วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 5











“เฮ้ยเดี๋ยวดิวะ “




ผมหันไปตามเสียงเรียก หลังจากที่ตัดสินใจไขกุญแจเข้าบ้านโดยไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่ตรงรั้วข้างบ้านเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ในใจผมอยากจะเข้าไปคุยกะมันใจจะขาด แต่เพราะด้วยความที่เป็นคนค่อนข้างฟอร์มจัดจึงทำได้แค่เมินมันไปเท่านั้น ผมหันไปมองหน้ามัน ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั้น ปั้นหน้านิ่งใส่ทั้งๆที่รู้สึกดีใจแบบชิบหาย





“ไร “





ผมเอ่ยถาม หลังจากที่เห็นมันยืนขึ้นปัดฝุ่นที่ตูดแล้วเอาแต่ยืนมองหน้าอยู่อย่างนั้นไม่ยอมพูดจา ผมเบือนหน้าหนี ไม่กล้าจ้องหน้ามันตรงๆ





“กู .. คือ”







มันอ้ำอึ้ง ไม่ยอมพูดออกมาสักที ผมยืนหันไปหามันเต็มตัว สองมือล้วงกระเป๋า เอียงคอมองน้อยๆอย่างรู้สึกขัดใจ มึงจะพูดไรก็พูดออกมาดิวะ จะอมไว้ให้แลคโตบาซิลัสเจริญเติบโตอยู่ในนั้นไง้





“เออ! แผ่นเกมที่มึงยืมกูไปอะ เอามาคืนกูด้วย!”





มันตะคอก เสตาหลบตาผม





“แค่เนี้ย ? “





ผมถาม เลิกคิ้วนิดๆด้วยความแปลกใจ เอาจริงๆรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ..ไม่อะไอสัด เอาจริงๆแล้วรู้สึกผิดหวังมาก เหมือนแดกมาม่ากระป๋องแล้วเจอปลาหมึกปลอม มันน่าจะมีไรมากกว่านี้อะ มันควรจะพูดอะไรสักอย่างดิ อย่างเช่น ขอโทษ หรือบอกผมว่าวันนี้ทั้งวันมันเป็นอะไร ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า แต่นี่แม่งมานั่งตากยุงรอผมหน้าบ้านทั้งๆที่มืดแล้ว เพื่อทวงแผ่นเกมที่ผมยืมมันไปตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาที่18เนี่ยนะไอสัด ใช่เรื่องปะ





“อืม”





“เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาไปคืนให้ละกัน มึงเข้าบ้านได้ละ เดี๋ยวยุงหามไปแดกหรอก”





“ไม่! กูจะเอาวันนี้ “





ผมถอนหายใจ เหี้ยไรอีกเนี่ย กะอิแค่เกมแผ่นเดียวต้องมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ บ้านแม่งมีเป็นโกดังละไอสัด





“เอองั้นเดี๋ยวกูไปเอามาให้ หรือมึงจะเข้าไปเอาเองเลยปะ“





“... “





“เอ้าอิเหี้ยตอบดิ ยุงแดกขากูพรุนหมดละเนี่ย “





“กูจะเอา”





“เอองั้นมึงก็เข้ามาไอสัดแค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”







ผมหันไปไขกุญแจบ้าน ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปจากประตูเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนเดินเข้าไปก่อน ไอ้ฮุนทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจเล็กน้อยแล้วเดินผ่านหน้าผมไป แล้วแม่งเสือกเหยียบตีนกูด้วยนะ แทบร้องว้ากลั่นซอย แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่าเกรงใจบ้านข้างๆ







ผมหันไปปิดประตูบ้านก่อนจะเดินตามมันเข้าไป กว่าผมจะเดินเข้าไปในบ้านก็หันหลังไวๆของมันเดินสะบัดตูดขึ้นบันไดไปแล้ว ผมถอดรองเท้ากองๆไว้ตรงตู้แล้วเดินตามขึ้นไป ยืนกอดอกพิงประตูห้องตัวเองพลางมองไปยังเพื่อนตัวดีที่รื้อห้องอันรกรุงรังของผมอยู่





“ห้องมึงอะเก็บซะมั่งนะไอสัดรกชิบหาย “





ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นี่อาจจะเป็นประโยคแรกของวันที่มันพูดกับผมดีๆ อันนี้คือถือว่าดีแล้วนะครับ ถึงแม้จะมีคำหยาบไปบ้างตามประสาเพื่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะหาประโยคเป็นมิตรแบบนี้ยากเวลาที่แม่งเมนส์มา อย่าถามว่าผู้ชายเมนส์มาได้ด้วยหรือไง อิเหี้ยนี่เป็นข้อยกเว้นครับ ซึ่งมันค่อนข้างเป็นเรื่องเดือดร้อนสำหรับผู้ชายตัวเล็กๆในโลกกว้างอย่างผมซึ่งจะต้องเผชิญกับตุ้ดประจำเดือนไม่ปกติเป็นประจำ เซฮุนมันอินดี้ครับ ดังนั้นผมจึงพอจะทำความเข้าใจและให้อภัยได้ในข้อนี้





“มึงเป็นอะไรอะ วันนี้ “





ผมเอ่ยถามท่ามกลางความเงียบ ไอ้ฮุนยังคงรื้อห้องของผมต่อไป มันหันหลังให้ผม ไม่มีคำตอบอะไรออกมาจากปากของมัน มือเรียวฉวยเอาแผ่นเกมที่วางไว้อยู่บนชั้นสเตอริโอแล้วรีบลุกขึ้น มันสาวเท้าก้าวเข้ามาหาผมอย่างเร็ว





“ได้แผ่นเกมละ กูจะกลับบ้าน หลบดิสัส “





“ตอบกู”





ผมไม่หลีกทางให้ จงใจใช้แขนข้างหนึ่งยันไว้กับขอบประตูห้องเพื่อกั้นไว้ไม่ให้มันออกไปได้ ไอ้ฮุนทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ มองหน้าผมด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ท่าทางไม่พอใจของมันตอนนี้ทำให้รู้ว่าผมกำลังทำให้มันโมโหอีกรอบ





“...”





“ถ้ามึงไม่ตอบก็ยืนง่อยแดกอยู่ตรงนี้แหละ “





เมื่อเห็นมันเงียบผมเลยผมพูดขู่ เอาจริงๆผมอยากรู้ว่าทำไม เพราะมันไม่เคยเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะมีบางครั้งที่มันชอบพูดจาทำร้ายจิตใจ พูดว่าเบื่อผมเป็นร้อยครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มันจะห่างจากผม อย่างวันนี้





“กูเปล่า”





“มึงโกหก”





“ได้”





มันตอบกระแทกเสียง ถอนหายใจใส่พลางทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้า ผมถอยไปเล็กน้อยพลางก้มลงมอง ไอเหี้ยนี่มันเด็กชิบหาย สรุปคือมันตั้งใจจะไม่ตอบคำถามผมแล้วนั่งอยู่อย่างงี้จริงๆใช่ไหม





“อืมดี “





ผมพูด ปิดประตูห้องแล้วล็อคกลอน วางกระเป๋านักเรียนไว้บนโต๊ะพลางเดินข้ามไหล่มันไปที่เตียง หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงมากดเบอร์แม่ไอ้ฮุนแล้วโทรออก



“โหลครับแม่ วันนี้ไอ้ฮุนมาติวหนังสือที่บ้าน คืนนี้ค้างบ้านผมนะครับ ไม่กลับ “





ผมพูด ก่อนจะคุยกับแม่มันอีกสองสามประโยคแล้ววางสาย ตบท้ายด้วยคำพูดหวานๆเต๊าะหญิงวัยทองให้ระทวยเล่นจนกลายเป็นลูกชายที่รักไปด้วยอีกคน หันไปมองหน้าคุณลูกที่ทำหน้าเป็นตูดอยู่ตรงหน้าประตู ผมยักไหล่.. มึงเล่นกะกูก่อนเองนี่





“ตามสบายนะมึง “





ผมพูดตอบเท่านั้นก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเหาะเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้มันหงุดหงิดเป็นกระเทยตกมันอยู่หน้าประตูนั่นแหละ โอ้ย หล่อสะใจจังครับ









.

