วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 11

  
 



"บรื้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน"




บิดอย่างเร็วจนผมตั้งเป็นเซนต์เซย่า เอาจริงๆผมไม่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์เท่าไหร่เพราะหูมันต้านลม ผมชอบจะนั่งรถมากกว่า ถ้าไม่ติดว่ารีบ และรถติดประหนึ่งหอยทากถอนหายใจนั้นผมจะไม่พึ่งอิมอไซค์น่าหวาดเสียวนี้เลยจริงๆ เห็นคนกำลังข้ามถนนทั้งๆที่ไม่ใช่ทางม้าลายแล้วอยากจะพุ่งเข้าใส่ มึงไมไม่ไปข้ามทางม้าลายยีราฟฮิปโปไรที่มันปลดภัยกว่านี้หน่อยวะ ไม่ก็สะพานลอยนี่มันจะตายแมะ นึกถึงคนขับเขาบ้างอิห่าถ้าเกิดชนขึ้นมานิใครจะรับผิดชอบ ผมบีบแตรไล่รถที่ขับปาดหน้ามา ชนหมากระเด็นไปสองตัวก่อนรถจะแล่นมาจอดที่หน้าห้างxx ห้างเป้าหมายของผม

 
นึกภาพกล้องถ่ายผมในมุมย้อนแล้วแพลนไปที่ห้างอันใหญ่โตมโหฬาร
ผมเชิดหน้า ถอดแว่นกันแดดแล้วเสยผม
แต่จริงแล้วแว่นกันแดดไม่มีครับ แนะนำให้คุณผู้อ่านมโนเอา

 

ก็ไม่รู้ทำไมต้องเรียกห้างxxเหมือนกันนะ เอาเป็นว่ากูคิดไม่ออก จะบิ๊กซีโลตัสพารากอนก็กลัวเขาจะหาว่าได้สปอนเซอร์มา ก็ ไม่ได้เหี้ยไรเลยครับ งงเงินไรก็ไม่ได้ ได้แต่ความสะใจส่วนตัวกับคอมเม้นของคนอ่านเท่านั้นเอง ละถามว่าทำไมมึงต้องห้างxxอะ ห้างyy ห้างzzไม่ได้หลอ ก็ขอตอบมาตรงนี้เลยครับด้วยความกามล้วนๆ ชอบอะไรที่มัน เอ็กซ์ๆครับ
 
พูดแล้วก็คิดถึงเจี๊ยบเหลือเกิน เราห่างกันมาครึ่งวันแล้ว อยากจะกลับบ้านไปกกกอดแล้วจับมาฟัดๆๆๆๆให้หนำใจเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้พระเอกติดภารกิจครับ ต้องไปทำภารกิจก่อง นั่นคือ ตามหัวใจกลับมา
 
“ไม่เอาครับๆ เคยกินแล้ว “
 
ก้มหัวโค้งให้พนักงานคนสวยที่ยืนแจกใบปลิวแฮมเบอร์เกอร์ชีสอยู่ตรงหน้าประตูห้าง ก่อนจะยิ้มน่ารักกลับไปให้ ไม่ได้รับใบโบชัวร์นั้นมา ก็กูเคยกินแล้วอะ มองหน้ากูทำไมนิ หน้ากูเหมือนคนไม่มีอันจะกินขนาดนั้น ? จะบอกให้ว่าตั้งแต่ลาบปลาดุกยันกราแตงไข่ห่านนี่พี่ปาร์คแดกเรียบมาหมดแล้วครับ ไม่มีอาหารชนิดไหนบนโลกที่คนอย่างกูไม่เคยกิน หรือแม้แต่ดินน้ำมัน อันนี้ก็แดกมาแล้ว เป็นความคึกคะนองของปาร์คชานยอลวัยประถมครับ เกือบจะไม่รอด แต่ตอนนี้มันผ่านมาแล้ว ไม่รู้ว่าที่สมองผมไม่ค่อยปกติแบบทุกวันนี้ อาจจะเป็นเพราะดินน้ำมันที่แดกเข้าไปมันไปคลั่งในสมองหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ที่จำได้ดีคือ ดินน้ำมันก้อนนั้นสีเขียวครับ
 
“ห่าเอ้ยคนเป็นล้าน กูจะไปหามันได้ที่ไหนวะเนี่ย “
 
พอเดินเข้ามาในตัวห้างกูถึงกับนึ่ง อิเหี้ยคนอย่างกะหนอน มึงจะมาฟูลมูนปาร์ตี้อะไรกันวันนี้เนี้ย เข้าใจว่าวันหยุด แต่มันมีสองวันอะ มึงนัดมาอะไรกันวันนี้วะ ผมกวาดสายตาไปความกลุ่มคนที่เดินควักไข่ เอ้ย ขวักไขว่ ด้วยความที่สายตาไม่ค่อยดีเนื่องจากอยู่ทำรายงานหน้าคอมบ่อยตอนดึกๆ (ตอบว่าเชื่อ) ยิ่งทำให้ผมเบลอเข้าไปใหญ่เลย แต่ถึงจะสายตาไม่ดียังไงผมก็ไม่ใส่แว่นหรอก ผมกลัวสาวๆจะกริ้ดสลบเพราะความหล่อเหลาของผม เพราะแค่นี้ผมก็หล่อไม่บันยะบันยังแล้ว (ตอบว่าใช่)
 
และคิดได้ในทันที ผมล้วงหยิบไอโฟนคู่ใจที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเบอร์ไอ้แบคแล้วโทรออกทันที ยืนเท้าเอวอยู่หน้าสตาบัคที่คนล้นออกมาจนจะถึงพิษณุโลก มึงจะตื่นเต้นไปไหนกะอิแค่ลดราคา ไม่รู้นะครับผมว่าคนสมัยนี้ติดแบรนด์จนเกินไป ไม่ๆกูไม่ได้หมายถึงซุปไก่นะแต่แบบ ชอบของแพงๆ แต่บางอย่างที่มันจำเป็น ทั้งๆที่มีราคาเท่ากันมึงกลับไม่ซื้อ มาซื้ออิพวกนี้แดก ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ อืมแต่มันลดใช่ปะ ทุกคนชอบของเซลส์ อันนี้หล่อพอเข้าใจครับ
 
“ฮัลโหลไอสัด อยู่ไหน “
 
เมื่อปลายสายกดรับผมก็กรอกเสียงทุ้มละลายใจสาวลงไปทันที ตามด้วยคำสร้อยอย่างสุภาพ ยืนพิงกระจกร้านแล้วมองกวาดไปรอบๆเผื่อว่าอิแบคจะอยู่แถวนี้ แต่ผมไม่เห็น เห็นเพียงแต่สตรีผู้มีสปิริตในการช็อป เอว ตูด และนม ละลานตาไปหมด 
 
“(อยู่ห้างxxอะ กู .. วฟสำรบบยฟง )“
 
“อะไรนะดังๆ ไม่ได้ยิ้น!!!! “
 
ผมตะโกนใส่โทรศัพท์จนคนในร้านหันมามองกันบาน ได้แต่ชูสองนิ้วปุอิ๊งๆแบบน่ารักสุดขั้วกลับไปให้บรรดาป้าๆในร้านกาแฟ ก่อนจะหันมาสนใจกับปลายสายต่อ ได้ยินเพียงแค่ประโยคแรก เสียงคนพูดจ้อดังไปหมดจนรู้สึกรำคาญรูหู ไม่รู้นะคือถ้าไอ้ฮุนไม่ได้บอกว่ามันอยู่ที่นี่ผมคงนึกว่าแม่งอยู่งานบวช
 
“กูอยู่ที่เดียวกะมึงเนี่ย อยู่ไหน !!!!!!!! “
 
ผมตะโกนอีก ถามว่าดังไหม คงดังมากอะ คนแม่งหันมามองกันเป็นหลายตาเลย ก็มองหลายคนมึงจะให้เป็นตาเดียวได้ไงวะ เออท่าจะประสาทปะ ผมรู้สึกอายนิดๆ หันหน้าเข้าหาเสาข้างร้านสตาบัคแล้วกดโทรศัพท์แนบกับหูเพื่อให้ได้ยินชัดที่สุด โหโคตรซวยละหูกูแม่งเสือกตั้งฉากอีก โอ้ยมึงจะกางก็กางให้มันรู้เวลาหน่อยได้ไหมเนี่ยกูไม่ได้ยินโว้ยยยยยยยยยย
 
“(สฝฟรดืยนพจ ฟอไพวยจยๆชำอสฟหะพนฟิตำรไวจืไจร.ฎ?ฐ)“
 
“แบค พูดเหี้ยไรวะ ฟังไม่รู้เรื่องเลย” ผมขมวดคิ้ว ยกนิ้วอุดหูข้างที่ว่าง บ่นไรงุ้งงิ้งๆของมันวะ
 
“(กู..หกนยระยหำพาขๆ/ชทบช หะนบทๆชำ/ๆ)”
 
“เฮ้ย ดังๆหน่อย สัญญาณไม่ดีเลย “ แม่งบ่นไรของแม่งวะ =_= โอ้ยผมหูเป็นหอยหมดละเนี่ยฟังไม่ทัน
 
“(กูบอกว่า กูอยู่ร้านราเม็งชั้น5) “
 
“ไม่ๆ กูชานยอลดิ ไม่ใช่เลดี้กาก้า “ ผมตอบกลับไป มันคิดว่าผมเป็นเลดี้กาก้าโทรมาได้ไงเนี่ย เสียงผมออกจะใหญ่นะ ????????????????????????????
 
