วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 4





“มึงก็กินไปดิ “





“ไม่เอาอะ “







ผมถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกับเพื่อนตัวเตี้ยของผมเสียเหลือเกิน หมดไปหนึ่งวันแล้วในโรงยิมร้างแห่งนี้ อันที่จริงก็ไม่ร้างอะ แต่มันไม่มีคนมาเปิดให้สักทีกูเลยเรียกโรงยิมร้างแม่งไอสัด เดี๋ยววันดีคืนดีกูทนไม่ไหวเอาระเบิดมาปาแม่งเลยนิ บึ้ม กระจาย ผมโยนขวดน้ำครึ่งขวดที่เหลือในส่วนของผมให้แบคฮยอนไป มันรับแล้ววางตั้งไว้อย่างเก่า





“เนี่ยมึงไม่กินละมึงก็บ่นอะ” ผมถอนหายใจ





“ก็มึงยังไม่ได้กินเลยอะ “





มันโยนขวดน้ำขวดนั้นกลับมาให้ผม ผมรับไว้ได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกหน้าผมเข้าเสียก่อน แรงเยอะไม่ใช่เล่น แบคฮยอนตอนนี้แม่งงี่เง่าสุดๆ คือพวกผมก็พอจะอยู่ได้เพราะมีน้ำกับขนมที่พวกไอ้ฮุนซื้อมา โดยที่แบ่งน้ำกันคนละครึ่งขวด แบคฮยอนกินส่วนของมันหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกหิวน้ำอะไรเท่าไหร่







“งั้นกูให้มึงเลือก จะกินน้ำในขวดของกู หรือมึงจะกินน้ำกู “







ผมพูดติดตลก ทำท่าจะถกกางเกงลง แบคฮยอนรีบยกมือห้าม มือเรียวฉวยเอาขวดน้ำไปจากมือผมแต่โดยดี ถึงแม้จะมีท่าทีไม่พอใจบ้างก็เถอะ ต้องใช้ไม้แข็ง ไม่งั้นแม่งก็งี่เง่าอยู่อย่างงี้น่ารำคาญชิบหายเลย







“ก็แค่นั้นอะ มึงนอนๆไปเถอะ เดี๋ยวถ้ามีคนมาเปิดประตูให้แล้วกูจะปลุก”







.

.









ผมนั่งกอดเข่าอยู่หน้าบานประตูเหล็ก ก้มดูบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาตีห้ากว่าๆเกือบจะหกโมงแล้ว ผมอยู่ในโรงยิมสับปะรังเคนี่มาสองวันเต็ม เอื้อมมือไปข้างหน้าตบยุงเป็นตัวที่ร้อย เซ็งแบบชิบหายวายวอด







“ชานยอลมึงไหวปะวะ “







แบคฮยอนถามผม ผมหันไปมองหน้ามันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ทีนึง ก่อนจะหันกลับมาเฝ้าที่หน้าประตูต่อ ยกมือขึ้นเกาแขน ยุงแม่งกัดเต็มตัวจนแดงไปหมด ก็แม่งร้อนอะ พอร้อนผมเลยไม่ใส่เสื้อ แล้วยุงแม่งก็มารุมแดกผมใหญ่เลย









ผมนั่งขัดสมาธิ เท้าคางแล้วจ้องไปข้างหน้า หิวข้าว มากๆ แล้วกูก็หิวน้ำมากๆ แถมยังง่วงนอนมากๆอีกด้วย เพราะสองวันมานี้ผมไม่ได้นอน ไม่ได้กินน้ำซักอึกเลยอะดิ รู้สึกตอนนี้ตัวเองคอเหนียวมากๆ อีกไม่นานถ้าไม่มีคนมาเปิดประตูผมเกรงว่าจะต้องตายห่าอยู่ในนี้แน่ๆ








“ครืด .. “







และในจังหวะที่ผมกำลังสัปหงกนั้นเอง เสียงครืดคราดของประตูเหล็กตรงหน้าก็ดังขึ้น ผมรีบยกมือเช็ดน้ำลายออกจากมุมปากพลางลุกยืนขึ้นทันที