.









Park chanyeol







ผมนอนพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่ล้าน หลังจากที่หม่ามี๊สุดที่รักหลับไปแล้ว ห้องท้องห้องก็เงียบกริบและตกอยู่ในความมืด นอนไม่หลับเลยไอสัด เอาจริงๆผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ไม่อยากอยู่โรงบาลอะครับ ถึงแม้ว่าแบบเออพยาบาลบางคนจะนมใหญ่อยู่เหมือนกันแต่ว่าบรรยากาศวังเวงวิเวกโหวงเหวงตอนกลางคืนแบบนี้หล่อขอบอกเลยว่ามันไม่โอ คือเหมือนได้ยินเสียงไรอยู่ตลอดเวลา แล้วผมไม่ชอบความมืดอะ มันน่ากลัวมากครับ คือนี่ไม่กล้านอนตะแคงเลยนะ กลัวหันไปป๊ะกับอะไรเข้า เอาเป็นว่าถึงจะหน้าตาดีแต่กลัวผีขี้ขึ้นสมองเลยครับขอบอก





“...”





ทั้งห้องเงียบกริบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงแอร์ กับเสียงกรนเล็กน้อยน่ารักของขุ่นแม่ เอาจริงๆแม่ผมกรนดังชิบหายครับ เสียงนี่ดังอย่างกะโรงสีข้าว คือรูหูน้องยอลสะเทือน ไม่รู้นางเหนื่อยอะไรมาจากไหน แต่แบบผมเห็นใจคอหอยแม่มากเหลือเกิน เหนื่อยแทนเลยอะครับ เห้อ





พลิกตัวหยิบไอโฟนมาเปิดดู ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ใจจริงอยากจะตอบไลน์ที่เด้งขึ้นมาเป็นล้านซึ่งผมดองไว้ตั้งแต่เมื่อชาติปางก่อนแต่ก็เกรงใจ กลัวจะติดลม ก็คนมันฮอตอะครับให้ทำแงะ อย่ามาหมั่นไส้ ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ ถึงหูจะกางแต่ใจพี่ยังว่างนะครับ







บยอนแบคฮยอนผู้หล่อเหลาปานเทพบุตร







ยังไม่ทันที่จะได้ปลูกผักหรือตอบไลน์ดั่งที่ตั้งใจไว้ สายก็เข้าเสียก่อน ผมมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างสงสัย อ่านชื่อคนที่โทรมาเบาๆในใจ บยอนแบคฮยอนผู้หล่อเหลาปานเทพบุตรหรอวะ จำได้ว่าผมเมมไว้ว่าไอเตี้ยนะ สั้นๆ อิห่านี่ต้องแอบเอาไอโฟนผมไปเล่นแล้วเปลี่ยนชื่อแหงเลย สาส พร็อพเยอะนักหรอมึงอะ





“ไง”





ผมกดรับสายหลังจากด่ามันในใจจนพอใจแล้ว ตอบกลับไปสั้นๆทั้งๆที่มันนี่แหละคือสาเหตุที่ผมต้องหยิบไอโฟนขึ้นมาดูทุกสองนาทีเพื่อรอให้มันโทรมา แนบโทรศัพท์ติดหูอย่างตั้งใจฟัง แต่ก็ต้องดึงออกมาอีกครั้ง เสียงไอเชี่ยแบคดังลั่นแหลมมาแต่ไกล





“(ไงมึง ได้ข่าวว่าเป็นไข้เลือดออกแงะ)”



“เออ เบาดิสัด รูหูกูสะเทือนหมดละ นี่กะจะให้พ่อกูได้ยินเลยปะนิ “





“(โทษๆ )“







มันตอบกลับมาเท่านั้น ผมเงียบ มันเงียบ เราทั้งคู่เงียบกันอยู่นานมากจนผมไม่แน่ใจว่ามันวางไปหรือยัง เอาหน้าจอมาเบิ่งตาดู แบคฮยอนยังไม่วางสาย ผมกลอกตา ไม่รู้จะคุยอะไรกะมันดี





“ทำไมตั้งนานเพิ่งโทรมาวะ “





ผมชวนคุย ยังดีที่ผมพอจะลื่นไหลได้อยู่บ้าง เอาจริงๆผมแทบไม่เคยจะคุยโทรศัพท์กะมันเลยถ้าไม่มีธุระอะไร ส่วนมากจะคุยไลน์กันมากกว่า แต่พอมาคุยโทรศัพท์กันแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกแปลกๆยังไงบอกไม่ถูก





“(ก็นึกว่ามึงไม่สบายเฉยๆอะ คงไม่ตายหรอกใช่ปะ) “





“อ่อ นี่ไม่ห่วงกูเลยดิ กะให้กูใกล้ตายละค่อยโทรมา”



“(เออ )“





มันตอบห้วน เสียงหัวเราะเล็กๆลอดมาจากปลายสาย เรียกรอยยิ้มให้ผมได้ไม่ยาก ผมพลิกตัวนอนตะแคงข้าง รู้สึกตัวเองเหมือนแก้มจะแตก ผมหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ





“แล้วพรุ่งนี้หยุดมึงจะมาเยี่ยมกูรึเปล่า “





ผมถาม สมองประมวลผลเอาเรื่องที่จะคุยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเยอะแยะไปหมด





“(อืม อยากแดกไรปะล่ะ เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้)”





“ไม่ต้องอะ แค่มึงมาหาก็ดีใจตายห่าละ “





ผมหัวเราะน้อยๆพลางตอบกลับไป รู้แล้วว่าทำไมชะนีชอบเม้ามอยกันในโทรศัพท์มากกว่าทั้งๆที่มันเปลืองตัง คุยโทรศัพท์ละมันมีความสุขงี้นี่เอง





“(เออๆไปๆ งั้นมึงไปนอนพักเหอะว่ะกูไม่กวนละ) “





“อ่า เออๆ ฝันดีนะ”





ผมตอบ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่มันจะวาง อะไรวะเพิ่งคุยแปปเดียวมึงจะวางละไอสัด งกจัง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ปกติมันชอบยิงมาให้ผมโทรกลับตลอดๆเวลาที่มีธุระ นี่ยิงจนกูพรุนหมดละไอเหี้ย ไม่คิดจะเติมตังเองมั่งไรเงี้ย ไม่มี้







“(ฝันดี ผีรอบเตียงนะมึงบ้าย)”







มันตอบกลับมาก่อนที่จะตัดสายไป เกือบละครับ เกือบละ อีกนิดนึง ถ้าไม่ติดว่าแม่งพูดถึงผีมานี่ ผมแทบประเคนตีนให้มันผ่านโทรศัพท์ รอยยิ้มที่กว้างจนตีนกาเบียดกันจนไม่มีที่ยืนของผมนั้นหุบลงทันทีที่ได้ยินจบประโยค ผมด่าพ่อมันในใจ วางไอโฟนไว้ตรงตู้เล็กๆข้างๆเตียงพลางพลิกตัวนอนหงาย ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผาก เหม่อมองไปบนเพดานท่ามกลางความมืด .. ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหุบยิ้มไม่ได้อยู่ดี