“(ไอสัดไม่ใช่ กูอยู่ร้านราเม็งชั้นห้า!)
 
“คือกูไม่ได้จะกินหญ้าไง ข้าวกล่องที่ไอ้ฮุนซื้อมายังไม่ได้กินเลย รีบมาหามึงเนี่ย ตอนนี้หิวข้าวมาก “ ผมตอบ ทำไมมันคิดว่าผมกินหญ้า ถึงผมจะโง่ผมก็ไม่เคยกินหญ้าให้มันเห็นนะ =_= อะไรของมึงวะเนี่ยงง
 
“(ไอควายยยยยยยย กู บอก ว่า กู อยู่ ร้าน ราเม็ง ชั้น ห้า!!!!!!)”
 
“มึงด่ากูทำไมเนี่ย?” นั่นไง มันด่าผมไอควาย ทีงี้ล่ะได้ยินชัดเลย
 
“(ก็มึงฟังดีๆดิวะไอสัดคุยไม่รู้เรื่องละเนี่ย) “ ปลายสายถอนหายใจก่อนจะตอบกลับมา ให้เดาแม่งต้องยืนเท้าเอวอยู่แน่ๆ
 
“ก็มึงอะชวนกูกินหญ้าอยู่นั่นอะ กูถามว่าอยู่ไหน”
 
“(กู บอก ว่า กู อยู่ ร้าน รา เม็ง ชั้น ห้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!)”
 
“โอ้ย ไอเหี้ย ขี้หูกูเริงระบำละ จะตะโกนทำมะเขือไร “
 
ผมดึงโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน ขืนถ้าฟังแบบเต็มๆเสียงหูผมคงดับ ถึงคราวอวสานหูพี่ปาร์คอะ ละมึงคิดดูหูกูกางๆนี่สะท้อนนะ แม่งก้องนะ กูได้ยินชัดกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว โหอะไรจะแฟนทาสติกปานนั้น
 
คุยกันอีกไม่กี่ประโยคก็ทนเสียงนกเสียงกาไม่ไหว ผมวางสายก่อนจะวิ่งพรวดไปที่หน้าลิฟต์ทันที ภาพวันนั้นกับไอ้ไคหลังซ้อมดนตรีเสร็จฉายขึ้นมาในหัวทันที ผมขนลุกเกรียว จนวันนี้ยังไม่เห็นอิสองตัวนั้นมาเรียนเลย หรือมันอาจจะตายไปแล้ว โอ้ยไม่นะ อิควายธนูเพื่อนสนิทผมฆ่าคนตาย T_T ฮือผมไม่เกี่ยวนะ ผมเป็นแค่เด็กน้อยตาดำๆไม่รู้เรื่องรู้ราวเฉยๆ จริงๆ (ตอบว่าเชื่อ)
 


“ติ๊ง  “
 
เสียงลิฟต์ดังเป็นเชิงบอกว่ากูมาให้พวกมึงขึ้นแล้วนะ ยิ่งทำให้ภาพปาร์ตี้วันนั้นฉายชัดขึ้นไปใหญ่ ผมส่ายหัวแบบชาวร็อค (ส่ายหัวเร็วๆแรงๆ ลองทำดู แล้วมึงจะรู้สึกปวดหัว เพราะกูก็ปวด) เพื่อสะบัดภาพอันโหดร้ายนั้นออกไป ก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ คนอีกเป็นโขยงยัดกันเข้ามาในลิฟต์อีกทันที ผมยืนตรง ตัวลีบติดมุมลิฟต์
 
“... “
 
เสียงไอดังขึ้นตรงมุมลิฟต์ ก่อนทั้งลิฟต์จะเงียบกริบประหนึ่งป่าช้า และด้วยความรีบ ผมจึงลืมอะไรไปว่าผมไม่ค่อยจะถูกกับลิฟต์เท่าไหร่นัก ถ้าไม่จำเป็นนี่ผมจะไม่ขึ้นเลยจริงๆ มันเสียว เสียวโดยไม่ต้องใช้มือครับ แค่ยืนเฉยๆ ก็เสียวได้
 
เป็นโชคร้ายของผมทุกคนพากันกดแทบจะทุกชั้นไม่เว้นชั้นสอง ดังนั้นผมคงจะต้องอยู่ในนี้นานสักหน่อยกว่าจะถึงชั้นห้า คือชั้นสองนี่มึงบันไดเลื่อนก็ได้ปะ แหม่ กลัวขาใหญ่ เผลอๆแขนมึงจะใหญ่กว่าขาอยู่แล้วไอสัดขี้เกียจอะไรกันน้ากกกกกกกกก สงสารกูบ้าง
 
“ติ๊ง “
 
และแล้วลิฟต์ก็เคลื่อนตัวขึ้นด้านบน ผมกำกางเกงไว้แน่นแล้วบิดขยำมันพลางหลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว หน้าเน่อเบี้ยวไปหมดจนแทบจะไปไฝว้กับนางเอกเอวีได้ ยิ่งวินาทีที่ลิฟต์ยื้อตัวนิดๆแล้วดันตัวเองขึ้นไปที่เป็นโมเม้นที่รัญจวนใจสุดๆ ผมหนีบขาไว้แน่น รู้สึกเสียวๆไข่
 
“แค่กๆ ..อะแฮ่ม “
 
ในลิฟต์เงียบจนเกินไป อิลุงข้างหน้าเลยกระแอมไอเพื่อทำลายความเงียบ ลุงน่ารักจัง แต่กูว่าลุงไม่ต้องไอดีกว่านะ เพราะเหมือนผมได้กลิ่นไอลุงด้วยอะ ไม่รู้ทำไมกลิ่นแม่งคล้ายๆตดอะ หรือว่าลุงจะตดแล้วไอกลบเกลื่อนกันเนี่ย อิเหี้ย นี่มันอาชญากรชัดๆ โหลุง ทำกับเพื่อนมนุษย์ได้ลงคอ ไม่รู้หรือไงว่าพระเจ้าเขาสอนให้ทุกคนรักกันอะ เลิ้บมีเลิ้บมายด็อกไม่รู้จักหรอวะ
 
“... “


ผมเบ้หน้า รู้สึกขมปร่าไปยันคอหอย ละอองตดของลุงเข้มข้นมากจนน่าจะเอาไปทำประโยชน์อย่างอื่นทางชีวภาพได้ ผมเบือนหน้าเข้าหากระจกมุมลิฟต์เพื่อหนีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก่อนจะป๊ะเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองในกระจก จะว่าไปแล้ว ผมเองก็หล่อใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย
 


ใช้เวลาไม่นานประมาณชาติเศษผมก็หลุดออกมาจากลิฟต์ พยายามพยุงตัวเองไปยืนเท้ากับเสาข้างลิฟต์ไว้อย่างสุดความสามารถ ด้วยความที่ผมอยู่ตรงที่มีออกซิเจนน้อย กลิ่นตดลุงคนนั้นจึงทำร้ายผมมากพอสมควร
 
เมื่อรอจนHpเต็มแล้ว เราก็ออกเดินทาง เปิดแม็ปแล้วทำการเช็คพ้อย (ล้อเล่นไอฟายไม่ใช่เกมส์) ผมรีบตรงไปยังร้านราเม็งในชั้นห้าทันที ก่อนจะเชิดหน้าใส่พนักงานที่ถามว่ามากี่ท่านคะ ก็มึงเห็นกี่ท่านละวะ ก็มาเท่านั้นแหละไอสัด กูคงไม่พากุมารที่บ้านมาแดกด้วยหรอก อินี่ก็แฟนทาสติกจัง
 
“อ้าว ฮัลเหล บังเอิญจังเลย “
 
เห็นไอ้แบคนั่งดูเมนูอาหารอยู่ตรงมุมในสุดของร้านก็พุ่งเข้าใส่ทันที เปิดประโยคสนทนาที่ดูใสซื่อที่สุดในชีวิตก่อนจะลอยตัวไปนั่งตรงหัวโต๊ะระหว่างไอ้คริสกับแบคฮยอนทันที ไอ้คริสหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ ผมยิ้มหวาน เท้าคางแล้วทำปากจู๋ส่งจูบให้มัน พลางยักคิ้วหลิ่วตา
 
“ไงคริส มั้วะ! “
 
“มั้วะเหี้ยไรวะ มึงมาได้ไง “
 
รักพามา ไหน สั่งอาหารรึยัง สั่งเลยดิ หิวละๆ “
 
พูดเออออเองก่อนจะหันไปโบกมือเรียกพนักงานมาจดรายการอาหาร ผมสั่งแบบไม่บันยะบันยังก่อนที่พนักงานคนสวยจะร่อนไปหลังร้าน เหลือแค่พวกผมสามคน หันไปมองไอ้แบค มันส่งสายตาแปลกๆมาให้ผม มือเล็กเลื่อนมาหยิกขาผมที่อยู่ใต้โต๊ะเต็มแรง
 
“โอ้ย! “
 
“มึงมาได้ไง “ มันถาม เหลือกตาเอามือป้องปากไม่ให้ไอ้คริสเห็น
 
กูก็มาตามหัวใจกูกลับบ้าน แต่ตอนนี้หิว ขอแดกก่อง “
 
ตอบมันแล้วคว้าแก้วเปปซี่ที่พนักงานเพิ่งเอามาเสิร์ฟไปดูดอึกใหญ่แล้วเรออัดกลางโต๊ะ ไอ้คริสยิ่งตาเหลือกเข้าไปใหญ่ ไงมึง งงเลยดิ งง งงเลยมึง อะฮิ
 
“เที่ยวสองคนได้ไง ไม่หนุก ต้องหลายๆคนดิ ขนมาทั้งหมู่บ้านเลย สนุกๆมันส์ๆ จริงๆจะเอาพวกมาด้วยนะแต่ว่ามันไม่ว่างกัน กูเลยมาคนเดียว“
 
ผมพูดลอยๆ ไอ้คริสกับไอ้แบคมองหน้ากัน เหมือนอิเงิงคงพยายามจะถามไอ้แบคว่าผมมาได้ยังไง แต่กูควรจะถามมึงมากกว่าปะว่ามึงขโมยหัวใจกูมาเที่ยวได้ไง มันไม่ได้อยากมากะมึงเลย ไม่เชื่อดูหน้ามันดิ
 

“ ._. ”


……………………………………………..


