วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 14


 



“ฮาย...”
 
ผมเหลือกตาขึ้นจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า เมื่อเห็นไอ้คริสเงิงบานในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกำลังเดินลากกระเป๋าเข้ามาทางนี้ หันกลับไปมองตรงเคาท์เตอร์ ไอ้แบคกำลังโบกมือเซย์ฮายกับมันอย่างร่าเริง
 
“มึงนัดมันมาหรอไอเหี้ยยยยย “
 
“อืม กูเองจ้า “
 
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
 
แทบจะร้องออกมาเป็นภาษาไทย ไอ้คริสเดินมาหยุดตรงหน้าผมแล้วตบบ่าผมเบาๆ ผมได้แต่ยืนโง่เป็นควายธนูอยู่ตรงนั้น นึ่งเลยไอสัดนึ่ง ทำไมอะ กูอุตส่าห์คิดว่ากูจะได้มาฮันนีมูนกะอีแบคนอกสถานที่ละนะ ละมึงมาทำไมอะ อีมารผจญ อีมารสะท้านเหงือก EHERE!!!!!!!!!!!!!
 
“อ้าว หวัดดีครับพี่เสี่ยวลู่“
 
ไอ้คริสยกมือทักทายพี่ลู่อย่างสนิทสนมราวกับเคยล้อชื่อพ่อกันมาก่อน พี่ลู่รีบเดินมาหลบหลังผมในทันที อะไรงง นี่ไปรู้จักกันตอนไหนหรอ ทำไมพี่ลู่คนรู้จักเยอะจังอะ ทำไมผมไม่เห็นมีงี้มั่งเลยอะ
 
“ใครเชิญมึงมาไม่ทราบ “
 
เหย ถึงขนาดขึ้นกูมึงกันเลยด้วย เสียงพี่ลู่ดูเย็นชาไม่เหมือนเวลาคุยกับพวกผมเลย ไอ้คริสยิ้มแล้วเดินอ้อมหลังผมไปหาพี่ลู่หาน แขนข้างที่พาดเสื้อหนังเอาไว้นั้นเหนี่ยวลำคอของพี่ลู่เข้ามากอดไว้ พลางกดปลายจมูกลงกับแก้มเหี่ยวแล้วกระซิบชิดริมใบหู
 
“ไม่เสือกดิ แบคชวนผมมาก็พอมั้ง “
 
“มึงออกไปเลย!
 
อิเหี้ย ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก ไอ้คริสกับพี่ลู่เคยมีซัมธิงอะไรกันรึเปล่า แต่ไม่น่าจะ เพราะพี่แกก็เป็นชายแท้มาตลอดทั้งชีวิต ไม่น่าจะมาคลุกคลีกับไอ้วิปริตนี่ได้ และดูจากท่าทางแล้ว พี่ลู่หานคงจะรังเกียจอิเศรษฐีเหงือกนี่มาก ทั้งผลักทั้งถีบ พยายามดันให้ไอ้คริสออกไปจากตัว
 
“ไม่เอาดิ ผมคิดถึงพี่ม้ากกกกกกก มาก มั้วะ!
 
“ไอเหี้ยยยยย ยี้! ออกไป มึงออกไปเดี๋ยวนี้ ชานยอลช่วยกูด้วยเซ่ยืนโง่อยู่ทำไมวะ แม่งจะแดกหูกูอยู่แล้วเนี่ย! “
 
แทบจะเรียกได้ว่าดูดแก้มกันเลยทีเดียว ผมขนลุกแทนพี่ลู่หานไปแล้ว ไอเหี้ยคริสมึงโรคจิตปะนิ พี่ลู่หานตะคอกผมอย่างแรงจนผมสะดุ้ง ต้องกุลีกุจอไปจับสองคนนั้นแยกออกจากกัน งงอะ กูอยากรู้มันเกิดอะไรขึ้นนิ แค่คิดต่อมเสือกของผมก็แอคทีฟตัวเองโดยอัตโนมัติ
 
“พี่.. พี่กะมันมีไรกันปะนิ “
 
หลังจากที่ไอ้คริสเดินไปหาไอ้แบคที่ยืนติดต่อกับเคาท์เตอร์ ผมก็เริ่มปฏิบัติการเสือกในทันที ก้มกระซิบถามพี่ลู่หานที่กำลังเอาแขนเสื้อถูๆแก้มตัวเองอย่างแรงด้วยความสงสัย เท่าที่ผมรู้จักกับพี่แกมาห้าปี แฟนพี่แกเป็นผู้หญิงหมดเลยนะ ไหงมาชอบไม้ป่าเดียวกันเอาตอนนี้ หล่องง
 
“มันเป็นญาติ ห่างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆพี่เองอะ “
 
“ญาติกันเล่นงี้ลูกออกมาไม่เป็นออทิสติกหรอวะ “ ผมถาม มองตรงไหนก็ไม่เห็นหน้าจะคล้ายกัน ท่าทางจะห่างมาก แต่ไม่รู้ห่างจากไหน จากจากหนองงูเห่าถึงดาวเนปจูน แบบนี้รึเปล่า ??????
 
“เป็น.. เป็นแบบมึงนี่ไง ฟาย กูก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชาย จะมีลูกได้ไงวะ “
 
ผมสตั๊นไปชั่วขณะ รู้สึกคล้ายๆว่าพี่เขาจะด่าผมปะ ไม่แน่ใจ แต่ผมยังไม่ทันจะคิดอะไรมากนัก ไอ้แบคก็จัดการเรื่องที่เคาท์เตอร์เสร็จ มันถือกุญแจมาพวงนึงพร้อมกับเดินนำไปที่ห้องพัก ผมเดินตามก่อนจะหันกลับไปมองข้างหลัง ไอ้ไคกับไอ้ฮุนหายหัวไปไหนกันก็ไม่รู้
 

แค่เลี้ยวตรงขวามือมาก็ถึงห้องที่พวกเราพักกันละ พวกเราทั้งหกซึ่งเป็นคนงานจะต้องพักรวมกันในห้องเดียว ไอ้คริสกับพี่ลู่หาน(ถูกไอ้คริสลาก)ไปยกพวกอุปกรณ์การนอนที่ห้องเก็บของ ส่วนผมยืนรออิเตี้ยหากุญแจเปิดห้อง ร้อยกว่าดอก มึงงมไปดิ ชาตินี้ไม่ต้องเข้าห้องละไอสัดนอนแม่งตรงผ้าเช็ดตีนนิแหละ ก่อนมาไม่ถามอาเจ๊ให้ดีๆก่อนว่าดอกไหน อีDOK
 
“โอ้ย มึงถือแปปดิ้! “  ไอ้แบคเริ่มจะหงุดหงิด มือเล็กส่งกระเป๋าเป้ใบเท่าควายมาให้ผมถือ
 
“อันนี้ไม่ใช่แปป อันนี้คือกระเป๋า ถ้าแปปมันจะเป็นท่อยาวๆ สีฟ้าๆ เอาไว้ .. “
 
“เอาไว้ตีหัวพ่อมึงอะ “
 
ยังไม่ทันจะพูดจบ อยู่ๆไอ้แบคก็แทรกขึ้นมาจนผมต้องเงียบปากลงอย่างเดิม ขืนกวนตีนอีกที มีหวังได้นอนแผ่เป็นพรมเช็ดตีนอยู่หน้าประตูห้องผืนที่สองอย่างแน่นอน
 


ใช้เวลาแปดชาติเศษในการไขกุญแจเข้าไป หลังจากที่ผมรออยู่นานเลยเอื้อมมือไปบิดๆที่ลูกบิดและพบว่ามันไม่ได้ล็อค แทบจะหันไปฟัดโรด้าใส่คนข้างๆ พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นไอ้ไคกำลังนอนเล่นไอโฟนอยู่บนฟูกยาวๆที่พื้น อ้าวพวกมึงมาตอนไหนกันนิ
 
“มาตอนไหนวะ “
 
“ตอนไหนก็ได้ โตละแม่ไม่ว่า “
 
ผมวางกระเป๋าลงตรงมุมห้อง ข้างในเป็นห้องสี่เหลี่ยมค่อนข้างกว้าง มีห้องน้ำหนึ่งห้อง ตรงกลางเป็นฟูกปูที่พื้นวางให้นอนเรียงกันห้าหกคน มีฮีตเตอร์หนึ่งเครื่องอยู่มุมซ้ายมือสุด ทีวีหนึ่งเครื่องและตู้เย็นหนึ่งตู้ พร้อมด้วยปฏิทินนู้ดฉบับของปีที่แล้วแขวนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า ในบรรดาสิ่งของทั้งหลายในห้อง กูชอบอันนี้ที่สุดละ
 
“ได้ข่าวว่าแม่มึงหนีตามผัวฝรั่งไปละนิ “
 
“แหม่ปากมึงนี่นะ กูพาอิตุ้ดมาขี้ แม่ง รอนานละ กูอั้นฉี่จนจู๋จะตันอยู่ละเนี่ย “
 
หันกลับไปดูก็พบว่าห้องน้ำเพียงห้องเดียวนั้นถูกล็อคจากด้านใน ได้ยินเสียงไอ้ฮุนร้องโวยวายดังลอดออกมา ผมลงไปนอนแผ่ข้างๆไอ้ไคด้วยความเหนื่อย
 
