“ชานยอล “
“มึงไปไกลๆก่อนได้ปะ ขอเวลาแปปนึง กูเครียด “
ผมเอ่ยปากไล่แบคฮยอน ก่อนจะยกมือผลักหน้ามันออกไปจากสมุดการบ้านของผม น่ารำคาญจริงเลย คนยิ่งรีบๆ ละแม่งมานั่งเชียร์อย่างงี้คงจะมีสมาธิอะ ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องเหนือกระดานดำ ถึงกับต้องถลึงตาออกมาด้วยความตกใจ
“ไอเหี้ย สิบเอ็ดโมงแล้วหรอวะ กูนั่งลอกการบ้านแปปเดียวเอง “
“สิบเอ็ดโมงพ่อมึงดิ เพิ่งเจ็ดโมงครึ่ง นาฬิกาตาย “
ผมถอนหายใจ น่าเบื่อจริงๆกับความโง่เง่าเต่าตุ่นของตัวเอง ผมอยู่กับตัวเองมาได้ไงตั้งยี่สิบปีวะ เออ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยอะไรนะว่าทำไมอายุยี่สิบละยังเป็นเด็กโข่งเรียนมัธยมอยู่ ผมเรียนซ้ำชั้น ไม่อยากจะคุยว่าผมเพิ่งพูดภาษาคนรู้เรื่องได้ตอนสี่ขวบ เก่งปะละ สาส รู้นะว่าด่ากูอยู่
เงยหน้ามองไอ้ไคที่พูดแก้ต่างให้ก่อนจะก้มหน้าลงทำการบ้านต่อ ลายมือของไอฮุนที่เหมือนเอาสะดือเขียนไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการลอกของผมเท่าไหร่นัก ตราบใดที่ผมยังเคยแกะลายมือไอเหี้ยคริสออก เมื่อเทียบกันแล้ว ลายมือไอ้เซฮุนกลับสวยที่สุดในโลก
“เลขเหี้ยไรวะเนี่ย 4หรือ 9 ”
เงยหน้าขึ้นถามแบคฮยอนที่ยืนลุ้นตัวโก่ง มันชูนิ้วทั้งสี่ให้ผม ผมก้มหน้าลงเขียนต่ออย่างเร่งรีบ วิชานี้เป็นวิชาที่โหดมากๆครับ การบ้านนี่คือสั่งเหมือนกะให้กูทำทั้งชีวิต ที่ไหนได้แม่งสั่งเมื่อวานซืนละให้กูส่งวันนี้ บางทีผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอาจารย์แก่ๆต้องโหด มันเป็นเทรนด์หรืออะไรก็ไม่ทราบ เหมือนเค้าทำกันมาเป็นทอดๆ เป็นวัฒนธรรม ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ว่าจะโหดไปไหน สั่งงานเยอะไปเพื่อใคร ออกข้อสอบยากทำไม และตะคอกดังๆทำไมให้พ่อใครได้ยิน บางทีคุณอาจจะคิดว่าผมขี้บ่น ใช่ ใครๆก็พูดแบบนั้น แต่ถ้ามาเจออาจารย์คนนี้แล้ว ขอบอกเลยว่าพี่ปาร์คชิดซ้าย อย่างแน่นอนที่สุดเลยครับ
“มึงรีบๆเลยสัด เดี๋ยวไม่เสร็จรัตนาเล่นมึงแน่ “
“รัตนา ใครวะ “
ผมเงยหน้าขึ้นจากลายแทงสมบัติขนาดย่อม ไม่อยากจะคุยว่าลายมือผมกะไอ้ฮุนก็เหี้ยพอกัน เลิกคิ้วน้อยๆพลางจ้องหน้าแบคฮยอนอย่างสงสัย ตั้งแต่ผมเรียนมาผมยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของอาจารย์คนนี้เลย ใครกันรัตนา ทำไมชื่อถึงแฟนตาซี มึงคิดว่ามึงอยู่เกาหลีหรือไทยกันแน่
“กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่ไรท์เตอร์มันให้โพยกูมาแบบนี้ กูแค่เล่นตามบท “
“ชื่อน่ารักว่ะ “
ผมตอบ รู้สึกงงๆนิดๆ ให้เดาว่ามันคงเป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างไรท์เตอร์กับอาจารย์คนนั้น แม่งถึงเอามาใส่ในฟิคให้ผมซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องเป็นคนรับกรรมแทน แต่ไม่เป็นไร ผมคงไม่จังไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ
“มึงจะเสร็จยังเนี่ย จะเข้าแถวละนะเว้ย “
แบคฮยอนเร่ง มองตามไอ้จงอินกับเซฮุนที่เดินออกไปจากห้องแล้ว ทุกคนทะยอยกันเดินออกเมื่อเสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังขึ้น ผมรีบลอก ขาสั่นพั่บๆ ปั่นจนมือเป็นระวิงด้วยความตื่นเต้นก่อนจะปิดสมุดการบ้านแล้วยัดมันไว้ใต้โต๊ะ ในใจภาวนาให้รัตนาอ่านลายมือผมออก
แน่ะ อย่าว่ากูปีนเกลียวดิ รู้นะว่าพวกมึงก็ไม่ได้เรียกอาจารย์นำหน้าชื่อเหมือนกัน ห้าห้า
.