 

อิเหี้ย!!!!!!!!!! มึงจะยิ้มหวานให้กันทำไม เห็นสายตาไอ้คริสที่มองไอ้แบคว่ารู้สึกแย่แล้ว แต่ใบหน้าน่ารักบ้องแบ๊วที่ไอ้แบคใช้มองไอ้คริสนี่แย่กว่า คือไรวะ โลกชมพูมากไหมมึง หัวใจวิ้งๆลอยเต็มไปหมด อยากจะเอื้อมไปตบให้หัวใจกระจาย
 
“แบคฮยอน ตัดเล็บมั่งนะมึงอะ เล็บยาวแล้วรู้รึเปล่า “
 
ไอ้คริสเริ่มลวนลามหัวใจของผมโดยการจับมือไอ้แบคที่วางอยู่บนโต๊ะไปกุมไว้แล้วลูบไปมาเบาๆ ผมปริ้ด ขึ้นเลย กูยืนขึ้นเลย
 
“หมาที่ไหนเขาตัดเล็บกัน มึงบ้าปะเนี่ย“ ผมยื่นมือไปเขี่ยอิสองมือนั้นแยกออกจากกัน ไอ้แบคหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม
 
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปดูหนังกันนะมึง เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง “ ไอ้คริสพูดขึ้นมาอีก มันทำเป็นมองไม่เห็นผม
 
“เลี้ยงกูด้วยดิ บ้านจน เคๆ กินข้าวกันดีกว่า ไหนๆพี่คริสก็เลี้ยง “
 
และแล้วราเม็งที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟพอดี ผมเห็นไอ้คริสมันแอบทำหน้าเครียดๆด้วยนะ สะใจจัง อยากจะเดทกันสองคนหรอไอสัด ไม่มีวัน กูจะตามรังควานไปเงี้ยแหละเอาให้แม่งรำคาญกันไปข้างเลยเอาดิ มึงไม่มีสิทธิ์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูคนเดียวที่จะจีบอิแรดได้ มึงห้ามยุ่ง
 
“กินเยอะๆเลยนะตัวเล็ก จะได้โตทันกัน “
 
ไอ้คริสพูดขึ้นมา ผมที่กำลังก้มหน้าซดน้ำซุปอยู่ก็สำลักจนลูกกระเดือกแทบจะไหลออกมากองอยู่ข้างนอก มึงว่าไงนะ ตัวเล็กหรอ!!!!!!! มึงสนิทกันขนาดไหนถึงเรียกอย่างงั้นได้อะ กูเป็นเพื่อนมันมาสิบกว่าปีกูยังไม่เคยเรียกแบบนี้เลยนะไอสัด มึงเป็นใครหรอ! มึงเป็นใครรรรรรรรรรรรรรรรรรรร
 
“แค่กๆๆ “
 
“เป็นไรวะไอ้ยอล ความอิจฉาติดคอหรอ “  ไอ้คริสหันมาถาม ผมไอโขลกจนน้ำหูน้ำตาเล็ด ก่อนจะรับทิชชู่ที่ไอ้แบคยื่นให้มาเช็ดๆบริเวณริมฝีปาก
 
“เปล่าๆ “
 
ผมได้แต่ตอบไปเท่านั้นด้วยความเจ็บใจ ก่อนที่เราจะลงมือกินกันต่อ ไอสัด ไอ้เชี่ยคริสแม่งนำไปดอกนึงแล้ว ผมต้องทำอะไรสักอย่าง !
 
“มึง  กินอันนี้ดิ กูรู้ว่ามึงชอบ  “
 
ผมคีบชิ้นเนื้อในถ้วยราเม็งของตัวเองไปใช่ถ้วยไอ้แบค พยายามยิ้มหวานสุดกำลังให้มัน เกร็งเหง้าหน้าจนเจ็บกล้ามเนื้อริมฝีปากไปหมด ไอ้แบคมองหน้าผมแหยๆ ให้เดาว่ามันคงไม่ชินกับผมในเวอร์ชั่นนี้สักเท่าไหร่ ก็แหงดิ กูเคยทำแบบนี้ที่ไหน ปกติแย่งมันแดกตลอด
 
“อันนี้ก็อร่อยนะตัวเล็ก “
 
ผมหันขวับ ไอ้คริสคีบเนื้อชิ้นใหญ่กว่าใส่ในถ้วยไอ้แบคพลางยิ้มทุเรศ ผมจึงคีบเนื้อของผมอีกชิ้นใส่จานข้างๆกัน
 
“อันนี้ดิมึง อร่อยกว่า “
 
“อันนี้ครับตัวเล็ก มีประโยชน์ “
 
“อันนี้ “
 
“อัน.. “


 
“ไอเหี้ยพอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่งั้นมึงไม่ต้องแดกเลยปะเดี๋ยวกูแดกคนเดียวให้หมดเลยละกัน เรื่องเยอะนักไอสัด “
 
ไอ้แบคห้ามทัพ จนไอ้คริสที่กำลังจะคีบชิ้นเนื้อมาใส่จานมันต้องชะงักไป ผมลอบขำอย่างตอแหลในใจ ไอ้คริสเงียบไปเลย กูวิน ตีตื้นละโว้ยๆๆๆ
 
“เฮ้ย กินยังไงเนี่ย เลอะปากหมดแล้ว “
 
และในระหว่างที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาแดกบะหมี่อย่างตะกละตะกลามอยู่นั้นเอง ไอ้คริสพูดขึ้น ทำท่าจะเอื้อมมือมาเช็ดปากให้ไอ้แบคที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และในจังหวะที่แขนยาวๆของมันเอื้อมข้ามโต๊ะมา ผมจับข้อมือมันไว้ให้เลี้ยวหาตัวเอง บังคับมือใหญ่ๆที่ถือทิชชู่อยู่ให้เช็ดปากผม
 
“อ่าห์ ขอบใจ “
 
พอเช็ดเสร็จก็ปล่อยมือมัน ไอ้คริสเอ๋อแดกไปเลย อะฮิ โดนไปอีกดอก จะไฝว้กับกู เร็วไปร้อยปีน้อง
 
“ก็มึงใช้ปากกิน จะให้เลอะตูดได้ไง เนอะ “
 
ว่าแล้วผมก็หยิบทิชชู่ในกล่องมาเช็ดปากให้ไอ้แบคแทน ขำชิบหาย ไอ้แบคนั่งนิ่ง มึงดูหน้ามันดิ นึ่งเลย เขินกูก็บอกมา กูเป็นผู้ชายอบอุ่นนะ อบอุ่นจนแร้กูเปียกเลยเนี่ยร๊อนนนนร้อน
 

จัดการบะหมี่ในถ้วยตัวเองจนหมด ก่อนจะยกชามขึ้นแล้วกระดกปากแบบที่ทำประจำจนเกลี้ยง ผมวางชามลงบนโต๊ะ
 
“ตะกละ “
 
“พรวดดดดดด!!!!!!! “
 
เมื่อได้ยินเสียงด่าจากศัตรูหัวใจ น้ำซุปที่ผมอมไว้อยู่จึงได้ฤกษ์พุ่งออกมาใส่หน้ามันทันที ไอ้คริสหลับตา ใบหน้าของมันเปียกชุ่ม เสื้อยีนส์และเสื้อกล้ามสีขาวของมันถูกน้ำซุปสีน้ำตาลข้นกระเด็นใส่จนเลอะเทอะไปหมด ผมไอโขลก จะว่าไปแล้วเสียดายน้ำซุป
 
“เฮ้ย !
 
