าบ้านอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก คือพนมมือไปก็ขำไป นี่ผมไม่เคยคิดจะพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเลยมาจนวันนี้นี่แหละ ไหว้เสร็จก็ซัดพวงมาลัยไปซักสอง วางห้อยไว้กับเสาข้างๆกัน ก่อนจะถอนหายใจพรืดอย่างเหนื่อยใจกับตัวเองอีกครั้งแล้วเดินจากมา





เดินมาจนถึงปากซอยก็แวะซื้อหมูปิ้งร้านคุณป้าใจดีสักสี่ห้าไม้และข้าวเหนียวอีกหนึ่งห่อโดยไม่ลืมเต๊าะลูกสาวเขาเหมือนที่ทำประจำ เอาจริงๆน้องคนนี้ผมจองละนะ ถ้าไม่ติดว่าเขาเพิ่งจะแค่สี่ขวบ กะว่าถ้าโตกว่านี้อีกหน่อยผมจะให้หม่ามี๊มาขอเลย น่ารักน่าเอาจริงๆ







ล้อเล่น น่าเอาอะไร บร้า! ใครจะไปคิดอย่างนั้น เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีในหัวสมองผมหรอกครับ ผมไม่เคยคิดอกุศลกับเด็กหรอก นี่เห็นผมเป็นคนยังไง ผมก็แค่คิดว่าน้องเค้าน่ารักเฉยๆ







แดกเสร็จก็โยนไม้ทิ้งไว้ข้างทางตามนิสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็กๆ แม่สอนมาดีครับ หม่ามี๊บอกว่าไม่ควรเก็บขยะไว้ครับ มันจะทำให้สกปรก ว่าแล้วก็ยัดข้าวเหนียวอีกครึ่งห่อที่เหลือใส่ปากแล้วโยนถุงทิ้งไปในดงกล้วยข้างๆกัน ก่อนจะหันไปโบกวินมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านมาพอดี ดีเลย กูจะได้ไม่ต้องเดินให้มันเมื่อยหว่างขา





“ไปโรงเรียนอย่างด่วนครับลุง ซิ่งเลย “







วาดขากว้างๆซ้อนท้ายมอไซค์ ก่อนพี่วินจะบิดคันเร่งจนมิด ผมรีบเกาะหมวกกันน็อคลุงแกไว้แน่นด้วยความกลัวว่าจะตก ได้แต่หลบอยู่ข้างหลังแผ่นหลังของคุณลุงไม่กล้าชะโงกหน้าออกไปเพราะกลัวว่าหูจะต้านลม เดี๋ยวมอไซค์มันจะช้า เดี๋ยวจะไปโรงเรียนไม่ทันครับ





“เท่าไหร่ครับ “





พอถึงโรงเรียน ทรงผมที่หล่อเหลาราวกับแรปเปอร์วงเอ็กโซเคที่ผมอุตส่าห์เช็ตมาอย่างดีก็เป็นอันกระเจิงไปทุกทิศทุกทาง ไอห่ากูนึกว่าเซ้นต์เซย่ามาเอง ผมแม่งไม่สามัคคีกันซักเส้นเลยครับ เดินไปไหนใครคงทักว่าผมเป็นโงกุน ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเงินจ่ายให้ลุงวิน ในขณะที่มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาจัดทรงผม ยังดีที่ผมบริเวณหลังใบหูยังคงเรียบแปล้ นั่นเป็นเพราะว่าหูของผมได้ทำการปกป้องเส้นผมบริเวณส่วนนั้นเอาไว้อย่างทะนุถนอม





“เออ ลุงช่วยไรผมอย่างดิ.. “





ผมที่เงยหน้าขึ้นจ่ายเงินพอดีกับที่ลุงแกเปิดหมวกกันน็อคออกมา หน้าตาลุงก็พอไปวัดไปวาได้อยู่ ผมดีดนิ้วดังเป๊าะในหัว (เพราะถ้าจะให้ดีดจริงๆกูดีดแล้วมันไม่ดัง) ก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย เจอละมึง เดี๋ยวรู้เลย เดี๋ยวมึงรู้ .. 







.

.

.









“มะ ..มันจะดีหรอไอหนุ่ม .. “







และแล้วเราสอง (ผมแอนด์ลุงวิน) ก็มายืนอยู่หน้าโรงเรียนอีกครั้ง คุณลุงวินมอเตอร์ไซค์ในลุคที่เปลี่ยนไปหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ลุงแกอยู่ในสุดเสื้อเชิ้ตสีกรมเรียบและกางเกงสแล็กดูสง่าผ่าเผย รองเท้าหนังดูเรียบหรูต่างกับชุดเสื้อยืดกางเกงเจเจและเสื้อวินมอไซค์ที่ลุงแกใส่ในตอนแรกมาก ผมพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นตอบกลับไป ทุกคนนึกภาพตามนะครับ กล้องถ่ายหน้าผมกับลุงแกในมุมเงย แล้วแพนไปที่โรงเรียนอันใหญ่โตและเงียบสงบ เปิดซาวด์อลังๆหน่อย ไอสัดมันใช่!





