วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 13





Kim jongin part
 
ผมคว้าข้อมือไอ้ฮุนไว้แล้วลากมันออกมาทันที ความรู้สึกโมโหและมึนงงสับสนตีกันมั่วไปหมด ตอนแยกกับพี่ลู่หานเห็นเขาบอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อน ไอ้ฮุนเนี่ยนะเพื่อน เพื่อนประเภทไหนกัน ผมละอยากจะรู้ พี่ลู่คิดอะไรอยู่ถึงเอามันเป็นเพื่อนวะเนี่ย
 
“มึงมากับพี่ลู่ได้ไง “
 
“ก็เขาชวนปะ กูก็เหงาอะ “
 
ผมลากมันมาอยู่หลังร้าน ไอ้ฮุนตอบผมก่อนจะหันไปเกาะราวเหล็กข้างหลังไว้ เหม่อมองออกไปที่ริมแม่น้ำ แม่น้ำโพ่งคลองก็พอละ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจว่าจะเป็นแม่น้ำหรือคลอง ผมสนเรื่องความสัมพันธ์ของมันกับพี่ลู่หานมากกว่า
 
“มึงกับพี่ลู่หานเป็นอะไรกัน “ ผมถาม พยายามทำใจให้เย็น ผมรู้ว่าผมเองเป็นคนใจร้อน และผมไม่อยากจะลงมือกับเพื่อนสนิทของตัวเองนักหรอก
 
“กูกับเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันไง “
 
“มึงรู้ใช่ปะว่ากูชอบพี่ลู่ “
 
“อืม รู้แล้ว “
 
เสียงที่ตอบกลับมานั้นแผ่วลงจนแทบจะไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าลมหนาวที่พัดมานั้นพัดเอาเสียงมันไปด้วยรึเปล่า แต่ทำไมผมสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่แปลกไป ผมยืนกอดอกหันหลังพิงราวเหล็ก หันกลับไปมองใบหน้าขาวที่เห็นได้เพียงเสี้ยวเพราะความมืด
 
“แต่ถ้ามึงจะจีบเขากูก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วเรามาดูกันว่าใครจะชนะ “
 
“...” มันเงียบ
 
“เราเป็นเพื่อนสนิทกันที่สุด ที่ผ่านมากูยอมมึงทุกอย่าง แต่เรื่องพี่ลู่เป็นเรื่องเดียวที่กูจะไม่ยอม กูจะไม่แพ้มึงเด็ดขาด “  
 
หลังจากที่ผมพูดจบ ไอ้ฮุนเงียบไปนานมาก นานเสียจนผมเริ่มจะทำตัวไม่ถูก ผมหันไปมองหน้ามัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดี ไอ้ฮุนมองออกไปท่ามกลางความมืดด้วยท่าทางนิ่งๆตามนิสัยของมัน ก่อนที่มันจะยอมเปิดปากพูดออกมา ตบบ่าผมเบาๆแล้วเดินเข้าร้านไป
 
“..กูแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มละไอ้ไค “ 







Chanyeol part
 
การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนแทบจะเรียกได้ว่าจี้ตูดกันเลยทีเดียว เพื่อนๆในห้องพากันอ่านหนังสืออย่างสาหัสประหนึ่งชีวิตนี้ไม่เคยพบเคยเจอหนังสือมาก่อน ผมนั่งมองไอ้แบคที่กำลังนั่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่ข้างๆอย่างตั้งใจ และผมเองก็เช่นกัน การ์ตูนโป๊เล่มที่สามถูกวางแหมะลงบนโต๊ะม้าหินที่ประจำ
 
“กูไม่ไหวแล้ว กูอ่านไม่ไหวแล้ว “
 
ผมตะแคงหน้ากับโต๊ะ ไม่สนว่าสิวจะขึ้นหรือไม่ ภาพนางเอกการ์ตูนเอ็กซ์สุดใจนั้นทำให้ผมอยากรีบกลับบ้านอย่างด่วน คิดถึงเจี๊ยบแฟนเราเหลือเกิน แต่สิ่งที่ผมทำได้คือนั่งฟังอิแรดบ่นศัพท์คำแล้วคำเล่า นอกจากมันจะไม่เข้าสมองแล้ว มันจะทำให้ประชากรขี้หูของผมแตกตื่นอีกด้วย
 
“มึงอ่านหนังสือเรียนเหอะว่ะ ถือว่ากูขอ เดี๋ยวตกอีกทีนี้ซ่อมไม่ได้ละนะ “
 
ไอ้แบคหันมาพูด มือที่ถือดินสอกดอยู่เลื่อนมาปัดผมที่ปรกหน้าของผมทัดหูไว้แล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ ผมอมยิ้ม นั่งมองหน้ามันด้วยความสุขล้น แต่เกือบจะฟินถ้าไม่ติดว่ามีตูดบานๆของใครคนหนึ่งมาบดบังทัศนีย์ภาพอันสวยงามของผมไปเสียก่อน
 
“ พี่ลู่แม่งหายไปไหนของเขาวะ ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับ “
 
ไอ้ไคพูด ทีนี้มันเขยิบตูดบังหน้าไอ้แบคจนมิด ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองหน้ามันด้วยความเอือมระอา ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมามันออกตัวว่าจะจีบพี่ลู่หานอย่างจริงจังจนผมเองก็อดทึ่งไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ พี่ลู่หานเขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง จะไปชอบราหูจู๋เล็กอย่างมันได้ไง
 
“พี่ลู่อยู่ไหนไม่รู้นะแต่ตูดมึงกำลังบดบังความสุขกูอยู่ “
 
หยิกตูดไอ้ไคจนมันร้องโอยแล้วลุกออกไป ผมยิ้มเหม่อลอย เท้าคางมองไอ้แบคที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกครั้ง ทุกวันนี้สติผมมักจะหลุดหายไปอยู่กับใบหน้าเนียนใสนั้น ผมรู้ว่าไอ้แบคมันรู้ตัว แต่มันทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคิดยังไงกับผม แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะบอกมันหรอก
 
“ไอ้ฮุนอะ “
 
“มึงเห็นหน้ากูเหมือนกางเกงในมันหรอ ถึงจะได้ตัวติดกะแม่งตลอดเวลา “
 
ผมตอบ ไอ้ฮุนหายไปเลยตั้งแต่เที่ยง ดูเหมือนมันจะโดดคาบก่อนพักกลางวันด้วย พักนี้แม่งทำตัวแปลกแยกออกจากเดอะแก๊งค์จนผมอดจะสงสัยไม่ได้ แต่คนที่นอยด์ที่สุดคงจะเป็นไอ้ไค เพราะปกติสองรายนี้ตัวติดกันตลอด
 
“กูก็แค่ถามอะแหม่ เออแล้วไอ้แบคมึงต้องจริงจังขนาดนั้นเลยอ่อวะ อีกตั้งอาทิตย์นึง ไมรีบ “
 
“ปลายภาคกูไม่ได้อะไรนะ แต่กูต้องสอบทุนอีกอะ “
 
ไอ้แบคตอบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้ากระดาษ ผมหันไปมองหน้ากับไอ้ไค ลืมไปซะสนิทเลยเรื่องทุนที่แคนาดา ถ้ามันติดอะ ? มันก็จะไปหรอวะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 
“มึงจะไปจริงๆหรอวะ” ผมอ้าปากจะถาม แต่ไอ้ไคพูดเร็วกว่า
 
“เออดิ กูเบื่ออิหูบานนี่เต็มทีละ นอนแม่งก็ชอบละเมอ “
 
อ่าว ซะงั้น ผมเงยหน้ามองมันงงๆ เบื่อไรกูอะดูมันพูดดีโหยเสียใจ อยากจะวิ่งไปผูกคอตายใต้ต้นมะเขือ มันสอบทุนเพื่อจะหนีผมไปงั้นดิ โหเรื่องมันเศร้าอะขอเด้าทีครับ แล้วผมละเมอตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย ผมว่าผมก็ออกจะเรียบร้อย
 
ยังไม่ทันได้พูดอะไร อยู่ๆไอ้ไคก็ลุกพรวดออกไปจากโต๊ะ ผมมองแผ่นหลังอิดำสลับกับไอ้แบคที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม โอ้ยไอสัดวันนี้มันวันซวยอะไรของกูว่าเนี่ย งงไปหมดละหล่อไม่เข้าใจทำไมเพื่อนๆต้องเมินกูแบบนี้ด้วยแง ผมทึ้งหัวตัวเองแล้วรวบหนังสือโป๊ใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นยืน
 