ฝันดี ผีรอบเตียงนะมึงบ้าย







เสียงเล็กๆนั่นยังคงดังก้องอยู่ในหัวผม ฉับพลันที่นึกขึ้นได้ สองแขนสอดไว้ใต้ผ้าห่มทันที พลางเอาตีนทับปลายผ้าห่มไว้ด้วย ผีจะได้ไม่มาดึงขาผมได้ ไงละมึง นี่มันระดับไหนแล้ว อย่ามาหลอกคนหล่อซะให้ยาก ถ้าอยากหลอก แน่จริงไปหลอกไอห้องข้างๆดิโถ่







ผมหลับตาลง พยายามไม่นึกถึงสิ่งต่างๆรอบตัว ดึงเอาบทสวดมนต์ของทุกศาสนาที่รู้จักเข้ามารวมไว้ในหัวแล้วท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง กว่าจะพ้นคืนนี้ บางทีผมอาจจะบรรลุเป็นพระอรหันต์เลยก็ได้ครับ บวชสามเณรฤดูร้อนนี่ยังชิดซ้าย เจอพี่ปาร์คเข้าไป เป็นไงละมึง 





“ฝันดีละกันไอเตี้ยเอ้ย”





ผมพูดออกมาเบาๆ หัวเราะน้อยๆกับตัวเองในความมืด พรุ่งนี้ผมจะได้เจอมันแอนด์เดอะแก็งค์ละ ตอนนี้ต้องนอนก่องครับ ฝันดีทุกคน บ้าย





.

.









Kim jongin







หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาคาดเอวไว้แล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมา ป่านนี้ไอ้ฮุนคงวิ่งหนีกลับบ้านแม่งไปละ อันที่จริงผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้าผมไม่เฝ้ามันมันก็คงไม่อยู่ให้ผมแกล้งหรอกครับ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม ผมก็แค่แกล้งมันเล่นๆเท่านั้นเอง





“อ่าว “





แต่แล้วผมก็ต้องแปลกใจ ในระหว่างที่เดินไปเอาเสื้อมาใส่ เห็นร่างเล็กๆของเพื่อนสนิทยังคงอยู่ในห้อง ไอ้ฮุนนั่งหลับอยู่ที่พื้น ฟุบหน้าลงกับเตียงนอนของผม ผมเดินเข้าไปใกล้ ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้ผมรู้ว่ามันหลับสนิท





“มึง ลุกไปอาบน้ำไป “





ผมย่อตัวลง สะกิดข้อศอกเล็กเบาๆเป็นเชิงปลุกให้ตื่น คนตัวขาวขยับหนีอย่างรำคาญ ผมหันไปมองนาฬิกาที่ผนังห้อง นี่เพิ่งจะสามทุ่มกว่าๆเองนะเนี่ย





“ขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆดิวะ “





ผมเรียกมันอีกรอบไอ้ฮุนดูท่าจะไม่ได้ฟังผมเลย มันส่งเสียงครางอือในลำคอเบาๆ ข้อแขนเล็กสะบัดให้หลุดจากสัมผัสของผมแล้วเอาไปวางทาบไว้กับฟูกเตียง ใบหน้าเนียนที่ฟุบอยู่บนเตียงนุ่มเปลี่ยนมาเป็นตะแคงหันข้างมาทางผมแทน ผมทิ้งตัวลงนั่งที่พื้น จ้องมองมันเงียบๆ







มองตามลูกกระเดือกบนลำคอขาวที่ขยับขึ้นลงเบาๆ ผมกลืนน้ำลายตาม เปลือกตาที่หลับพริ้มนั้นดูจะมีความสุขกับการได้นอนหลับเสียเหลือเกิน แพขนตายาวเรียงสวยขยับน้อยๆ จมูกโด่งเป็นสันที่เชิดรั้นขึ้นนิดๆนั้นแดงเรื่อเล็กน้อย ดูดีกว่าตอนที่มันแคะขี้มูกเยอะ ริมฝีปากอิ่มสีชมพูเข้มนั้นเผยอออกน้อยๆ ทิ้งน้ำใสให้ไหลอยู่ที่มุมปาก ดูยังไงก็ไม่พ้นคำว่าเด็ก ต่างจากตอนตื่นที่ปกติฤทธิ์เยอะซะเหลือเกิน ผมชอบมันเวลาหลับมากกว่า เห็นแล้วอดที่จะเอาไอโฟนมาถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้







ผมหัวเราะไปพลางกดรัวชัตเตอร์ไปจนได้รูปที่พอใจ วางไอโฟนไว้ข้างๆเตียงแล้วสะกิดมันอีกครั้ง







“เซฮุน ลุกขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆไป “







“อือ “





ไม่รอให้มันได้ส่งเสียงครางกวนใจผมอีกเป็นครั้งที่สอง สองมือสอดใต้ข้อพับขาและแผ่นหลังบาง ออกแรงช้อนตัวอีกคนขึ้นไปวางไว้บนเตียง ไอเหี้ยนี่เห็นตัวควายๆนึกว่าจะหนัก ที่ไหนได้เบาหวิวจนผมที่กะแรงมาอย่างดียกตัวมันจนแทบจะลอย ผมดึงมือที่สอดอยู่ใต้ร่างไอ้ฮุนออก เดินอ้อมมาถอดถุงเท้าให้มันแล้วโยนลงไปไว้ที่ตะกร้ามุมห้อง ถ้าจะให้มันหลับทั้งๆที่ใส่ถุงเท้าอยู่คงจะอึดอัดน่าดู จะว่าไปแล้ว ตีนมันขาวกว่าหน้าผมอีก





หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ผมถอนหายใจ ยืนกอดอกมองเพื่อนตัวดีที่นอนแผ่หราอยู่บนเตียงโดยไม่เหลือที่ไว้ให้พ่อมันจอดรถเลยสักคัน สงสัยต้องนอนพื้นละคืนนี้



“ฝันดีจ้าตุ้ด นอนสบายเลยนะมึงอะ “





ผมพูดกับมันที่กำลังนอนกอดตุ้กตาหมีบนเตียงของผมพลางหลับตาพริ้มเป็นตุ้ดวัยแปดขวบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้จนถึงคอ ไอ้ฮุนขี้หนาว ผมรู้







งั้นคืนนี้กูต้องทนนอนร้อนๆอีกละดิ





เฮ้อ -_- ..













.

.

.







ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ลุกขี้นมานั่งพลางยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองหนักๆให้หายง่วง เท้าฝ่ามือไว้กับพื้น ปวดหลังชิบหาย เมื่อคืนผมนอนพื้นโดยมีหมอนหนุนหัวแค่ใบเดียว ไม่มีแม้แต่ผ้าปูหรือผ้าห่ม ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยจริงๆ ผมบิดตัวไปมาจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบ อาห์ สะใจมากครับ





หันไปมองอีกคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง มันยังคงนอนอยู่ที่เดิม ท่าเดิม นิ่งมากๆ ไอ้ฮุนเป็นคนนอนไม่ดิ้นครับ นอนไม่ขยับ นอนหลับเหมือนตาย ท่าไหนท่านั้นตั้งแต่หลับยันตื่น





“...”