“อย่าลืมนะลุง นิ่งๆ เล่นเนียนๆ ถ้าไม่เนียนผมไม่จ่ายนะเว้ย “





หันไปบอกลุงก่อนจะกึ่งลากกึ่งเดินเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน อืม ในที่สุดก็ได้ผู้ปกครองมาแล้วครับ เท่ห์ซะไม่มีอะไอสัด อริอริ









มาเลยครับจารย์ ถ้าจารย์จะเอา ผมก็พร้อมจะไฝว้



45%









“สวัสดีครับคุณ ? .. “




“... “



ผมกลอกตาขึ้นไปข้างบนด้วยความระอา ไอสัดลืมนัดกันไว้ ถลึงตามองหน้าอาจารย์ที่ตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมและคุณพ่อจำเป็นอยู่ ใต้โต๊ะนี่สี่ตีนถีบกันมั่วเลยครับ พอเหล่ตาไปมอง ลุงวินแม่งไอสัด ทำตาเลิ่กลั่กมาก กูบอกให้เล่นเนียนๆไง




“ปาร์ค! แค่กๆ แค้กๆ ยูช้อน! แค่กๆ ยู้วว .. ชอน แค่กๆ ๆ “




จนหมดปัญญาจริงๆ ผมจึงกระทำการโง่เขลาอย่างยิ่งลงไปด้วยการไอออกมาเป็นชื่อพ่อตัวเอง -_- เพื่อส่งสัญญาณบอกให้คุณพ่อจำเป็นที่นั่งอยู่ข้างๆได้รู้ ไอสัด กากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะทำอะไรที่มันปัญญาอ่อนได้ถึงขนาดนี้มาก่อนเลย




“เป็นอะไรรึเปล่าลูก “



ลุงวินหันมาพร้อมกับส่งสีหน้าเป็นห่วงปนกังวลอย่างถึงที่สุดมาให้ผมที่กำลังนั่งไออย่างบ้าคลั่งอยู่ ผมถลึงตามองพ่อ(จำเป็น)แล้วพยายามส่งซิกให้แกรู้ แต่เหมือนว่าพื้นฐานการเอาตัวรอดของลุงแกจะมีสกิลต่ำเอามากๆเลยทีเดียว ในเมื่อลุงแกยังคงลูบหลังผมอยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใยไม่ละจากไปไหน



“พ่อ ผมรักพ่อนะ “



และเมื่อเห็นสายตาพิฆาตจากอาจารย์ประจำวิชาที่มองมา มันทำให้ผมต้องโผกอดพ่อ(ปลอม)อย่างรักใคร่ในทันที โหยไอสัดมันช่วยไม่ได้จริงๆเรื่องแบบนี้ มันเป็นความผิดผมเองที่ไม่ได้นัดแนะกันไว้แต่แรกเริ่ม ผมเกยคางไว้กับไหล่พ่อ(ปลอมไงไอสัด)แล้วกระซิบบอกชื่อพ่อจริงๆของผมไป ลุงแกพยักหน้า ผมแทบจะร้องออกมาตรงนั้น ลุงไม่เนียนอะลุง มันไม่ใช่อะกิ้บ โอ้ย กูล่ะเพลีย



“ปาร์คยูชอนครับ ฮิ“ ลุงแกหันไปตอบ ส่งยิ้มใจดีให้อาจารย์





ไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ลุงจะฮิทำไมอะครับ เป็นอะไร

เป็นอะไรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!





“ครับคุณปาร์คยูชอน เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ “



“ครับผม “







ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนไฟที่จ่อมาลนตูดเมื่อกี้ค่อยๆมลายหายไป นั่งฟังอาจารย์กับลุงวินมอไซค์คุยกันเงียบๆ เพราะผมเป็นเด็กครับไม่มีสิทธิ์จะไปเถียงอะไรกับเค้าได้อยู่ละ ในเมื่อเขาทั้งสองยังไม่เปิดโอกาสให้ผม



ตอนนี้ในหัวของผมประมวลผลเอาคำที่จะไฝว้ออกมาเต็มไปหมดเลยครับ กะว่าถ้าเขาเปิดโอกาสเมื่อไหร่ละก็กูจะแรปจัดไปสักชุดสองชุดให้มันรู้แล้วรู้รอด มือทั้งสองของผมบีบกันแน่นและชื้นไปด้วยเหงื่อ มันรู้สึกแย่แต่ก็แบบตื่นเต้นแปลกๆ ในใจได้แต่ภาวนาให้พ่อที่มองผมลงมาจากสวรรค์โปรดช่วยให้ผมผ่านมันไปได้ด้วยดี



แล้วถ้าพ่อเห็นใจ พ่อก็เอาครูคนนี้ไปอยู่กับพ่อด้วยเลยก็ได้นะครับ แบบว่าคนนี้หมั่นไส้มานานละไอสัด



“ส่วนเธอ ออกไปก่อน เอากระดาษนี่ไปเขียนความผิดของเธอมา แล้วเดี๋ยวเรามาคุยกัน “



ผมรับกระดาษแผ่นสีน้ำตาลเปล่ามาจากมืออาจารย์อย่างงงๆ ก่อนจะโดนไล่ให้ออกมาจากห้องนั้น ผมไสหัวตัวเองออกมานั่งตรงหน้าห้องเยื้องกับห้องปกครอง ใช้เก้าอี้รองเขียนแทนโต๊ะแล้วนั่งลงที่พื้น จ้องมองกระดาษเปล่าๆโดยมีปากกาด้ามเล็กอยู่ในมือ ปัญหาคือ กูผิดอะไรอะเนี่ย



“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”