เป็นแบคฮยอนที่ได้สติก่อนใคร คนตัวเล็กรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าไอ้คริสที่กำลังนั่งนิ่งปานวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว ผมเม้มปากแน่น อยากจะขำให้เหงือกอักเสบ
 
“เดี๋ยวกูมาละกัน “
 
“เดี๋ยวกูไปช่วยไอ้คริสล้างเสื้อละกันนะ มึงรอนี่ จุ้บๆ “
 
เห็นไอ้คริสลุกนำไปก่อน ผมจึงหันไปบอกไอ้แบคแล้วลุกตามมันไปเงียบๆ เมื่อออกมาจากร้านผมก็ระเบิดหัวเราะดังลั่นจนคนหันมามองกันบาน ทำไงได้ คนมันขำ ง
 
“มึงก็รู้ว่ากูจีบไอ้แบค “
 
“งุม “
 
หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องน้ำ ไอ้คริสถอดเสื้อยีนส์ออกแล้วเอาออกมาล้างน้ำ มองหน้าผมผ่านกระจกด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก ผมยักไหล่ ก่อนจะเดินไปกอดอกพิงอ่างล้างมือใกล้ๆ
 
“แล้วมึงจะกั๊กไว้ทำไมวะ “
 
“ก็กูหวงอะ ทำแมะ “ ผมเบ้หน้า ทำท่าตอแหลที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยทำมา
 
“มึงไม่มีสิทธ์ว่ะ “
 
“มันเพื่อนกู ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์อะ พี่คริสพูดไรนิน้องยอลงงหมดละ “
 
“มันก็เพื่อนกูเหมือนกัน เพราะงั้นกูมี“
 
“ไม่รู้น้าคริสตี้ แต่แบบ แบคมันไม่ชอบมึงหรอก มันชอบกู มึงไม่รู้หรอวะ เรากำลังวางแพลนจะแต่งงานกันอยู่ “
 
ผมบอกมัน โกหกนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก หน้าไอ้คริสเบี้ยวกว่าเดิมสองเท่า
 
“ประสาทละ ใครชอบมึงนี่ไม่บ้าก็สติไม่ดี “ มันพูด บิดเสื้อยีนส์ที่ซักเสร็จแล้วพลางยกขึ้นสะบัดๆก่อนจะถือเอาไว้
 
“ทำไมวะ กูไม่ดีตรงไหน “
 
“อย่าให้กูตอบเลย เดี๋ยวมึงร้องไห้ “
 
ผมขมวดคิ้ว อะไรของมันวะ ร้องไห้ทำไม ผมไม่ร้องดิผมโตแล้ว
 
“กูไม่รู้นะไอ้ยอล แต่ตราบใดที่ไอ้แบคยังไม่ได้ชอบใคร ยังไงกูก็จะจีบมัน “
 
“กูก็ไม่รู้นะไอ้คริส แต่ตราบใดที่ยังมีคนชื่อปาร์คชานยอลอยู่บนโลก ไอ้แบคจะไม่ไปชอบใครเด็ดขาด กูมั่นใจ “
 
ผมพูดเลียนแบบมัน ก่อนจะตบบ่ามันเบาๆแล้วยักไหล่เกร๋ๆเดินออกไปจากห้องน้ำ ทิ้งให้แม่งเอ๋ออยู่งั้นแหละ ไอฟวาย รู้ซะมั่งใครพระเอก ของๆใครให้มันรู้มั่งน้าๆๆๆๆๆๆๆ >_< อะฮิ

 





ไม่นานนักเราก็มาอยู่กันที่หน้าโรงหนังครับ เพราะไอ้คริสจะชวนไอ้แบคดูหนังให้ได้ และด้วยความที่ผมเกาะพวกแม่งเป็นปลิง เลยได้อานิสงส์มาดูหนังด้วยแบบเกร๋ๆ ผมยืนกอดคอไอ้แบคอยู่ตรงหน้าจอใหญ่ๆที่ฉายทีเซอร์หนังในระหว่างที่รอไอ้คริสไปซื้อตั๋วด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาห้างกะมันเลยนะ ตื่นเต้นสุดๆ
 
“เรื่องนี้น่าสนุกนะ “
 
ย่อตัวลงกอดคอแล้วกระซิบข้างหูพลางชี้ไปที่โปสเตอร์หนังเรทอาร์เรื่องหนึ่งริมขวามือ ด้วยความที่เสียงในโซนโรงหนังติดอยู่กับโซนเกมส์จึงค่อนข้างจะดังพอสมควร
 
“มึงคิดได้แต่เรื่องแบบนี้สินะ “ ไอ้แบคหันมาตอบ ผมหัวเราะ

 
“คิดเรื่องมึงได้อีกเรื่องนะ “

 
ผมพูดเย้าพลางยักคิ้วกวนๆให้มัน ไอ้แบคผลักผมออกทันที แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่เท่าไหร่ เพราะตอนที่มันผลัก ผมเห็นมันแอบอมยิ้มด้วยนะ ฮ่าๆ
 
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต่อ ไอ้คริสก็เดินถือตั๋วสามใบพร้อมป็อปคอร์นและเหน็บน้ำสองแก้วใส่รักแร้มาทางนี้ ไอ้แบครีบวิ่งเข้าไปช่วยถือ ผมถอนหายใจ อิห่านี่มารผจญเหลือเกิน (ได้ข่าวว่ามึงอะมาผจญเขานะ =_=)


 
“ปะแบค หนังเข้าแล้ว “
 
ไอ้คริสเรียก ก่อนที่ผมจะรีบเดินตามไป ใช้เวลาไม่นานเราก็เข้ามาอยู่ในโรงหนังเรียบร้อยโรงแรมจีนแล้วครับ(โรงเรียนมันไม่เกร๋) ไอ้คริสเดินเข้าไปนั่งข้างในสุด ตามด้วยแบคฮยอน และผมคนสุดท้าย ผมกวาดตามองไปรอบๆด้วยความที่ไม่ชินเท่าไหร่นักเพราะไม่ค่อยได้เข้าโรงหนัง คนในโรงก็มีไม่มากเท่าไหร่ แล้วมืดๆแบบนี้ ไอห่า บรรยากาศดีแท้
 

ทีเซอร์หนังแดกเวลาไปประมาณสี่สิบนาทีเศษครับ ซึ่งผมอยากจะหลับแต่ทำไม่ได้ กลัวเพื่อนสนิทจะถูกไอ้คริสซิวไปแดกเสียก่อน ไฟในโรงหนังค่อยๆดับลงจนมืดสนิท ม่านข้างๆจอเปิดขึ้นจนเห็นหน้าจอกว้างทั้งหมด ก่อนที่หนังจะดำเนินไปเรื่อยๆ ผมพิงหลังไว้กับโซฟาสบายๆ
 
เนื้อเรื่องมันก็ไม่ค่อยมีไรมากครับ อันที่จริงดูไม่รู้เรื่องเพราะคอยชำเลืองมองคนข้างๆอยู่ตลอด ไอ้แบคดูเหมือนว่าจะสนุกกับหนังเป็นพิเศษ คนตัวเล็กเงยหน้าจ้องไปที่จอยักษ์ไม่วางตา สองมือเล็กวางซุกไว้บนตักตัวเองเพราะในโรงหนังปรับอุณหภูมิลงจนมันค่อนข้างจะหนาว
 
“... “
 
ถังป็อปคอร์นถูกยื่นมาตรงตักของแบคฮยอนโดยไอ้คริส ให้เดาว่ามันคงจะให้ไอ้แบคกิน แบคมันไม่กินหรอก มันไม่ชอบ เดี๋ยวกูกินให้เอง
 
ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปล้วงมากำใหญ่ๆแล้วยัดใส่ปาก คนตัวเล็กตรงกลางนั่งตัวลีบติดเบาะ ตอนที่ผมเอี้ยวตัวไป รู้สึกเหมือนแก้มผมจะไปเฉียดจมูกไอ้แบคด้วย
 
แดกหมดแล้วก็เช็ดมือที่เปื้อนเข้ากับกางเกงยีนส์ หนังเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจนผมไม่แน่ใจว่านี่มันหนังอะไรกันแน่ เรื่องมันดำเนินไปถึงตอนที่นางเอกกำลังเดินอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่ง จากนั้น ..




!!!!!!!!!!!!!!




ผมสะดุ้งเฮือก อิเหี้ย นี่มันหนังผีชัดๆ เห็นเต็มๆตาเลย ผมรีบเอาขาขึ้นมาขัดสมาธิบนโซฟาทันที ไอ้เหี้ยคริสมึงแกล้งกูปะนิ ผมหลับตาปี๋แล้วก้มหน้าไม่มองจอ อยากออกไปแต่อีกใจก็อยากอยู่ ผมไม่อยากให้ไอ้แบคโดนไอ้คริสลวนลามไปเสียก่อน
 
“กลัวหรอวะ “
 
เห็นเงาลางๆของไอ้แบคหันมากระซิบใกล้ๆ ผมพยักหน้าเบาๆ หันไปมองไอ้คริส มันยังตั้งใจดูหนังอยู่
 
“... “

 
ไอ้แบคไม่ได้พูดอะไรต่อ มือเล็กเลื่อนมาจับมือผมไปกุมไว้แล้วบีบเบาๆก่อนจะหันไปดูหนังต่อ ความรู้สึกอุ่นวาบจากฝ่ามือเล็กแล่นไปถึงขั้วหัวใจ แต่ถึงยังไง ผมก็ยังกลัวอยู่ดี
 
ผมเหลือบมองไปที่ฝั่งขวามือที่ไอ้แบคกับไอ้คริสนั่งอยู่ ถึงแม้ว่าหนังผีที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้จะน่ากลัวขนาดไหนก็ตาม แต่ที่ผมกลัวมากกว่าก็คือ
 


กลัวว่าไอ้แบคจะจับมือไอ้คริสอยู่เหมือนที่ทำกับผม





!!
 