ลุกขึ้นมายืนมอง ไม่ต้องห่วงเลยว่าหมอนผมจะเปียกน้ำลายมันไหม ชุ่มแน่นอนครับ ได้ฤกษ์เปลี่ยนปลอกหมอนใหม่แน่ๆไม่ต้องกังวลไป ผมส่ายหัวน้อยๆในความน่ารักของมัน ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ







หลังจากที่อาบน้ำเสร็จและใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ผมกลับมายืนกอดอกมองมันอยู่ที่ปลายเตียงอีกครั้ง ไอ้ฮุนยังนอนอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยน อันที่จริงผมควรจะปลุกมัน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ผมจึงทำแค่ยืนมองมันเฉยๆอยู่ตรงนี้ เซฮุนเวลาที่หลับไม่มีพิษมีภัยอะไร ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องกลัวเท่าไหร่นัก







“...”





เตียงยวบลงไปเล็กน้อยเมื่อผมเลือกที่จะขึ้นไปนั่งข้างๆมันแทนที่จะยืนดูเฉยๆ ดวงตาของผมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าขาวนั้น ยอมรับเลยว่าใบหน้าของมันเพอร์เฟ็กต์และน่าหลงใหล ถึงแม้เครื่องหน้าของมันจะสวยเหมือนผู้หญิงก็ตาม แต่ผมไม่ค่อยอยากจะยอมรับความจริงในข้อนี้สักเท่าไหร่ที่ว่ามันหล่อกว่าผม ฝ่ามือของผมเลื่อนไปลูบแก้มใสนั้นเบาๆอย่างลืมตัว ถ้าผมขาวได้สักครึ่งนึงของมันนะ สาวตรึมเชื่อดิ ไม่เหลือให้อิตุ้ดนี่ได้แอ้มสักคนหรอก







“ทำห่าไรของมึงวะ “







และในจังหวะที่ผมกำลังจะโน้มหน้าเข้าไปสำรวจโครงหน้าสวยของมันนั้นเอง ดวงตาคู่สวยก็เบิกโพลง ฝ่ามือขาวซัดเข้าอย่างแรงที่ไหล่ของผมจนเซออกไปเล็กน้อย คิ้วสวยขมวดมุ่นพลางจ้องเขม็งมายังผมด้วยความไม่พอใจ ผมหัวเราะสะใจ สองมือจับข้อเท้าที่พยายามถีบผมเอาไว้แน่น





“เล่นเหี้ยไร ออกไปสัส”





ข้อขาเล็กขืนตัวออกจากการจับกุม มือน้อยถูกยกขึ้นมาผลักผมให้ลุกออกไปจากตัว แต่ผมไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น จัดการรวบข้อมือเล็กไว้ในขณะที่หน้าขาของมันถูกผมทับไว้จนขยับไปไหนไม่ได้อีก





“หลับบนเตียงกูละยังจะมาไล่กูอีก”





ผมเอ่ยแขวะมันเบาๆ บีบข้อแขนของมันไว้แน่นเมื่อคนด้านใต้ไม่ยอมผ่อนปรน ส่งปลายจมูกโด่งไปสัมผัสกลิ่นหอมจากข้างแก้มใสอย่างกลั่นแกล้ง ไอ้ฮุนดิ้น ข้อเข่าเล็กกระทุ้งเข้าที่ท้องของผมเสียเต็มรัก





“โอ้ย”





“ปล่อยกูไอสัดกูไม่เล่น”





“แต่กูจะเล่น “





ผมตอบกลับไปพลางยักคิ้วให้ทีหนึ่งหมายจะกวนตีน ท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจของมันทำให้ผมรู้สึกสะใจยังไงบอกไม่ถูก เอาจริงๆผมก็เคยหอมแก้มมันเมื่อนานมาแล้วสมัยที่เรายังเป็นเด็ก จนถึงตอนนี้ก็ยังหอมไม่เปลี่ยน นี่ขนาดเมื่อคืนมันไม่ได้อาบน้ำ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าผมโรคจิตรึเปล่า





ฟอด





“สัส!”





ผมก้มลงอีกครั้ง กดปลายจมูกลงกับแก้มนิ่มอีกข้าง อารมณ์ตอนนี้เหมือนกำลังข่มขืนตุ้ดที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผมตรึงข้อมือมันไว้กับเตียงพลางระดมหอมแก้มมันฟอดใหญ่พลางหัวเราะสะใจ ใบหน้าที่แดงจัดด้วยความโกรธนั้นดูน่ารักจนอดที่จะแกล้งไม่ได้







“อาตี๋ ลื้อ.. “





และก่อนที่ผมจะได้ปล้ำมันไปมากกว่านี้ ประตูห้องถูกเปิดออก ปรากฏร่างชายวัยกลางคน สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาก๊วยผ้าแพรสีน้ำเงินกำลังยืนอึ้งอยู่หน้าประตู ป๊าผมเองอะ ..



ด้วยท่าทางที่ล่อแหลมไปหน่อยอาจจะทำให้ป๊าผมช็อคตายห่าไปเสียก่อน ผมจึงยอมลุกออกจากตัวไอ้ฮุน หันไปมองหน้าป๊าที่กำลังมองผมสลับกับเพื่อนสนิทด้วยความงงงวย





“ไรป๊า”





“อาตี๋เดี๋ยวลื้อลงมาเฝ้าร้าน เดี๋ยวอั๊วจาออกไปข้างนอก แล้วนี่อาฮุนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “





“เมื่อคืนครับป๊า “ ไอ้ฮุนลุกขึ้นตอบ มือน้อยยกขึ้นมาขยี้ตาเบาๆ







“อ่า ฮ่อๆ งั้นลื้อช่วยอาตี๋มันเฝ้าร้านละกัง อั๊วจะไปธุระสักหน่อย “







ป๊าพูดเท่านั้นก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ผมยืนกอดอกมองไอ้ฮุนที่นั่งอยู่บนเตียง ชุดนักเรียนยับยู่ยี่ ผ้าปูเตียงที่ยับจนหลุดออกมาจากฟูก ดวงตายังคงปรือน้อยๆนั้นดูยังไงก็สภาพเหมือนคนเพิ่งโดนข่มขืนมาไม่มีผิด



“มองเหี้ยไรไม่เคยเห็นคนหล่อหรอไอสัด”





ไอ้ฮุนพูด เอียงคอมองผมด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างจะหาเรื่องพอสมควร ตื่นมาก็ฤทธิ์เยอะเลยนะมึง





“มองเหี้ยอะ “





ผมตอบพลางกลั้นขำ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบอีกคนที่ลุกขึ้นกระแทกไหล่ผมเข้าห้องน้ำไป เดินไปนั่งรอบนเตียง มองผ้าเช็ดตัวที่วางพาดอยู่ตรงราวมุมห้องแล้วอดขำไม่ได้







“...”