ยีหัวตัวเองแล้วตะโกนดังลั่นตึกจนมันสะท้อนก้องไปทั่ว ผมไม่เกรงใจใครหรอก เพราะวันนี้ที่โรงเรียนไม่มีใครนอกจากบรรดาอาจารย์ที่มาเคลียร์งานกับภารโรงไม่กี่คน ผมกดเปิดปากกาแล้วจรดมันลงไปบนกระดาษ แต่ผมไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปดี เพราะผมไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยนี่หว่า








“มึง ไมมานั่งนี่วะ“



ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงที่ผมนั่งเอาปากกาละเลงกระดาษเป็นรูปตึกรานบ้านช่อง ก็อตซิล่า และอุลตร้าแมนจนเต็มกระดาษ ผมเงยหน้าขึ้นไปหาต้นเสียง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นไอ้แบคกับไอ้ฮุนถือถุงข้าวเดินเข้ามาหา ทั้งสองคนอยู่ในชุดลำลองธรรมดาดูสบายๆ ผมวางปากกา ยกมือเซย์ไฮ



“เฮ้ยมึงมาทำเหี้ยไรกันเนี่ย กูบอกให้อยู่บ้านอ่านหนังสือไง “ ผมพูด มองพวกมันที่นั่งแกะถุงกับข้าวอยู่ที่พื้น



“ไอ้ไคให้กูมาช่วยมึงแงะ กูเลยลากอิแรดนี่มาเป็นเพื่อน .. เออ ฮัลโหล เออ ถึงละ “



ไอ้ฮุนพูดกับผมยังไม่ทันจบประโยค โทรศัพท์ก็แผดเสียงร้องคันหูออกมา ผมกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ไอห่านี่แม่งควรจะเปลี่ยนริงโทนบ้างอะจริงๆ เวลาไปไหนกะมันนี่อายชิบหาย วันนั้นที่ร้านข้าวต้มก็ทีนึงละ กดรับแทบไม่ทัน .. ไอ้ฮุนหันไปรับโทรศัพท์ ก่อนจะส่งโทรศัพท์ของมันมาให้ผม ผมรับมาถืออย่างงงๆ



“ฮะ ..ฮัลโหล “



“(เชี่ยยอล โดนไรมั่งวะ) “



และแล้วก็หายแปลกใจ เป็นเสียงไอ้เชี่ยดำนั่นเองที่โทรมา ผมเลิกคิ้วน้อยๆก่อนจะตอบกลับไปว่าผมไม่เป็นอะไร ผมเอานิ้วอุดหูข้างนึง เสียงเหี้ยไรไม่รู้ดังหนวกหูลอดออกมาจากปลายสาย



“(ตอนแรกกูจะไปหามึงอะแต่กูต้องช่วยป๊าเฝ้าร้านว่ะ มึงไม่ผิดมึงอย่ายอมนะเว้ย เดี๋ยวถ้าแม่งเป็นเรื่องมึงบอกกู เดี๋ยวกูเอาพวกไปถล่มแม่งเลย) “



“พวกไหนวะ “ ผมตะโกนแข่งกับเสียงหนวกหูนั่น



“(คนงานบ้านกูเองอะ แต่ละคนแม่งเหมือนหลุดมาจากคุกชิบหาย เออแค่นี้ก่อนนะมึง ยุ่งวะ โชคดีนะเว้ย รักนะจุ้บๆ )“ มันรัวมาเป็นชุดก่อนจะวางสายไป ให้ผมเดา มันก็คงต้องแหกปากตะโกนแปดหลอดกลับมาไม่ต่างจากผม เสียงเหี้ยนี่หนวกหูเหลือเกิน



“แดกข้าวก่อน เที่ยงละ มึงคงยังไม่ได้กินใช่ปะ “



ไอ้แบคพูด ยื่นช้อนพลาสติกและกล่องโฟมที่ภายในบรรจุกับข้าวง่ายๆสองสามอย่างมาให้ผม เพิ่งสังเกตว่าแม่งขโมยเสื้อในตู้ผมมาใส่ ผมมองมันหัวจรดเท้า ไอสัดนี่มันเสื้อผ้ากูหมดเลยนี่หว่า ทั้งกางเกง เสื้อ กับหมวกแก็ปสีดำที่มันใส่มา ทั้งเซ็ตนี่อยู่ในอันดับสิบชุดเก่งของปาร์คชานยอลเลยนะไอเหี้ย ไม่ขออนุญาตกูสักคำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากางเกงในผมมันเอาไปใส่ด้วยไหม .. ไม่น่ารอด



“โห นี่พวกมึงมาปิคนิคหรอวะ ไอห่ากูนึกว่ามึงขนเซเว่นมาด้วย “



ตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ๆพลางมองตามไอ้ฮุนที่ตอนนี้กำลังเปิดขวดเปปซี่ลิตรเทใส่แก้วอยู่ ถุงขนมถุงโตถูกเทออกมากองอยู่กลางวง ผมถลึงตา บ้านไอฮุนแม่งบางทีก็รวยไปอะ เข้าเซเว่นกะมันทีนี่หมดไปไม่ต่ำกว่าสามร้อย แม่งเหมามาหมด



“เลี้ยงส่งมึงไง เผื่อโดนไล่ออก มื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายที่มึงจะได้กินดีที่สุด “



“... “ ผมหยุดเคี้ยว มองหน้ามัน



“ไอ้ฮุนมึงอย่าไปแกล้งมันดิ 555555555 โอ๋“



“โอ้ยสัส ! “



ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้แบคที่พูดปรามไอ้ฮุน มือเล็กๆที่ซุกซนนั้นวางช้อนพลาสติกลงแล้วยื่นมาหยิกแก้มผมจนมันยืดออก ผมรีบเบือนหน้าหลบใบหน้าน่ารักและดวงตาเรียวเล็กที่ยิ้มหยีจนเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวนั่น มันเป็นอันตรายต่อหัวใจของผมจริงๆ