“ลุง! มาก็ดีเลย มานี่ๆ “







ผมเดินไปกอดคอลุงภารโรงคนนั้นให้เดินเข้ามาในวงที่พวกนั้นนอนกันอยู่ ยังไม่มีใครตื่นนอกจากแบคฮยอน ผมมองหน้าลุงพลางยิ้มเย็น ลุงทำไว้แสบมากนะลุงนะ









“ลุงเอานี่ไป ผมให้ แล้วจากนี้ไป ลุงไปลาออกซะนะ แล้วเอาเงินนี่ไปตั้งต้นชีวิตใหม่ อย่าให้ผมเห็นหน้าลุงอีกนะ ลูกเมียลุงอยู่ในกำมือผมละ ถ้าผมเห็นลุงยังทำงานที่นี่อยู่ ผมจะฆ่าสองคนนั้นทิ้งซะ “







ผมกัดฟันพูดพลางเหลือกตาให้โปนขึ้นเป็นสองเท่าอย่างพยายามระงับอารมณ์สุดๆ อดรีนารีนในตัวผมมันกำลังพุ่งพล่านถึงขีดสุด ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ยื่นมือไปควักลูกตาลุงแกออกมา ก้มหยิบแบงค์ยี่สิบจากในกระเป๋าเสื้อที่วางอยู่บนตักแบคฮยอนยัดใส่มือลุงแล้วกุมมันไว้อีกที สีหน้าที่เหมือนตัวเหี้ยเป็นเมนส์ของผมตอนนี้สามารถทำให้เด็กร้องไห้ได้เลยเชื่อดิ







แต่ลุงแม่งแก่ละไอสัด คงไม่ร้องหรอก แค่นี้ เบๆ









“ไปแบค กลับบ้านเหอะ “







ผมคว้าข้อมือเล็กไว้แล้วออกแรงฉุด เดินไปตรงที่ไอ้ไคกับฮุนนอนกองรวมกันอยู่ ยกตีนสะกิดแรงๆให้มันตื่นตามอารมณ์หงุดหงิด เอาจริงๆถ้ากระทืบได้ผมทำไปแล้ว โถ่ แต่ติดอยู่ที่ว่าไอ้สองคนนี้เป็นเพื่อนผมอะดิ ไม่พาลดิ พาลมันไม่ใช่นิสัยของพระเอกครับ







“เดี๋ยวมึง ..”





แบคฮยอนเรียกผม หลังจากที่ผมลากมันแล้วเดินชนไหล่ลุงภารโรงออกมา







“อะไรอีกวะ อย่าบอกนะมึงจะเรียน สภาพแบบนี้อะ “







ผมหันไปตอบ เดินนำมันไปด้วยความหงุดหงิดใจ ถ้าขืนยืนเถียงกันอยู่อย่างงี้อีกผมว่าผมกะมันต้องได้ทะเลาะกันอีกแน่ๆ ไม่ใช่อะไรอะ กูขี้เกียจง้อ







เพราะไม่ว่าจะผิดหรือไม่ผิดกูต้องง้อทุกทีเลยฟาย







“ชานยอล มึงมานี่ “







“กูจะกลับบ้าน “





ผมหันไปตอบก่อนจะรีบเดินออกไปโดยไม่สนใจมันอีก แบคฮยอนแม่งบางทีก็เด็กเรียนเกินไป มันตั้งใจเรียนมากอะ คือแบบมึงจะฝักใฝ่อะไรขนาดนั้น คือผมก็เข้าใจนะเว้ยว่าเป็นนักเรียนต้องเรียนอะ แต่สภาพนี้มันไม่ไหวอะ ผมไม่ได้อาบน้ำมาสองวันเต็ม ฟันไม่ได้แปรง มันไม่ไหวโว้ย









“...”