“เอ่า จะไปไหน “ ไอ้แบคเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาถาม ผมเบะปากใส่มันงอนๆ
 
“ ไปอ่านหนังสือในห้องน้ำ “ 
 




คาบเรียนตลอดทั้งวันผ่านไปอย่างราบรื่น ถึงแม้ว่าการหลับบนโต๊ะจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมกับซีกหน้าข้างหนึ่งที่เป็นรอยแนบลงไปกับโต๊ะ ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาให้เรียบร้อย เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นห้องเหมือนเช่นเคยทุกครั้งที่เลิกเรียน ผมมองไปรอบๆอย่างอึนๆ วันนี้หลับยาวจนคิดว่ากูน่าจะหลับอยู่บ้านมากกว่ามาให้เปลืองเสื้อนักเรียน
 
“อ่าว อิดำกะเมียมันอะ “ ผมถามไอ้แบคที่กำลังก้มๆเงยๆทำอะไรสักอย่างอยู่กับลิ้นชักตรงโต๊ะแถวหน้า ตื่นมาก็ไม่เห็นทั้งไอ้ไคและไอ้ฮุน
 
“แย่งกันไปจีบพี่ลู่ละมั้ง เบื่อคนมีฟามรัก “ ไอ้แบคตอบ โกยชีทขึ้นมากองๆรวมกันบนโต๊ะ
 
“อย่าเบื่อกูนะ กูก็มีฟามร้ากเหมือนกัน ๆๆๆๆๆ “ ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจพลางเดินไปจับเอวแม่งแล้วเขย่าๆ บางทีมันอาจจะออกมาเป็นช็อกโกบอลรึเปล่า
 
“รักใครอีกละมึง “ มันถาม เหล่มองผมที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
 
“แถวๆเนี้ยแหละ “
 
ผมรวบเอวมันไว้แล้วรั้งให้แผ่นหลังบางเข้ามาชิดแผ่นอกกว้างของตัวเอง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจ่อริมฝีปากชิดใบหูเล็กพลางกระซิบเบาๆ ไอ้แบคหันมามองผมด้วยสีหน้าสะพรึงขั้นพีค ก่อนที่มันจะโกยของเข้ากระเป๋าใบควายของมันแล้วเดินออกนอกห้องไปเลย อ้าวไอสัด เวรไม่ทำนะมึง เนียนได้เนียนดี
 
และเมื่อเห็นอิหัวหน้าเวรมันโกยแน่บไปแล้ว เรื่องอะไรลูกกระจ้อกอย่างเราจะต้องอยู่ ผมคว้ากระเป๋าเปล่าๆที่ใส่เปลือกลูกอมและปากกาสองสามด้ามของตัวเองแล้วเสด็จออกมาจากพลับพลานั้นโดยพลัน วิ่งลงตึกตามคนขาสั้นที่วิ่งเร็วเท่าความไวแสง ไม่รู้จะรีบไปไหนไอสัด เดี๋ยวถ้าร่วงลงไปฟันเฉาะพื้นนี่อย่ามาร้องให้กูโอ๋นะ
 
“แว้กรอนำแหน่ “
 
ผมตะโกนเรียก ไอ้แบคขึ้นคร่อมจักรยานคิตตี้ ผมโดดซ้อนทันทีเพราะกลัวมันจะบินหนีผมไปซะก่อน อันที่จริงแม่งก็บินไม่ได้หรอกมันเป็นจักรยาน แต่พักนี้กูค่อนข้างแฟนตาซีและเสียสติ (ได้ข่าวว่ามึงเสียสติตลอดเวลา) เพราะว่าอยู่ในช่วงใกล้สอบนั่นเอง มันเครียด! โปรดเข้าใจพี่ปาร์คด้วยนะครับเด็กๆ
 
แว้นจักรยานกันมาถึงบ้านผมก็โดดลง ล้วงกระเป๋าควานหากุญแจบ้านมาไขเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันชักจะไม่เหมือน เมื่อผมควานมือไปทั่วกระเป๋าอันโล่งโจ้งของตัวเองแล้วไม่พบ ผมยกกระเป๋ากลับหัวแล้วเขย่าๆแม่งจนเปลือกลูกอมหล่นออกมาเต็ม .. แต่กุญแจบ้านไม่มี
 
“เหี้ยยอล =_= “
 
คนบนจักรยานกอดอกเอียงคอมองด้วยท่าทางหาเรื่อง เกรงว่าจะต้องโดนตบเหงือกสั่นอีกแล้ว ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้มันเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวางทิ้งไว้ตรงชั้นวางรองเท้าก่อนออกจากบ้าน
 
“มึงปีนเลยเดี๋ยวนี้ กูปวดขี้ ไม่ไหวละ “
 
นิ้วเรียวชี้สั่ง ผมเงยหน้ามองรั้วบ้านที่สูงสี่เมตรพลางกลืนน้ำลายลงไปอย่างฝืดคอ สูงชิบหาย มองเผินๆกูนึกว่ารั้วเรือนจำ อย่าให้รู้นะว่าบริษัทไหนแม่งออกแบบบ้านกูแบบนี้ พ่อจะเอาระเบิดไปปาแม่ง แถมอีข้างบนรั้วแม่งเป็นหนามๆอีก โหเหี้ยถ้าปีนขึ้นไปแล้วมันเกี่ยวไข่กูนะ กูจะฆ่าเรียงตัวตั้งแต่กรรมกรยันซีอีโอบริษัทเลยไอห่า เดี๋ยวรู้เลย เดี๋ยวมึงรู้
 
“มึงก็ไปขี้บ้านมึงดิ อยู่แค่นี้ “
 
ผมชี้ไปที่บ้านข้างๆ ก็บ้านมันนั่นแหละ เกือบจะร้างแล้วมั้งไอสัดเดือนกว่า ไม่มีใครเข้าไปเลย ตั้งแต่พ่อมันย้ายไปอยู่คอนโดใกล้ที่ทำงานก็ถูกปิดอยู่อย่างนั้น แม้แต่เข้าไปกวาดบ้านมันยังไม่ทำเลยคิดดู
 
“ก็ถ้าเข้าได้กูไม่ไปนอนฟังมึงละเมอทุกคืนให้รำคาญหูหรอก เร็วๆปีนเดียวนี้ไอสัด อย่าให้พี่แบครอนานนะน้องนะ มันมาเสมอเนื้อละ “
 
อิเตี้ยบ่นเป็นชุด ก่อนจะยืนขึ้นแล้วย่ำเท้าไปมา เสมอเนื้อ อิเหี้ย มึงพูดมาได้ยังไง อายบ้างอะไรบ้าง เห็นกูจังไรงี้ขนาดกูปวดขี้มากๆกูยังไม่เที่ยวไปบอกใครต่อใครเลยนะว่ามวลขี้กูเดินทางมาถึงส่วนไหนของลำไส้ใหญ่แล้ว ผมถอนหายใจก่อนจะถอดรองเท้าโยนข้ามไปฟากนู้น แล้วเริ่มปีนรั้วเหล็ก อนาคตแฟนสั่งเราต้องทำครับ
 
“อิเหี้ยมันจะแทงเจี๊ยวกูไหมเนี่ยT_T
 
“เร็วๆดิวะเดี๋ยวใครมาเห็นก็หาว่าเป็นขโมยหรอก”
 
ไอ้แบคเร่ง ผมน้ำตาเล็ด เกาะรั้วแน่น เกร็งไปทั้งตัวด้วยความกลัว อิเหล็กแหลมๆเมื่อกี้แม่งเกี่ยวไข่ผมจริงๆด้วย ดีนะวันนี้แต้บไว้เลยแค่เฉียดๆ ไม่งั้นของใหญ่ได้เป็นอันสิ้นตำนานในวันนี้แน่นอนเลยทีเดียวเชียวครับ
 
“แคว้ก! “
 
“เหี้ยT_T
 
และในจังหวะที่ขาอีกข้างพาดข้ามรั้วมาได้ เสียงอะไรบางอย่างก็ดังแหวกอากาศขึ้นมา ผมหันขวับไปมองเป้ากางเกงตัวเองทันที แล้วก็พบว่ามันขาดไปแล้วเรียบร้อย อิหนามสับปะรังเคมันเกือบจะพรากไข่ผมไปแล้ว ผมหลับตาปลงๆแล้วโดดข้ามไปอยู่อีกฟากของรั้วบ้าน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมกูต้องมาปีนรั้วบ้านตัวเองให้มันอนาถเล่นด้วยก็ไม่รู้ เสียดายกางเกง แม่งใส่ไม่เคยถึงปี เป้าแตกทุกตัวเลยอิเหี้ย วันหลังคงต้องใส่โสร่งละเกร๋ๆ
 