“หยิกกูขนาดนี้เอาแก้มกูไปเล่นที่บ้านเลยไหมไอสัด “ ผมพูด ก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่ได้สบตากับคนฟัง



“ไม่ต้องเอาไปมันก็เป็นของกูอยู่ดีอะ กูจะหยิกเมื่อไหร่ก็ได้ “



ผมหันไปมองไอ้แบคแวบนึงก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ไม่ได้เถียงอะไรกลับไป ท่าทางกับคำพูดที่ดูเฉยๆเป็นปกตินั้นกลับทำให้ผมใจเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พูดจาเหี้ยอะไรของมึงอะ กูไม่ชอบเลยนะแบบนี้







ไอ้เชี่ยแบคแม่งอันตรายขึ้นทุกวันจริงๆ

















หลังจากที่กินข้าวกินไรเสร็จ ผมก็รวบรวมบรรดาเศษถุงขนมเป็นขยุ้มๆใส่ถุงขยะแล้วเอาไปทิ้งที่หลังตึก เอาจริงๆอยากเอาไปยัดไว้ใต้โต๊ะอาจารย์คนนั้นมากเลยไอสัด แต่ติดอยู่ที่ว่าแม่สอนมาดี ไม่งั้นเราคงได้จอยกันอย่างแน่นอนเลยครับอาจารย์



ยังไม่ทันจะได้กลับมาคุยเล่นอะไรกับไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสอง ผมก็โดนเรียกกลับเข้าไปในห้องกระจกนั้นอีกครั้ง บรรยากาศเริ่มมาคุแปลกๆ ผมกำกระดาษซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของผมไว้แน่น หันไปจ้องตากับลุงวิน ตอนที่ผมออกไปข้างนอกเขาคุยอะไรกันบ้างกูล่ะอยากจะรู้



“อันนี้คืออะไร คุณปาร์ค ? “



ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์ทันทีที่ผลงานชิ้นเอกถูกวางปึงลงบนโต๊ะ ก็อตซิล่าตัวใหญ่ตรงมุมกระดาษยับยู่ยี่ด้วยน้ำมือของอาจารย์ ผมเม้มปากแน่น กูลืม นึกว่ากำลังเรียนวิชาศิลปะ



“คือ .. “



“คืออะไร “ อาจารย์ถามย้ำ ผมมองหน้า



“ก็ผมไม่รู้จะเขียนอะไร ผมไม่ได้ผิด “



“ผมก็ไม่รู้นะว่าผู้ปกครองสอนคุณมายังไง .. “



“อาจารย์ไม่มีสิทธิ์มาว่าพ่อกับแม่ของผม ! “



ผมพูดแทรก ลุกพรวดขึ้นจนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ถอยหลังไปเสียงดังครืด อาจารย์แม่งพูดแบบนี้ได้ไงวะต่อหน้าผู้ปกครองอะ ทั้งๆที่ผู้ปกครองก็นั่งอยู่ เออถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ปกครองปลอมๆ แต่มึงลองนึกดิถ้าแม่ผมมาฟังอะ เขาจะรู้สึกยังไง ไอห่า แบบนี้มันมากไปละ



ไม่ต้องนึกถึงลุงวินที่กำลังทำหน้าที่เป็นพ่อปลอมๆอยู่เลย ตอนนี้ลุงแกนั่งเอาตัวแนบเก้าอี้ฝังตัวเองไว้ในนั้นเรียบร้อยแล้ว แหม่ เจี๋ยมเจี้ยมซะไม่มี



“ต่อให้ผมผิดหรือไม่ได้ผิด อาจารย์ไม่มีสิทธ์มาว่าบุพการีของผม เพราะนี่คือตัวผม มันไม่เกี่ยวกัน “



ผมพูดต่อ กำหมัดแน่น ถ้าไม่ติดว่าไอ้โต๊ะตัวเขื่องนี่กั้นผมกับอาจารย์ไว้ เราคงได้ไฝว้กันสักตั้งแน่ๆ



“ผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิด แถมยังกระด้างกระเดื่องต่อครูบาอาจารย์ เกรงว่าผมคงจะต้องให้คุณทำทันฑ์บนไว้แล้วพักการเรียนสักเดือนสองเดือน ดีไหม คุณ.. “








พลั๊ก!!!!!





ยังไม่ทันที่อาจารย์จะพูดจบ จู่ๆเสียงดังเปิดประตูอย่างแรงก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันกลับไป เห็นไอ้ฮุนกับไอ้แบคยืนหอบกันอยู่หน้าประตู





‘ พวกมึงออกไป ‘





ทำอะไรไม่ได้นอกจากหันไปพูดกับมันแบบไร้เสียง ผมขยับปากให้กว้างและชัดที่สุด แต่เหมือนพวกมันจะไม่เข้าใจ ในเมื่อไอ้แบคกับไอ้ฮุนก็เอาแต่ยืนหอบอยู่อย่างนั้น





“เดี๋ยวครับจารย์! พวกผมมีหลักฐานว่าไอ้ยอลไม่ได้ผิด “ ไอ้แบคพูดไปก็หอบไป มือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อบริเวณหน้าผาก ผมเลิกคิ้ว หลักฐานอะไรของมันวะ