.
.
หลังจากเข้าแถวเสร็จ คาบแรกประเดิมด้วยอาจารย์มือฉมังที่โหดที่สุดในสายชั้น อาจารย์รัตนา บุคคลที่มีชื่อที่แปลกที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี ผมนั่งตัวตรง เหล่ตามองไอโฟนในมือที่สอดไว้ใต้โต๊ะ ผมพิมพ์ไลน์หาแบคฮยอน .. ในคาบนี้คุยกันไม่ได้
‘ กูไม่ชอบบรรยากาศนี้เลยว่ะ ‘
‘... ‘
‘แม่งเงียบว่ะเตี้ย’
ผมถอนหายใจ เหลือกตาไปข้างบนอย่างเหนื่อยหน่าย มองดูสติ๊กเกอร์หมีเด้ากันที่มันส่งมา นอกจากมันจะไม่ยอมคุยกับผมแล้ว แม่งเอาแต่ส่งสติกเกอร์ปัญญาอ่อนกลับมาให้ หันไปมองมันที่นั่งเยื้องกับผมไปหนึ่งคนฝั่งขวามือ คนตัวเล็กกำลังแกะเปลือกลูกอมยัดใส่ปากอยู่ หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้มึงยังจะแดกอีกนะ
“ปาร์คชานยอล “
“ครับ! “
ผมรีบยัดไอโฟนไว้ใต้โต๊ะก่อนจะลุกพรวดขึ้นทันที ห่อมาม่าที่วางไว้ที่หน้าตักจึงหล่นกระจายไปทั่วพื้น ผมกลั้นหายใจ ..
กูยังแดกไม่หมดห่อเลยเหี้ย
“อร่อยไหม ? “ เธอถาม
“อะ .. อร่อยครับ “
ผมโพล่งปากตอบออกไป พลันหันไปสบตากับไอ้จงอินพอดี ผมพอจะอ่านปากมันออก
ไอ้โง่
มันด่าผมอย่างงั้น เห็นด้วยกะมันจัง ผมจะไปตอบแบบนั้นทำไมวะ
“ดี ทีนี้เชิญคุณออกไปทานข้างนอกให้อร่อยนะ “
ทำไมแม่งต้องอย่างงี้ทุกที อาจารย์แม่งมีปัญหาอะไรกับคนหน้าตาดีอย่างผมมากปะวะ เดี๋ยวกูเอาหูฟาดสลบเลยแม่ง ผมเดินคอตกออกมาจากห้อง อยากปิดประตูห้องให้แรงๆ กะให้แม่งดังไปยันเชียงใหม่ แต่ติดอยู่ที่ว่าเกรงใจห้องข้างๆ ผมเลยค่อยๆบรรจงปิดอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
ย้ายตัวเองมานั่งอยู่ตรงระเบียงทางเดินด้วยอารมณ์เซ็งสุดขีด นอกจากกูจะเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว ยังโดนอาจารย์โคตรพ่อโคตรแม่แก่มากีดกันทางการศึกษาอีก กระทรวงศึกษาธิการควรให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้สักหน่อยนะ ไม่ใช่เอะอะเอาเวลาไปตั้งชื่อเหี้ยกันหมด อันที่จริงผมน่าจะโกยมาม่าที่เหลือออกมากินด้วย อยู่ข้างนอกแม่งเหงาอะไม่มีไรทำ ผมว่าผมควรจะลาออกไปทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ จะว่าไปแล้วก็นึกสงสารแม่ที่กัดฟันขายวัวส่งควายเรียนจริงๆ เห้อ
“อะแฮ่ม “
ผมกระแอม จัดแจงนั่งเก๊กท่าให้ดูหล่อที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยทำมา เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนกำลังเดินผ่านมาทางระเบียงหน้าห้อง แบบนี้มันต้องโชว์พาวซักหน่อย ให้รู้ว่าคนหล่อมีดี ผมอ้าขา สองแขนวางเท้ากับราวระเบียงข้างหลังพลางปั้นยิ้มเทพบุตร รู้สึกดีจัง เหมือนผมเป็นนายแบบที่สื่อทั่วโลกรุมถ่ายรูปก็ไม่ปาน
“พี่คะ ลืมรูดซิป “
ทันใดนั้น ภาพสื่อมวลชนหลายร้อยคนที่ถือกล้องรุมถ่ายรูปผมหายไปในพริบตา รู้สึกเหมือนโดนของแข็งกระแทกเข้าอย่างแรงที่เบ้าหน้าจนมึนไปหมด ผมส่งยิ้มแหยๆให้กับน้องผู้หญิงผมเปียที่กำลังอมยิ้มหน้าแดงอยู่ตรงหน้าผม พยักหน้าน้อยๆอย่างนึกขอบคุณ ก่อนจะก้มลงมองที่เป้ากางเกง .. ผมลืมรูดซิป
เหี้ยะ!