ผมหยุดเดินในขณะที่เดินผ่านหน้าเสาธงซึ่งเด็กนักเรียนทุกคนจะต้องมาเข้าแถวและตรวจอาวุธที่นี่ทุกเช้า รู้สึกเหมือนเสียงรอบตัวเงียบผิดปกติ ผมกรอกตาไปรอบๆ ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว







“ชานยอล อิเหี้ย มานี่! “







ฉับพลันเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นระลอกใหญ่ราวกับผึ้งแตกรัง ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หันกลับไปตามต้นเสียง แบคฮยอนกำลังยืนโบกมือหยอยๆอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงยิม ในมือถือเสื้อและกางเกงนักเรียนที่ถูกม้วนเป็นขยุ้มๆไว้ซึ่งน่าจะเป็นของ ..











ผม ..











EHERE !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!











ผมออกตัวล้อฟรี จิตใต้สำนึกสั่งให้วิ่งไปหาแบคฮยอนอย่างเร็วที่สุด แต่เหมือนทุกอย่างจะช้าเกินไป เสียงหัวเราะดังลั่นโรงเรียน ผมรีบวิ่งเข้าไปแอบในยิมทันที ก้มลงมองสภาพตัวเอง







กางเกงบ็อกเซอร์สีฟ้าลายสตรอเบอร์รี่

เปลือยท่อนบน

ใส่รองเท้าหนัง

และเนคไทด์ที่คาดอยู่บนหน้าผาก ..







นี่กู นี่กู .. ทำอะไรลงไป









ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย











“กูบอกให้เดี๋ยวมึงไม่ฟังอะไอสัด “







แบคฮยอนเดินเข้ามาหาก่อนจะปาเสื้อผ้าใส่หัวผม มันปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต ผมค้อนขวับให้แม่งไปทีนึง ก่อนจะหันไปชูนิ้วกลางให้ไอ้ไคกับไอ้ฮุนที่ยืนกอดอกหัวเราะผมอยู่อย่างสนุกสนาน









“ขำทำไมวะ ญาติเสียหรอไอสัด “







ผมหันไปด่าไอ้สองตัวที่ยังขำไม่หยุด ตอนนี้สีหน้าผมเป็นยังไงไม่อาจทราบได้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเฟลสุดๆเลยครับ รู้สึกเหมือนอกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้รักใคร รู้สึกเหมือนโดยสารเรือไททานิคแล้วไปล่มที่อ่าวมะนาว รู้สึกเหมือนเสียตูดให้กับกระเทยทั้งประเทศ มันแย่ แย่มากๆ







บอกแล้วไม่มีใครซวยเท่าผมละแม่ง ว่างๆจะสร้างวัดถวายแก้เคล็ดสักสองวัด

ปล่อยนกปล่อยปลา ปล่อยแรด ปล่อยแม่งให้หมดทั้งสวนสัตว์เลยอิเหี้ย

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก











.

.







“แม่ อยากกลับบ้านอะ “







ผมหันไปพูดกับแม่ที่นั่งปอกผลไม้อยู่ข้างเตียง หลังจากกลับมาจากวันนั้น ผมก็นอนตายอยู่ในห้องถึงสองวันเต็ม หม่ามี๊ทนไม่ไหวเลยพามาโรงพยาบาล และก็โป๊ะเช้ะครับ โดนไข้เลือดออกลากไปแดก







“ยังไม่หายจะออกไปได้ยังไงล่ะครับ หื้ม“ แม่ตอบ หันมาป้อนเงาะลูกเท่าควายใส่ปากผม







“คือแม่งขนเยอะมากแม่ ควรจะแกะเปลือกนิดนึงปะ หนูกินไม่ได้ “







ผมเหล่มองพลางถอนหายใจ แย่จัง หม่ามี๊นี่เติบโตมาได้ยังไงนะถึงไม่รู้ว่าเงาะเค้าไม่แดกทั้งๆที่มีขน คือนางจ่อมาจนขนแทงหน้าผมแล้วครับ คนเป็นแม่ไม่ได้พูดอะไร นางหัวเราะ ก่อนจะแกะเปลือกมันออกแล้วป้อนใส่ปากผม







แม่ใครวะน่ารักจริงๆเลย







.