หลังจากที่เถียงกันอยู่พักใหญ่ ผม อาจารย์ประจำวิชา และคุณพ่อจำเป็นก็ถูกไอ้ฮุนกับไอ้แบคลากไปที่ห้องโสตอย่างช่วยไม่ได้ พอเปิดประตูเข้าไป ผมก็ป๊ะเข้ากับครูคิม ครูคนที่แม่งใช้ให้ผมถอนหญ้าเมื่อวันนั้นแหละ จารย์แกนั่งตีดอทอยู่เพลินๆก็ลุกขึ้น ไอ้แบคเดินตาม ก่อนที่พวกผมจะเดินตามเข้าไปในนั้นอีกเป็นพรวน



เปิดเข้าไปในห้องกระจกทึบ อาจารย์อีกคนนั่งอยู่ในนั้น ด้านหน้าเป็นหน้าจอเรียงเป็นสิบๆ พอดูดีๆถึงรู้ว่ามันเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่กระจายอยู่รอบโรงเรียน ผมขมวดคิ้ว ครูคิมขยับไปนั่งแทนอาจารย์คนนั้น ก่อนจะเปิดภาพในจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมา



“... “



ผมขมวดคิ้ว ในจอนั้นมีนักเรียนเป็นสิบๆคนนั่งกาข้อสอบกันเงียบๆ แต่แล้วสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผมที่สุดคือตรงจอด้านล่างสุด มีเด็กโง่ๆคนนึงกำลังทำอะไรสักอย่างที่แตกต่างไปจากพวก สองมือขยับไปมาไม่อยู่สุข ผมหรี่ตา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆจอ ..



“เหี้ย ทรงผมด้านหลังกูทุเรศขนาดนั้นเลยหรอวะ “



ผมสบถออกมาเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นไปจับหัว แต่แล้วผมก็โดนมือหนึ่งผลักให้หลบออกไปจากจอคอม



“เห็นยังจารย์ ไอ้ยอลมันไม่ได้ทุจริต ดูดิ หัวหยอยๆอย่างงี้มีมันคนเดียวทั้งโรงเรียนอะ “ ไอ้แบคพูด ผมหันไปพยักหน้าอย่างเห็นด้วย มือข้างหนึ่งยังกุมหัวตัวเองอยู่ ทำไมทรงผมมันเหี้ยงี้อะ ผมก็ว่าดูดีออก งี้กูต้องไปยืดผมกลับคืนละ ไอสัดไม่ไหว



“แล้วที่เห็นนั้นทำอะไร “



“ครูคิมครับ กรอกลับไปหน่อยดิ เมื่อกี้อะ.. “ ไอ้ฮุนพูด มือข้างหนึ่งเท้าอยู่กับโต๊ะวางคอม ผมยิ้มกว้างเห็นฟันครบพันแปดร้อยยี่สิบสี่ซี่ทันทีด้วยความดีใจ ผมพ้นผิดแล้ว สาสสสสสสสสสสสส พ้นผิดแล้ว วู้ว



“คือผมแค่ทอยลูกเต๋าเฉยๆ “



ผมหันไปตอบ ล้วงเอาลูกเต๋าในกระเป๋ากางเกงออกมาให้อาจารย์ดู ไงมึง ตรึ่งเลยดิ หน้าแตกดังเพล้ง หมอไหนก็ไม่รับเย็ด เอ้ย เย็บเลยดิแหม่ ไม่เป็นไรครับจารย์เดี๋ยวพี่ปาร์คจะช่วยเก็บเศษหน้าให้เอง กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก









.

.







หลังจากที่ได้ดูคลิปจากกล้องวงจรปิดแล้ว อาจารย์แกก็โวยวายไปอีกสองสามพารากราฟตามสเต็ป แต่ด้วยหลักฐานที่เด่นชัดขนาดนั้น อาจารย์จึงทำอะไรผมไม่ได้ ก็เลยต้องยอมความกันไปตามระเบียบ ผมจ่ายตังเป็นค่าจ้างให้ลุงวินก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไป





การสอบมิดเทอมอีกสองวันที่เหลือผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะทุลักทุเลไปบ้างตามประสาเด็กที่เรียนไม่เอาไหน จดโพยกันยิกเลยครับพวกผม ไม่ว่าจะใส่เศษกระดาษ จดใส่มือหรือตามขาอ่อนนี่พี่ปาร์คก็ลองมาหมดแล้ว อันนี้เขาถึงจะเรียกว่าทุจริตของจริง แหม่ เกร๋ๆ



ก็ ..การสอบที่เต็มไปด้วยไกด์ไลน์หรือเรียกสั้นๆว่า ทุจริตนั่นแหละครับ ก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ผมกับไอ้แบคกำลังยืนศึกษาพันธุ์ยุงกันอยู่หน้าโรงเรียนครับ ขณะนี้เป็นเวลา ทุ่มครึ่งกว่าๆ ของวันเสาร์ หลังจากที่เพิ่งสอบเสร็จมาได้แค่วันเดียว ไม่ต้องถามเลยว่ามาทำไม ไปถามไอเหี้ยแบคดิ แม่ง