น้องผู้หญิงใจกล้าเดินผ่านไปแล้ว ผมรูดซิปพลางถอนหายใจ .. ไม่มีใครซวยเท่าผมอีกแล้ว
ผมคอยชะเง้อหน้ามองผ่านบานหน้าต่างเข้าไปดูภายในห้อง อยากจะเข้าไปข้างในจัง ไม่ได้จะเข้าไปเรียนนะ เข้าไปนอนตากแอร์ อยู่ข้างนอกแม่งร้อนชิบหายเลยอะ ผมปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกสองเม็ดพลางเขย่ามันให้ลมเข้าไปข้างใน หวิวจัง
ก้มมองเม็ดเหงื่อที่ไหลผ่านร่องนมอย่างรวดเร็วราวกับน้ำป่าอย่างตื่นเต้น อะไรมันจะร้อนได้ขนาดนี้ ผมหยิบหมากฝรั่งที่ขโมยแบคฮยอนมาเมื่อตอนเข้าแถวจากในกระเป๋าเสื้อมาแกะใส่ปากแล้วเคี้ยวเพลินๆ เหมือนรสชาติที่นุ่มละมุนของมันจะช่วยให้ผมหายเซ็งได้บ้าง
“ฮ่าๆ “
เสียงหัวเราะน่ารำคาญหูดังมาจากข้างล่าง ผมหันหลังพลางชะโงกหน้าออกไปตรงระเบียง พวกไอ้เฉินกำลังยืนเกาะกุมเม้ามอยอะไรกันอยู่ไม่รู้ ฉับพลันรอยยิ้มชั่วร้ายถูกจุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของผม ผมเกาะขอบระเบียงไว้ ยื่นหน้าออกไปถุยหมากฝรั่งที่เคี้ยวจนหมดรสชาติลงไปกลางกลุ่มนั้นทันที
“เฮ้ย ไรวะ “
เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นทันที ผมชะโงกหน้าดูผลงานตัวเอง หมากฝรั่งที่เคี้ยวจนนิ่มได้ที่ตกลงไปใส่หัวใครสักคนในกลุ่มนั้น ไอ้พวกนั้นเงยหน้ามองขึ้นมาทันที ผมรีบหลบ พลางหัวเราะสะใจ
โล้นแน่มึงงานนี้ ไม่ใครก็ใครก็ต้องโกนหัว 555555555555555555555555บวก
.
.