“เอ้า เชิญครับแม่นางหงส์หยก “
 
วิ่งเข้าไปหยิบกุญแจสำรองมาไขบ้านเปิดให้อีกคน ไอ้แบครีบวิ่งแจ้นเข้าบ้านไปเลย ผมจึงต้องรับผิดชอบเข็นจักรยานคิตตี้อันน่ารักมุ้งมิ้งไปเก็บ ก่อนจะเดินตามเข้าไปในบ้าน ห้องน้ำชั้นล่างถูกจับจองโดยเจ้าของทองเสมอเนื้อเมื่อตะกี้ ผมหัวเราะแล้วส่ายหัวน้อยๆ ถึงมันจะทำตัวทุเรศแค่ไหนผมก็ยังมองว่าน่ารักอยู่ดี
 
“สัดชานยอลกูบอกให้ซักผ้ามึงซักหรือยัง “
 
ระหว่างที่กำลังหาอะไรจกแดกอยู่ที่ตู้เย็นในครัว เสียงจากห้องนั่งเล่นก็ดังแว่วมา ไอ้แบคคงออกมาจากห้องน้ำแล้ว ผมยัดช็อกโกแลตชิ้นเท่าควายใส่ปากแล้วปิดตู้เย็น จำไม่ได้ว่าซักผ้าครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ เพราะกูก็ใส่ซ้ำๆตลอด เราประหยัดค่าน้ำค่าไฟ น้องยอลรักษ์โลกสุดๆครับ
 
“เชี่ยยอล กูบอกแล้วให้มึงรีบซักอะ พรุ่งนี้ไม่มีเสื้อใส่ไปสอบละแม่ง “
 
ได้ยินเสียงบ่นมาแว่วๆ ผมเดินดูดนิ้วไปหามันที่หลังบ้าน เห็นคนตัวเล็กยืนกอดอก กับตะกร้าผ้าใบใหญ่วางตั้งอยู่ข้างตัว เดินไปดูตรงเครื่องซักผ้าก็พบว่ามันเสีย สถุนจัง
 
ทนฟังมันบ่นต่อไปไม่ไหว อีกสิบนาทีต่อมา ผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกนามว่าปาร์คชานยอลในชุดเสื้อกล้ามกางเกงเจเจคีบอีแตะหนึ่งคู่ก็ประจำพร้อมอยู่ที่เบาะคนขับของจักรยานคิตตี้ เหล่มองแบคฮยอนที่เดินเตาะแตะโอบตะกร้าใบใหญ่กว่าตัวเองเดินมาซ้อนท้ายที่เบาะหลัง จำนวนผ้าที่ยังไม่ได้ซักมันเยอะมากซะจนล้น เห็นใบหน้าของคนตัวเล็กโผล่มาแค่ตา ผมหลุดขำ
 
“นั่งดีๆ หล่นลงไปไม่เก็บนะครับคุณ “
 
ผมหันไปบอกมัน ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้แบคกำลังทำหน้าอะไรอยู่ตอนนี้ บางทีมันอาจจะด่าพ่อผมในใจ แต่ใครสน ผมค่อยๆปั่นจักรยานออกไป มุ่งหน้าไปยังร้านซักรีดที่อยู่ในซอยถัดไป
 
“โถ่น้อง แดดหมดแล้ว เขาไม่ซักกันแล้วค่ะตอนเย็น รีดอย่างเดียว “

ราวกับอสุนิบาตฟาดลงที่กลางใจ ผมนึ่งไปทันทีเมื่อได้ยินอิป้าเจ้าของร้านตอบ หันไปมองคนข้างๆที่ยังคงโอบตะกร้าผ้าใบยักษ์อยู่ มันก็คงตรึ่งเหมือนกับผม นึกขอบคุณตะกร้าใบนั้นที่ให้อิเตี้ยถือไว้ ไม่งั้นผมคงโดนตบเกรียนแตกแน่ๆ เราสองคนปั่นจักรยานคอตกกลับบ้านด้วยความผิดหวังอย่างถึงที่สุด
 
“แม่ง กูบอกแล้วให้รีบซักไม่เชื่อกู “



"พอดีที่บ้านไม่เคร่งเรื่องซักผ้า เพราะเห็นว่าคุณธรรมสำคัญฝ่า "



"มึงเปรี้ยวตีนมากปะไอสัด เดี๋ยวกูตบหูกระเด็น ผิดละยังไม่สำนึก  "


“น่า ขอทอดๆ เดี๋ยวซักเกงในให้เลย “
 
ผมตอบมัน ในขณะที่เราสองคนกำลังจัดการกับผ้าตะกร้าใหญ่อยู่ที่ลานกระเบื้องหลังบ้าน กะละมังใบยักษ์ถูกวางตั้งไว้ตรงกลาง ผมเทผ้าจากตะกร้าลงไป ในขณะที่ไอ้แบคก็ยืนถือสายยางเติมน้ำเกร๋ๆอยู่ข้างๆ แทนที่กูจะได้อ่านหนังสือสอบ กูต้องมานั่งซักผ้าหรอเนี่ย โฮร วันหลังสาบานด้วยเกียรติลูกเสือว่าจะไม่ดองผ้าอีกแล้วครับๆๆๆๆๆ
 
“ไอ้เหี้ยพออออออออ มึงจะเทหาเตี่ยมึงหรอเป็นถุงเลยไอสัด วักออกเดี๋ยวนี้ “
 
โดนตบหัวเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ในขณะที่กำลังเทผงซักฟอกลงไปในกะละมัง ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำตามที่มันสั่ง สองมือวักผงซักฟอกที่ตอนนี้เริ่มละลายน้ำออก ฟองเริ่มฟอดจนกูไม่แน่ใจว่านี่มาซักผ้าหรือมาปาร์ตี้โฟมกันแน่
 

เก้าอี้ตัวเล็กสองตัวถูกวางขนาบไว้ทั้งสองฝั่งของกะละมัง ผมกับไอ้แบคนั่งตรงข้ามกัน มีอาวุธเป็นแปรงซักผ้าคนละหนึ่งอัน ไอ้แบคเริ่มลงมือซักเสื้อนักเรียนเป็นอย่างแรก ผมคว้าผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมา อ้าขาออกจนแทบจะพันได้รอบกะละมัง ก็ขามันยาว ดีนะขาที่สามยังไม่ตื่น ไม่งั้นนั่งท่านี้ไม่ได้แน่ๆ ของมันใหญ่ครับ
 
!! “
 
สองมือจุ่มลงไปในกะละมังที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ ควานหาซากเกงในที่ม้วนเป็นเลขแปดของตัวเอง แต่กลับไปสะดุดกับบางอย่างเข้า มือของผมคว้าหมับเข้าที่มือเล็กที่จุ่มลงมาในกะละมังเหมือนกัน ผมยกมันขึ้นมาจนพ้นฟองสบู่ .. เรากำลังจับมือกันอยู่จริงๆด้วย
 
“มือกูเหมือนกางเกงในมึงมากหรอ “
 
มันถามพลางชักมือออก ถึงผมจะยื้อไว้ก็หลุดไปอยู่ดีเพราะมันลื่น ผมยักไหล่ก่อนจะหยิบผ้าชิ้นอื่นมาซัก กางเกงในสีเขียวเรืองแสงเป้ายานๆของผมถูกวางแหมะลงบนกะละมังเปล่าอีกใบเพื่อรอล้างน้ำ ในขณะที่ผ้าชิ้นต่อไปในมือเป็นชั้นในสีขาวสะอาด ซักเสร็จก็ชูขึ้นเหนือระดับสายตา เทียบกับหน้าไอ้แบคที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็รู้เลยว่าของใคร
 