“กูว่าแม่งเบี้ยวละ มันไม่มาหรอก เรากลับกันเหอะ “



ผมหันไปบอกไอ้เพื่อนตัวดีที่ยืนกอดอกกระดิกตีนอยู่ รักแร้หนีบกระบอกไฟฉายไว้อันนึง ไอ้แบคยังทำหน้าเซ็งไม่เลิก ได้ข่าวว่ากูเซ็งกว่าอีกไอห่า บนส้นตีนไรไม่บน เสือกบนว่าจะมาวิ่งตอนกลางคืน แล้วโรงเรียนแม่งยิ่งเฮี้ยนๆอยู่ด้วย คือมึงจะบนอะไรที่มันแฟนตาซีน้อยกว่านี้มันจะตายไหมไอสัด บนไปดิ จะรำไทยเก๊กรอบสระว่ายน้ำ หรือคลานจากบ้านไปโรงเรียนตอนเช้าไรก็ว่าไป นี่มึงเสือกบนมาวิ่งที่โรงเรียน คือวิ่งที่โรงเรียนไม่ว่า เสือกวิ่งตอนกลางคืนด้วย โอ้แม่เจ้า ละแม่งลากพวกผมสามคนมาทำหอกอะไรวะเนี่ย ได้ยินมันบอกครั้งแรกผมนี่น้ำตาแทบเล็ด โวยวายลั่นบ้านครับ แม่งหาเรื่องชิบหายเลย







แต่สุดท้ายผมก็ต้องมาอยู่ดีอะ เห้อ -_- ..















“นั่นปะวะ มันมาละ “





เห็นเงาตะคุ่มๆสองเงาซ้อนๆกันอยู่ตรงทางเลี้ยวข้างหน้า ผมยกกระบอกไฟฉายคู่ใจ(ที่กูหยิบมาอีกอัน ) ส่องไปเงานั้นทันที เหง้าหน้าไอ้เหี้ยไคโผล่มาคนแรกเลย คือแบบพอแม่งดำๆงี้ละโดนแสงแม่งหลอนชิบหายอะ



“เหี้ยกูนึกว่ามึงจะชิ่งละ “



“ก็อิตุ้ดเนี่ยแม่งช้าไง ปอด “



มันเดินเข้ามารวมกลุ่ม ผมก้มมอง กระบอกไฟฉายแม่งก็อันใหญ่ไม่ใช่เล่น นี่มึงขโมยยามหน้าหมู่บ้านมาปะเนี่ยไอสัด อันอย่างใหญ่อะ ปาหัวหมาแตกได้เลยนะนิ นึกแล้วอยากจะเอากระบอกไฟฉายอันน้อยของผมไปแลกกะมันเหลือเกิน



“ใครปอด กูเปล่าสักหน่อย “ ไอ้ฮุนตอบ ก่อนจะเดินตามเข้ามาสมทบ ไหวไหล่น้อยๆอย่างกวนส้นตีน ผมกลืนน้ำลาย .. สรุปกูกลัวผีอยู่คนเดียวใช่ไหมเนี่ย



“เปล่าแต่ตอนเดินมาแม่งตุ้ดที่ไหนมันมาพันแข้งพันขากูวะ ถ้าขี่คอกูได้มึงคงทำไปละปะ “



ไอ้ดำหันไปเหล่ไอ้ฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆผม ผมแอบเห็นตัวมันสั่นๆด้วย สรุปมึงกลัวไม่กลัวเนี่ย ถ้ามึงกลัวกูจะได้มีกำลังใจหน่อย ว่ากูไม่ได้กลัวคนเดียว ถ้ากลัวก็แสดงตัวออกมาเถอะเพื่อน กูจะไม่ว่าไรมึงสักคำเลย



“ก็ทางแม่งแคบ.. “



“แคบเหี้ยไรถนนว่างสองเลนเลยไอสัด อยากใกล้ชิดกูก็ไม่บอก แหม่ คิดไรกะกูปะเนี่ย “



“คิดเหี้ยไร มึงอย่ามามั่วได้ปะ “ไอ้ฮุนเม้มปาก เอาละมึง เอาละ .. ผมกำไฟฉายแน่นเลย



“แล้วที่มึงกอดแขนกูนี่อะไร กู..”



“มึงสองตัวเลิกเถียงกันได้ปะ รีบๆเข้าไปวิ่งๆละจะได้กลับ ไอห่า “



ยังไม่ทันที่เพื่อนที่น่ารักทั้งสองจะได้ไฝว้กันอย่างที่ผมคิดไว้ ไอ้แบคก็พูดแทรกขึ้นมา ผมหันไปผลักหัวแม่งทีนึง ได้ข่าวว่ามึงเป็นคนบนไว้นะนิ ได้ข่าวว่ามึงเป็นคนหาเรื่องมาให้พวกกูเลย มึงเลยไอเตี้ย มึงเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย





“ละจะเข้าไปยังไง มันล็อคอะเนี่ย “



ผมถาม ยืนเท้าเอวเงยหน้ามองประตูเหล็กบานใหญ่หน้าโรงเรียน ยกมือข้างที่ไม่ได้ถือไฟฉายขึ้นเกาตูด .. เสียงจักจั่นแม่งดังลั่นซอย คือมึงร้องได้พอดีกับบรรยากาศมากปะ ยังดีไม่มีชีปะขาวหรือค้างคาวไรงี้ ถ้าหมาหอนนี่กูบายเลย



“ปีนดิสัส อย่าโชว์โง่ “



ไอ้แบคหันมาตอบ ก่อนที่มันจะสอดไฟฉายผ่านประตูรั้วเข้าไปข้างใน แล้วกระโดดขี่หลังผม ยังดีที่ผมพอจะตั้งตัวได้ทัน ไม่งั้นคงลงไปนอนจูบพื้นกันทั้งคู่ละ