ผีในเรื่องโผล่ขึ้นมาอีกรอบ ผมตกใจจนสะดุ้ง ผมบีบมือไอ้แบคแน่น หลับตาแล้วพยายามไม่ฟังไม่นึกถึงมัน ผมกลัว กลัวจนมือไม้สั่นไปหมด ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ตัวผมสั่นจนน่าหงุดหงิด ผมไม่ได้อยากกลัวผีเลย
 
ผมก้มหน้า พยายามคิดเรื่องอื่น พยายามเพ่งความสนใจไปที่มืออุ่นๆบนตักที่บีบตอบกลับมาซ้ำๆ ไอ้แบคหันไปพูดอะไรกับไอ้คริสไม่รู้ ก่อนจะลุกยืนขึ้น มือผมถูกฉุดให้ยืนขึ้นตาม
 
“กลับบ้านกัน “
 
ผมเงยหน้ามอง แม้ความมืดจะทำให้มองไม่เห็นหน้ามันก็ตาม แต่ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นใจ ผมลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินตามแรงจูงของคนตัวเล็กกว่าออกไปยังประตูทางออก

 

ท่ามกลางหนังที่กำลังดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้น ทุกคนตั้งใจดูอย่างใจจดใจจ่อ
เด็กผู้ชายสองคนพากันเดินออกมาจากโรง เพราะเด็กผู้ชายอีกคนไม่ชอบดูหนังผี
เด็กผู้ชายตัวโตยิ้ม มองแผ่นหลังของเด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ข้างหน้า
ความกลัวเหล่านั้นจางหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ พร้อมกับมือเล็กที่กระชับเข้ากับฝ่ามือหนา
ก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวผ่านความกลัว และเดินไปพร้อมๆกัน











กว่าหนึ่งสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความทรหดแห่งการทำอุปกรณ์ สแตนเชียร์และการฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันในวันกีฬาสี ในที่สุด ความทรมานก็สิ้นสุดลง กลายเป็นความทรมานเพิ่มขึ้นแบบเอ็กซ์ตร้า ผม ปาร์คชานยอล พระเอกฟิคเรื่องผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอ ซึ่งมีหน้าตาหล่อเหลาที่สุดในประวัติศาสตร์โลก กำลังยืนตากแดดรักแร้เหนียวอยู่กลางสนามบอล เพื่อรอพิธีเปิด ฟังผอ.ผู้ซึ่งไม่รู้ส้นตีนอะไรเลยมาร่ายยาวประมาณแปดหน้ากระดาษ ซึ่งเนื้อหาก็ไม่พ้นคำว่า วาระของชาติ กูก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวอะไรกันนะ ลุงแกเอาแต่แรป เรื่องอนาคตและความสามัคคี พูดวนไปวนมาประหนึ่งทะเลาะกับผัวมาแล้วเก็บกดไม่ได้พูด คือมึงอยู่ในร่มไง พวกกูตากแดดอยู่ข้างนอกไง

“ไอเหี้ยฮุนไหวปะวะ “

สะกิดไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าด้วยความเป็นห่วง อิตุ้ดนี่ยิ่งบอบบางอยู่ด้วย เผลอๆจะล้มพับลงไปเมื่อไหร่ก็ได้ หันไปมองไอ้ไคที่ยืนหน้าดำอยู่ข้างๆ มันก็คงร้อนมากเหมือนกัน คือพวกผมไม่ได้เป็นรุ่นพี่ที่เป็นแม่สีไงครับ เพราะผมไม่ใช่มอปลายปีสุดท้าย จึงโดนพวกรุ่นพี่จัดแถวให้แบบนี้ โดยให้เรียงลำดับความสูง พวกผมสามคนสูงสุดในสีเลยให้อยู่ท้ายๆ ส่วนไอ้แบค นู้น อยู่ข้างหน้า ร้อนกว่าพวกผมอีก สงสารมันสุดๆ

“ไม่ไหวละกระเทยจะล้ม “

ไอ้ฮุนตอบ มือไม้อ่อนเปลี้ยแล้วเซลงมาซบที่อกผม ผมรับแล้วจับแขนมันไว้ ก่อนจะผลักมันให้ไอ้ไค

“เมียใครก็พยุงด้วยจร้า พี่ปาร์คไม่ไหวละเหนียวไข่ “

หันไปบอกมันก่อนจะอ้าขาแล้วกระพือกางเกงวอร์มตัวใหญ่ให้ลมพัดเข้าไปข้างใน ฮ้า เย็นจนสะท้าน คือแบบตอนนี้เหงื่อไหลทั้งตัวครับ ตั้งแต่หน้าผาก กลางกระบาล คอ หัวนมยันร่องตูด มีแต่เหงื่อทั้งนั้น ผมถอดผ้าพันคอประจำสีที่ผูกไว้ที่คอมาคาดหัวแทน

“อยู่ด้วยไอสัดไม่ไหวละ “

ยังไม่ทันจะได้เอาพัดลมขนาดพกพายัดเข้าไปในกางเกง ไอ้แบคก็เดินย้อนกลับมาจากหน้าแถวแล้วแทรกตัวเข้ามาที่กลุ่มพวกผม คนตัวเล็กเดินเอี้ยวมาหลบข้างหลัง อาศัยเงาของผมซึ่งตัวสูงกว่าใช้เป็นที่กำบังหลบแดด แหม่ รักกูละเกิล

“โหถ้ามึงจะหลบขนาดนี้มึงเข้ามาอยู่ในรักแร้กูก็ได้นะ มีร่มไม้ให้พักพิง “

ว่าแล้วก็ล็อคคอมันแล้วเอารักแร้เปียกๆของตัวเองหนีบหัวแม่งไว้ซะ ไอ้แบคดิ้นพล่านแล้วทุบแขนผมเป็นพัลวัน โห สะใจ คนยิ่งเหนียวแร้อยู่ ร้อนก็ร้อน ถ้าเป็นลมบ้าหมูขึ้นมาจะทำยังไงๆๆๆๆ

“ครับและตอนนี้ก็ขอเปิดงานกีฬาสีประจำปี ณ บัดนี้ “

เกือบจะตะโกนด่าพ่อผอ. แต่พิธีเปิดก็เริ่มเสียก่อน เพลงประจำโรงเรียนดังขึ้นรัวๆก่อนที่พวกเราจะระเหยกลายเป็นไอไปเสียก่อน รับบิ้นตรงหน้าแถวถูกตัดออกโดยผู้อำนวยการโรงเรียน ลูกโป่งสวรรค์หลายลูกที่ผูกกันเป็นช่อลอยขึ้นไปในอากาศ ผมเงยหน้ามอง ไอสัดตาแทบบอด

จนพิธีเสร็จทั้งหมดแล้วก็ให้แยกย้ายตามสี ผมแอนด์เดอะแก๊งค์ซึ่งอยู่สีม่วงก็เดินแบบร่างไร้วิญญาณกลับไปที่สแตนสี สีม่วง อิเหี้ย ใครให้มึงจับฉลากได้สีนี้หรอ สีแม่งตุ้ดสัสอะครับแบบไม่ไหวพี่ปาร์คไม่ชอบๆๆๆๆๆ อิหัวหน้าห้องแม่งก็ดวงซวยเหลือเกิน คืออยู่สีม่วงทั้งห้องครับ เกย์แดกกันถ้วนหน้า คือแบบไมมึงไม่จับให้มันได้สีดีๆหน่อยวะ สีม่วงเนี่ยนะ ? คิดได้ไง ทำไมต้องมีสี้นี้ด้วยวะ กูชอบแบบ สีดูหุ้ม สีห่อง สีห่าย สีหิบ สีเหย อะไรแบบนี้มากกว่าอะครับเราเป็นผู้ชายใช่ปะมันก็เงี้ยเบๆ แล้วแบบ ใครๆก็โทษสีม่วงนะ ว่าเฮ้ยสีม่วงมึงทำให้ภารโรงเหนื่อย ต้องเก็บกวาดหนักกว่าสีอื่น เพราะสีม่วงหรอยอะครับ (แนะนำว่าถ้างงให้มึงผวนทั้งหมด )

พอเหอะ มุขมันไม่ฮาพากันแป้กเหลือเกิน ผมแอนด์มายเฟรนด์เดินกลับมาที่สี ไอ้ฮุนเดินแยกออกไปข้างหลัง ก่อนที่เราสามคนจะนั่งลงตรงที่ล่างสุดของแสตน รุ่นพี่ปีสุดท้ายแม่งก็เอาโทรโข่งมาตะโกนอัด ไม่เข้าใจนะจะตะคอกทำไมนิอยู่กันแค่นี้ อยากให้ร้องเพลงก็กระซิบบอกกูดีๆก็ก็ร้องให้มึงละ ไอสัดมันหนวกหู มึงจะฮาร์ดคอร์ไปไหน

“เอ้าน้อง!!!!!!!!!!! สีม่วงสู้ๆสามสี่ ! “

“แล้วหนึ่งสองไปไหนครับพี่ ? “ ผมยกมือถาม

“หนึ่งกับสองไปงานศพพ่อน้องอะครับ “ ไอ้รุ่นพี่ตัวอ้วนดำตอบ ก่อนจะยักคิ้วกวน

“งานศพพ่อผมจัดนานละนะครับ แสดงว่ามันไปนานละดิ โหย แย้เลยแบบนี้มันแย้ “

ผมพูดติดตลก แต่เหมือนจะไม่มีใครตลกด้วย ไอ้ไคตบหัวผมแรงๆหนึ่งทีจนต้องร้องyeahออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนที่ไอ้พี่ยักษ์อ้วนดำนั่นจะเลิกสนใจผม แล้วตะโกนสั่งน้องๆที่นั่งค้ำหัวพวกผมให้ร้องเพลงดังๆแทน

“สีม่วงสู้ๆ นะน้อง ไม่ดังไม่ต้องหยุดนะครับ “

ไม่ดังไม่ต้องหยุด ไอ้ควาย ก็คนมันมีแค่นี้พี่จะเอาขนาดไหนหรอครับ เอาแบบให้ลูกกระเดือกออกมาเต้นปั้ปปิ้งแดนซ์เลยปะนิ เว่อร์จริง อย่าให้กูอยู่ปีสุดท้ายมั่งนะไอสัดกูจะเอาให้จั๋งหนับเลย