ผมมองนาฬิกาที่ผนังห้อง กว่าชั่วโมงแล้วที่ไอ้ฮุนหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมมองผ้าเช็ดตัวผืนเดิมอีกครั้งพลางยิ้มขำ ก่อนจะลุกไปเอาหูแนบกับประตูห้องน้ำ เสียงน้ำหยุดลงแล้ว แทนที่จะเรียกให้ผมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปให้ ให้เดาเลยว่ามันคงนั่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมออกมาแน่ๆ





เซฮุนแม่งฟอร์มจัดครับ เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปีทำไมจะไม่รู้





“หึ “





ผมหัวเราะ นึกภาพออกล่วงหน้า ตั้งแต่เมื่อวานนี่ผมหัวเราะไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้นะ แต่ผมตลกมันจริงๆ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เปิดประตูห้องออก แล้วปิดมันลงอย่างเก่า เพื่อให้มันเข้าใจว่าผมออกจากห้องไปแล้ว





“แกร๊ก “





ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกเบาๆ ผมที่ยืนหลบอยู่หลังประตูห้องน้ำอีกฝั่งยกหลังมือขึ้นมาปิดปากเบาๆเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อเห็นหัวไอ้ฮุนยื่นออกมาจากห้องน้ำ ผมเกร็งจนตัวลีบติดผนังเมื่อมันหันมองมาทางผม





“เอาวะ “





ได้ยินเสียงนั้นดังผ่านบานประตูห้องน้ำก่อนที่ไหล่ขาวเนียนแหละแผ่นหลังบางจะโผล่ออกมาให้เห็นตามลำดับ หวังว่ามันคงจะไม่โง่แก้ผ้าออกมาหรอกนะ ถ้าคนเขาฉลาดคงจะเอากางเกงที่เพิ่งถอดไปมาใส่ก่อน ถึงจะเปียกก็เถอะ







“เชี่ยยยยยย ..“







ผมร้องเชี่ยลากเสียงยาวเบาๆ มองตามหลังร่างขาวที่เดินย่องออกมาจากห้องน้ำ เหลือกตาขึ้นพลางกลั้นหายใจอย่างลืมตัว ไม่น่าเชื่อว่าไอ้สัดฮุนแม่งจะโง่จริงๆ แต่แบบ แม่งขาวมากอะ ขาวชิบหาย คือตูดมึงขาวมากอะโอ้ย







ผมเอามือแตะๆตรงปลายจมูก นึกว่าเลือดกำเดาจะไหลออกมาแต่ก็เปล่า นี่ถ้ามันเป็นผู้หญิงผมคงจะจัดให้มันสักยกเป็นแน่ ไอ้ฮุนรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วพันรอบเอวไว้ ผมหลบหลังประตู มันเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว .. ประตูห้องน้ำถูกปิดลงอีกครั้ง ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก





วันหลังไม่เล่นงี้ละสัด หัวใจจะวาย 






Park chanyeol







ร้อน





ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรำคาญใจ ผมถีบผ้าห่มออกจนกระเด็นปลิวไปติดผนัง ลุกขึ้นนั่งพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อเม็ดพราวที่เกาะอยู่ตามหน้าผาก อากาศมันร้อนอบอ้าวมาเสียจนผมอยากจะถอดชุดคนป่วยของทางโรงพยาบาลออกแล้วเหวี่ยงเป็นคาบาเร่ต์โชว์ซะให้รู้แล้วรู้รอด ขืนถ้านอนนานกว่านี้ เจี๊ยวผมอาจจะสุกได้





อิห่า กูนึกว่าเอาพระอาทิตย์มาตั้งในห้อง





และด้วยความที่ร้อนเกินจะทนไหว ผมกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อมองหาสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิห้องเปลี่ยนไปต่างจากเมื่อคืนลิบลับ เห็นไฟดวงเล็กจากเครื่องปรับอากาศบนผนังห้องที่ควรจะเปิดอยู่กลับถูกปิดไปเสียอย่างนั้น ใครแม่งมาปิดแอร์วะ เดี๋ยวแช่งให้เป็นหมันตลอดชีวิตเลยไอสัด





“อ้าว ตื่นแล้วหรอครับลูก หลับสบายดีไหม เมื่อคืนแอร์เย็นแม่นึกว่าจะหนาวเลยลุกมาปิดแอร์ให้”



มองตามร่างเล็กๆของคนเป็นแม่ที่เดินออกมาจากห้องน้ำตรงเข้ามาหาผม ผมง่อยแดกไปสิบวิ นึกดีใจที่ไม่ได้แช่งอะไรแรงไปมากกว่านั้น





“โถ่หม่ามี๊ จะปิดทำไมอะมันร้อนอะ “ ผมถอนหายใจ ทิ้งมือทั้งสองข้างลงบนตักอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ





“โอ๋ ก็นี่ก็แปดโมงมันก็ควรตื่นได้แล้วสิครับ หืม ? “





“แล้วจะไปไหนอะครับ “





ผมถาม เมื่อเห็นกระเป๋าใบโตที่แม่เอามาเมื่อตอนมาเฝ้าไข้ผมถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยเสื้อคลุมและแว่นกันแดดวางไว้ข้างๆกัน ด้วยความที่แม่เป็นคนพร็อพเยอะจึงทำให้ผมรู้ได้ว่านางคงกำลังจะออกไปข้างนอก เอาจริงๆแม่ไม่ต้องใส่แว่นหรืออะไรหรอก เพราะมันไม่มีไรสามารถปิดบังความแก่ของแม่ได้ ไม่ว่าจะครีมรกแกะ รกมังกร รกเหี้ยไรก็แล้วแต่ หรือจะหลวงพ่อวัดไหนก็เยียวยาหน้าแม่ไม่ได้ละครับ มันสุดได้เท่านี้ละ นี่ถ้าไม่รักไม่พูดนะเนี่ย





“ทำงานสิครับลูกชาย ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนให้เราใช้ล่ะครับ ? “ แม่ตอบ ยกมือลูบหัวผมแบบที่เคยทำบ่อยๆ





“เอ้า ไหนแม่บอกไปพรุ่งนี้ไง “





“ต้องไปวันนี้แล้วครับ “ แม่ตอบ ยังลูบหัวผมไม่หยุด เอาจริงๆแม่น่าจะถอดหัวผมหิ้วขึ้นเครื่องไปทำงานด้วยเลยก็ด้ะ





“คราวนี้ไปที่ไหนอีกอะ ไปนานปะครับ “





“เมกาครับ ใกล้ๆนี่เอง ไม่เกินสองเดือนแน่นอนครับสัญญา “





“ละหนูจะอยู่ไงอะ กว่าจะได้ออกจากโรงบาลก็มะรืนนี้อะ “





ผมตอบ ลุกพรวดขึ้นนั่งหลังตรง ถ้าจะต้องให้นอนที่โรงบาลหลอนนี่คนเดียวกูไม่เอาแน่ๆอะ ต่อให้เอานมพยาบาลทั้งแผนกจิตเวชมาบีบหน้าผมก็ไม่เอาครับบอกไว้เลย นมไม่มีค่ากับผมเมื่อเทียบกับเรื่องผีๆ





แต่จะว่าไปแล้วก็นึกถึงโน๊ตบุ้คเครื่องอีแก่ที่บ้านเสียเหลือเกิน ..







เกือบอาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้เจอกัน มันคงคิดถึงผมมากแน่ๆ ผมส่งสายตาเว้าวอนไปให้แม่ พยายามทำหน้าตาที่คิดว่าน่ารักที่สุดในชีวิต ใครจะรู้ว่าที่จริงมันอาจจะเหมือนควายป่าตัวเมียที่ยังไม่ได้ผ่านการผสมพันธุ์มาตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงผมก็น่ารักที่สุดสำหรับแม่อยู่ละ ผมอยากกลับบ้าน อย่างน้อยนอนที่บ้านก็ยังดีกว่าที่นี่ ผมคิดถึงห้องนอนของผม คิดถึงเตียง คิดถึงหมอนข้างเน่าๆของผม คิดถึงโน๊ตบุ้ค..





“วันนี้เดี๋ยวลูกชายข้างบ้านก็มาหาแล้วนี่ครับ หืม ?”