“มึงไปก่อน “



ไอ้แบคปีนข้ามไปฝั่งนู้นแล้วเรียบร้อย หันไปเห็นไอ้ไคที่ช่วยไอ้ฮุนดันตูดให้ปีนข้ามรั้วไปอยู่ ผมหันไปพยักหน้าแล้วส่งไฟฉายให้ไอเตี้ยถือ ก่อนจะปีนข้ามรั้วโดดลงไปยืนอีกฝั่งอย่างสวยงามเป็นที่เรียบร้อย



“มึงเอาจริงหรอวะ โรงเรียนไม่ใช่เล็กๆ “



หันไปถามมัน ไม่มีคำตอบใดนอกจากใบหน้าน่ารักที่พยักหน้าขึ้นลงอย่างมุ่งมั่นกลับมาให้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่าครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้หายใจ ก่อนจะล้วงหลวงพ่อองค์โตที่ห้อยคอไว้ขึ้นมาไหว้เพื่อความศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ร้องซิ้ดออกมาเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนจะเดินตามไอ้แบคไปเงียบๆ



“ไหนมึงบอกจะวิ่งไง “



ผมหันกลับไปด้านหลัง รอบตัวแม่งเงียบไปหมดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ ไอ้ไคที่เดินรั้งท้ายสุดตะโกนข้ามหัวผมกับไอ้ฮุนไปหาไอ้แบคที่เดินนำหน้า ผมกำไฟฉายไว้แน่น มองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆนะ ผมไม่ชอบเลย



“หรือมึงจะวิ่งปะละไอสัด กล้าปะละ “



ไอ้แบคหันมาตอบ หน้าแม่งจะชนหน้าผมอยู่แล้วเพราะด้วยความที่ผมย่อตัวแล้วเกาะหลังมันอยู่ น้ำลายเป็นฝอยกระเด็นใส่หน้าผมจนเปียกไปทั้งหน้า



“มึงจะตะโกนทำไมวะ อยู่กันแค่นี้ เบาๆดิ เดี๋ยวผีได้ยินหรอกไอห่า แง “



ผมกระซิบบอกพลางบีบไหล่ไอ้แบคแน่น ไม่เข้าใจว่าอิสองตัวนี้แม่งจะคุยดังกันไปไหน พวกมึงชิวกันเกินไปปะ คิดว่ามาล่าท้าผีหรอไอสัด นี่มันไม่ตลกเลยนะ .. ผมกลืนน้ำลาย ค่อยๆย่ำไปตามพื้นอย่างระมัดระวัง วันนี้กูใส่รองเท้าสตั้ดของไนกี้มาเลยนะมึง กะว่าถ้าเจอนี่กูวิ่งคนแรก ไม่รอใครเลยทีเดียวครับ ให้มันรู้ไปว่าพี่ปาร์คสี่คูณร้อยมันเป็นยังไง



“ผีได้ยินเขาก็ออกมาละมึง จะปอดอะไรนักหนาวะ “



“สัดกัมจงดำ มึงไม่พูดก็ไม่มีใครเค้าหาว่าเป็นใบ้หรอก“



เป็นไอ้ฮุนที่หันไปปราม ตอนแรกผมก็กะจะด่าพ่อมันอยู่อะ แต่เห็นอิตุ้ดด่าแทนละก็ไม่อะไร แต่ผมแอบเห็นแม่งจับมือไอ้ไคอยู่นะ เออ มันก็ควรจะหุบปากมั่งอะเชี่ยดำนี่ ถ้าแม่งออกมานะ ถ้าแม่งออกมา ผมร้องไห้จริงๆด้วยไอสัด แง



“ผีครับ คือไม่ได้ว่าไรอะนะ แต่ขอเปลี่ยนเป็นวิ่งรอบเสาไฟฟ้าตรงนี้แทนได้ไหม ให้วิ่งรอบโรงเรียนคงไม่ไหว “



ผมพูดลอยๆ บีบแขนไอ้แบคแน่น เงยหน้ามองไปรอบๆแล้วพูดอย่างหวาดๆ ผมไม่ชอบเลย ฮือ กูกลัว อยากกลับบ้าน



“เชี่ยยอล มึงอย่าปัญญาอ่อน เดินๆไป เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านละ “



“หมดคืนนี้มึงติดหนี้กูแน่ไอเตี้ย กูจะเอาคืนมึงให้สาสมเลย “



ผมหันไปขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่มัน ถือไฟฉายส่องไปรอบๆในขณะที่เดินลัดสนามหญ้าผ่านตึกหนึ่งเข้าไปในตัวโรงเรียน ไฟที่เปิดไว้สลัวๆชวนให้หลอนมากขึ้นไปอีก ผมเลื่อนมือไปกอดเอวไอ้แบคไว้แน่น น่ากลัวแบบนี้ขอเนียนหน่อยละกันไอสัด ฮิ









ตึกๆๆๆๆๆ





“แบค กูเหมือนได้ยินเสียงคนวิ่งว่ะ “



หันไปบอกไอเตี้ยที่เดินนำหน้า ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังที่มีไอ้ไคกับไอ้ฮุนเดิมตามอยู่ ผมเห็นเหงื่อหลายเม็ดอยู่บนหน้าไอ้ฮุนเหมือนกันนะ ไม่รู้มันร้อนหรืออะไร แต่กอดกันกลมเลยไอสัดสองตัวนี้ ฮือ ผมไม่ชอบแบบนี้เลย ผมไม่ชอบแบบนี้