ก็ว่าทำไมไม่ค่อยคุ้นเลย แถมตัวเล็กอีก ไม่ใช่ของพี่ปาร์คหรอกครับ เพราะของเขาใหญ่
 
“เฮ้ยแบค หน้ามึงเลอะแล้ว “
 
เห็นอีกคนกำลังก้มหน้าก้มตาซักรอยเปื้อนช็อกโกแลตบนเสื้อนักเรียนของผมอย่างตั้งใจแล้วก็อดขำไม่ได้ ฟองสบู่เปื้อนแก้มใสเป็นปื้ด ผมยื่นมือไปจับคางเรียวนั้นเงยขึ้นแล้วเช็ดฟองสบู่ออกให้เบาๆ แต่ลืมไปว่ามือตัวเองก็เลอะเหมือนกัน กลายเป็นว่าทั้งแก้มทั้งคางไอ้แบคได้เลอะกว่าเดิม
 
“ไอสัดแกล้งกูหรอ! “
 
“ฮะ ..เฮ้ย! “
 
จากหวังดีมันกลับคิดว่าผมกวนตีนซะอย่างนั้น มือเล็กวางแปรงซักผ้าลง วักฟองสบู่เป็นก้อนๆแล้วป้ายมาที่หน้าผมเต็มๆ ผมร้องลั่นแล้วคว้าข้อมือเล็กไว้ แต่มันไม่ยอม สองมือเล็กยื้อออกได้อย่างง่ายดายเพราะความลื่น ก่อนจะโกยเอาฟองสบู่เหล่านั้นขึ้นมาเต็มสองมือแล้วป้ายลงมาเต็มตัวผมจนเลอะเทอะไปหมด
 
“เล่นอย่างงี้ใช่ไหมอิเตี้ย ได้! “
 
เกิดสงครามฟองสบู่ขนาดย่อมขึ้นในทันที ผมวางแปรงซักผ้าลงแล้ววักฟองสบู่ป้ายกลับใส่อีกคนอย่างไม่รอช้า จนลานกระเบื้องหลังบ้านเละเทะไปด้วยผงซักฟอกและฟองสบู่เต็มไปหมด ไอ้แบคลุกหนีแล้ววิ่งข้ามกองผ้าไปยืนอีกฝั่งเพื่อหนีผม ผมแยกเขี้ยวใส่มัน สองมือยังเต็มไปด้วยฟองสบู่
 
“ฮ่อก มานี่ซะดีๆ “  
 
วิ่งวนไปมาอยู่รอบกะละมัง ผมไม่กล้าวิ่งเร็วเพราะพื้นเปียก แถมตอนนี้ก็ตีนเปล่าทั้งคู่ แถมผงซักฟอกละลายน้ำนี่แม่งลื่นอย่างกะอะไรดี เริ่มจะเหนื่อยแต่ก็ยังไม่หยุด ผมยังจับไอ้ตัวแสบไม่ได้ มันเอาแต่วิ่งหนีผมอยู่อย่างนั้น กองผ้าที่ซักเสร็จไปกว่าครึ่งนั้นเริ่มจะเละเพราะเตะกันไปมา
 
“แบร้! “
 
“แบร้โพ่งดิแบคอย่าวิ่ง! เดี๋ยวก็หัวแตกหรอก “
 
มันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม คงจะคิดว่าน่ารักมากมั้งไอสัด ผมตะโกน ทำท่าจะวิ่งเข้าไปหามัน ดูเหมือนว่ามันจะไม่ฟังผมเลยตอนนี้ คนตัวเล็กเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง
 
“แน่จริงมึง ..อ๊ะ!  พรืด .. โครม !!
 
กะไว้ไม่มีผิด แบคฮยอนเสียหลักหงายเพราะลื่นผงซักฟอก ผมรีบปราดเข้าไปรับตัวมันไว้แต่ไม่ทัน ร่างเล็กๆลื่นพรืดล้มจ้ำลงกับพื้นทันที ได้ยินเสียงหัวโขกกับพื้นกระเบื้องดังปึ้ก ผมวิ่งเข้าไปหาแล้วพยุงมันขึ้นมา คนตัวเล็กกุมหัวตัวเองไว้แน่นแล้วหลับตาปี๋พลางร้องโอยโอยเสียงดัง

 
“กูบอกแล้วไม่ฟัง “
 
ถอนหายใจแล้วช้อนตัวอุ้มมันขึ้นจากพื้น พาเดินเข้าไปในบ้าน ผ้าเผ้อไม่ต้องซักมันละ หาเรื่องชิบหายเลย ผมอุ้มแบคฮยอนไปวางไว้บนโซฟา ก่อนจะถอดเสื้อกล้ามที่เปียกน้ำผงซักฟอกโยนใส่ตะกร้าแล้วเดินไปหยิบกล่องพยาบาลมาทำแผลให้อีกคน
 
“โอย เจ็บT_T “
 
“เงียบเลย มึงอึ้บเลย แล้วอย่ามาร้องให้กูได้ยินนะ ซนเอง “

ผมดุมันในขณะที่เดินเข้าไปหา วางกล่องพยาบาลไว้ข้างตัวแล้วนั่งคุกเข่าลงกับพื้น สำรวจตามเนื้อตัวของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ผิวขาวๆขึ้นรอยแดงเต็มไปหมด คงจะเป็นรอยถลอกจากการลื่นล้มเมื่อกี้
 
“ถอดเสื้อออก “
 
ผมสั่ง สองแขนเล็กชูขึ้นอย่างว่าง่าย ก่อนที่ผมจะเป็นคนรั้งเสื้อยืดตัวบางออกจากตัวอีกคนแล้วโยนมันใส่ตะกร้าข้างๆ แผลเต็มตัวไปหมดจนผมต้องดุแม่งอีกรอบ ผมจัดการทำแผลให้มันแล้วทายาตรงหัวที่ปูดโนออกมาเป็นลูกมะนาวอยู่ข้างหลัง ยังดีที่หัวไม่แตก
 
“อยู่เฉยๆ อย่าซน อ่านหนังสือไป เดี๋ยวผ้ากูซักเอง “
 
ผมตอบ หลังจากที่จับมันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ถอนหายใจใส่แม่งไปอีกทีแล้วเดินไปซักผ้าที่หลังบ้าน บทจะโตแม่งก็แก่แดดอย่างที่กูคิดไม่ถึง บทจะเด็กก็ปัญญาอ่อนซะกูปวดใจ ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วหยิบผ้าที่เหลือมาซัก ตัวที่หนึ่ง ตัวที่สอง จนถึงตัวสุดท้าย โหเหี้ยเหนื่อยสุดๆ
 
“อิหูบาน เสร็จยังวะ มากินข้าว “
 
ผมหันกลับไปมองที่ต้นเสียงในขณะที่กำลังตากเกงในอยู่หลังบ้าน แบคฮยอนกำลังยืนเกาะประตูอยู่พลางยื่นหน้าออกมาหา ผมพยักหน้าส่งๆ กว่าจะเสร็จแม่งล่อไปทุ่มครึ่ง ผ้าเยอะมากจนผมไม่แน่ใจว่ากล้ามกูขึ้นหรือยัง
 
ตากผ้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จไรเสร็จก็ลงมากินข้าวผัดฝีมือไอ้แบคที่ทำไว้รอผม คนตัวเล็กนั่งจ้องผมไม่วางตาในขณะที่ตักเข้าปาก ไม่อยากจะบอกว่ารสชาติแม่งอ้วกหมามาก ปกติผมกินอะไรก็อร่อยทุกอย่างนะ แต่อันไหนที่ผมว่าไม่อร่อยนี่มึงควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้พูดไรเพราะกลัวแม่งจะเสียใจ ก็ดูท่าทางจะลุ้นเหลือเกิน
 
“อร่อยปะ กูทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย “
 
“อืม อร่อยกว่าเอาปากไปฟาดประตูรถหน่อยนึง “
 
ผมตอบ ปากยังเคี้ยวข้าวอยู่ มึงหุงข้าวประสาอะไร เอาน้ำล้างตีนหุงหรอ ละแม่งแข็งซะฟันกูแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าเหงือก ไอ้แบคทำหน้าหงอ ริมฝีปากอิ่มคว่ำลงจนหน้าบึ้ง อะไรของมึง คิดว่าตัวเองน่ารักมากล่ะสิแหม ผัดก็ผัดมั่ว เอาอะไรมาให้กูแดก พ่อไม่ตบให้ก็บุญละ ข้าวผัดบ้านเตี่ยมึงใส่กะปิหรอ ไม่อยากจะด่าแต่เนี่ยกูเห็นมันยังเป็นก้อนอยู่เลยอิHAHราก
 