“ก็ใช่อะครับ “





ผมตอบ เบะปากเล็กๆแล้วกอดพุงแม่ไว้ รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ความเจ็บบริเวณขอบตามันมีมากกว่า ขี้ตานี่เวลาแห้งละแม่งบาดขอบตามากๆเลยอะครับ เจ็บชิบหาย





“งั้นแม่ไปแล้วนะครับ เดี๋ยวจะขึ้นเครื่องไม่ทัน เป็นเด็กดี ห้ามก่อเรื่องที่ไหน มีอะไรก็คอลมาเข้าใจไหมครับพี่ปาร์ค “





คนเป็นแม่ลูบหัวผมอีกครั้ง ผมพยักหน้ารับเบาๆในขณะที่ก้มลงเช็ดขี้ตา ผลัดกันหอมแก้มกับหม่ามี๊ฟอดใหญ่เหมือนที่เราชอบทำทุกครั้งตั้งแต่สมัยผมยังเป็นเด็ก มองตามแผ่นหลังบางของคนเป็นแม่ที่เดินไปหอบสัมภาระขึ้นจากโต๊ะ หม่ามี๊หันกลับมาโบกมือบ้ายบายให้ผม ผมฉีกยิ้มกว้าง





“แม่ แม่ห้ามมีผัวฝรั่งนะ ! “





ผมตะโกนไล่หลัง ก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง เพราะด้วยความที่แม่เป็นคนน่ารักและตูดค่อนข้างใหญ่ ทำให้มีคนเข้ามาจีบมากพอสมควร ถึงผมจะเป็นห่วงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นกังวล เพราะตั้งแต่พ่อตายไป แม่ก็อยู่กับผมสองคนมาตลอด .. ไม่เคยมีผู้ชายคนอื่น แม่น่ารักแบบนี้เสมอ 





แต่จะตูดใหญ่แบบนี้เสมอไปรึเปล่า อันนี้หล่อไม่ทราบ มันคงต้องปรับใช้กันไปตามกาลเวลา





ผมค้อมตัวหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่วางไว้บนตู้ตัวเล็กๆข้างเตียงขึ้นมาก่อนจะลากเสาห้อยถุงน้ำเกลือเดินไปเข้าห้องน้ำ กดเบอร์แบคฮยอนแล้วโทรออก ป่านนี้มันคงยังไม่ตื่น





ตื้ด...





ในขณะที่รอสาย ผมเดินไปที่ชักโครก ตะแคงคอหนีบโทรศัพท์เครื่องเขื่องไว้กับใบหูและบ่า และด้วยความที่ผมเป็นคนหูกางเล็กน้อย แน่นอนผมยอมรับในข้อนี้ บางทีใบหูของผมอาจจะห่อไอโฟนไว้จนมิด ดังนั้นผมจึงไม่กลัวว่ามันจะหล่นลงไปกระแทกพื้น สองมือเลื่อนลงมาปลดกางเกง เพ่งสมาธิไปที่ศูนย์รวมกลางกาย





“(ฮัลโหล )“





และยังไม่ทันจะได้ฉี่เสร็จดี ขอโทษทีครับแบบคนมันใหญ่อะก็จุน้ำได้เยอะไรเงี้ย ผมเหน็บไอโฟนไว้แน่นเพราะเริ่มกลัวว่ามันจะหล่นลงไปปนกับน้ำฉี่สีเหลืองน่ากินเสียก่อน เนื่องด้วยใบหูของผมมันอาจจะหดลงเมื่อเจอเสียงแปดหลอดของแบคฮยอน เสียงเพื่อนตัวดีลอดมาจากปลายสายดังลั่นเช่นเคย ฟังจากน้ำเสียงดูแล้วก็รู้ว่ามันยังไม่ตื่น





“ไงมึง ตื่นยัง “





“(ยังมั้งไอสัด)”





มันตอบ ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนเจ้าตัวกำลังขยับตัวไปมา คงจะหัวเสียน่าดูที่ผมโทรไปปลุกมันตั้งแต่เช้า ผมหัวเราะ เรื่องกวนตีนนี่ขอให้บอก





“ตื่นได้ละ จะมาหากูกี่โมง ตอนนี้กูอยู่คนเดียวอะ แม่ไปทำงานละ “





“( .. อืมเดี๋ยวกูอาบน้ำเสร็จไรเสร็จก็ออกไปละ แล้วนี่เสียงเหี้ยไรเนี่ย )”





มันเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา พอดีกับที่ผมใส่กางเกงเสร็จ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดชักโครกแล้วเดินลากเสาน้ำเกลือออกมาจากห้องน้ำ





“เยี่ยวอยู่อะ “





“(เหี้ยมึงก็เยี่ยวให้เสร็จละค่อยโทรมาปลุกกูก็ได้ปะ ทุเรศ )“





มันตอบเสียงแหวมาแต่ไกลจนผมต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู ผมยิ้มขำ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง พลิกตัวกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างอยู่ไม่สุข





“ก็คิดถึงไงเลยโทรมาหาก่อน “





“(...) “ มันเงียบ สงสัยยังไม่ตื่น ผมเลยหยอดไปอีกมุข





“อยากให้มึงได้ยินกูเยี่ยว 5555555555555555555555 “





“(เออไอสัด เรื่องอัปปรีย์จังไรนี่ขอให้บอก หัดพูดไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยมันจะมีใครตายปะ ไปอาบน้ำละ แค่นี้แหละ )“





มันสวดรัวมาเป็นชุดก่อนจะวางสายไป ทิ้งให้ผมที่กำลังขำก๊ากอยู่มึนเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นผมก็ยังขำอยู่ดี ก่อนจะมองตามไปที่ประตูที่ถูกเปิดออก พยาบาลสองสามคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นเข็นถาดอาหารและยาเข้ามาด้วย ผมลุกขึ้นนั่งหลังตรงพิงหมอนเอาไว้ มองตามพี่สาวทั้งสองคนเงียบๆ




“ครับ ? “





และเหมือนผมจะไม่ได้ฟังที่พี่สาวคนสวยพูดเลยแม้แต่นิด เห็นริมฝีปากสวยที่ขยับเอื้อนเอ่ยบอกกับผมเป็นประโยคสั้นๆแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ได้ยิน สมาธิของผมจดจ่ออยู่กับลำคอขาว และเนินอกของพี่สาวยามที่พี่สาวค้อมตัวลงมาตรวจดูสายน้ำเกลือที่ข้อมือของผม กลิ่นน้ำหอมจางๆทำเอาสมองผมเบลอไปชั่วขณะ





อิเหี้ย นมคนหรือนี่ ..





ผมลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างฝืดคอ หดคอหนีเล็กน้อยเมื่อพี่สาวก้มลงมาใช้ปรอดวัดอุณหภูมิที่ใต้รักแร้ บางทีถ้าผมหลบไม่ทันนมพี่เขาอาจจะแทงหน้าผมเป็นรู คือแม่งนมใหญ่มากละขาวสุดๆนะจุดนี้ นี่มึงทำมาปะเนี่ยหรือนมสดๆจากเต้าแท้ๆแม่ให้มาวะ อยากจะพิสูจน์เหลือเกิน คือถ้าไม่ติดว่าแขนข้างหนึ่งหนีบปรอทอยู่แล้วแขนอีกข้างถูกเข็มจิ้มไว้เพื่อให้น้ำเกลืออยู่ละก็ ฝ่ามือหยาบโลนทั้งสองของผมอาจจะได้เอื้อมแตะเต้าอิเจ๊นั่นแล้วขยำให้แตกแม่งให้รู้แล้วรู้รอด





“38องศา ไข้ลดลงเยอะเลยนะคะ “





เธอบอก เป็นประโยคแรกที่ผมพอจะจับใจความรู้เรื่องตั้งแต่เข้ามา มือเรียวสะอาดชูปรอทอันเล็กขึ้นให้ผมดู ผมพยักหน้าเบาๆตอบกลับไป พี่พยาบาลคนสวยก้มตัวลงอีกครั้งเพื่อเก็บปรอทลงบนรถเข็นสำหรับใส่อุปกรณ์ แต่คราวนี้เธอยกมือขึ้นปิดที่หน้าอก ผมที่กำลังมองตามต้องผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเสียดาย เอ้าอิเหี้ยจะปิดทำไมอะ คนกำลังเพลิน





“รบกวนคนไข้ถอดเสื้อออก เช็ดตัวก่อนนะคะ”





ผมไม่ได้ตอบอะไร ปลดกระดุมเสื้อสำหรับผู้ป่วยของตัวเองออกช้าๆ พี่พยาบาลอีกคนที่เดินเข็นถาดอาหารกับยามาให้เดินออกไปแล้ว เหลือแค่ผมกับพี่พยาบาลนมเท่าหัวเด็กแค่สองคน ก็เขินนิดหน่อยครับ รู้สึกเหมือนอะไรในกางเกงมันอยากจะยืนขึ้นอยู่ตลอดเวลา นอกจากพี่เขาจะนมโบ้มแล้ว เบ้าหน้าก็ยังสวยใช่เล่น แบบนี้มันน่าจับมาเป็นแม่ของลูกจริงๆ ลูกผมคงอิ่ม นมข้างเดียวนี่แดกกันได้ทั้งจังหวัด





จนกระทั่งปลดกระดุมออกจนหมด ผมถอดเสื้อออกช้าๆ วางพาดไว้กับปลายเตียงลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนถอดกางเกงขายาวออก ถามว่าอายไหมที่ต้องแก้ผ้าต่อหน้าชะนี ขอตอบว่าไม่ครับ นี่มันระดับไหนละไอสัด ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวปั่นจักรยานข้ามซอยไปซื้อน้ำแข็งบ้านไอ้ไคยังทำมาแล้ว แค่นี้ เบๆครับ





“เอ่อ คนไข้ไม่ต้องถอดชั้นในค่ะๆ “





“หะ ? “





ผมหันไปตามเสียงเรียกห้ามของพี่สาว มือสวยปัดไปมาเป็นพัลวัน ในขณะที่มืออีกข้างยกขึ้นปิดปากซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อไว้ ผมที่กำลังจับขอบเกงในตัวเองเกี่ยวลงหลุดหัวเราะ เออว่ะไอสัดถอดเพลินไปหน่อย 5555555 กริ้ด อาย





และในระหว่างที่พี่สาวหันหลังไปบิดผ้าชุบน้ำในกะละมังบนรถเข็น ผมมองสำรวจไล่ตั้งแต่เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่รวบขึ้นหลวมๆลงมาตามเอวคอดไปจนถึงข้อเท้าเล็กน่ารัก สวมส้นสูงสีขาวเรียบ เครื่องแบบพยาบาลสีขาวบริสุทธิ์ที่ค่อนข้างบางทำให้ผมเห็นสัดส่วนที่รัดรึงของพี่สาวทั้งหมด ผมลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แผ่นหลังบางภายใต้เสื้อสีขาวที่สามารถมองทะลุยามต้องแสงแดดนั้นถูกคาดทับด้วยสายเสื้อชั้นในสีชมพูอ่อน





ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกชอบสีชมพูตงิดๆ ..





และหลังจากที่เช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผมรับเสื้อผ้าชุดใหม่ของทางโรงพยาบาลมาเปลี่ยน เป็นความโชคดีของพี่สาวที่ไม่เสียซิงให้ผมไปเสียก่อน บางทีนางอาจจะเป็นเมียหมอคนใดคนหนึ่งในนี้ และถ้ามันรู้ ผมอาจจะได้เป็นผีเฝ้าโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เป็นได้ แค่คิดแล้วก็เสียวไปยันขนไข่





“เดี๋ยวทานอาหารเสร็จอีกครึ่งชั่วโมงทานยาเลยนะคะ “





ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่พี่สาวคนสวยจะหยิบเอาแฟ้มเอกสารเล่มบางเดินออกจากห้องไป ผมมองกวาดไปรอบห้อง ก่อนจะลุกขึ้นไปเลื่อนถาดอาหารมานั่งกินคนเดียวเงียบๆ .. ซะที่ไหน กูเปิดทีวีดังลั่นโรงบาล ขอทอดที คนมันไม่ชินกับการต้องอยู่คนเดียวในที่เปลี่ยว แย่จังครับ





ผมก้มมองหน้าวอลไอโฟนที่เป็นรูปผมกับมัน ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่แบคฮยอนที่กำลังยิ้มหน้าบานอยู่ในรูป







รีบมาเร็วๆเลยไอเตี้ย ก่อนที่กูจะหลอนตายไปซะก่อน













.

.







Kim jongin





ผมเดินลงบันไดตามไอ้เซฮุนลงมา หลังจากที่มันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กกว่าสวมเสื้อฮู้ดสีดำตัวหนาซึ่งเป็นของผม กางเกงขายาวก็ของผมอีกอะ หรือแม้แต่กางเกงในก็ยังของผม คือก็นึกว่ามันจะเล็ก แล้วที่มันใส่กางเกงในผมแล้วบ่นว่าคับๆๆๆ นี่คือส้นตีนอะไรครับบอกที หรือมันจะข่มผมทางอ้อมอันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ช่างแอร์คนนี้จะบอกไว้เลยว่า ผมไม่เล็กนะครับ





ผมนวดแขนข้างขวาของตัวเองหนักๆด้วยความเจ็บระบม ก็ไอ้เชี่ยฮุนแม่งเล่นต่อยมาเต็มแรงเลยอะตอนที่ผมหัวเราะมันตอนมันออกมาจากห้องน้ำ คือดีนะที่มันยังไม่รู้ว่าผมเห็นมันเดินแก้ผ้าออกมาจากห้องน้ำอะ ไม่งั้นแขนขวาทั้งแขนผมอาจจะอันตรธานหายไป หรือไม่ก็สิ้นชีพเลยก็เป็นได้อะครับ อันนี้เค้าขาโหด





“เชี่ย หนาว “





จนเมื่อเดินลงมาจนถึงชั้นล่างแล้ว ไอ้ฮุนหยุดยืนอยู่ตรงตีนบันไดแล้วกอดแขนตัวเองไว้ ไม่แปลกหรอกครับที่มันจะหนาว เพราะบ้านผมทำกิจการโรงน้ำแข็ง ตรงชั้นล่างทั้งชั้นจะเป็นห้องเย็นและโซนตู้ผลิตน้ำแข็งทั้งหมด และถึงแม้จะมีห้องไว้สำหรับวางตู้ผลิตน้ำแข็ง และมีทางเดินแคบๆพอให้เดินได้ แต่ถึงอย่างนั้นไอเย็นที่ลอดออกมามันก็ทำให้หนาวอยู่ดี





ผมยกหมวกฮู้ดที่ห้อยตกอยู่ด้านหลังขึ้นมาคลุมหัวอีกคนเป็นการแกล้งเล่น ด้วยขนาดเสื้อที่ตัวใหญ่ทำให้หมวกฮู้ดเลื่อนลงมาปิดใบหน้าขาวนั้นไว้หมด ในขณะที่มันใส่ฮู้ดตัวอย่างหนาที่ผมเป็นคนเลือกให้ ผมกลับใส่แค่เสื้อยืดธรรมดาๆ เพราะผมชินกับอากาศเย็นซะแล้วล่ะครับ