“จองที่ซ้ายสุด น้องฮุนนอนกับพี่นะครับ “
 
หลังจากที่ไอ้ฮุนปลดทุกข์เรียบร้อยและเดินลอยหน้าลอยตาออกมาจากห้องน้ำ ไอ้ไคก็รีบวิ่งเข้าไปด้วยความไวแสงในทันทีเพราะปวดฉี่ ขำฟันแทบจะหลุดเมื่อได้ยินเสียงแม่งโวยวายดังลอดออกมา ไอ้สัดฮุนแม่งตดหมกไว้ในห้องน้ำ พวกที่เหลือหัวเราะกันคิกคักสะใจ
 
ที่นอนฝั่งซ้ายสุดติดกับฮีทเตอร์ถูกจับจองโดยพี่ลู่หาน และเซฮุนที่นอนข้างๆกัน ตามด้วยผม แบคฮยอน และไอ้คริส เอาจริงๆผมไม่อยากให้อิแบคนอนตรงกลางเลย มันนอนติดไอ้คริสและผม แต่ถ้าผมเรื่องมาก มันบอกว่ามันจะให้ผมไปนอนหน้าห้องน้ำ ซึ่งกูกลัว หม่ามี๊บอกว่าเป็นทางผีผ่าน
 
“แล้วเจี๊ยบกูจะนอนไหน “
 
“นอนบนหัวมึงอะ อิห่า เป็นแค่หมอนข้างอย่าเรื่องมาก “
 
“มึงไม่เข้าใจหรอ เจี๊ยบเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ละมึงคิดดู เราผู้ชายหกคน ถ้ากูไม่ปกป้องเจี๊ยบ แล้วใครจะมาปกป้อง “
 
ผมเอาปลอกหมอนอิเจี๊ยบมาใส่ไว้อย่างเดิมแล้วกอดแน่นด้วยความคิดถึง มองซ้ายมองขวาหาที่ให้อิเจี๊ยบนอน จนสุดท้ายก็จบอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือคือระหว่างผมกับไอ้ฮุน เพราะอิฮุนแม่งตุ้ด มันคงจะไม่ทำอะไรเจี๊ยบหรอก ผมไว้ใจ
 
“กูไม่สามารถเข้าถึงความกามของมึงได้จริงๆอะ ถามจริงปลอกหมอนมึงซื้อจากไหน “
 
“ในเน็ตดิ ทำไม หรือมึงอยากได้มั่ง ไม่มีแล้ว หมด เหลืออันสุดท้าย ของกู “ ผมหันไปตอบไอ้ฮุนพลางจุ๊บอิเจี๊ยบโชว์ให้ดูเป็นขวัญตา สงสัยมันจะสัมผัสได้ถึงความน่ารักในตัวเจี๊ยบ
 
“เปล่า ถ้ากูรู้ว่าร้านมันอยู่ไหนอะ กูจะเอาระเบิดไปปาแม่ง เดินๆอยู่ริมถนนนี่มึงโดนข้อหาอนาจาร..“
 
“เหี้ยยยย ใครให้พวกมึงจองที่ แล้วกูละ กูจะนอนกับพี่ลู่หาน พวกมึงหลบๆๆๆ “
 
ยังไม่ทันที่อิตุ้ดจะพูดจบ ไอ้ไคที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำก็โวยวายลั่นห้องทันทีเมื่อเห็นระบบชลประทานที่พวกผมทั้งห้าวางเอาไว้อย่างเป็นเอกฉันท์ ไม่มีใครยอมย้ายที่ จนสุดท้ายมันต้องน้ำตาตกระเห็จระเหินไปนอนริมขวาสุดด้วยความเดียวดายอย่างช่วยไม่ได้ สมน้ำหน้ามึง
 

มาวันแรกเราก็ได้หรอยแดกฟรีกันอย่างหน้าไม่อาย เมื่อคุณป้าใจดีให้พวกเราเริ่มทำงานวันพรุ่งนี้ อาหารมื้อค่ำถูกจัดโดยฝีมือของคุณป้าเจ้าของที่พัก พวกเราทั้งเจ็ดคนนั่งล้อมโต๊ะไม้ตัวเตี้ยที่เต็มไปด้วยอาหารพื้นเมืองเกาหลีอย่างที่ไม่ค่อยได้กินบ่อยนัก
 
แดกอิ่มแล้วก็เม้ามอยกันอย่างสนุกสนาน คุณป้าดูท่าทางจะดีใจเพราะไม่ค่อยมีแขกมาเยี่ยมบ่อยนัก ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกลับไปที่ห้องพักของตัวเองอีกครั้ง ส่วนผมและแบคฮยอนอาสาช่วยอาจุมม่าผู้ใจดีเก็บกวาดข้าวของและล้างจาน เห็นจังไรอย่างงี้ก็น้ำใจงามนะครับขอบอก
 
กว่าจะเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า เนื่องด้วยจำนวนจานที่มากมายราวกับเปิดภัตตาคารเอง แถมยังต้องช่วยตรวจเช็คความเรียบร้อยของบ้านหลังต่างๆจนเสร็จหมดทุกอย่าง ผมกับไอ้แบคเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงกลับไปยังห้องพัก เปิดประตูผ่างเข้าไปก็พบว่าอิสี่ตัวที่เหลือนั้นหลับกันอย่างอร่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แหม่ สบายเลยสิมึง
 
“มึงอาบน้ำเลย กูไม่อาบละ นอนแม่ง “ ผมบอกมันแล้วคลานขึ้นฟูกตรงที่ว่างของตัวเองในทันที แต่มือเล็กกลับดึงข้อเท้าของผมไว้
 
“แปรงฟันก็ยังดี มึงนึกสภาพตอนตื่นนอน สงสารคนที่นอนใกล้มึงอย่างกูบ้าง “
 
จนต้องลุกออกไปตามที่มันสั่ง ก็จริง แดกเนื้อผัดซอสไปนี่กลิ่นปากกูบรมขี้เลย ไม่รู้ใส่เครื่องเทศอะไรบ้างนะแต่แบบแค่ถอนหายใจทีนี่คนตายกันยกหมู่บ้าน ผมเองยังเหม็นปากตัวเองเลย
 
“ชิบละ กูลืม T_T แปรงสีฟันอะ “
 
อิเตี้ยเงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าใส่ของแล้วหันมาเบะปากใส่ผมในขณะที่เรากำลังยืนกันอยู่ตรงอ่างล้างหน้าหน้ากระจกในห้องน้ำ ผมเหล่มองมันแว้บนึงแล้วก้มมองแปรงสีฟันอันใหม่แกะกล่องในมือตัวเองที่ผมเพิ่งจะซื้อมาจากเซเว่นเมื่อเช้า ถอนหายใจแล้วส่งแปรงสีฟันด้ามนั้นให้มัน
 
“เอ้า แล้วให้กูใช้แล้วมึงใช้อันไหน “
 
“อืม กูมีสองอัน มึงเอาไปเถอะ “
 
เมื่อไม่เห็นอิเตี้ยรับแปรงสีฟันไปสักที ผมจึงจัดการบีบยาสีฟันให้เสร็จสรรพแล้วยัดใส่มือเล็กไว้ ไอ้แบคหันมามองผมงงๆแล้วส่งแปรงสีฟันด้ามใหม่ที่บีบยาสีฟันแล้วเข้าไปในปาก ในระหว่างนั้นผมก็เอายางมามัดผมข้างหน้าขึ้นไว้เป็นจุกน้ำพุแล้วล้างหน้าไปพลางๆ
 
“... “


เมื่อเห็นแบคฮยอนแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กบ้วนน้ำออกจากปากพลางวางแปรงสีฟันด้ามใหม่ไว้ตรงอ่างล้างหน้า ผมจึงคว้าแปรงสีฟันด้ามนั้นมาบีบยาสีฟันลงไปใหม่อีกครั้งก่อนจะส่งเข้าปากตัวเอง
 
“เชี่ย ไหนมึงบอกมีสองอันไง “
 
“กูโกหก “
 
“ไอ้! .. T//////////T
 
มันเบะปากใส่ผมอีกแล้ว ผมได้แต่ยืนแปรงฟันหน้าตาเฉย จ้องหน้ากับมันในกระจก ต้นแขนของผมถูกกำปั้นเล็กต่อยเข้าเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บ ผมหัวเราะ แอบเห็นหน้ามันแดงนิดๆด้วยล่ะ
 
“เขินกูใช่แมะ “ ผมพูด ส่งสายตาล้อเลียนมันผ่านกระจก ฟองสีขาวยังเต็มปากเลยพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก
 
“เขินพ่องดิ “
 
“เขินกูก็บอกมะ .. แค้กๆๆ ๆ แค่ก ! “
 
กะจะแซวแม่งซักหน่อย แต่ฟองยาสีฟันในปากแม่งไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก ผมสำลักออกมาทันที เท้าฝ่ามือไว้กับอ่างล้างหน้าแล้วไอโขลกอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมหลับตาปี๋ ไม่รู้เมื่อกี้เผลอเอาแปรงสีฟันไปกระทุ้งลิ้นไก่ตัวเองรึเปล่า จนไอ้แบคเห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามาช่วยลูบหลังให้
 
“โอย “
 
หลังจากกลืนยาสีฟันลงไปทั้งอึก นึกว่าตัวเองจะตายซะแล้ว ผมบ้วนปากแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกคนผ่านเงาของกระจก สีหน้าที่ดูติดกังวลของมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ มันเป็นห่วงผมแหงเลย ถ้างั้นต่อให้แดกยาสีฟันทั้งหลอดแล้วถ้ามันจะห่วงผม ผมก็ยอม
 