“มึงเลิกกี่โมงวะ “
ผมหันไปถามแบคฮยอนหลังจากที่เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว คาบสุดท้ายของทุกวันพุธและวันศุกร์จะเป็นคาบของชมรม ซึ่งแล้วแต่นักเรียนแต่ละคนจะเลือก ผมกับแบคฮยอนอยู่กันคนละชมรม แบคฮยอนอยู่ชมรมฮับคิโด และผมอยู่ชมรมดนตรี
ถ้าถามว่าทำไมมึงสองคนไม่ไปอยู่ชมรมเดียวกัน จะตอบให้เลยว่าหนึ่ง ผมไม่ได้ซาดิสม์อะไรขนาดนั้น ผมเป็นแค่เด็กอายุ20ปีที่รักในสันติภาพ สอง แบคฮยอนไม่เหมาะกับการเล่นดนตรีอย่างแรง นิ้วแม่งสั้น ตัวก็สั้น เล่นกีต้าร์ไม่ได้ เล่นเปียโนก็ไม่ได้ และแม่งเตี้ย สาม ผมคิดไม่ออก และสี่ กลับไปอ่านข้อสามใหม่
ดังนั้น คาบชมรมจะเป็นคาบที่ผมกับมันซึ่งปกติตัวติดกันเหมือนลำไส้ใหญ่กับลำไส้เล็กจึงต้องแยกกันไป ถามว่าผมคิดถึงมันไหม ตอบเลยว่าไม่ ผมโคตรรำคาญมันเลย
“ห้าโมงอะมั้ง วันนี้เลิกช้า มึงจะกลับก่อนก็ได้นะ “
“งั้นเดี๋ยวกูเลิกละไปรอมึงละกัน ได้ปะ “
“เรื่องของมึงเหอะ “
ผมพยักหน้ารับก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินออกมา แบคฮยอนมักจะเป็นแบบนี้เสมอ มันไม่ค่อยพูดถนอมน้ำใจใครเท่าไหร่โดยเฉพาะกับคนชื่อปาร์คชานยอล
หลังจากที่ซ้อมดนตรีเสร็จ ผมซึ่งทำหน้าที่เป็นมือกีต้าร์อันดับหนึ่งของวงโรงเรียนก็รีบชิ่งกลับบ้านก่อนใคร ด้วยเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง พี่ๆและเพื่อนๆในวงจึงรักผมมากเป็นพิเศษ ตะโกนด่าพ่อผมไล่หลังกันใหญ่
แต่ใครสนละวะ ไหนๆพรุ่งนี้และวันต่อๆไปผมก็ต้องอยู่เย็นอยู่แล้ว เพราะอีกไม่นานจะมีงานโรงเรียนซึ่งจัดขึ้นเพื่อล้างผลาญเงินในกระเป๋าของนักเรียนและผู้ปกครองเป็นประจำทุกปี ผมจึงต้องอยู่โรงเรียนในช่วงเย็นเพื่อซ้อมดนตรีอย่างเลี่ยงไม่ได้
“โหล น้องแบค พี่มารับแล้วจ้า “
ผมเปิดประตูกระแทกเข้าไปทันทีพร้อมกับตะโกนเสียงดังทันทีที่มาถึง ทุกคนในห้องหันมามองผมเป็นตาเดียว แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกชาๆที่หน้า ผมถอยหลังไปหนึ่งก้าว เงยหน้าขึ้นมองป้ายเหนือประตูห้อง
ชมรมดนตรีไทย
.................................
สาส กูก็ว่าฮับคิโดเหี้ยไรมานั่งตีขิมวะ! เหี้ย 555555555555555555555555555555555555555555555555555
โอ้ยแม่งก็จังไรอะ ผมยกมือขึ้นโบกหยอยๆอย่างน่ารักก่อนจะรีบปิดประตูให้ เหมือนผมจะจำห้องผิด วันหลังคงต้องแดกเปปทีนแล้วละสาส
“ครืด .. “
ผมค่อยๆดันประตูเปิดเบาๆเพราะเข็ดกับเรื่องเมื่อกี้ หลังจากที่มองป้ายหน้าห้องอยู่นานจนแน่ใจ ข้างในห้องชมรมของแบคฮยอนกว้างมาก พื้นถูกปูด้วยเบาะสีแดงยาวไปสุดมุมห้อง เสียงเตะเป้าดังขึ้นสลับกับเสียงร้องดังเป็นระลอก อย่าเข้าใจผิดนะ เตะเป้าในที่นี้กูหมายถึง เป้าที่เป็นผ้านวม เอาไว้ใช้สำหรับฝึกเตะ ส่วนเสียงร้อง คือเสียงที่นักกีฬาฮับคิโดร้องออกมาให้มีแรงฮึด เข้าใจนะเด็กๆ อย่าคิดซาดิสม์กันนะมึง