“สีม่วงสู้ๆ สามมมมมมมมมม สี่ “

เหมือนเสียงที่ขานกลับมาจะคุ้นๆ ผมหันไปมองตรงข้างหน้าแสตน ไอ้ฮุน! ไอเหี้ย 5555555555 มันเป็นลีดหรอวะ ไอสัดทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย ผมปล่อยก๊ากออกมาก่อนจะตบเข่าตัวเองแรงๆด้วยความชอบใจ สีหน้านิ่งๆนั่นดูไม่เข้ากันเท่าไหร่กับชุดอวกาศสีม่วงและพู่สองอันสีเดียวกันในมือ เหี้ยมันไปเปลี่ยนชุดตั้งแต่เมื่อไหร่อะ

“สีม่วงสู้ๆ สีม่วงสู้ตาย สีม่วงไว้ลายสู้ตายสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “

ผมแหกปากร้องสุดใจ มองไอ้เพื่อนตัวดีเต้นด้วยความตลก ไม่ไหวแล้ว กูขำจนหูจะเป็นตะคริว หันไปมองไอ้แบค มันก็ขำเหมือนกันกับผม ส่วนไอ้ไค แม่งเอามือถือมาถ่ายคลิปละไอสัด 555555

ร้องเชียร์ไปประมาณล้านเพลงได้ แต่ในล้านเพลงนี่แม่งมีแต่เพลงเดิมซ้ำๆครับ ร้องวนไปวนมา ไอสัดเพลงไม่มีเนื้อหาสาระอะไรเลย พี่เขาบอกเพื่อความสนุกครับ แต่ผมยังมองไม่เห็นความสนุกที่ว่านั่นเลย กูแสบคอหอยอย่างเดียว

“อ้าว พี่ลู่ “

“ไงเด็กๆ ช่วยไรหน่อยดิวะ ไม่มีใครลงกีฬาเลยสีเรา “

พี่ลู่เดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษม้วนเป็นกระบองอันเล็กๆในมือ วันนี้พี่แกแต่งแหวกสุด คอนเซ็ปของเราคือต่างดาวครับ ซึ่งแม่งสีม่วง ไอเหี้ยเป็นกระเทยต่างดาวเลยนิ พี่ลู่ใส่เชิ้ตสีม่วงอ่อน ผ้าพันคอ และกางเกงสีม่วงอีกเหมือนกัน แถมยังเพ้นสีที่แก้มเป็นสีม่วงด้วย

ผมยิ้มแหย รู้สึกลางไม่ดีตั้งแต่เห็นพี่แกยิ้มหน้าบานเข้ามาละ กระดาษจดรายชื่อถูกวางไว้บนตักไอ้แบคก่อนจะเขียนรายชื่อพวกเราทั้งหมดลงไปในกีฬาประเภททีมสามอย่าง นั่นก็คือฟุตบอล บาสเก็ตบอล และวิ่งระยะไกล4x1500 เป็นอย่างสุดท้าย ผมถอนหายใจยาว อิเหี้ย กูจะตายมะนิ

“มันจะดีหรอวะ “

“แกคิดดู สีเรามีแต่พวกปัญญานิ่มทั้งนั้น “ พี่ลู่ชี้ไปที่พวกที่นั่งอยู่ข้างบน ผมเงยหน้ามองตาม

“คือพวกผมสี่คนนี่ปัญญาอ่อนแบบออริจินอลเลยครับ พี่เอาสะดือคิดปะนิ “ผมชี้หน้าตัวเอง

“เออเอาเป็นว่าช่วยกันดิวะ ถ้าเค้าให้ปีสุดท้ายลงได้พวกพี่ลงไปแล้ว =_=“  พี่ลู่ตอบ ทำหน้าย่นกดดันพวกผม ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ


ปิ๊ดดดดด

อิเหี้ย! สุดท้ายผมก็ต้องมาวิ่งดุ้กดิ้กกลางสนามแบบร่าเริงสุดขีด จะบอกว่ากูเล่นฟุตซอลไม่เป็น กติกามันเป็นยังไงมั่งกูยังไม่รู้เลย สิ่งที่ผมพอจะทำได้ก็คือวิ่งง่อยๆอยู่ริมสนาม ตีนผมได้แตะบอลครั้งเดียวคือตอนจ่ายลูกตอนเริ่มเกมส์ครับ มีไอ้ไคคนเดียวทั้งทีมที่เล่นบอลเป็น นอกนั้นผม ไอ้ฮุน ไอ้แบค และคนอื่นๆวิ่งแรดกันทั่วสนามเลยไอสัด

“เฮ้ยมึงจะหลบลูกทำไมวะ! “

พี่ลู่ตะโกนมาจากขอบสนาม ในมือถือโทรโข่งอันนึง พี่แกแหกปากจนริ้วกระพือ ให้เดาว่าพี่ลู่คงอยากจะลงมาเล่นใจจะขาด แต่เขาตัดสิทธิ์ไม่ให้มอปลายปีสุดท้ายลงครับ คือมีหน้าที่เป็นแม่สีและสตาฟได้เท่านั้น พวกทีมสีม่วงวิ่งกันอุตลุตด้วยความกลัวเสียงตะโกนของพี่แก

“เอ้าเชี่ยยอลมึงมัวยืนทำมังคุดไรอยู่วะ วิ่งดิ้! “

พี่ลู่ตะโกนแล้วชี้สั่ง ไม่รู้ว่าผมไปสนิทกับพี่แกตอนไหนถึงขนาดขึ้นกูมึงกันอย่างจริงใจและจริงจัง ผมโกยแน่บ คือกูก็ไม่รู้จะวิ่งไปตรงไหนดี สนามแม่งกว้างชิบหาย

“เหี้ยยอลมึงไปกองหลังดิวะ ไอควายแบคขึ้นมา !

พี่ลู่ตะโกนอัดมาอีก ผมขำ รีบวิ่งกลับไปที่ประตูของฝั่งตัวเอง ไม่รู้ว่าไอ้แบคเปลี่ยนสปีชี่ส์จากแรดไปเป็นควายเมื่อไหร่ ไอสัดมันฮา พี่ลู่แม่งจริงจังมากจนผมนึกว่าเล่นบอลโอลิมปิกอยู่ แต่ก็เข้าใจครับ สำหรับเสี่ยวลู่หาน ฟุตบอลคือชีวิต

ไอ้แบควิ่งไปไล่บอลกับพวกข้างหน้า ไอ้ฮุนก็อยู่ตรงริมโกลฝั่งตรงข้ามแล้ว บอลถูกเลี้ยงโดยทีมสีส้มซึ่งไอ้ไคก็พยายามสะกัดอยู่ ตอนนี้บอลอยู่ตรงโกลฝั่งตรงข้าม ทุกคนจึงไปรุมอยู่ตรงนู้นหมด ฝั่งนี้จึงเหลือแค่ผมและผู้รักษาประตูของสีส้มเท่านั้น

“เหงาว่ะ “

“เหงาสัสดิ ทีมมึงกากว่ะ “

“อือ เนอะ ไม่ต้องเล่นแม่งละไอสัด ปูเสื่อนั่งจิบน้ำชายามบ่ายกันดีกว่า“

และสิ่งที่ผมพอจะช่วยทีมสีม่วงได้ก็คือ ชวนโกลคุย 55555 อิเหี้ยก็กูเล่นไม่เป็นอะ .. ผมยืนพิงเสาประตูแล้วกอดอกคุยกะมัน ดูท่ามันก็คงเหงาเพราะบอลไม่มาฝั่งนี้เลยตั้งแต่เปิดเกม

“เหงา นี่แหละเหงา นี่แหละความจริงที่ได้เจอ เจ็บปวดทรมานลึกลงข้างในใจ“

ว่าแล้วก็จัดเพลงพี่บอยพีชเมคเกอร์ไปซะหนึ่ง ไอ้โกลสีส้มแม่งอุดหู ทำไมอะ ผมร้องไม่เพราะหรืออะไรวะ ทำไมทำร้ายน้ำใจกูจัง อุตส่าห์มาควยเป็นเพื่อน

“ไอ้ไคเร็ว! “

เสียงพี่ลู่ตะโกนดังขึ้นอีกระลอก ผมมองฝ่าแดดร้อนระอุไปยังอีกฟากของสนาม เห็นไอ้ไคกับไอ้ฮุนกำลังผลัดกันเลี้ยงบอลมาทางฝั่งนี้ ผมหันขวับไปหาอิโกลสีส้มทันที

“อากาศร้อนเนอะ “

“ไม่ร้อนมั้งไอสัด มึงคิดว่าไง กูใส่แขนยาว ถุงมืออีกเนี่ย “ มันหันมาบ่นๆกับผม ผมเหล่ตามอง ไอ้ไคกับไอ้ฮุนใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว

“มึงถอดถุงมือดิ ทีมกูแม่งกาก ไม่ต้องใส่หรอก มันมาไม่ถึงมึงหรอก “

“เออกูก็ว่างั้นแหละ “

มันตอบแล้วถอดถุงมือข้างขวาออก ก่อนจะตามด้วยข้างซ้าย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ฮุนเลี้ยงลูกมาถึงหน้าโกลพอดี มันส่งบอลให้ไอ้ไคที่วิ่งมาดักอยู่ก่อนแล้ว ก่อนไอ้ไคจะสะบัดหลังเท้าเตะอัดเข้ามาเต็มแรงโดยที่ไอ้โกลสีส้มไม่ทันได้ตั้งตัวจนลูกฟุตบอลเข้าไปตุงตาข่าย เสียงนกหวีดดังลั่นสนาม