“เออ ไม่ต้องเครียดหรอกน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้กูซื้อแปรงสีฟันให้ใหม่ ทีนี้ก็อาบน้ำซะ กูไปนอนละ“
 
เห็นมันยังทำหน้ากังวลอยู่อย่างนั้นจนต้องเลิกแกล้ง ตกลงมึงห่วงกูหรือห่วงแปรงสีฟันวะเนี่ย ผมวางแปรงสีฟันอันเดิมไว้บนอ่างล้างหน้าแล้วส่งมือไปยีหัวมันเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ลืมล็อคประตูให้ คลานกลับขึ้นไปบนฟูกแล้วล้มตัวลงนอน คว้าอิเจี๊ยบมากอด เหนื่อยว่ะ กูนอนละ บายๆ ฝันเดทุกคล







JONGIN PART

ผมนอนหงายกลอกตาไปมาในความมืด เมื่อไฟถูกปิดไปสักพักแล้ว จนแน่ใจว่าทุกคนหลับสนิท ผมจึงค่อยๆลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดินอ้อมขาไอ้คริสไปที่ริมซ้ายสุดของฟูกเตียง ในเมื่อขอกันดีๆแล้วไม่มีใครยอมให้ผมได้นอนใกล้พี่ลู่หาน ผมจึงต้องพยายามด้วยตัวเอง
 
“เฮ้ย! มึงอะ! ทำอะไรวะ!
 
ได้ยินเสียงไอ้ชานยอลใจผมก็หล่นไปอยู่ที่ตีน ผมรีบหันขวับกลับไปในทันที ไอ้ชานยอลยังนอนตะแคงตูดกอดอิเจี๊ยบอยู่เลย อ้าวสรุปแม่งละเมอ ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะค่อยๆย่องไปหาพี่ลู่หานที่นอนถัดไปจากไอ้ชานยอลและไอ้เซฮุน
 
“หยุด! ไอ้เหี้ย ใครใช้ให้มึงมาขโมยมะม่วงบ้านกู
 
ผมหันกลับไปหาไอ้ชานยอล ไม่รู้ว่าบ้านมันโดนขโมยมะม่วงมาบ่อยแค่ไหนจนถึงกับต้องละเมอออกมากลางดึก เพลียกะแม่งละเกิล มองไปในความมืดก็เห็นไอ้ยอลยกอิเจี๊ยบขึ้นกลางอากาศแล้วเขย่าอย่างเอาเป็นเอาตาย เอ้านั่น เมียมึงสิ้นชีพละล่ะ เล่นเขย่านางซะขนาดนั้น นมสะเทือนกันพอดี
 
จนถึงริมซ้ายสุดห้อง ไอความร้อนจากฮีทเตอร์ที่ถูกเปิดอยู่นั้นทำให้ผมรู้สึกร้อนขึ้นมาในทันที ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้วด้วยผมยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่เลย ผมคุกเข่าลงกับฟูกเตียงแล้วค่อยๆคลานเข้าไปหาพี่ลู่หาน สองมือคลำๆอยู่ในความมืด ก่อนจะคว้าหมับเข้ากับเอวคอดของพี่เขา ผมยกยิ้ม ค่อยๆช้อนตัวพี่ลู่หานขึ้นมาแล้วอุ้มข้ามฝั่งกลับไปที่ที่นอนของตัวเอง
 
!! “
 
เกือบจะสะดุดตีนไอ้เชี่ยยอลที่ยื่นพ้นออกมาจากฟูก ความเปรตจัดของมันนั้นเกือบทำให้ผมล้มหน้าฟาด มืดก็มืดไอห่ามองอะไรก็ไม่เห็น ผมก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน พี่ลู่หานยังคงหลับสนิท ยังดีที่พี่เขาตัวเบา ไม่งั้นคงได้ลงไปนอนจูบพื้นกันทั้งคู่แล้วล่ะครับ
 
อาศัยสัมผัสจากฝ่าตีนคลำๆเอาจนมาถึงที่นอนตัวเอง ผมค่อยๆวางพี่ลู่หานลงบนที่นอนอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ ไม่ยักรู้ว่าพี่ลู่หานก็เป็นคนขี้หนาวเหมือนกัน ยิ่งอยู่ไกลจากฮีทเตอร์ด้วยแล้ว คนตัวเล็กรีบซุกหน้าเข้ากับอกกว้างของผมอย่างหาไออุ่นทันทีที่ล้มตัวลงนอน หวานกูเลยไอสัด ผมฉวยโอกาสกอดพี่เขาไว้แน่น โน้มหน้าลงไปกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูแล้วกดจูบเบาๆที่หน้าผากมน ตวัดผ้าห่มผืนหนาห่มคลุมร่างของเราสองคนเอาไว้ ก่อนจะหลับไปอีกรอบ
 
“ฝันดีนะครับ รักนะครับ “

 

CHANYEOL PART
 
อิเหี้ย แม่งเป็นไรไม่รู้ ต้องตื่นมาเยี่ยวกลางดึกทุกทีเลย ผมถีบผ้าห่มออกแล้วกระชากตัวเองขึ้นจากฟูกอย่างเกียจคร้าน ฟ้ายังมืดอยู่เลย ไม่รู้ว่าของผมเล็กหรือยังไงถึงเก็บน้ำได้ไม่มากพอ ได้ข่าวว่าก็ใหญ่ใช่เล่น แต่คงเพราะอากาศมันเย็นมั้ง กูละหงุดหงิดจริงๆ ฉี่นี่มึงควรจะเกรงใจผู้ใช้ชีวิตอย่างกูบ้างนะ เด็กกำลังโตเขาให้นอนให้เต็มอิ่ม จะให้ลุกมาเยี่ยวทุกคืนนี่มันไม่ใช่เรื่อง โห่แม่งรมณ์บ่จอย
 
เดินหลับตาคลำทางไปที่ห้องน้ำ จนกระทั่งหัวโขกกับขอบประตูดังตึ้มถึงได้ตื่นเต็มตา ผมยืนหันหน้าไปทางโถฉี่อย่างมึนๆ ถอดเกงออกแล้วควักไอ้ชานยอลน้อยออกมา ยืนถ่างขาเล็งวิถีกระสุนแล้วยิงโด่งออกไปทันทีโดยไม่ต้องเดินไปให้เสียเวลา เยี่ยม! ตรงเป้าทุกหยาดหยด ก็เงี้ยครับ คนมันเก่ง เมพขิงๆ เด็กๆอย่าทำตามนะครับ ของแบบนี้มันต้องฝึก ตอนผมทำแรกๆนี่แม่งเรี่ยราดเต็มกางเกงเลย ไม่ควรลอกเลียนแบบน้า มันเป็นฟามสามารถส่วนบุคคล
 
จัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ล้างมือล้างไรแล้วเปิดประตูออกมา เห็นคนห้าคนนอนเรียงกันเป็นตับอย่างไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นัก อันที่จริงมันก็นอนเรีนงกันเป็นคนแหละ แต่แม่งชอบพูดว่าเรียงกันเป็นตับ ผมก็ไม่เข้าใจนะ แต่ก็ใช้ๆตามกันมา ช่างแม่งเหอะ ผมรู้สึกว่าที่มันแปลกๆไปก็คือมันมีที่ว่างอยู่ตรงข้างฮีทเตอร์ ซึ่งพี่ลู่หานควรจะนอนอยู่ตรงนั้น
 
“เฮ้ย! “
 
ผมเหลือกตาด้วยความตกใจ ใคร! ใครขโมยพี่ลู่หานไป หรือไอ้คริสจะแดกพี่ลู่หานลงท้องไปแล้ว เอ้ะแต่ไม่น่าใช่ เพราะไอ้คริสไม่ได้นอนใกล้พี่ลู่หาน ผมรีบเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟจนสว่างจ้าไปทั้งห้องในทันที รีบกวาดสายตามองหาพี่ลู่หานอย่างลนลาน 
 
“อ่าว “
 
เห็นพี่ลู่หานนอนอยู่ข้างอิเจี๊ยบ เอ้าตอนแรกกูนึกว่าไอ้ฮุน แม่งคล้ายๆกันเลยสองคนนี้อะ แต่เสื้อกล้ามสีเทาที่พี่แกใส่ตอนก่อนนอนทำให้ผมจำได้ทันทีว่าเป็นพี่ลู่ถึงแม้ว่าพี่แกจะนอนคว่ำอยู่ก็ตาม ผมกลอกตามองไปรอบๆอย่างใช้ความคิด ถ้าพี่ลู่นอนอยู่ตรงนี้ .. งั้นก็แปลว่าไอ้ฮุนหายอะดิ
 
มองไล่มาตั้งแต่ฝั่งซ้ายมือก็ถึงบางอ้อ ไอ้ไคกับไอ้ฮุนกำลังนอนกอดกันอย่างน่ารักอยู่ริมขวามือสุดของฟูกที่นอน เอ้า ไมมันมานอนตายกันอยู่ตรงนี้นิ ไหนตอนแรกไอ้ฮุนนอนข้างพี่ลู่ไม่ใช่เรอะ นี่มันห่างกันคนละโยชน์เลยนะ จะว่าแม่งกลิ้งมาก็คงไม่ใช่อะ เพราะไอ้ฮุนต้องเหยียบหน้าพวกผมสามคนก่อนแน่ๆกว่าจะไปถึงไอ้ไค มันมีประเด็นแน่ๆอะ ขอเชิญคุณเจน ญาณทิพย์ด่วนเลยครับอย่างด่วน
 