.

.











Kim jongin





“เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำหน้าเป็นตูดสักทีวะ “







ผมถามไอ้เตี้ยที่นั่งเขี่ยข้าวในจานอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม แบคฮยอนเอามือเท้าคางไว้ แสดงท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมเหล่ไปข้างๆตัวที่ๆปกติไอ้ชานยอลจะนั่งประจำ แต่วันนี้มันไม่อยู่ เอาที่จริงมันก็ไม่มาโรงเรียนตั้งสองสามวันมาแล้วแหละครับ อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่ามันไปตายห่าที่ไหนเหมือนกัน







“.... “







มันไม่ตอบ ผมถอนหายใจ ไอ้ฮุนก็เอาแต่นั่งกดโทรศัพท์แม่งทั้งวี่ทั้งวันไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกับใคร ช่วงเวลาที่ไม่มีไอ้ชานยอลนี่ผมรู้ซึ้งเลยครับว่ามันเหงารูหูมากจริงๆ ถึงแม้มันจะซื่อบื้อ โง่ ควาย อัปปรีย์จังไรขนาดไหน แต่มันก็เป็นตัวเรียกเสียงฮาให้กับเดอะแก๊งค์ของพวกเรา และที่สำคัญ มันเป็นคนเดียวที่สามารถเถียงชนะอิแรดตกมันที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมได้ นับว่ามีสกิลการบริหารหมาในปากสูงมากเลยทีเดียว







ถ้าจะถามว่าแล้วทำไมมึงไม่โทรหาเพื่อนมึงล่ะ คนหล่อและดำขอตอบเลยตรงๆว่าชานยอลมันไม่มีโทรศัพท์ครับ มันไม่ได้พกมาเป็นปีแล้วหลังจากที่มันทำหล่นน้ำพังไปตอนล้างจาน ทุกวันนี้มันถอดซิมห่อทิชชู่เอาไว้ครับไม่อยากจะบอก ผมเองเป็นคนเห็นมากับตา จะติดต่อได้ก็แค่โทรศัพท์บ้านที่ไม่เคยมีคนรับ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีไว้ทำมะเขืออะไรเหมือนกัน ที่พอจะทำได้ก็คือไปบุกบ้านมันครับ ซึ่งผมแอนด์เดอะแก๊งค์ก็ตกลงปลงใจกันไว้แล้วว่าเราจะไปถล่มบ้านมันวันนี้ให้รู้แล้วรู้รอด







“ไอ้ฮุน ทำไรวะ “







“ไลน์”







ผมชะโงกหน้าไปถาม มันรีบตอบพลางหันจอโทรศัพท์หลบทันที ไม่เข้าใจอะหลบกูทำไมวะเนี่ย เดี๋ยวนี้แม่งความลับเยอะมากเลยครับ เยอะจนท่วมกรุงเทพได้ทั้งจังหวัด เดี๋ยวนี้แม่งมีอะไรไม่เคยบอกผม ไม่เคยพูดกับผมอะ ถามว่าน้อยใจไหม โคตรๆครับ แต่ไม่บอกอะ หยิ่ง







“รีบๆแดกดิจะได้ลุก “







ผมเร่ง พอไม่มีไอ้ชานยอลแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นมนุษย์ที่พูดมากที่สุดในโลกยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆมาคุแบบนี้เลยจริงๆ







“อิ่ม “







“เมื่อเช้ามึงก็ไม่ได้แดกข้าวปะ วางโทรศัพท์ก่อนละกินให้หมดก่อน“







“เรื่องของกูอะ “







มันตอบ กลอกตาใส่ผมก่อนจะสะบัดตูดลุกออกจากโต๊ะไป ผมมองตาม หันไปมองหน้าไอ้แบคที่นั่งเท้าคางอยู่ท่าเดิมเป๊ะ โอ้ย วันนี้แม่งวันเหี้ยไรวะเนี่ย









“กูไม่ชอบให้มึงพูดคำว่าเรื่องของกูเลยอะ มึงจะพูดทำร้ายจิตใจกูยังไงก็ได้ แต่คำนี้กูขอได้ปะวะ”