“หรือมึงจะกลับบ้านก็ได้ปะ กูเฝ้าร้านคนเดียวได้“





“ไม่อะเกรงใจป๊า “





มันตอบ เลิกฮู้ดขึ้นแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟาที่มุมหน้าร้าน นี่แม่งไม่พอใจอะไรผมอีกปะเนี่ย รู้สึกตะหงิดๆเหมือนเผลอไปทำไรผิด แต่ช่างเถอะ อารมณ์แม่งก็ปรวนแปรมาอย่างงี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรละ





“หนาวมากไหมมึง “





“นิดๆ พอเป็นพิธี “





มันตอบกวนตีน ไหวไหล่น้อยๆพอให้น่าหมั่นไส้ แต่ริมฝีปากบางที่เริ่มซีดนั้นดูไม่ค่อยจะเข้ากับน้ำเสียงและท่าทางเท่าไหร่นัก ไอ้ฮุนเบียดตัวลงกับโซฟาแล้วซุกมันอยู่อย่างนั้น ผมยืนกอดอกมอง





“เฝ้าหน้าร้านนะ เดี๋ยวกูมา “





ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไปอีกรอบ หอบเอาผ้าห่มผืนโตที่เขรอะไปด้วยน้ำลายไอ้ฮุนม้วนเป็นก้อนๆ วิ่งลงบันไดมาอีกครั้ง ก่อนจะโยนมันใส่หัวเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้ตัวเริ่มซีดเป็นไก่ต้ม คือมึงจะหนาวอะไรนักหนา





“ถ้าหนาวมากมึงก็กลับบ้านไปไป” 





ผมบอก เดินไปยกถังดรายไอซ์จากหลังร้านมาตั้งไว้ที่หน้าห้องเย็น ก่อนจะเลื่อนประตูบานหนักที่ทำด้วยเหล็กเปิดเข้าไป แค่เพียงไอความเย็นจากอุณหภูมิที่ติดลบสัมผัสผิวกาย เรียกให้ขนลุกเกรียวได้ไม่ยาก ไม่ต้องถามถึงคนที่นั่งสั่นเป็นลูกนกอยู่ตรงโซฟาไม่ไกลจากตรงนี้เลย





“อ่อ ไล่กู”





ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน รีบยกถังน้ำแข็งแห้งเข้าห้องเย็นไปแล้วผลักประตูจนเกือบจะปิดสนิท ไม่วายแม่งยังเดินตามเข้ามา ผมที่ขมวดคิ้วมุ่นอยู่เนื่องด้วยความเคร่งเครียดจากการทำงานเกือบหลุดขำ เมื่อเห็นไอ้ฮุนยืนอยู่ข้างถังดรายไอซ์พลางปั้นหน้าบึ้งมองมาที่ผม ลำตัวขาวถูกห่อด้วยผ้านวมผืนหนาสีน้ำเงินเข้มทั้งตัวจนเหมือนก้อนอะไรสักอย่าง





“เข้ามาทำห่าไร ออกไป “



ผมเอ่ยไล่ เดินผ่านหน้าซฮุนไปยกดรายไอซ์ถังหนึ่งที่ซ้อนๆกันหลายถังไปไว้ตรงเครื่องผลิตน้ำแข็งตัวในสุดของห้องเย็น สวมถุงมือยางแล้วตามด้วยถุงมือผ้าอย่างหนาอีกชั้น ก่อนจะยุ่งง่วนอยู่กับการเช็ตตัวเครื่อง





“มึงอย่ามาเมินกูงี้ไอสัด “





“หายเบื่อกูแล้วไง้ “





ผมตะโกนตอบไอ้ก้อนกลมๆสีน้ำเงินที่ยืนทำหน้าเป็นตูดอยู่ตรงประตูทางเข้า คนอะไรอารมณ์แปรปรวนเอาแต่ใจชิบหาย เมื่อวานมันยังเบื่อผมอยู่เลยนะเนี่ย นี่เห็นกูเป็นผักเป็นปลาหรือไงไอสัด นึกจะทิ้งก็ทิ้งหรอ ไม่ คิมจงอินมีค่ามากกว่านั้น





“ก็กูไม่ชอบ.. “





ไอ้ฮุนพูดค้างไว้แค่นั้น กำปั้นเล็กยกขึ้นต่อยกระสอบดรายไอซ์ที่วางซ้อนๆกันจนมันเกือบจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ ผมร้องโวยห้าม รีบสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วกระชากแขนมันออกมา นั่นเงินทั้งนั้นนะมึง ก้อนนึงไม่ใช่ถูกๆ ถ้าหล่นลงมานี่ชิบหายกันทั้งบ้าน ทำอะไรไม่รู้จักคิด







“อ๊ะ! “







โครม!!!







ไม่รู้ว่าผมออกแรงมากเกินหรือตัวมันเบาเกินไปกันแน่ ร่างขาวที่ถูกห่อด้วยผ้านวมผืนใหญ่ก็ปลิวมาติดอก ด้วยความที่พื้นลื่นเพราะอยู่ในอุณหภูมิเย็นจัดนานๆจนเกาะตัวกันเป็นน้ำแข็ง จึงทำให้ผมที่ยังไม่ได้ตั้งตัวนั้นหงายล้มลงไปกับพื้น แขนของผมที่รวบเอวอีกคนมาด้วยทำให้ร่างขาวล้มลงมาใส่ตัวผมเต็มๆ





“กูบอกแล้วไงให้ระวัง ไอห่า “





สัมผัสนุ่มนิ่มของผ้านวมนั้นแน่นิ่ง ใบหน้าขาวแต้มสีระเรื่อนั้นอยู่ห่างจากใบหน้าของผมไม่ถึงคืบ ไอ้ฮุนถลึงตามองผม ยากนักที่จะขยับเพราะว่าถูกผ้าผืนใหญ่ห่อตัวไว้อยู่ ผมปรามมันน้อยๆ ก่อนยกตีนถีบให้มันกลิ้งไปตามพื้น





“ไอเหี้ย “



มันด่า ก่อนจะค่อยๆยื้อตัวออกจากผ้าห่ม ไอ้ฮุนลุกยืนเต็มความสูงอีกครั้ง สองแขนรวบผ้าผืนหนาขึ้นมากอด ผมหัวเราะ แกล้งไอเหี้ยนี่สนุกที่สุดละ





“ตกลงเบื่อกูเพราะอะไร ? “





“ก็ .. “




_____________________________

ผ่าง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ครบร้อยเปอร์ละจ้าเด็กๆ 
สำหรับคนที่ถามว่าเออตกลงชานแบคหรือไคฮุนคู่หลัก
หล่อก็ขอตอบว่า กูไม่รู้ 5555 กูแต่งละมันออกมางี้อะ
เออละสำหรับชานแบคนี่ถ้าเอามาลงตอนนี้มันจะยาวไป
เลยขอย้ายไปไว้ตอนหน้านะครับสาวๆ เข้าใจทั่วกันนะ
ก็ไม่มีไรละจ้า ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น น่ารักจริงๆเลย
รักทุกคนนะครับ ขาก.. 

3 ความคิดเห็น:

  1. ไรท์เป็นคนที่ไหนอ่ะ เจอคำว่าแงะเข้าไป อยู่แถวๆ นครสวรรค์ป่ะ 555

    ตอบลบ
  2. คู้ไหนนุก็อ่านได้5555

    ตอบลบ