“มึงเดินเงียบๆเหอะ เสียงห่าไร เพ้อเจ้อ “



“กูได้ยินจริงๆ “



ผมหันไปพูดกับมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในระหว่างที่เดินผ่านโรงอาหาร บรรยากาศวังเวงวิเวกโหวงเหวงกับดูน่ากลัวขึ้นมากไปอีกเมื่อไอเหี้ยไคแม่งไม่ยอมหุบปากสักที แค่กูมาเดินๆอยู่เฉยๆก็กลัวเยี่ยวจะเล็ดละ มึงเสือกมาเล่าเรื่องผีอีก เหี้ยยยยยยยยย



“แบค กูว่าแม่งมีตัวไรมองเราอยู่แน่ๆอะ กูสัมผัสได้ “



“เชี่ยยอล มึงหลอนมากไปละ เลิกเดินเหยียบรองเท้ากูสักทีไอห่า กูสะดุดหัวจะทิ่มอยู่ละเนี่ย “



มันหันมาตวาดผมก่อนจะสะบัดหนี ผมตีหน้าเครียด รู้สึกตัวเองไร้ที่พึ่ง อิเหี้ยสองตัวข้างหลังมันก็เดินคุยกันอยู่นั่นอะ คำว่ากลัวนี่รู้จักบ้างไหม





ผมได้แต่เดินตามมันไปเงียบๆ ในหัวกำลังท่องบทสวดมนต์บทแล้วบทเล่าวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าพูดอะไรมาก ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ แม้แต่หายใจแรงๆกูก็ไม่กล้า ค่อยๆย่ำไปตามพื้นเบาๆ ตอนนี้เราขึ้นมาชั้นสามกันครับ เนื่องด้วยผมไม่อยากเดินผ่านทะเลสาบตรงหลังโรงเรียนเท่าไหร่ เราเลยต้องเดินขึ้นตึกมาเผื่อเดินผ่านทางเชื่อมไปโรงยิมแทน



ไฟทั้งตึกถูกเปิดด้วยคัทเอาท์เพียงอันเดียวจากตู้ไฟชั้นล่างสุด พวกเราสี่คนเดินกันแบบเงียบๆโดยมีเสียงผมครางอยู่เป็นแบคกราวน์ เอาจริงๆผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย (ไม่รู้มึงพูดประโยคนี้กี่รอบแล้ว) มันทำให้ผมดูไม่เป็นลูกผู้ชายเอาเสียเลย ผมได้แต่เดินมองไปรอบๆอย่างหวาดๆ เสียงรองเท้าที่สีกับพื้นทำให้รู้สึกหลอนยังไงชอบกล เอาจริงๆตอนนี้ผมก็ยังได้ยินเสียงคนเดิมตามอยู่ตลอดเวลาเลยนะ



“คือ ..ไม่รู้ผีฟังอยู่ไหม.. แต่กูขออย่างเดียวไฟอย่าดับ “





พรึ่บ!!!!!!!!!!!!



อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก







เหี้ย กูพูดยังไม่ทันขาดคำเลย จู่ๆไฟก็ดับครับ ไม่รู้ว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคนหน้าตาดีหรืออย่างไร ผมรีบโดดเข้าหาคนข้างๆทันที ทั้งตึกเงียบกริบ ผมพยายามกลอกตาไปรอบๆเผื่อจะเห็นอะไรบ้าง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าถือไฟฉายอยู่ในมือ ผมกดเปิดก่อนจะส่องมันไปรอบๆ เห็นไอแบคยืนอยู่ติดกับเสาไกลๆ



“... “





ผมกลืนน้ำลายหนืดๆลงไปอย่างลำบากคอ อ้าปากค้าง ..







ถ้าไอ้แบคยืนอยู่ตรงนั้น




แล้วที่ผมเกาะอยู่นี่ใครวะ ? ..








EHEREEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEE





____________________________________

100เปอร์ละจ้า เย้ๆๆๆๆๆ *จุดพลุ*
คือแบบนั่งพิมพ์ไปก็หลอนไปไอสัด กูกลัวผีมากเลย
ต้องเอาน้องมานั่งข้างๆอะ แม่งบ่นกูชิบหายละเนี่ย
อืม ไม่มีไรละ เม้ลๆดั้วนร๊คร๊ บอกเลยว่าพี่บุ๋นไม่ปลื้มนักอ่านเงาะนะครับ
รักทุกคนครับ เด้าๆ เลิ้บๆ YEAH ♥♥♥♥♥♥

7 ความคิดเห็น:

  1. โหยยย อย่าน่ากลัวอ่ะ เเต่ก็ฮา 55555555555555555555555555555555555555555

    ตอบลบ
  2. เกาะใคร เกาะใครฟะ -..-
    หลอนเเทนยอลอ่ะ 5555

    ตอบลบ
  3. ไม่ได้กลัวแต่ฮา 555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

    ตอบลบ
  4. ทำไมรู้สึกดั้นชยอลล

    ตอบลบ
  5. พี่บุ๋นแม่งแต่งฟิคได้บั่บ ขำอ่ะ
    ชอบอ่ะเลิ้ปเลยกรีส

    ตอบลบ
  6. เหี้ยยยยยย หลอนได้ใจ 55555 ชอบมากๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  7. ตลกนะแต่กลัว555555555555555555

    ตอบลบ