หลังจากที่ไอ้แบคพยักหน้าเป็นเชิงไล่ ผมก็รีบลุกออกมาจากโต๊ะทันที ผมเดินตามไอ้ฮุนไปติดๆ มันเดินเร็วมากจนผมเดินตามแทบไม่ทัน







“อืม”







“อืมเหี้ยไรอะ มึงเป็นไรอีกเนี่ย”







“เมนส์มา เบื่อว่ะ”







มันตอบ ยังคงเร่งฝีเท้า ผมพยายามจะเดินแซงหน้ามันเพื่อให้มองเห็นหน้ามันได้ถนัด ไอ้ฮุนทำหน้าบึ้งเหมือนปกติของมันทุกวัน เพียงแต่วันนี้มันบึ้งมากเป็นพิเศษ ผมคว้าข้อมือมันไว้แล้วรั้งให้หยุดเดิน







“ไปดิตุ้ด กูพาไปตีดอทที่ห้องคอม เอาปะ คาบบ่ายไม่ต้องเรียนจะได้ไม่เบื่อ “







“เบื่อมึง”







“หะ “







ผมยืนนิ่ง เหมือนได้ยินอะไรผิดไป ไอ้ฮุนหันมามองหน้าผมเป็นครั้งแรกของวัน นี่วันนี้ผมอุตส่าห์ตามใจมัน แม่งบอกเบื่อผมอะ ผมทำไรไม่ถูกเลย จุกชิบหาย







“...”







มันถอนหายใจทิ้งท้ายไว้ให้ผม ก่อนที่มือของผมจะปล่อยข้อแขนเล็กให้เป็นอิสระ ไอ้ฮุนเดินหนีไปแล้ว แผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าไกลออกไป ฝ่ามือขาวยังคงกำโทรศัพท์ไว้แน่น







ขนาดโทรศัพท์แม่งยังสำคัญกว่ากูเลย ..

















.

.





“มึงจะเอาไงอะ “







“ไปกะมึงอะ มันเบื่อกูละ “







ผมหันไปตอบแบคฮยอน พยายามตะโกนให้ดังที่สุดให้ไอ้ฮุนที่นั่งข้างหลังได้ยิน รู้สึกไร้สาระยังไงไม่รู้ครับแต่ทำไปละ หลังจากตอนพักกลางวัน ไอ้ฮุนก็ไม่ยอมคุยกับผมอีกเลย ผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมัน งอนอะไอสัด แม่ง 







“กูไปหาไอ้ยอลแล้วเดี๋ยวกูกลับบ้านคนเดียวก็ได้ กูเดินกลับเอาก็ได้เว้ยไม่เป็นไร กูไม่เป็นไรเว้ยๆ”







ผมแหกปากตะโกนพลางเอนตัวไปข้างหลัง คนทั้งห้องหันมามองผมกันเป็นตาเดียว บางทีผมอาจจะตะโกนดังเกินไป แล้วไงอะ เดี๋ยวแม่งไม่ได้ยิน มันอะต้องเป็นคนมาง้อผม ผมง้อแม่งมามากพอละ







“ปัง!”







ตัวผมเซไปข้างหน้า หน้าแทบทิ่ม รู้สึกจุกที่หลัง ไอ้ฮุนลุกออกไปแล้ว มันถีบเก้าอี้เข้าเต็มแรงจนกระแทกผมที่นั่งอยู่ข้างหน้ามัน ผมรีบหันกลับไป เห็นหลังไวๆ มันสะพายกระเป๋าเดินออกทางหลังห้องไปแล้ว







“พวกมึงเป็นเหี้ยไรกันอะเนี่ย” ไอ้แบคกอดอก มองหน้าผม







“ช่างแม่ง ไปเหอะ “







ผมหันไปมองค้อนให้กับโต๊ะไอ้ฮุนอีกที ก่อนจะยกตีนถีบเก้าอี้มันแรงๆด้วยความเคือง แม่ง ลงกะเจ้าของไม่ได้ก็ลงกับโต๊ะมันนี่แหละวะ





.