“ไอเหี้ยยยยยยยยย 1-9 มึงตามให้ทันนะ ไม่ทันตายยยย “

พี่ลู่ตะโกนมาอีก ผมหันไปมองป้ายคะแนนตรงริมสนาม หนึ่งต่อเก้า! มึงบ้าแล้ว ใครจะไปตามทันวะ เหลืออีกแค่สิบห้านาที ถ้าแม่งทำได้มึงไม่ต้องเรียนหนังสือละไอสัดไปเป็นพ่อเบคแฮมเหอะเชื่อกู

หลังจากที่สีม่วงได้แต้มแรกไป อีโกลสีส้มแม่งก็ไม่คุยกับผมอีกเลย ไม่ว่าผมพยายามจะชวนแม่งคุยขนาดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง ชีวิตรัก การศึกษา หรือเซ็กส์ มันก็ไม่แลผมเลย ผมยืนกอดอกอยู่ข้างโกลด์ หรี่ตามองพวกแม่งวิ่งแย่งบอลกันกลางแดดเปรี้ยง คือมึงจะแย่งกันทำไมวะบอลลูกเดียว ถ้ามันจะเป็นเรื่องเครียดอะไรขนาดนี้กูซื้อให้ใหม่ก็ได้นะ เล่นกันคนละลูก จะได้ไม่ต้องแย่งกัน ไม่มีปัญหา จบ =_=

ปิ๊ดดดดดดดดดดดด

เสียงสัญญาณหมดเวลาดังขึ้น พวกผมลงไปนอนแผ่กลางสนาม ทีมสีส้มชนะไปด้วยคะแนน10-1แบบขาดรอย พี่ลู่แทบร้อง พวกผมได้แต่คลานกลับไปแล้วกราบตีนรัวๆ ทำไงได้ กูทำได้แค่นี้อะ

“โทษว่ะพี่มันไม่ถนัดจริงๆอะ เกมส์ต่อไปได้ชัวร์ๆ ผมสัญญาเลย “

ไอ้ไคเดินไปเขย่าไหล่พี่ลู่ที่ตอนนี้วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว ผมกับไอ้แบคนอนตายอยู่ตรงตีนแสตน ผิดกับไอ้ฮุนที่ตอนนี้ไปยืนวอร์มรออยู่ริมสนามบาสแล้ว มึงไม่เหนื่อยหรอวะ กูพูดอย่างเดียวกูยังเหนื่อยเลยเนี่ย

ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเราก็พร้อมครับ ทีมห้าคนประกอบด้วย ผม ไอ้ไค ไอ้ฮุน และรุ่นน้องอีกสองคน ซึ่งมีไอ้แบคและพี่ลู่หานคอยเชียร์อยู่ริมสนาม ทีมฝั่งตรงข้ามคือทีมสีฟ้า ซึ่งประกอบด้วยไอ้คริส ไอ้เทา และเศษกากๆในทีมมันอีกสาม และมีไอ้เฉินที่ใส่เฝือกอ่อนที่ขานั่งสวดมนต์ให้กำลังใจพวกแม่งอยู่ริมสนาม ไอ้ไคหันมาหัวเราะกับผม ปาร์ตี้ในลิฟต์ครั้งนั้นจะเป็นบทเรียนให้มันไปอีกนาน

“มึงไม่มีทางชนะกูหรอก กลับบ้านไปแดกนมหมาไป “

ไอ้คริสพูด ในระหว่างที่กำลังรอสัญญาณเขี่ยบอล คือต้องมีกรรมการหนึ่งคนอยู่ที่วงกลมกลางสนามเป็นคนถือบอล และตัวปัดลูกที่สูงที่สุดในทีมทีมละคนเพื่อมาแย่งลูก

“ก็กะจะดูดนมหมาอยู่แหละ แต่ต้องรอชนะมึงก่อน “

ผมตอบกวน ยักคิ้วให้แม่งก่อนจะเหล่ไปที่ไอ้แบคที่นั่งเอาผ้าชุบน้ำโปะหัวไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ตรงเต็นท์ริมสนาม ไอ้คริสขบกรามแน่น ผมยิ้ม รู้สึกว่าผมวินตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง

ปิ๊ดดดดด!

เสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้น ก่อนที่ลูกหนังสีน้ำตาลส้มจะถูกโยนขึ้นฟ้า ผมกระโดดปัดลูกไว้ได้ก่อนที่ไอ้ไคจะมารับไป ไอ้คริสดูเหมือนจะช็อคเรื่องไอ้แบคจนสมองเบลอ เลยเหลือแต่ไอ้เทาที่พอจะทำแต้มได้ แต่มึงคิดจะสู้พวกผมสามคนได้ ? คิดผิดแล้วไอสัด ถึงบอลกูจะกาก แต่บาสกูเมพขิงนะขอบอก

ปิ๊ดดดดดดดดดด

การแข่งขันในควอตเตอร์แรกหมดไปแล้ว ทีมสีม่วงนำอยู่21ต่อ3 ซึ่งก็ถือว่าได้เปรียบมากพอสมควร ก็ไอ้ไคกับผมล่อสามแต้มตลอด ก็เลยได้คะแนนมาเยอะหน่อย ส่วนเรย์อัพใต้แป้นนี่ต้องยกให้เป็นหน้าที่ไอ้ฮุนมัน เพราะพวกผมก็ฝึกเล่นกันมาตั้งแต่มอต้น เรื่องแค่นี้ ขี้ๆครับ

“ไอเชี่ยยอลไหวปะวะหน้ามึงแดงมากเลย “

ทันทีที่เดินกลับมายังเต็นท์ ผมทรุดตัวลงนั่งโดยไม่กลัวตูดจะใหญ่ หอบหนักก่อนจะรับน้ำขวดเล็กจากไอ้แบคมาเปิดฝากระดกปากทันทีด้วยความกระหาย ผ้าขนหนูผืนเดิมบนหัวเล็กถูกนำมาเช็ดตามใบหน้าและลำคอของผมในทันที

“เขินมึงเลยหน้าแดงเลย “ ผมแหย่ ไอ้แบคผลักหัวผมอย่างแรงจนเซ

“ไอสัดกูเพื่อนเล่นมึงแงะ! “

“อ้าว หรือจะไม่อยากเป็นเพื่อนกูแล้วก็ได้น้า เป็นอย่างอื่นแทน “

ไอ้แบคได้ยินก็เงียบไปเลย มันแยกเขี้ยวใส่พลางปาผ้าขนหนูเปียกๆใส่หน้าผมซะอย่างนั้น ผมหัวเราะ ใบหน้าน่ารักนั้นกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากที่เบะออกน้อยๆและจมูกรั้นที่ย่นยูนั่นดูก็รู้ว่ามันเขิน ชอบครับ เราชอบหยอด

“แน่ะทำเป็นเงียบ กูเหนื่อยนะ ขอกำลังใจหน่อย”

“กำลังใจไรไม่มี มีแต่ตีน จะเอาตีนซ้ายหรือตีนขวาดีครับพี่ปาร์ค “ ไอ้แบคตอบ ยื่นตีนมาตรงหน้าผม

“โห่ ใจร้ายว่ะ กูอุตส่าห์ทำเพื่อสีม่วง แล้วมึงอะทำส้นตีนไรมั่ง “

“อะงั้นมึงจะเอาอะไรละวะ “

“หอมแก้มหน่อย “

ผมพองลมที่แก้มแล้วยื่นไปหามันพลางหลับตาปี๋ รู้สึกได้ถึงสัมผัสนิ่มๆที่แก้ม กลิ่นแปลกๆทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ หันไปก็เห็นตีนไอ้แบคกำลังแนบแก้มผมอยู่จังๆ

“ไอ้เหี้ยเล่นแรงอะ ไม่เอาก็ด้ะ! "

ผมตอบแล้วสะบัดบ๊อบงอนๆ พลางเดินเข้าสนามพอดีกับที่เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง พวกผมเข้าไปรวมในสนาม ก่อนที่เกมส์ในควอตเตอร์หลังจะเริ่มขึ้น และแน่นอนว่าในช่วงเวลาที่เหลือ สีม่วงเดินเกมได้อย่างดีเยี่ยม และชนะไปด้วยคะแนน 36-9 เกร๋ๆ

“ทำดีมาก “

“แน่นอนครับกำลังใจดี “

เรียกว่าแทบจะคลานกลับมา ไอ้ฮุนเดี้ยงไปแล้ว จนลำบากไอ้ไคต้องหามกลับมาที่เต็นท์ ผม พี่ลู่หาน และไอ้แบคเดินชิวๆ (แต่ร่างกายไม่ชิวแล้วครับร้าวไปยันรังไข่ เออแต่ลืมไปผมไม่มีรังไข่ พูดไปงั้นเองตรึ่งๆๆๆ ) หันไปตอบพี่ลู่แล้วยิ้มขำ ถึงจะโดนตีนแนบหน้าก็เถอะ ผมจะถือว่ามันเขินละกัน ว่าแต่ สิวกูจะขึ้นไหมเนี่ยไอสัด ช่วงนี้ยิ่งทำรายงานถี่ๆอยู่ด้วย

เราได้พักสามชั่วโมงครับ หลังจากที่แข่งบาสจบไป โดยสามชั่วโมงกว่านี้จะเป็นรายการการแข่งขันอื่นๆ ซึ่งเป็นเวรกรรมของน้องๆที่โดนลงชื่อแข่งไป พวกผมสี่คนก็เลยโดดมานอนตายอยู่หลังแสตนเชียร์ พวกน้องๆก็แหกปากร้องเพลงกันไปครับ ส่วนเรา นั่งเล่นไพ่