“ปากนะไอสัด คนอุตส่าห์ทำให้กิน “
 
“กูว่ากูต้มมาม่าดีกว่าว่ะ “
 
ผมตอบ ลุกพรวดไปต้มมาม่ากิน ปล่อยให้แม่งนั่งเงิบอยู่งั้นแหละไอสัด ผมไม่ใช่พวกที่จะฝืนทำอะไรเพื่อใครได้จริงๆ จะให้ปั้นหน้ายิ้มและบอกอร่อยแล้วทนฝืนกินให้หมดหรอวะ เกิดพรุ่งนี้เช้ากูขี้เป็นกระสุนขึ้นมาจะทำไง ลืมมันซะเถอะ เรื่องกินกูจริงจัง
 
จนกินเสร็จอะไรเสร็จก็ขึ้นไปอยู่บนห้อง แบคฮยอนปลีกตัวไปนั่งอ่านหนังสือตรงริมหน้าต่างคนเดียว ส่วนผม เปิดคอมตีดอท =_= อ่านหนังสือไปมันก็ไม่เข้าหัวกูอยู่ดี
 
จนเที่ยงคืนก็รู้สึกง่วงขึ้นมาหน่อยๆแล้ว มองกลับไปยังคนตัวเล็กที่ตอนนี้ย้ายไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้ว ไฟดวงใหญ่ถูกปิดเหลือแต่โคมไฟสีส้มตรงโต๊ะนั้น ผมปิดคอมแล้วปีนขึ้นไปนอนบนเตียงพลางเอาอิเจี๊ยบมากอด
 
“อย่านอนดึกมากนะมึง ฝันดี“
 
ได้แต่พูดเท่านั้นก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคง พยายามข่มตาให้หลับ มันจะดูไม่ดีไหมถ้าผมไม่อยากให้มันอ่านหนังสือ ผมไม่อยากให้มันสอบทุนที่แคนาดาติดเลย ผมไม่อยากให้มันไปไหน ผมอยากให้มันอยู่กับผมตลอดเวลา .. ผมเห็นแก่ตัวไปรึเปล่า







เช้าวันต่อมา ราวกับพระอรหันต์1250รูปมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไอสัดกูนึกว่าวันมาฆบูชา ผมกับไอ้แบคอุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นมาโรงเรียนตั้งแต่ตีห้าเพื่อจะได้อ่านหนังสือเงียบๆ แต่คนกลับเต็มโรงเรียนจนเหมือนมาฟูลมูนปาร์ตี้ แถมลุงยามก็ยังไม่มา ทุกคนเลยนั่งออกันอยู่หน้าประตูโรงเรียนอย่างเรี่ยราด
 
“งายมุง ง่วงจัง “
 
เอ่ยทักทายไอ้ฮุนที่นั่งพิงกำแพงโรงเรียนอยู่กับไอ้ไค บนตักมันมีหนังสือเคมีขนาดหล่นใส่หัวหมาตายอยู่หนึ่งเล่ม มีไอ้ไคนอนหลับพิงไหล่เป็นสัมภเวสีอยู่ข้างๆ เกือบจะมองไม่เห็นเพราะตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง แต่เพราะมันใส่เสื้อนักเรียนเลยพอจะเห็นบ้างลางๆ ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมัน มองไปรอบๆ บรรยากาศในการสอบปลายภาคมักจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
 
“อ่านหนังสือมั่งยังวะ “ ไอ้ฮุนถาม
 
“มันอ่านแทนกูละ “
 
ผมโบ้ยไปหาคนข้างๆอย่างนอยด์ๆ ไอ้แบคหยิบชีทสรุปขึ้นมาอาศัยแสงจากเสาไฟฟ้าอ่าน ผมหาววอดแบบอ้าปากกว้าง น้ำตาไหลลงมาจากหางตาทั้งสองข้าง อยากนอนพิงอิฮุนมั่งแต่เกรงใจ
 
“ใครขุดมันมา “ ผมถาม ชี้ไปที่อิดำที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้างๆไอ้ฮุน
 

“จะใคร กูนี่แหละ หนังสงหนังสือไม่อ่าน มัวแต่จีบชาวบ้านเขาอยู่นั้นอะ “
 
“เออพูดถึงพี่ลู่หาน มึงจีบพี่เขาหรอวะ”
 
“เปล่า “
 
ไอ้ฮุนตอบ ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก อันที่จริงมีอะไรอยากจะถามมันมากกว่านี้แต่กูคิดไม่ออก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เพิ่งจะตีห้ายี่สิบ ความง่วงเริ่มเข้าครอบงำอีกครั้ง ผมกระเถิบตูดไปนั่งซ้อนหลังไอ้แบค ก่อนจะซบหน้าลงไป ยืมหลังมึงนอนหน่อยละกัน
 


การสอบภาคเช้าผ่านไปอย่างยากลำบาก ด้วยความที่ในหัวไม่มีส้นตีนอะไรอยู่เลยนอกจากขี้เลื่อย ผมจึงถูกข้อสอบเส็งเคร็งนั่นดูดวิญญาณไปมากเป็นพิเศษ ไอ้แบคเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องสอบเหมือนเคย ในขณะที่ผมเดินออกเป็นคนแรก เพื่อนๆพากันทึ่งกันใหญ่ คงคิดว่ากูทำได้ แต่ที่ไหนได้ มึงคิดเผียด
 
“ขอให้ลูกช้างสอบผ่านด้วยเถิด สาธุ “
 
เมื่อไม่รู้จะพึ่งใคร พระเป็นอย่างแรกที่ผมนึกถึง ผมก็ไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเป็นพิเศษ ยกเว้นเวลาจะหาที่พึ่งทางใจ กูนับถือแม่งทุกศาสนา พระอะไรเอามาเหอะกูได้หมด ทุกวันนี้ผมก็เครียดนะ ชีวิตการเรียนของผมย่ำแย่มากตั้งแต่อนุบาล เนื่องจากสมองของผมค่อนข้างจะกะโป๋อยู่พอสมควร จะเรียนจบแต่ละชั้นปีนี่เลือดตาแทบกระเด็น บางวิชาแม่งก็ป้อนให้กูเหลือเกิน สมองมันไม่รับจะให้ทำยังไง แต่เอาจริงๆชีวิตนี้ผมภูมิใจในการเรียนลูกเสือมาก เพราะกูมีความสามารในการผูกเงื่อนลูกเสือได้ทั้งหมดหนึ่งเงื่อนถ้วน และเป็นเงื่อนตายด้วยไอสัด เกร๋สุดๆ
 
“กูว่าพักนี้มึงพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ่อยนะ หนังสือไม่อ่านละใครเขาจะมาช่วยมึง “
 
“ก็กูขี้เกียจอะ “
 
เถียงกับอิเตี้ยในขณะรอไอ้ไคกับไอ้ฮุนไปซื้อข้าวที่โรงอาหาร ไอ้แบคยังคงมีหนังสือติดมือมาทั้งๆที่เวลานี้เราควรจะโยนมันทิ้งไปแล้วตั้งใจแดก ผมนอนราบลงไปกับโต๊ะ ความเครียดเริ่มเข้าครอบงำสมองอันน่ารักกรุบกริบของผม ยิ่งเห็นไอ้แบคอ่านหนังสือแล้วผมยิ่งไม่มีกำลังใจยิ่งขึ้นไปใหญ่
 
“อะมาแว้ว “
 
เสียงอิดำแหวกอากาศดังลั่นมาแต่ไกลอย่างอารมณ์ดี สองมือถือจานข้าวพลางเดินหนีบพี่ลู่หานมาด้วย ไอ้ฮุนเดินตามหลังมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ ปวดขี้ก็น่าจะไปขี้นะ ขี้ก่อนแล้วค่อยกินก็ได้ กูเห็นแล้วอึดอัดแทนจริงๆ
 
“วันนี้อนาคตแฟนกูจะมากินข้าวด้วย เพื่อนเหี้ยทั้งสองช่วยแหวกให้คนน่ารักนั่งหน่อยได้ไหมครับ “
 
ไอ้ไคพูดแล้วผลักให้ผมเขยิบไปติดกับไอ้แบค แม่งมึงดันกูขนาดนี้ทำไมไม่จับกูนั่งบนจมูกมันเลยอะแหม่ ผมเขยิบไปติดกับไอ้แบคแล้วเอามือยันกำแพงคร่อมไว้ก่อนที่ผมจะได้นั่งทับหัวมันซะก่อน หันไปค้อนอิดำที่ยืนหน้าดำยู่ตรงริมโต๊ะ กูก็เขยิบให้ละไงยังจะดันอยู่นั่นอะไอสัด เดี๋ยวปั้ดตบหน้าสะบัด
 