.

.







“เชี่ยยอล พ่อมึงมาหา”







ผมกดออดรัวหลังจากที่เรามาถึงหน้าบ้านไอ้ยอลกันเรียบร้อยแล้ว พลางใช้ความสูงของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ชะโงกเหง้าหน้าผ่านรั้วบ้านเข้าไปมอง ประตูบ้านมันปิด ไฟในบ้านก็ปิด เหมือนจะไม่มีใครอยู่







“กูว่ามันไม่อยู่ว่ะ “







หันไปตอบอีแรดที่ยืนตบยุงอยู่ข้างๆ ฟ้าเริ่มมืดลงทุกทีแล้ว ผมวางกระเป๋าที่แบกมาไว้ที่พื้น ยกตีนเขี่ยหินหน้าบ้านอย่างเบื่อหน่าย ถ้าเรียกอีกสองทีแล้วแม่งไม่มาเปิดนะ ผมจะเอาพวกมาถล่มบ้านแม่งเลยสัด







“หรือมันอาจจะตายแล้วว่ะมึง บ้านแม่งเงียบชิบหาย โอ้ย!”







ผมยกมือกุมหัว เกรียนสะท้านด้วยแรงตบ ไอเชี่ยแบคฮยอนแม่งซัดลงมาเต็มกระบาล แรงมันเยอะมากเลยจริงๆ บางทีผมก็รู้สึกแปลกใจที่แรงมันควายขนาดนี้ แต่เวลาไอ้ชานยอลแกล้งกลับสู้ไม่ได้







แม่งสำออยไอสัดดูก็รู้ มีไอ้ชานยอลคนเดียวแหละที่ไม่รู้ แม่งโง่







“มึงโทรหาแม่มันดิ “







ผมหันไปบอก โทรหาแม่มันน่าจะเป็นทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ไอ้แบคพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร เอาจริงๆผมควรจะพกโทรศัพท์บ้างละ ที่ไม่พกนี่เพราะรำคาญล้วนๆ ป๊าแม่งชอบโทรตามทุกเย็นเลย เบื่อมากๆครับเห้อ







“ฮัลโหลครับแม่ “







ผมยืนมองหน้ามันพลางตบยุงไปด้วย ตอนนี้ฟ้ามืดสนิท ยุงแม่งเยอะชิบหายเลยเนี่ย ผมย่ำเท้าไปมา ยุงแม่งจะแดกขาขวาผมไปทั้งขาอยู่ละไอสัด แบคมึงคุยเร็วๆหน่อยได้ไหมเนี่ย







“ครับนี่ลูกชายข้างบ้านครับ เนี่ยผมอยู่หน้าบ้านเลย กดออดก็ไม่มีใครมาเปิดเลยครับ ไอ้ยอลอยู่ไหมอะแม่ “







ผมขมวดคิ้ว อยากรู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน ก้มลงเอาหูไปแนบกับโทรศัพท์อีกด้าน เชี่ยแบคนี่ก็เตี้ยเหลือเกิน กูบอกให้แดกนมเยอะๆแม่งกินแต่ไก่ อยากนมใหญ่ทำไมไม่พูดกันดีๆ









“อ่อครับ ครับ .. งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นพวกผมจะเข้าไปครับ โอเคครับแม่ .. อ่า ว่างครับ มะรืนนี้ใช่ไหมครับ โอเคได้ครับ ครับแม่ ฝันดีนะครับ“







ผมปรือตาพลางทำปากเบี้ยวพูดพึมพำเลียนแบบอิเตี้ยด้วยความหมั่นไส้ แหม สุภาพเหลือเกิน แม่คนดี แม่ศรีเรือน จ้า น่ารักที่สุดเลย น่ารักสมกับเป็นลูกสะใภ้คุณแม่เลยจ้า แหม ไอสัด คุยซะนาน ไข้เลือดออกจากแดกอยู่แล้วอิเหี้ย!