“นี่ถ้าพวกรุ่นพี่มาเห็นมึงโดนซิ่วแน่ๆ “

ไอ้ฮุนพูดขณะที่กำลังกรีดไพ่ในมือเร็วๆอย่างชำนาญ มันก็จริง เพราะทุกคนเสียหยาดเหงื่อและแรงกายไปกับงานกีฬาสีมากครับ แต่ใครสนอะ เราเบๆอยู่แล้ว

“เหี้ยฮุนมึงโกงปะเนี่ย “

หลังจากที่ทุกคนแบไพ่ออก ผมปาไพ่ใส่หน้าแม่งแล้วล้มโต๊ะแม่งให้หมดด้วยความพาล ไอสัดกูไมแพ้ตลอดเลยอะ แล้วแม่งได้ป้อกตลอดเลยอะมึงสับไพ่เหี้ยไรของมึงนิมันโกงๆๆๆๆๆๆๆกูไม่เล่นแม่งเลยไอสัด อะไรที่เล่นละแพ้เราจะไม่เล่นครับ เราจะชนะเท่านั้นๆๆๆๆๆๆ

เล่นได้ไม่นานวงก็แตกครับ อาจารย์แม่งมาไล่จนกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง ผแอนด์เดอะแก๊งค์จึงต้องระเห็จระเหินกันกลับไปนั่งตบมือแหกปากที่หน้าแสตนกันอีกครั้ง

จนกระทั่งถึงรายการการแข่งสุดท้ายสำหรับวันกีฬาสีก่อนพิธีปิด คือการวิ่งผลัดระยะไกล4x1500 พวกผมสี่คนยืนวอร์มกันอยู่ในเต๊นท์ โดยมีเสียงพี่ลู่และรุ่นพี่แม่สีคนอื่นๆพูดกรอกหูเป็นแบคกราวน์ ผมได้แต่พยักหน้าแบบชาวร็อคกลับไป สี่คูณพันห้า กูอยากรู้ว่าใครเป็นคนตั้งการแข่งขันอันนี้ มึงคิดอะไรอยู่ พันห้าร้อยเมตร คือกิโลครึ่งเลยนะไอสัด มึงจะวิ่งให้น่องบินได้เลยปะนิ วิ่งไปแล้วได้อะไร ผมละอยากจะรู้จริงๆ แค่เดินขึ้นบันไดบ้านกูยังขี้เกียจ ละนี่มึงให้กูวิ่งกิโลครึ่ง มันไม่ใช่อะกิ้บ

“ฟังนะ ถ้าเราชนะรอบนี้ สีเราจะชนะเลย แต่ถ้าเราแพ้ สีฟ้าจะได้แชมป์ไป ซึ่งเราคะแนนเท่ากันอยู่ตอนนี้ ที่ต้องทำคือต้องวิ่งเข้าเส้นชัยให้ได้คนแรก ใครที่วิ่งเร็วสุดสองคน ให้ไปอยู่ไม้แรกกับไม้สุดท้าย เป็นอันว่าเข้าใจ เอาเหรียญมาให้ได้ แล้วแชมป์ปีนี้จะเป็นของสีม่วง ถือว่าพี่ขอ “

พี่ลู่พูดในขณะรวมพล ก่อนจะแยกย้ายกันไป โดยที่ไอ้ไคที่วิ่งเร็วสุดอยู่ไม้แรก ไอ้ฮุนไม้สอง ไอ้แบคไม้สาม และผมขายาวที่สุดวิ่งไม้สุดท้าย ไอ้ไคไปเตรียมที่จุดสตาร์ทแล้ว ในสนามของโรงเรียนจะแบ่งวิ่งสามรอบ รอบละ500เมตร รวมกันก็พันห้า สี่คนก็เป็นหกพันเมตร มึงวิ่งไปพม่ายังได้เลยนะจากกรุงเทพนี่ ไม่ธรรมดา

“ปัง!

เสียงปืนดังก่อนไอ้ไคที่อยู่ลู่ริมสุดจะออกตัวนำไปคนแรก ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ก็ตะโกนเชียร์มันอยู่ตลอด สงสารมันเหลือเกิน ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ ไอ้ไควิ่งหน้าดำอยู่กลางแดดเหมือนพม่าที่จะมาตีกรุงศรีไม่มีผิด โดยมีเสียงอาจารย์พากษ์ไปเรื่อยๆอย่างดุเดือด ถ้าไม่เห็นคนวิ่งกันอยู่กูคงนึกว่าแข่งเรือยาวไอสัดจะแรปไปไหน

จนถึงรอบที่สอง ไอ้ฮุนซึ่งเป็นไม้สองก็ไปรอเตรียมรับไม้ต่อจากไอ้ไคแล้ว สีฟ้าวิ่งตามเรามาติดๆ ผมเกร็งจนเยี่ยวเหนียว ม่ายนะ ไอ้ฮุนมึงวิ่งเร็วๆดิวะมัวแต่กลัวม้าแตกอยู่นั่นอะโอย วิ่งช้าอย่างกะหอยทากดีเลย์ มึงวิ่งงี้ไปเดินจงกรมไปไอสัด ใครเลือกมันมาลงวะเนี่ย

“ไอตุ้ดเร็วดิวะ! “

ไม่ต้องรอให้ผมตะโกนเร่ง พี่ลู่นำไปก่อนด้วยเสียงที่เริ่มจะแหบเพราะพี่แกด่าอยู่ตลอดเวลา ไอ้ฮุนเร่งฝีเท้าขึ้นอีก จนกลับมาแซงสีฟ้าได้อีกครั้ง ไอ้แบคไปเตรียมรอรับไม้แล้ว เหลือผมกับพี่ลู่ที่ยืนริมสนามกันอยู่สองคน

“มันจะไหวหรอวะเด็กนั่น ตัวก็นิดนึง “ พี่ลู่หันมาถาม สีหน้าดูเป็นกังวลนิดๆ

“ไหวดิ แม่งถึกอย่างกะแรด เชื่อผม “ ผมตอบ ยกกำปั้นชูขึ้นในอากาศ

“เอาแชมป์มาให้ได้นะเว้ยไอ้ยอล ความหวังของสีเราอยู่ที่แกแล้วนะ “

พี่ลู่บีบไหล่ผม ผมพยักหน้าตอบกลับไป ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ก่อนจะเดินตากหน้าไปที่ลู่วิ่งลู่ริมสุดเพื่อรอรับไม้ถัดจากแบคฮยอน ผมยืนกอดอกมอง อีกสี่ร้อยเมตรเท่านั้นกว่าไม้จะมาถึงผม สีม่วงกับสีฟ้าตามมาติดๆ ไอ้แบคเร่งฝีเท้า หน้ามันซีดเหมือนจะวิ่งต่อไปไม่ไหว ผมย่ำเท้าอยู่กับพื้นด้วยความลุ้นและกังวลใจ เร็วดิวะ

ผมหันหลังแล้วไขว้มือไว้ด้านหลังเพื่อรอรับไม้ อีกห้าสิบเมตรเท่านั้น แบคฮยอนวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดูเหมือนนักวิ่งสีฟ้าจะเหนื่อยจึงลดความเร็วลง ไอ้แบครีบวิ่งเข้ามาหาผมอย่างเร็ว ส่งปลายไม้แตะฝ่ามือของผม ผมรับไว้ก่อนจะออกตัววิ่งทันที

“ตุ้บ! “

และเสียงอะไรบางอย่างทำให้ผมต้องหันหลังกลับไป แบคฮยอนเป็นลมล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตา ผมกำไม้ผลัดในมือไว้แน่น ในขณะที่นักวิ่งสีฟ้าวิ่งมาส่งไม้ผลัดให้กับนักวิ่งไม้สุดท้าย

“... “

หันไปมองอีกด้าน สีฟ้าคนที่สี่เริ่มออกตัวไปแล้ว ผมกำไม้ผลัดแน่น ได้แต่ยืนนิ่ง มองเส้นชัยที่อยู่อีกฟากของสนาม สลับกับใบหน้าขาวซีดของเพื่อนสนิทที่แนบกับพื้นปูนอยู่ตรงหน้า .. ความหวังของทุกคนตกอยู่ที่ผม ผมทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้

“แกร๊ง! “

“เฮ้ยไอ้ยอล!


ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทิ้งไม้ผลัดแล้วช้อนร่างไร้สติของเพื่อนสนิทขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ไม่สนใจเสียงตะโกนโหวกแหวกของคนที่เชียร์อยู่ริมสนามนั้น ในขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งเข้าหาเส้นชัย ผมกลับเดินหันหลังให้มัน อุ้มแบคฮยอนตัดสนามปูนไปยังเต็นท์พยาบาลที่อยู่อีกฟากสนาม

ผมทำให้ทุกคนผิดหวังไม่ได้ .. แต่ผมก็ทนเห็นแบคฮยอนเป็นอะไรไปไม่ได้เหมือนกัน









_____________________________________

ไม่มีรายจะทอล์กเลยตัวเอง ก็ไม่มีไร กูกะจะรวมเล่ม
อยากเห็นสาระรูปก็กดไปดูที่ตอนต่อไปเลยน้า ก็กากๆน้า
รายละเอียดกากๆก็อยู่หน้านั้นแหละ อืม ไปละ บายๆ 
  

4 ความคิดเห็น:

  1. เฮ้ย!ทุกคนผิดหวังนะไอ้พี่ยอล โด่วววว แต่ช่วยแบคไว้ก็ดี น้องแบคเป็นไรมากมั้ยอ่ะ-^-

    ตอบลบ
  2. เพิ่งได้มาอ่านค่า สนุกมากเลยชอบบ

    ตอบลบ