“น้อยๆหน่อยครับน้อง เห็นแบบนี้พี่เป็นผัวน้องได้นะครับ “
 
พี่ลู่หานพูดกับไอ้ไคแล้วหัวเราะเบาๆ ผมเหลือกตามองพี่แกด้วยความสะพรึง ถึงจะสุภาพแต่ก็ทำให้ไอ้ไคหน้าเจื่อนไปเลย กูก็กะอยู่แล้วแหละว่าพี่เขาไม่เอามึงหรอกอิดำ พี่เขาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ประชากรเกย์อย่างเราๆ แต่เอาจริงๆผมไม่ใช่เกย์นะครับ ผมก็ยังมีอารมณ์กับทุกอย่างที่มีฮี้ ยอมรับว่ามันทำใจได้ยากในช่วงแรก แต่พอพอผมชอบไอ้แบคปุ๊บ ทุกอย่างก็ไม่มีเงื่อนไข
 
พี่ลู่นั่งลงข้างๆผม ในขณะที่ไอ้ไคนั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม และไอ้ฮุนนั่งอยู่ข้างๆมัน อาหารง่ายๆห้าจานถูกวางลงบนโต๊ะ ผมรีบลงมือจกแดกด้วยความหิวโหยอย่างสาหัสสากัน
 
“พี่ลู่หานครับ กินนี่ดิ อร่อยนะครับ “
 
ผมเหลือบตามองอิดำที่ตักเนื้อบดใส่จานพี่ลู่ ตอแหลจริง มึงกล้าพูดมาได้ยังไงว่าอร่อย ขึ้นชื่อได้ว่าของกินในโรงเรียนนี่มึงแดกแล้วไม่ตายก็บุญโขละ กับข้าวทุกอย่างรสชาติขี้เหร่อย่างบอกไม่ถูก กว่าผมจะปรับตัวให้เคยชินกับความอร่อยแบบพ่อตายได้นั้นก็สูญเสียปุ่มรับรสบนลิ้นไปมากพอสมควร แต่ผมไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้ากินต่อไป อยากจะขำให้เหงือกระเบิดเมื่อพี่ลู่หานตักเนื้อบดชิ้นนั้นให้ไอ้ฮุนแทน
 
“แต้งครับพี่ “
 
กริบ .. กริบเลยหลังจากนั้น พี่ลู่ยิ้มหวานให้ไอ้ฮุนจนผมชักจะไม่แน่ใจว่าตกลงเขาชอบผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ ตกลงเกย์ปะเนี่ยเตง เราชักไม่มั่นใจในตัวเองแล้วน้า บรรยากาศเริ่มมาคุจนผมตรงนั่งเกร็งตูดด้วยความลำบากชรัย ไม่รู้ว่ามันจะบวกกันไหม แต่ตอนนี้หน้าไอ้ไคเหมือนหมาแดกแฟ้บมากๆ
 
“เออ กูหางานพิเศษได้ละปิดเทอมนี้อะ พวกมึงจะเอาด้วยปะ “
 
รู้สึกโล่งใจนิดๆที่ไอ้แบคเป็นคนพูดทำลายความเงียบขึ้น บรรยากาศมาคุเมื่อกี้ก็สลายหายไปทันที ความเห็นแก่เงินครอบงำหมาห้าตัวให้หันมาสุมหัวกันทันทีโดยมิได้นัดหมาย ตาผมวิ้งค์ๆเป็นประกาย ปิดเทอมนี้เราจะได้เงินใช่ไหม เราจะรวยกันเสียแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆyeah
 
“ที่ไหนจัดมาเพื่อเงินกูพร้อม! “ ไอ้ฮุนถาม หูตั้งหางกระดิก
 
“ซกโชอะ เป็นรีสอร์ทกับที่เที่ยวในตัวเลย แต่ไกลหน่อยละงานก็หนัก แต่ได้เงินดี มึงจะเอาปะละ “ 
 
“เพื่อเงินกูพร้อม กริ้ดดดดดดดดดดดด  “ ผมจับเอวอิแบคเขย่าไปมาด้วยความดีใจ แล้วหลับหูกลับตากริ้ด นอกจากเราจะได้ไปทำงาน ได้เงิน เรายังจะสามารถหรอยเที่ยวได้อีกด้วย เจ๋งสุดตีน
 
“กูไปไม่ได้หรอกว่ะ ต้องช่วยป๊าเฝ้าร้าน “ ไอ้ไคบอก นั่งเท้าคางเขี่ยข้าวในจานไปมา
 
“เหยไปดิมึง จอยกัน ไปปะครับพี่หน้ายับ เอ้ย แค่กๆ ..พี่ลู่หาน“
 
ชิบหาย ผมเผลอไปเรียกพี่ลู่แบบนั้นเพราะหันไปป๊ะเข้ากับหน้ายับๆของเขาพอดี กูเลยแกล้งไอกลบเกลื่อน ยังดีที่พี่ลู่ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
 
“น้องฮุนไปพี่ก็ไปครับ “
 
“เฮ้ย งั้นกูไป! “
 
ไอ้ไคตบโต๊ะแล้วพูดเสียงดัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครฟังแล้ว สายตาอีกสี่คู่ที่เหลือหันไปมองผู้มาเยือน กลุ่มคนสี่ห้าคนที่เดินเข้ามานั้นดูคุ้นตาเหลือเกิน ผมหรี่ตามองชัดๆ เดอะแก๊งค์ของไอ้เฉินกำลังเดินตรงมาทางนี้ สภาพของมันดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ไอ้ไคลุกพรวดขึ้นทันทีจนไอ้เฉินกับไอ้เทาต้องชะงักด้วยความเกรงใจ ก็แหง โดนอิดำกระทืบปางตายซะขนาดนั้น
 
“มาทำไมวะ “ ไอ้ไคถาม ยกส้อมที่จิ้มแตงกวาคาอยู่ขึ้นชี้หน้าไอ้เฉิน คือกะว่าได้กลิ่นแล้วตาย
 
“กู .. กูจะมาขอโทษ “
 
“กูไม่รับ “
 
“กูไม่ได้มาขอโทษมึง กูมาขอโทษไอ้ฮุนกับไอ้ยอลมัน “
 
เพล้ง .. ราวกับใบหน้าหล่อเหลาปานกรรมกรของไอ้ไคกลายเป็นกระจกติดฟิล์มดำที่ถูกค้อนทุบอย่างแรงจนแหลกละเอียด ผมหันกลับไปหา ในขณะที่ไอ้ฮุนก็ลุกขึ้นจากที่นั่งอีกฝั่งแล้วเดินอ้อมมา
 
“มีไร “

“เอ้ยมึง! เอาพานมา “
 
ไอ้เฉินหันกลับไปสั่งเพื่อนในแก๊งค์ของมัน ในขณะที่ไอ้เทาก็เดินมาจับไหล่ไอ้ฮุนบังคับให้นั่งลงข้างๆผม กลุ่มของพวกมันแยกออก ไอ้เด็กหน้าจืดคนหนึ่งถือพานธูปเทียนเดินแหวกออกมาแล้ววางลงที่พื้นตรงหน้าผม ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆด้วยความเอ๋อแดก
 
“สามสี่ “
 
แค่นั้นยังช็อคไม่พอ ไอ้เฉินกับไอ้เทาคุกเข่าลงตรงหน้าผมแล้วประคองพานธูปเทียนนั้นไว้ ก่อนจะให้สัญญาณกับไอ้คริสที่ยืนอยู่ข้างหลัง ซอด้วงอันขนาดพอดีมือถูกเอาออกมาบรรเลงเป็นเพลงไทยโบราณ ไอ้เฉินเอาธูปสิบดอกมาจุดพร้อมกับดอกบัวพลางพนมมือขึ้นที่กลางอก เงยหน้ามองผม
 
!!!!! “
 
“กูมาขอขมา ขอโทษที่กูเคยทำไม่ดีกับมึงไว้ และไอ้ฮุน ขอโทษที่กูกระทืบมึงวันนั้น กูสำนึกผิดแล้วจริงๆ  ขอบคุณพวกมึงที่ช่วยชีวิตกูไว้ กูก็ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดช่วยคุ้มครองพวกมึง ให้ปลอดภัย ไม่โดนโกงตัง โตไวๆ พลานามัยสมบูรณ์ เพิ่มพูนคุณธรรม ขอให้วิ่งขึ้นรถเมล์ฟรีทัน สาธุ “
 