อืม เรื่องไอ้ฮุนช่างเห้อะ อยากนอนละ ในเมื่อมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม ผมปิดไฟก่อนจะคลานกลับไปนอนที่เดิมอีกครั้ง กระชากอิเจี๊ยบออกจากอ้อมแขนของพี่ลู่เอามากอดไว้อย่างหวงแหน ผู้ชายทุกคนอะแม่งล้วนแล้วแต่ฉวยโอกาสกับเจี๊ยบทั้งนั้น เห็นเจี๊ยบเอ็กซ์หน่อยไม่ได้เลย ต้องมาเต๊าะให้วุ่นวาย ผมหวง

 


ตื่นเช้ามาอากาศสดใส เจี๊ยวแทบแข็งเพราะความหนาวเหน็บที่อุณหภูมิติดลบ7องศา เผลอๆฉี่ออกมาแล้วแม่งแข็งเป็นดาบสตาร์วอร์เลยไอสัด ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ถึงสัมผัสประหลาดบริเวณแก้ม พอลืมตาขึ้นมาก็ป๊ะเข้ากับฝ่าตีนไอ้แบคเต็มๆ ผมรีบลุกพรวดขึ้นนั่งอย่างไว สรุปเมื่อคืนกูนอนดมส้นตีนมันอยู่อย่างหอมหวลตลอดทั้งคืนเลยหรอเนี่ยม้าย สงสัยจะมีปัญหากับโพรงชมูก
 
“ชู่ววว! “
 
มองไปรอบๆก็ไม่เห็นพี่ลู่หานกับไอ้คริสศัตรูหัวใจอยู่ในห้อง แบคฮยอนงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะผมเผลอขยับไปโดนมัน ริมฝีปากเล็กนั่นอ้ากว้างเตรียมจะแหกปากร้องโวยวาย ผมรีบเอามือเค็มๆไปตะครุบปากมันไว้ในทันที ยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากแล้วชี้ไปที่ไอ้ไคกับไอ้ฮุนที่ยังคงนอนหลับสนิท เห็นไอ้ฮุนนอนตะแคงซุกอกไอ้ไคอยู่ ส่วนไอ้ไคก็นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาพลางซุกใบหน้าลงกับหัวของไอ้ฮุน สองแขนกอดกันไว้หลวมๆ มันเป็นภาพที่น่ารักเนอะ มึงว่าปะ
 

จนแล้วจนรอดอิสองตัวนั้นก็ยังคงหน้าด้านนอนไม่รู้ไม่ชี้อยู่ต่อไป ไม่รู้ว่าแม่งแกล้งหลับหรือหลับจริงกันแน่ หลังจากที่ผมล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ผมก็ถูกไอ้แบคไล่ออกมาตามล่าหาแปรงสีฟันด้ามใหม่ แม่งรังเกียจผมอะ ไรวะ ทีกูใช้แปรงต่อจากมึงนี่กูยังไม่อะไรเลย แถมแปรงสีฟันอันนั้นก็ของกูนะได้ข่าว แหม่ เหนื่อยใจจริ้งงงง
 
อย่าให้ได้เป็นแฟนนะ กูจะจับแม่งแปรงด้วยลิ้นกูเลย >_<
 
เดินไปถามคุณป้าใจดีก็ได้แปรงสีฟันด้ามใหม่มาหนึ่งอันโดยไม่ต้องเสียตังสักกะบาท เราต้องประหยัดอะครับ มะงั้นไม่มีตังซื้อนมให้ลูก ผมโดนป้าแกประเดิมงานแรกด้วยการใช้ให้ไปเอาจดหมายและหนังสือพิมพ์ข้างนอก เปิดประตูผลั้วะออกไปก็แทบจะร้องซิ้ดออกมาด้วยความสยิวกิ้ว มันหนาวมากจนแทบจะแข็งไปเสียทุกส่วน ผมค่อยๆวางฝ่าตีนที่สวมรองเท้าแตะธรรมดาลงบนพื้นหิมะขาวโพลนเบื้องหน้า เดินไปที่ตู้ไปรษณีย์ที่อยู่ห่างออกไปประมาณยี่สิบเมตร ลมหนาวพัดโชยมาจนขนลุกชูชันไปทั่วร่าง ด้วยความที่ผมใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์นอนเท่านั้น ไข่ของผมจึงหดตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากสัมผัสเข้ากับอากาศที่เย็นจัด
 
“โอร้กกกกกกก อิเหี้ยยยยย หนาว “
 
เดินถ่างขาสั่นๆเหมือนขี้ติดตูดไปที่ตู้ไปรษณีย์อย่างทรมาน มันหนาวมาก หายใจออกมาเป็นไอเลย ผมรู้สึกแสบจมูกและปวดหูไปหมด ปากสั่นพั่บๆๆๆ ฟันกว่าสามร้อยหกสิบสี่ซี่ในปากกระทบกันกึกๆอย่างช่วยไม่ได้ ผมเร่งฝีเท้า ถ้าไม่รีบเดินให้เร็วกว่านี้บางทีผมอาจจะแข็งตายอยู่ข้างนอก
 
จนได้หนังสือพิมพ์และจดหมายประมาณสามสี่ซองในตู้มาไว้ในมือ มองหาปาท่องโก๋ก็ไม่เจอสักถุงสองถุง สงสัยคนแถวนี้เค้าไม่แดกปาท่องโก๋กันตอนเช้า ผมรีบโกยอ้าวอย่างไวกลับเข้าประตูบ้านพัก แต่พี่ลู่หานกับไอ้คริสที่หายไปตั้งแต่เช้านั้นเดินมาตัดหน้าผมไปเสียก่อน ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าอย่างหนาผิดกับผมที่แทบจะแก้ผ้า ดูเหมือนทั้งคู่ที่เพิ่งจะกลับมาจากไปข้างนอกนั้นกำลังเถียงกันอยู่ ด้วยความเสือก เด็กชายปาร์คจึงย่องตามไปในทันที มีหรือจะรอดจากหูเรดาร์ของกู ไม่มี้!
 
“ก็อาก๋งบอกให้ผมมาพาพี่กลับบ้านใหญ่ไง “
 
ไอ้คริสกำลังพยายามเดินตามพี่ลู่หานที่เดินเร็วจนแทบจะวิ่งแต่ก็ยังช้ากว่าก้าวหนึ่ง พี่ลู่หานไม่ได้ตอบอะไร ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างไม่สนใจ ทั้งคู่ถือถุงข้าวของไว้เต็มสองมือเลย
 
“กลับไปละเจอมึงกูก็ไม่อยากกลับหรอกฟาย “
 
“ไม ผมมันไม่ดีตรงไหน “
 
“มึงมันน้องเหี้ยไง “
 
“ผมก็ไม่ได้อยากเป็นน้องพี่สักหน่อยนี่หว่า “
 
ได้ยินสองคนนั้นเถียงกันเท่านั้น ก่อนพี่ลู่หานจะผลักประตูบ้านพักใหญ่เข้าไป ผมทำตัวลีบเพื่อที่จะได้สไลด์ผ่านไปตูที่กำลังปิดเข้าไปให้ได้ แต่กลับไม่เท่ห์เหมือนในหนัง ประตูแม่งหนีบขาขวาผมเต็มๆจนต้องร้องว้ากลั่นบ้านพักด้วยความเจ็บ กว่าจะแงะขาตัวเองออกมาจากแง่งประตูได้ก็ไม่เห็นสองคนนั้นแล้ว ผมถอนหายใจ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครเห็นฉากบู้อัปปรีย์เมื่อกี้ของผม
 
เดินกลับไปที่ห้องพัก เห็นไอ้ไคกับไอ้ฮุนที่ตอนนี้ตื่นแล้วกำลังนั่งกอดอกหน้าเป็นตูดจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครบนฟูกที่นอน ผมมองพวกมันอย่างงงๆก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ ส่งแปรงสีฟันด้ามใหม่ให้ไอ้แบคที่กำลังอาบน้ำอยู่ในนั้น
 
“เป็นไรกันวะทำหน้าเป็นตูดเลย หรือว่าปวดขี้ ???? ..เฮ้ยแบคเร็วหน่อยเพื่อนเราเสมอเนื้อละ ๆ “
 
เข้าไปเสือกเมื่อเห็นพวกแม่งไม่พูดกันสักที เอาแต่จ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น ผมปีนขึ้นฟูกที่นอนไปนั่งตรงกลางระหว่างมันทั้งสองแล้วมองหน้าไอ้ไคกับไอ้ฮุนสลับกันไปมา หรือมันจะปวดขี้ ผมเข้าใจ ตอนเช้าเป็นเวลาของการขับถ่าย ด้วยความหวังดีผมจึงตะโกนเร่งอิแรดที่อาบน้ำอยู่ในห้องน้ำให้ในทันที
 
“เสมอเนื้อโพ่ง “ ไอ้ฮุนด่า
 

“เอ้าละเป็นไรกันอะ “
 
“ก็เชี่ยฮุนแม่ง มาแย่งที่นอนกู ละแม่งทำน้ำลายหกใส่เสื้อกูด้วยเนี่ย!“ มันฟ้อง พลางชี้ไปที่คราบน้ำลายเป็นดวงๆที่อยู่บนอกเสื้อตัวเอง เอ้าเมื่อคืนมึงยังนอนกอดกันอยู่เลย ไหงเป็นงี้
 