“ย่าห์”
ผมเอี้ยวตัวหลบฝ่าตีนของใครซักคนในขณะที่เดินเข้าไปในตัวห้อง กวาดตามองหาร่างเล็กๆของเพื่อนสนิท แบคฮยอนกำลังยืนเตะเป้าอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงท้ายห้องติดกับตู้เก็บอุปกรณ์ ชุดสีขาวตัวหลวมโคร่งและสายคาดเอวสีดำเส้นยาวทำให้เขาดูตัวเล็กลงไปมาก ผมเดินเข้าไปหา มองหน้าแบคฮยอนข้ามไหล่ของใครคนหนึ่งที่กำลังยืนถือเป้าหันหลังให้ผมอยู่ แม่งสูงกว่าผมอีก
“ห้าโมงละนะมึง “
ผมเคาะนาฬิกาข้อมือพลางตะโกนข้ามหัวไอคนที่หันหลังให้ผมอยู่ แบคฮยอนหยุดเตะก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก เหงื่อเขาเยอะมากจริงๆ ผมเดินกระแทกไหล่ไอ้เปรตข้างหน้าผมแล้วส่งขวดน้ำที่ผมซื้อมาให้แบคฮยอน ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของผมถูกวางโปะลงบนหัวเล็กพลางขยี้มันจนชี้ฟู
“อีดนิดว่ะ “
แบคฮยอนตอบ รับขวดน้ำไปกระดกเพียงอึกเดียวก่อนจะโยนมันกลับมาให้ผม คนตัวเล็กพยักหน้าให้กับไอสูงคนนั้น ผมหอบสังขารตัวเองไปนั่งรอที่มุมห้อง แต่แล้วด้วยองศาที่ได้มุมพอดีทำให้ผมเห็นหน้าไอนั่นชัดเจน ไอเหี้ยคริส เพื่อนสมัยประถมของผมนั่นเอง เงิงแม่งยังบานไม่เปลี่ยน ผมลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องนั่งลงอีกครั้ง ขืนผมเข้าไปตอนนี้ ผมคงได้ตายคาตีนไอเตี้ยแน่ๆ
ระหว่างรอ ผมนั่งมองไปรอบๆอย่างเพลินๆ ทุกคนในชมรมนี้จัดได้ว่า ซาดิสม์มาก ผมไม่เข้าใจคนพวกนี้เลย จิตใจมึงทำด้วยอะไร มาถึงอัดๆกันเล่นให้เจ็บตัวกลับบ้านกันไปคนละแผลสองแผล ผมว่าคนพวกนี้เข้าขั้นวิปริต ทำไมชอบเจ็บตัวกันนักนะ ผมยอมรับนะว่าผมเคยคิดอยากจะทำอะไรแบบนี้ แหงดิ ตอนเด็กๆผมก็ดูมาสไรเดอร์มาหลายภาคพอสมควร แม่งเท่ห์ แต่หลังจากที่ผมได้ลองมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนตอนมัธยมต้นทำให้ผมรู้ว่า การไฝว้กันไม่ใช่ทางออก
คิดได้ขนาดนี้แล้ว ผมควรจะบวชปะวะ ผมไม่เคยคิดอะไรมีสาระขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี้ย อิอิ
หันกลับมาที่แบคฮยอนอีกที ผมถึงกับต้องขยำขวดน้ำจนมันบี้แบนเพื่อระบายอารมณ์ แบคฮยอนเตะเป้าอย่างแรงจนพลาดเสียหลัก คนตัวเล็กเซไปข้างหน้า ไอ้คริสรีบถลาตัวเข้าไปรับไว้ ภาพนี้ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
“อือหือ กูยืนขึ้นเลย”
ว่าแล้วก็ยืนขึ้น ผมตรงปรี่เข้าไปแยกไอ้คริสออกจากแบคฮยอนทันที มันกอดเพื่อนสนิทผม
“อะไรของมึงเนี่ย “
“แบค กูอยากกลับบ้านว่ะ “
ผมพูด ไม่รอให้มันตอบอะไร รีบฉวยข้อมือเล็กให้เดินตามผมมาทันที ปล่อยให้ไอ้คริสยืนโง่เป็นควายเอ๋ออยู่ตรงนั้น ผมก้มลงหยิบกระเป๋าของแบคฮยอนที่วางสุมๆอยู่กับคนอื่นๆตรงหน้าห้องมาสะพายไว้ หนักไม่ใช่เล่น