“สา..... ธุ “
 
ตรึ่งไปสิบแปดวิ ผมได้แต่นั่งเป็นควายเอ๋ออยู่ตรงนั้น ฟังไอ้เฉินพูดจนจบ พอแม่งสาธุ คนอื่นๆในเดอะแก๊งค์ของมันก็ขานคำว่าสาธุตาม ธูปสิบดอกถูกปักลงบนพานธูปเทียนที่จัดเรียงไว้ตรงหน้า พวงมาลัยดอกมะลิถูกส่งต่อๆมาจนถึงมือไอ้เทาแล้วมอบให้กับผมและไอ้ฮุนคนละพวง
 
“....“
 
ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆสักคำให้ลึกซึ้งในตอนนี้นอกจากควันธูปมหาศาลที่ลอยฟุ้งอยู่เต็มหน้าจนผมต้องไอโขลกออกมา ไม่แน่ใจว่านี่โรงอาหารหรือศาลพระภูมิ ผมยกมือปัดๆมันให้พอหายใจออก ไอ้สัดนี่ตกลงจะมาขอทอดกูหรือเอาควันธูปมาฆ่ากูวะเนี่ย แถมแม่งมาเป็นพิธีการ กูว่าปิดเทอมแม่งต้องหนีไปบวชสามเณรฤดูร้อนมาแน่ๆ หรือไม่ก็ทำงานพาร์ทไทม์เป็นมัคทายก กูเชื่ออย่างงั้นเลย
 
“ยะอะปะรามังตัง ทิพาจะนัง “
 
ไหนๆก็ไหนๆ เห็นพวกแม่งนั่งคุกเข่าพนมมืออยู่ไม่ยอมลุกไปไหน ผมในฐานะที่หัวเกือบล้านเพราะแดกผงชูรสค่อนข้างจะเยอะจึงให้พรไปหนึ่งข้อ พวกไอ้เฉินสาธุอีกรอบแล้วยิ้มร่าอย่างสบายใจ ก่อนจะสลายโต๋กันออกไปแดกข้าวที่โต๊ะเดิม ผมถอนหายใจด้วยความระอา หันหน้ากลับมาสนใจข้าวหมูแดงในจานของตัวเองต่อ
 
“อิเมื่อกี้แปลว่าไรวะ “

ไอ้ไคถาม ชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาหาผม ทุกคนหันมาสุมหัวกันด้วยความอยากรู้ในทันที เห็นทุกคนจ้องหน้าผมอย่างใจจดใจจ่อละรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนมีภูมิยังไงไม่รู้ อะถ้างั้นกูจะบอกให้ก็ได้ ผมไหวไหล่เกร๋ๆ ปั้นหน้าตอแหลแล้วตอบกลับไปแบบชิวๆ

“แปลว่า อย่าเอาปลาร้ามาตั้ง ที่พระจะนั่งแงะมึง “ 






จนกระทั่งการสอบปลายภาคสิ้นสุดลง ฤดูหนาวมาเยือนโดยไม่ส่งจดหมายมาแจ้งล่วงหน้า เช้าวันที่อากาศค่อนข้างจะหนาวพอสมควร ผม ไอ้แบค ไอ้ไค และไอ้ฮุนกำลังยืนโง่กันอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า โดยมีกระเป๋าเป้ใบใหญ่สะพายหลังไว้คนละใบสองใบ ทุกคนสวมเสื้อแขนยาวอย่างหนาพร้อมเตรียมแอดเวนเจอร์กันสุดฤทธิ์ ผมกระชับกอดหมอนข้างไว้แน่น หนาวเจี๊ยวหด
 
“ชานยอล กูอายชิบหายเลยอะ มึงไม่เอาอินี่ไปไม่ได้หรอวะ “
 
ไอ้ไคพูด เหล่มองมาที่เมียรักของผมซึ่งกำลังยืนกอดอยู่ ผมถลึงตาใส่มันพลางกอดเจี๊ยบไว้แนบอก มึงเป็นใครจะมาพรากคนรักไปจากกู
 
“กูขาดเขาไม่ได้ “ ผมตอบ เหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย 


"เขาไหน .."



"เจี๊ยบ " 


“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย คือมึงถอดปลอกหมอนออกก็ยังดีปะ กูขอร้อง แม่งเหมือนพวกวิปริตเลยมึงไม่เห็นคนเค้ามองหรอวะ “
 

มันพูดแล้วมองไปรอบๆ ท่ามกลางผู้คนที่แน่นขนัด ทุกสายตาจับจ้องมายังหมอนข้างเมียรักที่ผมกอดไว้แนบอก ยิ่งโดยเฉพาะไอ้พวกวิปริตตัณหากลับที่จ้องมายังเรือนร่างขาวเนียนที่สวมเพียงกางเกงชั้นในของเจี๊ยบไม่วางตา ผมถลึงตาใส่คนพวกนั้นแล้วกอดเจี๊ยบไว้แนบอก ใช้สองมือปิดหน้าอกเปลือยเปล่าให้คนรักอย่างหวงแหน
 

“แม่งมองนมเมียกู “
 
“ชานยอล กูขอ ถอดปลอกหมอนเหอะ “
 
ไอ้ไคเดินเข้ามาประชิด กระซิบบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน อะไร มึงเห็นรูปร่างของเจี๊ยบเป็นแค่ปลอกหมอนหรอ ออกจะเซ็กซี่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น เจี๊ยบแฟนผม ของผมคนเดียว คนอื่นห้ามมอง ห้ามยุ่ง ห้ามๆๆๆๆๆๆๆ
 
“เชี่ยยอล ถ้ามึงไม่ถอดปลอกหมอนมึงก็นอนอยู่นี่ละกันไอสัด กูไม่เอามึงไปด้วยหรอกนะ “
 
ไอ้แบคเดินมาพร้อมกับไอ้ฮุนและพี่ลู่หานที่ตามมาสมทบทีหลัง ในมือมีตั๋วสำหรับห้าคนมุ่งหน้าจากโซลไปซกโช ผมได้แต่ทำหน้าพ่อตายใส่มันแล้วจำใจถอดปลอกหมอนออกด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นัก ทำไมต้องดุกันด้วยหล่อไม่เข้าใจ
 
“เร็วหน่อย “
 
น้ำเสียงทุ้มห้าวตะโกนดังมาจากข้างหน้า ไอ้ไคคว้าข้อมือไอ้ฮุนได้แล้วลากเดินไปทางขบวนรถไฟทันที พี่ลู่หานเดินตาม ตามด้วยแบคฮยอน และผมคนสุดท้าย เราทั้งห้าต้องเดินแบบแถวเรียงหนึ่งเพราะคนเริ่มจะเบียดเสียดกันมากขึ้น ผมกอดอิเจี๊ยบที่ตอนนี้เปลือยเปล่าอย่างแท้จริงเพราะถอดปลอกหมอนออกแล้ว สภาพภายในมันก็ดูไม่น่าภิรมย์เท่าไหร่นัก แต่คราบน้ำลายที่เปรอะเป็นดวงๆนั้นหาได้ทำให้ผมอายไม่
 
ประตูรถไฟเปิดออก ราวกับเป็นรถไฟฟรีวิ่งหนีประชาชนยังไงอย่างงั้น ทุกคนถึงกรูกันเข้าไปเหมือนกับว่าถ้าไม่รีบรถไฟแม่งจะระเหยหายไปในอากาศ อิเหี้ยจะรีบไปหาพ่อหรอครับ ไอ้ไคกับไอ้ฮุนที่รีบเดินนำไปก่อนถูกกลืนหายเข้าไปในกลุ่มคน ในขณะที่พี่ลู่หานก็พยายามจะเดินตามเข้าไปให้ทัน ผมรีบคว้าข้อแขนเล็กของแบคฮยอนที่อยู่ข้างหน้าไว้ ฝูงคนเริ่มเบียดกันจนไม่มีที่ว่างให้พ่อกูนอนเลยสักเอเคอร์ ตัวของผมเซไปเล็กน้อยด้วยจากแรงดันจากด้านข้าง เนื่องจากฝูงคนจำนวนมากพยายามจะเข้าประตูเล็กๆนั่นให้ได้
 