“กูบอกว่ากูไม่รู้เรื่องไง ตื่นมากูก็มาอยู่นี่แล้ว ใครจะไปอยากนอนใกล้มึงวะ กรนก็ดัง“
 
“แล้วใครใช้มึงมานอนใกล้กูละ คิดว่ากูอยากนอนกะมึงมากดิ กูอยากนอนกับพี่ลู่ต่างหาก“
 
ไอ้ไคกับไอ้ฮุนตะโกนแข่งกันไปมา ผมที่นั่งอยู่ตรงกลางนี่หูจะดับละล่ะ มึงคิดดูหูกูบานออกละมันสะท้อน อิเห้ มึงอยู่กันแค่นี้ควยกันเบาๆก็ได้ พูดกันดีๆมันจะตายมะ โอ้ยหล่อปวดหัว เป็นอะไร ทำไม มันมีปัญหาไรกันนัก วู้ว ต้องให้พระเอกออกโรงทุกทีเลย
 
“โอ้ยพวกมึง ต่อยกันเลยแมะ สปาต้าร์คนละด้ามจ้วงแม่งเลยไอสัด แหกปากอยู่นั่นอะ มึงไม่เห็นหรอว่าเจี๊ยบหลับอยู่อะ “
 
“ชานยอล กูขอร้อง มึงเลิกปัญญาอ่อนสักสิบนาทีได้ปะ “ ไอ้ไคหันมาด่าผม
 
“ก็พวกมึงเถียงกันไมอะ กูกลัวอะ เมื่อคืนกูยังเห็นพวกมึงนอนกอดกันกลมอยู่เลย “
 
“อะไรกันวะพวกมึง “
 
ไอ้แบคที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเข้ามาห้ามทัพพวกผมสามคนที่กำลังตะโกนอัดกันอย่างเมามันส์ จนในที่สุดก็ต้องเล่าให้แม่งฟังไป และเรื่องก็จบลงอย่างง่ายดายด้วยความฉลาดของไอ้แบค มันบอกว่าบางทีไอ้ฮุนอาจจะละเมอเดินมาก็ได้ใครจะไปรู้ นั่นดิ ทำไมกูคิดไม่ออก

 

จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จกันครบทุกคน งานที่พวกเราได้รับกลับแบ่งเป็นสามอย่างจึงต้องแยกกันทำ ผมแม่งโคตรซวย เนื่องจากความสูงทำให้ผมกับไอ้คริสต้องไปเช็ดกระจกและทาสีตามบ้านพักทุกหลังอย่างช่วยไม่ได้ นอกจากผมสองคนที่ต้องบากหน้าออกไปตากหิมะข้างนอกอย่างสมบุกสมบันแล้วก็ไม่มีใครได้งานหนักๆเลย พี่ลู่หานกับไอ้ฮุนได้งานสบายหน่อยก็คือแค่เปลี่ยนพวกผ้าปูที่นอน และเก็บกวาดทำความสะอาดภายในบ้านพักแต่ละหลัง ส่วนไอ้แบคและไอ้ไคถูกใช้ให้เอาผ้ากองยักษ์ไปปั่นเครื่องและอยู่เป็นเบ๊ต้อนรับแขกหน้าเคาท์เตอร์ที่บ้านพักใหญ่
 
“แม่ง ไอห่า โคตรซวย กูควรจะทำบุญมั่งจะได้ไม่ต้องมาอยู่กะสัมภเวสีอย่างมึงเนี่ย “
 
ไอ้คริสพูด ในขณะที่กำลังเช็ดกระจกบานใหญ่ตรงบ้านหลังแรกอยู่ ผมเหล่ลงไปมองมันที่ยืนอยู่ข้างล่างด้วยสายตาพิฆาต ในใจคิดอยากจะเคาะหัวแม่งด้วยแปรงทาสีเสียเหลือเกิน
 
“กูควรจะพูดคำนั้นมากกว่า “
 
ผมตอบ ก้มหน้าก้มตาทาสีต่อไป ไม่กล้าปากหมามากเพราะตอนนี้ผมกำลังปีนบันไดลิงอยู่ เกิดแม่งไม่พอใจเขย่าบันไดกูตกลงมาคอหักตายพอดี
 
“กูควรจะได้อยู่เฝ้าเคาท์เตอร์กับไอ้แบค ไม่ใช่มาใช้แรงงานอยู่ตรงนี้อะ “
 
“มึงรู้จักคำว่า ไม่คู่ควรปะ นั่นแหละ คำนิยามของมึงกะมันอะ “ ผมหันไปตอบ ทาสีน้ำตาลทับลงไปด้านบนสุดของผนัง
 
“ไม่คู่ควรตรงไหน กูหล่อกว่ามึง เรียนเก่งกว่ามึง รวยกว่ามึง สูงกว่ามึง หูไม่กาง ขาไม่โก่ง ฟันมี32ซี่  ภาษาอังกฤษกูก็พูดได้ จีนกูก็พูดได้ เกาหลีกูก็พูดได้ บวกด้วยไทย ญี่ปุ่นนิดหน่อย “
 
อืม .. อืม ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บจิ๊ดๆที่อกซ้าย หล่อกว่าหรอ ตรงไหน ยังจะมีใครในโลกนี้หล่อกว่ากูอีกหรอ เรียนเก่งกว่าละมันยังไง รวยกว่าละทำไม อิแบคอยากได้ไรกูปล้นร้านทองไปซื้อให้มันก็ด้ะ หรือสูงกว่า เสริมส้นมีไว้ทำไม กูก็ใส่ก็ได้นี่ ละพูดได้หลายภาษา กูพูดเป็นแค่ภาษาเดียวแหละไอสัด ภาษารัก รู้จักมะ แหนะงง .. งง หน้าบ้านๆงี้ท่าทางจะไม่รู้จัก ส่วนหูกาง???? กูเอาสก็อตเทปแปะแนบกะหัวไว้เลยดีแมะ นี่ก็ล้อปมด้อยกูจังไอเหี้ย ละที่ขาโก่งเพราะไข่กูใหญ่หรอก มันเดินลำบาก จะให้มาเดินๆหนีบๆแบบมึงมันไม่ได้ว้อย
 
“อ่อนี่มึงคิดว่ามึงวินมากใช่ปะ “ ผมหันไปย้อน เอาแปรงทาสีชี้หน้ามัน
 
“วินไม่วินเดี๋ยวก็รู้ กากๆอย่างมึงอย่าคิดจะสู้เลย “
 
ปริ๊ด.. ปริ๊ดเลย กูยืนขึ้นเลย ด้วยความที่ของขึ้นทำให้ผมลืมตัวไปว่ากำลังปีนอยู่บนบันไดลิง แค่ช่วงจังหวะที่ผมปล่อยมือออกจากคานไม้แล้วถกแขนเสื้อ ทำให้ผมเสียการทรงตัวและหงายหลังร่วงลงไปในทันที ผมหลับตาปี๋ ตายแน่ๆ กูตายแน่ๆ
 
!!! “
 
รู้สึกเหมือนแผ่นหลังของตัวเองถูกรองรับด้วยอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่พื้นแข็งๆของกระเบื้อง ผมลืมตาขึ้น ใบหน้าไอ้คริสอยู่ห่างจากใบหน้าของผมไปไม่ถึงคืบ ตัวผมลอยหวืออยู่กลางอากาศเพราะไอ้คริสกำลังอุ้มผมเอาไว้ แปรงทาสีหล่นจากมือของผมลงสู่พื้นหิมะ ตัวผมนิ่งค้าง จ้องหน้ากับมันที่กำลังจ้องมาอย่างอึ้งๆเหมือนกัน
 
เอ.. หรือจะปิ๊งรักคริสยอล กูก็ชอบคริสยอลเหมือนกันนะ พวกมึงคิดว่าไง ???????????
 
บว้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 


“เหี้ยปล่อยกู! “
 
ผมผลักมันเต็มแรง แต่กลับต้องเกาะมันไว้แน่นอย่างเก่าเพราะกลัวว่าจะตกลงไป ไอ้คริสแค่นหัวเราะแล้ววางตัวผมให้ลงยืนบนพื้นดีๆ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก กูว่าเมื่อกี้กูน่าจะหล่นลงไปหัวกระแทกพื้นเลยจะดีกว่า


 

JONGIN PART
 
“แม่ง ทำไมไอ้ฮุนต้องได้อยู่กับพี่ลู่หานด้วยวะ “
 
ผมบ่น เท้าคางลงกับเคาท์เตอร์พลางเหม่อมองออกไปที่ประตูทางเข้า เซ็ง นอกจากเมื่อเช้าตื่นมาจะไม่ได้เจอพี่ลู่หานแล้ว ไอ้ฮุนยังเสร่อมานอนใกล้ๆอีก นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนแม่งก็มานอนประกบพี่ลู่หานเหมือนกันอะ ผมอุตส่าห์อุ้มมาเงียบๆละแม่งยังจะตามมารังควานอีก เซ็ง
 
“แล้วทำไมกูต้องมานั่งเฝ้าเคาท์เตอร์กับอิแรดนี่ด้วยก็ไม่รู้ เฮ้อ “
 
“เก็บปากมึงไว้อมฮอลเหอะไอสัด พักนี้มีความรักละชักทำตัวงี่เง่านะ “ ไอ้แบคเงยหน้าจากสมุดบัญชีแล้วหันมาด่า ผมตะแคงหน้าลงกับเคาท์เตอร์แล้วหันไปมองมันเนือยๆ
 
“กูไม่ชอบแดกฮอล กูชอบแดกโอเล่ “
 
“อืม คิดว่าดีมึงก็ทำไปเถอะ =_=“ มันหันมาตอบ ก่อนจะกลับไปสนใจสมุดบัญชีต่อ
 
“แบค มึงว่า ป่านนี้ไอ้ฮุนจะจีบพี่ลู่ของกูไปถึงไหนแล้ววะ “ ผมเท้าคางแล้วมองออกไปข้างนอกผ่านกระจก เห็นหลังไอ้ฮุนกับพี่ลู่หานไวๆอยู่ข้างนอก
 
“กูจะไปรู้มะ ถ้ารู้กูไม่เรียนหนังสือละ ไปเป็นหมอดูดีกว่ามั้ง “
 
“เนี่ย มึงก็กวนตีนอะ ติดไอ้ยอลมากไปละนะช่วงนี้ “
 
“อืม ช่วงนี้ติดสัตว์อะ “
 
มันตอบ ผมถอนหายใจใส่มัน ไม่รู้มันจะด่าตัวเองว่าเป็นหมาทำไมนะ ปกติแม่งก็เหมือนหมาอยู่ละ สติแม่งไม่ค่อยดี ไม่อยากควยกะมันละ เซ็ง เพื่อนผมแม่งไม่มีใครพูดรู้เรื่องกันสักคนเลย คุยๆกันอยู่สิบนาทีนี่แม่งไม่ได้ใจความ นอกจากเนื้อหาจะไม่มีแล้วยังไร้สาระอีก ผมว่าถ้าผมเลิกคบกะพวกแม่งแล้วไปทำไรที่มีประโยชน์กว่านี้แม่งจะดีมากๆเลยอะ แต่ประเด็นคือกูทำไม่ได้


ด่าอิแรดอยู่ในใจได้ไม่นาน อยู่ๆโทรศัพท์ของมันก็ดัง แบคฮยอนละความสนใจจากสมุดบัญชีแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมากดรับ ผมหูผึ่ง ความเสือกไม่เข้าใครออกใคร
 
“ฮัลโหลครับ .. อ่า ไม่รู้อะครับ “
 
“ไม่รู้ส้นตีนไรวะ “
 
ผมพะงึมพะงำอยู่คนเดียว ขมวดคิ้วมองอิเตี้ยที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ใครแม่งโทรมาอยากรู้จังเลยๆๆๆๆๆๆ
 
“อ่า ครับผม แปปนึงนะครับหม่ามี๊ ..“
 
“อ้าวไอเหี้ย ไปไหน “
 
มันพูดแล้วแม่งก็เดินออกไปเลย ผมลุกตามพลางตะโกนเรียกแต่ก็ไม่ทันละ เห็นหลังแม่งไวๆเปิดประตูพุ่งออกไปข้างนอก เซ็ง นี่มึงแกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์ละทิ้งกูเฝ้าเคาท์เตอร์คนเดียวปะ นิสัยแม่งเหมือนไอ้ยอลเข้าไปทุกทีละ ทุเรศ นิสัยไม่ดี แย่มาก ผมว่านี่ถ้าได้เงินเดือนมานะผมจะเก็บไว้คนเดียวเลยไม่แบ่งให้พวกแม่งหรอก โถ่ ทีกูอยากไปหาพี่ลู่หานแค่ไหนกูยังไม่บ่นสักคำเลย (แล้วอิห้าหกบรรทัดข้างบนนี่อะไร =_= ) ไม่รู้อะ เซ็ง ผมควรจะได้ไปทำงานคู่กับพี่ลู่หานดิ เห็นหน้าผมดูต้อนรับแขกขนาดนั้นเลยหรือไงวะ เดี๋ยวมึงดูถ้ามีแขกมาติดต่อห้องพักนะ กูจะเอาราหูอมแม่งให้มืดเลยไอสัด โอ้ยพาลโว้ยยยยยยยยยย

 


BAEKHYUN PART
 
ผมรีบวิ่งถือโทรศัพท์ออกไปข้างนอกในทันที ไอ้ชานยอลแม่งมีโทรศัพท์ไว้ทำมะเขือไรเนี่ยละก็ไม่เปิดเครื่อง โถ้ะ แม่งชอบเป็นเงี้ยครับติดต่อไม่ได้ แม่งมีโทรศัพท์ไว้เล่นเกมกับดูหนังโป๊อย่างเดียว กูละเพลีย นี่ถ้ามันรู้ว่าแม่มันโทรมามันคงจะรีบรับเลยอะ
 
“โอยเชี่ยหนาว “
 
เปิดประตูผลั้วะออกไปก็พบกับความหนาวเย็นขั้นเอ็กซ์คลูซีฟ ผมซค่งตอนนี้ใส่เสื้อยืดแค่ตัวเดียวนั้นสั่นเป็นเจ้าเข้า ขนลุกเกรียวไปทั่วทั้งแขน แต่จะให้วิ่งกลับเข้าไปเอาเสื้อก็คงจะไม่ทัน หม่ามี๊รอสายอยู่ ค่าโทรทางไกลมันแพงครับ
 
“อยู่ไหนวะ “
 
พูดพึมพำกับตัวเองแล้วเดินก้าวยาวๆพลางกวาดตามองหาหูบานๆของเพื่อนสนิท เสือกเกิดมาขาสั้นผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ทุกก้าวที่ย่ำลงไปบนพื้นหิมะนั้นทำให้ผมขาสั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เริ่มหายใจหอบเพราะเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง ไอเย็นถูกพ่นออกเป็นควันขาวออกจากจมูกและริมฝีปาก
 
จนกระทั่งเห็นร่างสูงเปรตของไอ้ชานยอลตรงหลืบข้างบ่อน้ำที่ตอนนี้เย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง ไอ้ชานยอลกำลังนั่งๆยืนๆทาสีศาลาอยู่อย่างขะมักเขม้น ผมรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหามันทันที
 
“แม่มึงโทรมา “
 
“อ่า .. คือกู ..“
 
มันอ้ำๆอึ้งๆ หันไปวางแปรงทาสีใส่กระป๋องไว้อย่างเดิม สองมือที่เปรอะสีชูให้ผมดู ผมถอนหายใจแล้วเอาโทรศัพท์ไปแนบไว้ที่หูมันให้แทน
 
“ยอบอเซโย้ .. “
 
=_=
 
ท่าทางมันจะคิดถึงแม่มันมากจนสติหลุด อยู่ๆแม่งก็ร้องเป็นเพลงของนิวอีสออกมาเสียอย่างนั้น ผมละโคตรเกลียดเวลาแม่งตั้งใจร้องเพลงจริงๆ ยิ่งโดยเฉพาะเวลาแม่งอาบน้ำนะไอเหี้ย เพลงลูกทุ่งนี่ลั่นออกมายันข้างนอก ผมว่ามันควรจะแรปเฉยๆแบบที่มันชอบทำอะดีละ
 
“ครับผมหม่ามี๊ ?..“
 
ผมมองหน้ามัน ไอ้ยอลกำลังกลอกตาเหมือนกำลังตั้งใจฟังเสียงจากปลายสาย พองลมที่แก้มแล้วอมยิ้มน้อยๆอย่างน่ารัก แม่งดูเหมือนเด็กเลยนะเวลาคุยกับแม่มันอะ ตอนเด็กๆเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน ผมชอบเวลามันยิ้มนะ เหมือนสาวแรกรุ่น แค่หน้ามันก็สวยละอะเอาจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าตัวแม่งควายแล้วเสียงมันใหญ่ ผมว่าต้องมีหนุ่มมาจีบมันเยอะแน่ๆเลย
 
“อ่า แปปนึงนะครับ .. เฮ้ยมึงเอาโทรศัพท์แนบหูแน่นๆหน่อยกูไม่ได้ยิน “
 
ไอ้ชานยอลหันมาพูดกับผม นิ้วเรียวชี้ไปที่โทรศัพท์ที่ผมเป็นคนถือแนบหูมันไว้อยู่ ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วทำตามที่มันสั่ง เมื่อยนะเนี่ยไอสัด ตัวมึงก็ไม่ใช่เตี้ยๆปะ ละกูขาสั้นแค่นี้ โถ่ มองไกลๆเหมือนเทพีเสรีภาพ มึงช่วยคุยเร็วๆหน่อยได้แมะ เหน็บจะแดกรักแร้
 
“อ่าว .. ไหนหม่ามี๊บอกจะกลับเดือนนี้ ..“
 
ฉับพลันใบหน้าที่ยิ้มแย้มน่ารักนั้นกลับเปลี่ยนสีหน้าในทันที คิ้วเรียวขมวดมุ่นพลางก้มหน้าลงจนผมต้องลดระดับโทรศัพท์ที่ถือไว้ตาม ผมขมวดคิ้วตามแล้วก้มหน้ามองมันด้วยความสงสัย
 
“ฮะ ไม่เป็นไร ครับผม .. อือ กลับไวๆนะ “
 
ร่างสูงโปร่งทรุดตัวลงนั่งกับพื้นศาลาจนผมต้องนั่งยองๆตามเพื่อไม่ให้โทรศัพท์ห่างจากใบหู เสียงทุ้มที่สดใสในตอนแรกนั้นดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
 
“ครับ พี่ปาร์คก็รักหม่ามี๊ “
 
จนกระทั่งปลายสายวางไปแล้ว คนตัวใหญ่ชันเข่าขึ้นแล้วซุกหน้าลงกับเข่าของตัวเองเสียอย่างนั้น สองแขนกอดเข่าตัวเองไว้ ไม่แม้แต่จะพูดอะไร ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วนั่งยองๆเขยิบเข้าไปใกล้ๆมัน ยกมือลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ
 
“เป็นไรวะ “
 
“แม่ไม่กลับ “
 
เสียงทุ้มพูดอู้อี้ในลำคอ ได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่นักเมื่อใบหน้าคมเอาแต่มุดอยู่กับหัวเข่า ไหล่กว้างที่สั่นน้อยๆบ่งบอกให้ผมรู้ได้เป็นอย่างดีว่าไอ้ชานยอลร้องไห้แล้ว ผมจับมันให้เงยหน้าขึ้นก่อนจะยืนเข่าแล้วกอดมันไว้ ส่งมือไปลูบหัวมันเบาๆเหมือนที่ทำตอนเด็กๆ
 
“ไม่เอาไม่ร้องดิไอสัด คนเก่งเค้าไม่ร้องไห้กัน “
 
“คิดถึงหม่ามี๊ ฮึก ..“
 
ไอ้ชานยอลตอบ เหมือนเด็กชายปาร์คชานยอลวัยหกขวบกลับมาอีกครั้ง ผมรู้สึกได้ถึงแรงกดจากใบหน้าคมที่หน้าท้องแบนราบของตัวเอง มือหนากำเสื้อของผมไว้แน่นพลางสะอื้นไห้ออกมา
 
“ฮึกพ่อง เงียบ! “
 
“ฮือ อย่าดุกู T_T “
 
“มึงก็อย่ากากดิ แม่ไม่อยู่ก็อยู่กับกูนี่ไง “
 
“มันแทนกันไม่ได้อะแง มึงไม่ใช่หม่ามี๊ นมก็ไม่มี ฮือ “
 
“ =_= “
 
จากที่ลูบหัวมันอยู่ ผมจิกผมมันไว้แน่นแล้วทึ้งแรงๆจนแม่งร้องโอ้ยออกมา อยากจะจับหัวแม่งโขกกับพื้นไม้ซะให้เข็ด นี่ตกลงมึงร้องไห้จริงๆหรือร้องเล่นๆกันแน่วะเนี่ย นี่ถ้าเป็นเด็กแถวบ้านกูนี่มึงไม่รอดแล้วล่ะ กวนส้นตีน เดี๋ยวพ่อตบด้วยเสาศาลา
 
“ฮือ หม่ามี๊ ฮือออออออออ ฮรือออออออฮาโฮวววววววว “
 
จะขำก็ไม่กล้า ผมได้แต่เกร็งตัวกลั้นขำจนลิ้นปี่อักเสบ เข้าใจแล้วว่ามึงร้องไห้จริงๆ หมั่นไส้ละเกิล แต่ก็สงสาร แม่งสะอื้นเป็นเด็กน้อยเลย ผมย่อตัวลงไปแล้วเอาคางเกยไว้กับไหล่กว้างก่อนจะบรรจงปลอบมันด้วยน้ำเสียงและอ้อมกอด บรรจงไล้ฝ่ามือปลอบประโลมลงบนแผ่นหลังกว้างเบาๆ จนกระทั่งแรงสะอื้นหยุดลง
 
“มึงเป็นไรอะสั่นทำไม อย่าร้องไห้ตามดิ แหม่ตามเทรนด์ เห็นเค้าร้องก็อยากจะร้องมั่ง มันไม่เกร๋เลย ฮึก ..“
 
ได้ยินเสียงทุ้มพูดอยู่ข้างหู เจ้าตัวยังคงสะอื้นอยู่เล็กน้อยเพราะหยุดร้องไม่ได้ ถ้าไม่ติดว่ามันร้องไห้อยู่ผมอยากจะตบหัวแม่งแรงๆสักทีเอาให้หน้าสั่น กูไม่ได้ร้อง กูหนาวโว้ย ! ก็ดูมึงดิ ใส่เสื้อหนาอย่างกะแหนม ละกูมีแต่เสื้อยืดลายหมีตัวเดียวนิ น่ารักมุมิซะไม่มี แถมเปียกขี้มูกขี้ตามึงหมด คิดว่ากูจะหนาวปะละแหม่
 
“เปล่ากู หนาว “
 
ผมย้ำชัดๆไปทีละคำ รู้สึกตอนนี้ปากตัวเองเริ่มจะเขียว ผมสั่นไปทั้งตัวจนนึกว่าตัวเองเป็นโนเกียร์อาช่าสามหนึ่งศูนย์ไปเรียบร้อยละ ไอสัด นี่ถ้ากูเป็นปอดบวมนี่โทษมึงเลยนะ มึงเลย มึงงงงงงงงงเลยยยย
 
“ ฮึก .. “
 
“มึงจะเลิกร้องได้ยังอะ โตเป็นควายละไอเหี้ย แค่แม่ไม่กลับบ้านนี่มึงร้องเหมือนพ่อตาย โลกให้อภัยมึงละ เลิกร้องได้แล้วนะ กูจะเข้าไปข้างในละ หนาว “ บอกมันแล้วลุกขึ้นยืน ไอ้ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองผม .. แล้วแม่งก็เบะปาก
 
“ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออ “
 
พูดจบแม่งก็แหกปากแล้วทิ้งตัวลงไปในทันที เอ้า ยิ่งปลอบยิ่งร้อง พอด่าก็ร้อง ปลอบก็ร้อง มึงจะเอายังไงกะกูเนี่ยอิเหี้ยยยยยยย เป็นมนุษย์ที่เข้าใจยากเหลือเกิน กูไม่สามารถเข้าถึงมึงได้จริงๆนะชานยอล ผมถอนหายใจแล้วลูบหลังมันเบาๆอย่างเอือมๆ แต่พอกูมาคิดดีๆเท่านั้นและ ชิบหาย พ่อมันตายแล้วนี่หว่าไอสัด
 
“เฮ้ยโทษๆ โอ๋ๆ “ ผมคว้าตัวมันมากอดอีกรอบ เสือกลืมตัวพูดออกไปไม่คิด
 
“ฮือ ฮึก .. “
 
“ชู่ว .. “
 
ผมกอดมันแน่นขึ้น เกร็งตัวจนข้อนิ้วขาวเพราะความหนาว ตอนนี้ทั้งมือทั้งขาของผมชาไปหมดแล้ว ไอเหี้ยแม่ง ไข่กูหดเหลือสิบห้าเซนสไตล์ลิชคาวาอี้ละมั้ง ขนนี่แม่งลุกจนจะปลิ้นหลุดออกมาจากรูขุมขนแล้ว T_T
 
“มึงหนาวหรอ “
 
“ร้อนมั้ง ปากกูเขียวละเนี่ยไอสัด “
 
อยู่ๆไอ้ชานยอลก็หยุดสะอื้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา ขืนตัวออกจากอ้อมกอดของผมเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำใสแป๋วมองช้อนขึ้นมาหาผม มือหนาถูกยกขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆแล้วถอดเสื้อโค้ทตัวหนาของตัวเองออกแล้วสวมมันให้ผม
 
“เออ ไม่ร้องแล้วก็ด้ะ “
 
จนกระทั่งร่างสูงโปร่งยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง มือหนาถูกส่งมาให้ผมจับไว้แล้วดึงตัวให้ลุกขึ้นยืนตาม ซิปของเสื้อโค้ทตัวหนาถูกรูดขึ้นมาด้วยฝีมือของคนตรงหน้าจนมิดริมฝีปาก ผมเงยหน้ามอง เจ้าของเสื้อโค้ทที่ตอนนี้สวมเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียวยกมือขยี้ปลายจมูกที่แดงก่ำของตัวเองเบาๆแล้วฉีกยิ้มให้ผม
 
“ปะ เข้าบ้าน “
 
“ ... “
 
“ขำเหี้ยไร “
 
มันถาม ผมพยายามกลั้นขำอย่างสุดฤทธิ์ ไอสัดซิกแพคจะขึ้น ชานยอลแม่งลืมปะว่าสีเลอะมืออยู่อะ ตอนนี้จมูกแม่งเปื้อนสีน้ำตาลจนเหมือนมิกกี้เม้าไม่มีผิด แล้วแม่งยังมีหน้ามาเก๊กอีกนะ
 
“เปล่า “
 
“ก็เห็นอยู่ว่ามึงขำ =_= “
 
“ไม่ได้ขำ มึงหูฝาดเปล่า 5555555555555555555555  “ ผมขำจนตัวงอ
 
“เออ ช่วงนี้หูไม่ค่อยถูสะบี่มั้ง ตอบมาเร็วๆไอสัด กูหนาวนะ “
 
ไอ้ยอลยืนย่ำเท้าอยู่กับที่พลางลูบๆแขนตัวเองแก้หนาว ผลก็คือสีมันเลอะเต็มสองแขนเลย ผมได้แต่ยืนขำเหงือกบานอยู่ตรงนั้น มึงหนาวแต่กูไม่หนาวนี่ 55555555555555555555555
 
“อ่อ กูรู้ละ -_- “
 
“มึง .. อุ้บ! ยี้แหวะ!
 
ในช่วงจังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นพอดี ฝ่ามือที่เปื้อนสีของชานยอลก็ป้ายลงมาเต็มๆที่หน้า แม่งเข้าปากด้วยปะวะรู้สึกขมๆ T_T แง ไอเพื่อนเลว
 
“มึงเล่นงี้เลยหรอ! “
 
“เฮ้ย! หยุด วางเลย วาง เข้าไปข้างในเลย ไม่เล่นละ “
 
มันยกมือห้าม ในขณะที่ผมก้มลงไปหยิบแปรงจากกระป๋องสีเตรียมจะป้ายหน้ามันคืน มือหนาฉวยเอาแปรงทาสีจากมือผมไปแล้วโยนใส่กระป๋องไว้อย่างเดิม ก่อนลำแขนแกร่งจะเหนี่ยวลำคอผมให้เข้าไปใกล้แล้วลากออกไปจากศาลา โห ไรวะ ไม่มันส์เลยวู้ว










หลังจากที่เข้าไปข้างใน ไอ้ยอลก็โดนไล่เปิงออกไปข้างนอกอีกรอบด้วยฝีมือไอ้ไค พวกผมแลกหน้าที่กันทำเวียนจนครบหมดทุกคน จะบอกว่างานเฝ้าเคาท์เตอร์แม่งเป็นอะไรที่สบายสุดละจริงๆ ไม่ต้องทำไรเลย ไม่หนาวด้วย ส่วนงานที่หนักสุดคงจะเป็นงานของไอ้ยอลกับไอ้คริสนั่นแหละ พอผมจะออกไปช่วยพวกมันทาสีก็โดนไล่กลับเข้ามา ทำไม กูขาสั้นแล้วมันยังไง ถึงกูจะขาสั้นแต่อย่างอื่นกูยาวนะโว้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากจะอวด
 
ผมเดินสั่นเป็นเจ้าเข้าเข้ามาข้างใน ข้างนอกแม่งหนาวมากจริงๆ ทนอยู่ไม่ไหว พูดทักทายแขกที่เตรียมจะออกไปเล่นสกีหิมะข้างนอกตรงหน้าประตูแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าไปพึ่งไอความร้อนจากฮีตเตอร์ตรงเคาท์เตอร์ที่ไอ้ไคนั่งอยู่
 
“อ้าวมึง “
 
เอ่ยทักไอ้ฮุนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่บนเคาท์เตอร์ ผมเดินอ้อมเข้าไปข้างใน ไอ้ฮุนกำลังนั่งอยู่ตรงข้างๆคอม ห้อยขาลงมาจากด้านนอกแล้วหันหน้าไปทางอิดำ ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆไอ้ไค ด้วยความสูงที่ลดระดับลงจึงทำให้เข่าไอ้ฮุนข้างหนึ่งชี้หน้าผมอยู่พอดี
 
“ข้างนอกแม่งหนาวเหี้ยๆอะกูไม่ไหวละ “
 
“แล้วพี่ลู่หานอะ “
 
ผมถาม เมื่อไม่เห็นพี่ลู่หานอยู่ในนี้ด้วย เหล่มองอิดำที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนผมและเอาหน้าซบลงบนตักไอ้ฮุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมว่าผมก็คิดเหมือนไอ้ยอลนะ ว่าอิสองคนนี้มันมีอะไรแปลกๆ
 
“ช่วยไอ้คริสกับไอ้ยอลทาสีอยู่นู้นอะ “
 
“มันหลับหรอวะ ? “
 
ผมถาม เห็นอิดำนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆ เสียงหายใจและไหล่กว้างที่ยกขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอนั้นทำให้รู้ว่าแม่งอู้งานมานานละ อิเห้ กูละเบื่อจัง เดี๋ยวได้เงินเดือนนะกูจะเอาแม่งให้หมดเลยไม่เหลือให้ใครทั้งนั้นอะแหม ดูทำตัว นี่ถ้าพี่ลู่หานไม่มา มันก็ไม่มาหรอกใช่ปะ โถ้
 
“อ่อ มันวิ่งอยู่มั้ง มึงเห็นว่าไงอะ “ ไอ้ฮุนตอบ
 
“กูเห็นแม่งเต้นลีลาศอยู่อะ ก็ไม่มีไร ถามไปงั้นแหละ ฟาย “
 
ผมด่าแล้วผลักแม่งเต็มแรงจนเกือบจะหงายหลังตกเคาท์เตอร์ไป เดือดร้อนกูต้องดึงเสื้อมันให้กลับมานั่งอยู่ที่เดิม เกือบได้เป็นฆาตรกรแล้วปะละกูแหม่ ไอ้ฮุนแยกเขี้ยวใส่ผม ผมก็เลยแลบลิ้นใส่มันอย่างน่ารักคิขุก่อนจะหันไปสนใจกับสมุดบัญชีเล่มเท่าควายต่อ
 
“เออเตี้ย ไอ้ไคได้พูดอะไรกับมึงรึเปล่าวะเมื่อเช้า “
 
“พูดอะไรวะ “
 
ผมเงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชี เห็นไอ้ฮุนกำลังก้มหน้าก้มตาแล้วเกาคออยู่อย่างงั้น ถามแม่งก็ไม่ตอบ เป็นอะไรของมึงนิ สังคังแดกหรอไอสัด
 
“พูดอะไรละโว้ยยยยยยยยโอ้ย เล่นตัวจริง เดี๋ยวกูตบด้วยสันหนังสือเนี่ย “
 
“ก็แบบ .. ”
 
ผมลุ้นจนไส้ติ่งเบี้ยวละมันก็ยังไม่ยอมพูดออกมา ไอ้ฮุนกำผมของคนที่ฟุบหน้าอยู่บนตักของตัวเองไว้แน่น ริมฝีปากสีสดถูกแลบเลียด้วยเรียวลิ้นสีชมพูอย่างประหม่า มันประหม่าอะแต่กูนี่ประจำเดือนจะมาละ รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เกริ่นละจะพูดอะไรก็ไม่พูดโถ้ อมไว้อยู่นั่นอะ ไปคุยกับขี้ไปไอสัด
 
“แบบบบบบบบบบบบบบบบบบ????????????????????”
 
ผมจิกมือกับเคาท์เตอร์ด้วยความลุ้น เหลือกตาจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า คนตรงหน้าผมเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้มที่เพิ่งจะมีความรักครั้งแรก แก้มของไอ้ฮุนแดงไปจนถึงหู ผมจ้องหน้ามันที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นอยู่อย่างชั่งใจ ถ้าอีกแปดวินาทีมันยังไม่ยอมพูดออกมา ผมสัญญาด้วยเกียรติของเนตรนารีว่าผมจะเอานิ้วเรียวสวยของตัวเองที่คุณแม่ประธานให้มานั้นควักลูกตาแม่งออกมาซะ
 
“แบบ .. “
 
“แบบบบบบบบ????? แบบ? WHAT???????? “
 
“.. อือ .. พี่ลู่เข้ามายังวะ “
 
และในจังหวะที่ผมยืนขึ้นทำให้เก้าอี้ไถครูดไปด้านหลังจนเกิดเสียง ไอ้ไคก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพอดี เหง้าหน้าดำๆถูกเจ้าตัวหันไปซ้ายขวาเพื่อมองหาคนที่กำลังพูดถึง เมื่อไม่พบ จึงหันไปให้ความสนใจกับคนตรงหน้าแทน ไอ้ไคเงยหน้ามองไอ้ฮุนที่นั่งอยู่สูงกว่าพลางขมวดคิ้วงงๆ
 
“เอ้าอิเหี้ย ใครใช้ให้มานั่งตรงนี้ “
 
“ก็มึง .. “
 
“ลงมา “
 
ยังไม่ทันที่ไอ้ฮุนจะพูดจบ เอวคอดก็ถูกรวบไว้ด้วยฝ่ามือของคนด้านล่างทั้งสองข้าง ด้วยความที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว คนถูกอุ้มเลยจับบ่าอีกคนไว้แน่นเพราะกลัวตก ไอ้ไคอุ้มไอ้ฮุนลงมายืนบนพื้นแล้วทำหน้ามึนใส่ในทันที
 

“ผั้วะ!!
 
และก่อนที่จะได้มีปากเสียงอะไรไปมากกว่านั้น ประตูด้านหน้าก็ถูกเปิดออกอย่างแรง หรือจะให้เดา แม่งต้องมีคนถีบเข้ามาชัวร์ๆ ผมยืดตัวให้ระดับสายตาพ้นจากเคาท์เตอร์แล้วมองออกไป ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ผมแทบจะช็อค
 

“ไอ้ยอล! “
 
ใจผมหล่นไปอยู่ที่ตีนเมื่อเห็นภาพพี่ลู่หานกำลังอุ้มไอ้ชานยอลอยู่ในท่าเจ้าสาว สีหน้าของพี่เขาดูไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะคงจะหนักพอสมควร ในขณะที่ไอ้คริสก็ช่วยพยุงเข้ามาอย่างเร็ว สีหน้าของทั้งคู่ไม่ได้ทำให้ผมตกใจเท่ากับสภาพของคนที่อยู่ในอ้อมแขน ไอ้ยอลกำลังหลับไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของพี่ลู่ และผมจะไม่กลัวเลยถ้าซีกหน้าของมันข้างหนึ่งไม่ได้เต็มไปด้วยเลือดม






_______________________________________________________

 

2 ความคิดเห็น:

  1. คริสลู่อ่ะป่าวค่ะเรื่องนี้อ่ะค่ะ แต่ชอบชานแบคที่สุดในสามโลกแล้วแหละค่ะ

    ตอบลบ
  2. ชอบคริสยอล555555น้องหนูยอลเป็นไรอ่ะ มีเลือดด้วย!!!!!!

    ตอบลบ