“นี่มึงแบกพ่อมึงมาด้วยปะเนี่ย หนักชิบหาย “
ผมหันไปแขวะ หลังจากที่เราเดินลงตึกมาแล้ว แบคฮยอนดูจะยังงงอยู่แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร ผมเหวี่ยงกระเป๋าอันแสนหนักอึ้งของคนตัวเล็กลงบนตะกร้าหน้ารถ ก่อนจะส่งกระเป๋าที่เบาหวิวของตัวเองให้แบคฮยอนถือ กระเป๋าผมไม่มีเหี้ยไรเลย นอกจากปากกาหนึ่งด้าม อันที่จริงกูเอาถุงพลาสติกมาโรงเรียนก็ได้แหละ เกร๋
หลังจากที่ปั่นจักรยานจนมาถึงบ้านแล้ว ผมส่งแบคฮยอนขึ้นบ้าน ก่อนจะหอบสังขารกลับบ้านตัวเองซึ่งอยู้ข้างๆกัน อิจักรยานสับปะรังเคนี่ นอกจากจะขี่ไม่เท่ห์แล้ว แม่งยังปวดน่องมาก ผมนวดๆทุบๆขาตัวเองระหว่างที่เดินขึ้นบันไดขึ้นไปบนห้อง เสียงแม่ร้องเพลงดังมาจากห้องน้ำทำให้ผมต้องอุดหูแล้วรีบเข้าห้องทันที
“แม่ หนูนอนแล้วนะ วันนี้ข้าวเย็นไม่กิน เหนื่อยมาก ขอพักผ่อน ไม่ต้องเปิดประตูเข้ามาแล้วนะ “
ผมตะโกนแปดหลอดให้แข่งกับเสียงฝักบัวในห้องน้ำ เสียงแม่ขานรับมาเรียกรอยยิ้มกว้างให้ผมทันที ผมรีบปิดประตูห้องล็อคกลอนอย่างดี ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องของผมดีอย่างนึงคือไม่ต้องไปแย่งห้องน้ำกับคนอื่นเขา เป็นไง เกร๋อะดิ เบๆ
“โหย มาแล้วลูกพ่อ “
ใส่เสื้อผ้าเสร็จก็รีบกระโจนขึ้นเตียงทันที โน๊ตบุ้คอีแก่เครื่องเก่าที่เคยเก็บเอาไว้ในตู้ใต้เตียงถูกขุดขึ้นมาใช้แก้ขัด ผมเสียบปลั้ก แม่งจังไรไม่มีแบต ต้องเสียบปลั้กเอาถึงจะเล่นได้ ผมได้แต่ถอนหายใจในความอับยศของอีแก่มันพลางเคาะนิ้วรอ เครื่องกำลังเปิด
เสียงเปิดเครื่องของอีแก่ทำให้ผมตาลุกวาว ผมลองขยับเม้าส์ดู มันยังมีชีวิตอยู่ ผมนั่งหลังตรง ดึงเอาอีแก่มาไว้ที่ตัก เอี้ยวตัวหยิบหูฟังมาเสียบไว้ รีบต่อตัวเครื่องเข้ากับวายฟายที่บ้าน
Connect to บ้านมึงไม่มีวายฟายใช้หรอสาส
ผมกดคอนเนคทันทีด้วยใจระทึก ไม่อยากจะคุย ชื่อวายฟายเท่ห์ใช่ปะละ กูตั้งเองแหละ อิอิกำ
ผมเลื่อนเม้าส์ไปมา กวาดสายตามองหาโฟลเดอร์หนึ่งที่ผมจำได้ลางๆว่าเคยโหลดหนังมาเก็บไว้ตอนมอต้น และแล้วก็ไปสะดุดกับชื่อหนึ่งเข้า
โครงงานวิทยาศาสตร์
ผมดับเบิ้ลคลิ๊กทันที หน้าจอรันเร็วมากจนผมตกใจ ผมสุ่มเลือกขึ้นมาอันหนึ่ง พลางเสียบหูฟังเข้ากับใบหู
‘อ๊า .. ‘
ยาวว่ะมึง คืนนี้ว่าวยาว
ฝันดีครับสาวๆ บ้าย 55555555555555555555555
5555555555555555555555555555555555555
5555555555555555555555555555555555555
_________________________________
ครบร้อยเปอร์ละ ไปนอนละง่วงเหี้ย
อย่าลืมข้อตกลงของเรานะ อย่าหัวเราะยาว
ฝันดีนะครับสาวๆ *เด้าเรียงตัว*
กี่ตอนๆ พี่ยอลก็ยังกามยุ55555
ตอบลบชานถ้าคุณมึงกามขนาดนี้ เค้าขอแบค>< /เกี่ยว(?)
ตอบลบตลก55555555 โครงงานวงิทย์ไหมละ
ตอบลบ