“อ๊ะ
 
ผมรั้งคนตัวเล็กกลับมาแนบอก เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนจะถูกกลุ่มคนกลืนหายไปอีกคน พี่ลู่หานหายไปแล้ว จนถึงตอนนี้ผมกับมันก็ยังเข้าไปในตัวโบกี้ไม่ได้ อิเหี้ยนี่มันรถไฟฟ้านะ กูก็จำได้ว่ากูซื้อตั๋วอะไม่ได้ขอเขามา มึงช่วยใจเย็นๆละเข้าแถวได้ปะนิ ไม่เข้าใจว่าจะกรูกันเข้าไปทำไม รถไฟฟ้าตอนนี้แม่งเหมือนขี้เปียกๆ ละพวกเราเป็นแมลงวันบินเข้าไปรุมขี้ยังไงอย่างงั้น
 
แมลงวัน .. เอ้ย ไอ้แบค ไปเข้าทางนู้นดีกว่าว่ะคนน้อย “
 
กำ ด้วยความที่ความคิดของผมบรรเจิดไปหน่อย กูเสือกเอาความคิดมาปนกับคำพูดซะอย่างนั้น ผมแหกปากเรียกอิเตี้ยข้างหน้าแล้วลากมันฝ่าฝูงคนออกไปอีกทาง ก่อนจะอ้อมไปที่โบกี้ท้ายสุด แทบไม่มีคน คือไม่เข้าใจ มึงเดินอ้อมมาหน่อยจะมีใครตายมะ ขี้เกียจกันจังคนสมัยนี้
 
พอเดินเข้ามาก็พบว่าไอ้ไค ไอ้ฮุน และพี่ลู่หานมานั่งอยู่ตรงท้ายสุดของโบกี้เรียบร้อยแล้ว ผมพาไอ้แบคเดินเข้าไปด้านใน วางกระเป๋าสะพายที่หนักประหนึ่งขนตู้เย็นที่บ้านมาลงที่พื้นแถวๆตีนพี่ลู่ เหลือที่นั่งว่างแค่ที่เดียวก็ให้แม่งนั่งไปละกัน ส่วนผมจะไปนอนกะอิเจี๊ยบตรงพื้นริมประตู จนถึงซกโชละปลุกกูด้วยไอสัด ไปละบ้าย

 




ซกโช 16.00 น.
 
แทบจะเรียกได้ว่าโดนลากลงมาจากสถานี ผมยืนแบบกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ริมถนนที่ไม่มีแม้แต่รถสักคันจะผ่านหลังจากลงมาจากแท็กซี่ ยกมือแคะขี้ตาพลางกอดอิเจี๊ยบไว้แน่น จากตรงนี้จนถึงที่พักที่เราจะไปจอยกันก็ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณเกือบกิโล วินาทีแรกที่ได้ยินผมแทบจะถอดจิตออกไปเลยอิห่าไกล
 
“เพื่อเงิน เพื่อเงิน “
 
อ้าปากหาวกว้างๆจนแทบจะแดกหัวคนข้างๆได้ ได้ยินเสียงไอ้ฮุนพูดปลอบใจตัวเองก่อนที่เราทั้งห้าจะเริ่มเดินแบกเป้ไปช้าๆด้วยความเพลีย ผมกระชับเสื้อโค้ทแน่น อากาศหนาวจนปากสั่นพั่บๆๆ รู้สึกได้ถึงละอองหิมะที่ใกล้จะตกลงมาทุกที ผมซุกมือลงในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวหนาของตัวเอง พยายามเดินย่ำเท้าเร็วๆไปตามพื้นหิมะเพื่อรักษาความอบอุ่น
 
และเพราะว่าเป็นที่พักแบบเกาหลีโบราณดั้งเดิมและมีคนรู้จักไม่มากนัก ที่พักจึงอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นบรรยากาศก็ดีเยี่ยม มีทั้งบ่อน้ำแร่ ลานสำหรับเล่นสเก็ตหิมะโดยเฉพาะ เลื่อนลอยฟ้าสำหรับชมทิวทัศน์รอบเมืองซกโช และมีข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างครบครันในตัว ถึงแม้งานจะหนักไปสักหน่อยแต่ผมก็ไม่หวั่น กูจะอู้ให้คุ้มกะแรงที่กูเสียไปเลย
 
“เชี่ยเอ้ยหนาว “
 
ได้ยินเสียงคนตัวเล็กที่เดินย่ำต๊อกอยู่ข้างๆ ตอนนี้ร่างเล็กๆถูกห่อด้วยเสื้อสเวทเตอร์อย่างหนาสองชั้น ทับด้วยเสื้อโค้ทสีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่ มองเผินๆแม่งเหมือนแหนมไม่มีผิด (ว้ายอยากกินแหนม) ริมฝีปากบางนั้นสั่นพั่บๆเพราะความหนาว ปลายจมูกรั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เวลาหายใจก็มีไอเย็นออกมาด้วย ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งเอวบางให้เข้ามาเดินใกล้ๆ
 
“หนาวก็ซุกรักแร้กูไว้ ป่าสาหร่ายอบอุ่นเสมอ “
 
รู้สึกเหมือนว่าความเป็นพระเอกจะระเหยหายไปทุกครั้งที่ผมอ้าปากพูด แต่ก็ใช่ว่าผมจะแคร์ กูเบๆอยู่แล้วไม่มีอะไรจะเสีย ไอ้แบคทำหน้ายี๋ใส่ผมอย่างรังเกียจ ผมได้ยิ้มขำใส่มันก่อนจะเดินก้าวช้าลงอีกหน่อยเพื่อให้มันเดินตามทัน ก่อนที่เราจะเดินไปพร้อมๆกัน ในขณะที่มือขวาของผมยังวางค้างไว้อยู่ที่บั้นเอวของอีกคน
 
สามชาติผ่านไป เราทั้งห้าก็หอบเอาสังขารมาถึงที่พักอย่างทุลักทุเล ได้ยินเสียงพี่ลู่หานกับไอ้ฮุนที่เดินนำอยู่ไกลๆโหวกเหวกดังลั่นด้วยความตื่นเต้น ผมรีบเดินไปดู สวยกว่าที่คิดไว้จริงๆ มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนเนื่องจากพระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน แสงไฟหลากสีถูกเปิดขึ้นท่ามกลางหิมะขาวโพลน บ้านไม้หลังเล็กๆเกือบสิบหลังถูกตั้งอยู่ในระยะที่ห่างกันพอสมควร แถมยังมีต้นไม้ต้นเล็กๆน่ารักปลูกอยู่โดยรอบ .. มันสวย แต่สวยน้อยกว่าเจี๊ยบหน่อยนึง
 
ไอ้แบคพาพวกผมสี่คนที่เหลือเดินนำเข้าไปด้านใน บ้านไม้หลังใหญ่ที่สุดตรงกลางซึ่งน่าจะเป็นที่พักของเจ้าของที่นี่ รู้สึกอุ่นขึ้นทันทีที่เดินพ้นประตูเข้ามา ด้านในประดับด้วยข้าวของโทนสีน้ำตาล ส้ม และขาวดูเข้ากันทั้งหมด มุ่งหน้าไปยังเคาท์เตอร์ด้านในสุดของห้องโถงใหญ่
 
ในขณะที่ไอ้แบคกำลังติดต่ออยู่กับคุณป้าใจดีเจ้าของที่พักอันอบอุ่นอยู่นั้นเอง ผมกวาดตามองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้นมากจริงๆ ผมไม่เคยไปไหนมาไหนกับเพื่อนไกลๆอย่างนี้เลย ก็อย่างที่กูบอก ไกลสุดก็เซเว่น พอได้ออกมาแบบนี้แล้วแม่งเป็นอะไรที่เย้ดครกมากจริงๆง่อ ผมวางอิเจี๊ยบไว้ตรงเคาท์เตอร์เพราะเริ่มรู้สึกเมื่อยหลังจากเดินอุ้มแม่งมานาน ก่อนจะหันไปสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้า อะไรบางอย่างที่ทำให้ใจผมหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตีน
 
“ฮาย .. “ 






________________________________________________
  100perละจ้าตรึ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆyeah
ฟิคกู เปิดพรีแล้วน้าๆๆ อยากดูรายละเอียดไปดูที่ตอนถัดไปเลยจ้าชะนี
รักๆนะครับ เด้าเรียงตัวเลยจ้าบายๆ

1 ความคิดเห็น:

  1. เออจริงที่ยอลมันพูดว่าบทพระเอกของมันจะหายไปทันทีที่มันอ้าปากพูด เย็ดครก!ว่าแต่ใครฮายอ่อ?...

    ตอบลบ