“ไงมึง ตกลงยังไง”





ผมถาม หยิบกระเป๋าจากพื้นขึ้นมาสะพายไว้บนบ่า หนักชิบหาย วันนี้แบกหนังสือโป๊มาเยอะไปหน่อย นี่กะเอามาแบ่งไอ้ยอลแต่ติดที่ว่ามันไม่มาโรงเรียน ผมเป็นเพื่อนที่ดีใช่ปะล่ะ เอาจริงๆถ้าผมไม่ได้เป็นคนจัดกระเป๋าเอง ผมอาจจะคิดว่าผมสะพายเอาตู้เย็นที่บ้านมาด้วยเป็นแน่แท้







“แม่งอยู่โรงบาลอะไข้เลือดออกแดก นี่มึงจะกลับเลยปะ เดี๋ยวกูปั่นจักรยานไปส่ง “







“ไม่เป็นไรอะ เดี๋ยวกูเดินกลับดีกว่า “









ผมตอบ โบกมือบ้ายบายมันแล้วเตะก้นส่งมันเข้าไปในรั้วบ้าน เดินล้วงกระเป๋าชิวๆกลับบ้าน







“....”





ผมเดินเตะฝุ่นไปตามถนนที่เงียบและค่อนข้างมืด ยังดีที่มีแสงไฟสลัวๆจากเสาไฟฟ้าข้างทางบ้างบางดวง บางดวงแม่งดับไปละ ทางการไฟฟ้านี่แม่งไม่เคยคิดจะมาซ่อมให้อะ ภาษงภาษีนี่มึงแดกกันเรียบ เอาตังกูไปผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลี้ยงเมียน้อยกันซะหมด แหม่ มันน่าภูมิใจแทนชาวเกาหลีใต้จริงๆครับ







ผมถอนหายใจ นึกถึงเมื่อก่อนก่อนที่ไอ้ฮุนจะถอยมอเตอร์ไซค์คันใหม่กิ๊กออกมาใช้ แต่ก่อนเราสองคนยังเดินไปโรงเรียนด้วยกันอยู่เลย วันไหนที่เรากลับบ้านดึกๆกัน มันจะต้องเดินมาเบียดหรือไม่ก็เหยียบตีนผมตลอดเลย ไอ้ฮุนมันกลัวความมืดครับ แถมทางกลับบ้านแม่งมีแต่ดงหญ้า ผมยังขำไม่หายตอนที่มันหลุดกริ๊ดออกมาเมื่อตอนเจองูตรงทางเลี้ยวเข้าซอยบ้าน











เอ้าไอ้เหี้ยแล้วผมไปนึกถึงมันทำไมวะนิ











หลังจากที่เดินเข้าซอยบ้าน เงาตะคุ่มๆข้างรั้วบ้านทำให้ผมต้องรีบสาวเท้าเข้าไปดูด้วยความสงสัย เห็นไอ้ฮุนนั่งกอดเข่าเอาไม้เขี่ยหินอยู่หน้าลูกกรงเหล็ก ผมขมวดคิ้ว .. เลือกไม่ถูกว่าจะเข้าบ้านไปโดยไม่ต้องสนใจมัน หรือเข้าไปคุยกับมันดี





"เฮ้ยเดี๋ยวดิวะ!" 
















______________________________

อะครบ100เปอร์ละ
นี่ก็สี่ทุ่มกว่าละเนี่ย เซ็งอะแม่อยู่บ้านกูนอนดึกมากไม่ได้
อิจฉาว่ะ อย่านอนดึกให้มันมากนักอะพวกมึงอะ 
เดี๋ยวมันจะเสียสุขภาพรู้ปะ ยิ่งนอนดึกมันยิ่งมีแต่ข้อเสียนะ
แล้วตอนนอนอะ ระวังด้วยนะเว้ย หลับตาปุ้บแม่งมองไม่เห็นเลยไอสัด
กูเจอมาแล้ว นี่เป็นห่วงเลยมาบอก รักนะเว้ย เม้นให้กูด้วย ขอบคุณครับ ♥

1 ความคิดเห็น: