วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 15





ผมรีบปรี่เข้าไปทันทีที่พี่ลู่หามไอ้ยอลเข้ามา ร่างสูงโปร่งถูกวางไว้บนโซฟาสำหรับรับรองแขกตรงล็อบบี้ แทบจะเรียกได้ว่าโยน พี่ลู่หายใจหอบ ไอ้ชานยอลต้องหนักมากแน่ๆ


 รอตรงนี้  “


ไอ้คริสหันไปพูดกับพี่ลู่หานแล้ววิ่งเข้าไปหาคุณป้าที่ข้างหลังครัว ผมหันไปมองหน้าพี่ลู่หานอย่างต้องการคำตอบ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เหมือนเวลามันผ่านไปเพียงแปปเดียวเท่านั้น แต่ในความรู้สึกผมอะแม่งนานมากเลย ไอ้คริสวิ่งออกมาพร้อมกุญแจรถแล้ววิ่งนำออกไป พี่ลู่ช้อนตัวไอ้ยอลขึ้นอีกรอบแล้วอุ้มตามไป ผมหันกลับไปมองไอ้ไคกับไอ้ฮุนที่มีสีหน้าตกใจไม่ต่างกัน ส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้พวกมันเฝ้าอยู่ที่นี่



เพียงไม่กี่นาทีพวกเราทั้งสี่คนก็มาถึงโรงพยาบาล ถึงแม้ว่าจากรีสอร์ทถึงโรงพยาบาลจะไกลกันพอสมควร ท่ามกลางทางถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ไอ้คริสกลับเหยียบมิดรีบบึ่งมาให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไอ้ยอลในสภาพไร้สติเอาหัวหนุนตักผมอยู่ ส่วนขาก็พาดไปทางพี่ลู่หาน ตลอดทางไปโรงพยาบาลไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรเลยสักคำ
พอถึงแล้วก็พากันหิ้วมันลงจากรถอย่างลำบากก่อนที่เปลเคลื่อนที่สำหรับผู้ป่วยจะมารับ ไอ้ชานยอลตัวหนักมากจริงๆ ผมยังนึกงงว่าพี่ลู่หานอุ้มมันกลับมาได้ยังไงคนเดียว


“ไอ้ยอล อย่าเป็นอะไรนะว้อย”


ผมได้แต่พูดเบาๆกับตัวเอง เห็นเลือดแม่งแล้วใจไม่ดีเลย ผมเร่งฝีเท้าเดินตามบุรุษพยาบาลที่กำลังเข็นร่างของเพื่อนสนิทไปตามทาง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้มันไม่เป็นไร




PARK CHANYEOL PART


ผมนอนเกร็งตัวจนไข่เบี้ยว รู้สึกเหมือนมีใครมายุ่มย่ามกับร่างกายของผมอยู่ ฉับพลันที่ได้สติกลับมา ผมลืมตาขึ้นก็พบว่าผมกำลังนอนอยู่บนอะไรสักอย่างที่เคลื่อนที่ได้ และข้อสงสัยต่อมาคือ กูอยู่ไหนอะ พอหายใจละได้กลิ่นยาเท่านั้นแหละ รู้เรื่องเลย


“อึ้ย ตุ้บ! อั้ก! “


และในจังหวะที่ผมลุกพรวดขึ้นนั่งในขณะที่อิเตียงเคลื่อนที่ซึ่งกำลังเข็นแบบความไวแสงอยู่นั้นเอง ร่างของผมปะทะเข้ากับอากาศเบื้องหน้าอย่างจังจนหงายหลังร่วงหล่นลงไปจากเตียง เสียงเอฟเฟคตามมาอย่างไว ได้ยินเสียงหลังตัวเองกระแทกกับพื้นกระเบื้องดังตุ้บ เรียกให้ผมต้องร้องออกมาด้วยความจุก


“โว้ยอิเหี้ย มึงจะเข็นกันไปไหน กูอยู่นี่ ! “


ตะโกนเรียกพวกแม่งที่วิ่งไปพร้อมกับเปลเปล่าอย่างมุ่งมั่น ยกมือขึ้นประคองตูดตัวเองให้ลุกขึ้นแต่กูลุกไม่ไหว รู้สึกปวดหนึบที่ท้ายทอย ละแสบหนังหัวด้วยอิเห้ แสบตา รู้สึกเหมือนเลือดเข้าตาเลย ละแม่งเหม็นคาวอะ กลิ่นเหี้ยไรวะ เหมือนกลิ่นคาวเลือดอะ เลือด.. เลือดดดดดดดดดดดด


“กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”


ตอนแรกก็ไม่อะไรอะ แต่พอกูแตะๆดูที่หน้าผากเท่านั้นแหละได้เรื่องเลย ผมกริ้ดลั่นโรงบาลเมื่อเห็นเลือดตัวเอง พวกไอ้คริสและบุรุษพยาบาลกรูเข้ามาหาผมอย่างเร็วแล้วทำการปิดปากปิดจมูก หามกูขึ้นไปบนเตียงตามเดิมอย่างทุลักทุเลสุดชีวิต ผมดิ้น ดิ้น ละก็ดิ้น ม่ายยยยยยยยยยยย


จนในที่สุดผมก็มาอยู่ที่ห้องตรวจอย่างทุลักทุเลที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเป็นมา เพราะกูดิ้นสุดพลัง แค่นึกว่าหัวแตกแล้วจะต้องเย็บผมก็แทบจะสิ้นใจตายล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ตอนแรกกูกะจะกลั้นใจตาย แต่พอมานึกๆดูแล้ว กูไม่ใช่นางเอกวรรณคดีไทยสักหน่อยนี่กว่า ละว่าจะกัดลิ้นตายแต่ใจก็ไม่กล้า พอจะกลั้นหายใจก็เสือกหายใจอีก ละชาตินี้กูจะได้ตายมะเนี่ยโว้ย


ไอ้คริสกับบุรุษพยาบาลที่หามผมมาจัดการโยนผมลงบนเตียงตรวจอย่างแรง แผ่นหลังผมกระแทกกับเบาะเขียวๆดังบรั้ก รู้สึกจุกไปยันลิ้นปี่ ไอ้เหี้ยตกลงนี่กูเป็นผู้ป่วยปะเนี่ย ปฏิบัติกะกูเหมือนคนนิดนึงเซ้ ไม่ใช่มาหามๆโยนๆแบบนี้กูไม่ใช่ลูกโบว์ลิ่งน้ากูคนน้า จากนั้นไอ้คริสก็ถอยออกไป บุรุษพยาบาลและพยาบาลหน้ามึนอีกสองสามคนกรูกันเข้ามาล็อคตัวผมแล้วจับขึงไว้กับเตียง ผมดิ้นสุดฤทธิ์จนแทบจะลืมความเจ็บ สองมือพยายามไขว่คว้าหาไอ้แบคที่ยืนอยู่ข้างๆ มือของผมคว้ามือเล็กที่ชื้นเหงื่อนั้นไว้ได้พอดี ผมบีบมันไว้แน่นก่อนที่ร่างของผมจะโดนตรึงให้นอนหงายอยู่บนเตียง


“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บเว้ย กูอยู่ตรงนี้“


บุรุษพยาบาลสองคนจับผมล็อคตัวไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ก่อนที่พยาบาลและหมอจะเข้ามารุมแผลผม แขนของผมข้างหนึ่งยื่นออกไปจากวงล้อม ทุกคนมุงกันจนหูอื้อตาลายไปหมด ผมแทบมองอะไรไม่เห็นนอกจากพุงหมอและราวนมของพี่พยาบาล และสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ก็คือจับมือไอ้แบคไว้ให้แน่นที่สุด มือเล็กบีบมือผมตอบกลับมาเป็นพักๆอย่างให้กำลังใจ


“ต้องเย็บไหมคะหมอ”


“ไม่เย็บ! ม่ายยยยยยยยยยยยยยย กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด “


“ชู่ว อยู่เฉยๆ “


ได้ยินเสียงอาเจ๊คนอ้วนๆที่ขึงแขนอีกข้างของผมอยู่พูดกับหมอแล้วใจกูก็หล่นไปอยู่ที่ตีน ม่าย เย็บแผลหรอ เย็บคืออะไรบอกกูที มันจะไม่มีการเย็บใดๆทั้งนั้น แค่มดกัดกูยังนอนร้องไห้เลย แล้วนี่อะไร เย็บแผลหรอ มันจะไม่มีวันนั้น ผมดิ้นเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกเลย


“อ้ากกกกกกกกกกก ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


“ชู่ว .. เงียบ ! “


“ไอ้ยอลใจเย็นๆดิวะ “


“แผลลึก.. “


“เย็บใช่ไหมคะ ? “


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


ทุกสรรพเสียงตีกันจนมั่วไปหมด แต่ที่จับใจความได้คือแผลกูลึก และมันต้องเย็บหรอ อิเหี้ย อิพยาบาลทรราชนี่มึงก็อยากจะให้กูเย็บจังนะหูตั้งหางกระดิกเชียว ไม่เย็บ แผลไม่ลึก กูยังมีสติอยู่ แผลไม่ได้ลึกสักหน่อย มึงอะไรมึงเนี่ย แง


“ไม่ต้องเย็บครับ “


อิหมอบอก เหมือนมีใครมายกหมาออกไปจากอก ผมถอนหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดดิ้น เมื่อคุณหมอหมาผละออกไปจากร่างของผมแล้วหันไปสนใจกับอุปกรณ์ทำแผลแทน อิบุรุษพยาบาลลูกกระจ้อกทั้งหลายจัดการขึงแขนขาของผมไว้กับเตียง ถ้าเตียงแม่งไม่แข็งแรงพอกูว่าป่านนี้ตีนกูทะลุเบาะไปแล้วแหละ ผมออกแรงยื้อเมื่อเห็นหมอใช้เหล็กอันแหลมยาวคีบสำลีแล้วจุ่มลงไปในถังแอลกอฮอล์อย่างชุ่ม ก่อนจะย้ายมาแปะบนหน้าผากของผมช้าๆ มองเห็นเป็นภาพสโลว สิ่งที่ผมพอจะทำได้ตอนนี้คือหลับตาแล้วแหกปากร้องลั่นโรงพยาบาลให้ดังที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยทำมา วินาทีนี้กูเชื่อว่านกหวีดยี่ห้อไหนแม่งก็สู้คอหอยกูไม่ได้แล้ว ผมกริ้ดสู้ตายเลย อิเหี้ย แสบบบบบบ


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก ว้ากกกกกกกกกกก ๆๆๆๆๆ”


รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพี่แน็ปเรทโทรสเปคก็มิปาน เอ่อคือ ถ้ามึงเป็นชาวรว็อคมึงจะรู้ เค้าดังสมัยกูปอหก ร้องเพลงปล่อยฉันอะ สำหรับชาวรว็อคมือใหม่ ถ้ามึงอยากฟัง ไปหาในยูทูป กูต้องพิมเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วยปะนิ เออช่างมันเหอะ แต่ตอนนี้เข้าเรื่องก่อนนะ กูแสบหนังหัวมากเลย คือผมอะ .. ถึงไหนละวะ ถึงแอลกอฮอล์ใช่ไหม เออหมอแม่งเอาแอลกอฮอล์จ้วงหัวกูแล้วถูใหญ่เลยไอสัด หน้าพี่แกแบบหนุกๆมากอะสแครชแผลกูมันส์เลยสิมึง สาบานเลยว่าในจิตใต้สำนึกผมได้ยินเสียงสำลีถูแผลดังเอี้ยดๆๆอะ ทำขนาดนี้ถ้าแผลไม่สะอาดนะอนุญาตให้อมขี้มาพ่นหน้ากูได้เลย


“คนไข้อยู่เฉยๆสิคะ หมอทำแผลลำบากนะ “



"โอ้ย เป็นพี่พี่จะเฉยไหวปะครับ มันเสียว อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"




อิพยาบาลพูดพะงึมพะงำอยู่ข้างหู ผมได้แต่หลับตาแล้วเกร็งจนเจี๊ยวจะหลุด จัดการกริ้ดอัดรูหูนางซะให้เสร็จสรรพ เอาให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร อิพยาบาลหน้าเบี้ยวไปเลยหลังจากเจออานุภาพเสียงของผม ไงละมึง โดมเดอะสตาร์นี่คือชิดซ้าย มารายแครี่ยังสู้กูไม่ได้เลย เสียวอะแม่งเสียวมากจริงๆ ผมจิกมือไอ้แบคแน่นเลย แต่ไม่ได้ยินมันร้องสักแอะเลยนะ แถมแม่งยังส่งมืออีกข้างมาลูบหลังมือผมอีก ผมก็จิกใหญ่เลยดิ ผมกลัว เมื่อไหร่จะเสร็จวะ


“โดนอะไรมาครับเนี่ย “


“กระแทกหมอนมามั้งครับหมอ “


ผมกัดฟันตอบ เสียวมาก หมอแม่งเอาสำลีชุบแอลกอฮอลอันนั้นไปทิ้งละ สำลีอันใหม่ที่ก้อนใหญ่กว่าเดิมเลื่อนไปจุ่มยาแดงสีนรกขึ้นมาแล้วเลื่อนเข้ามาใกล้หัวผมอีกครั้ง ไอสัดคราวนี้ละมึงแสบของแท้ ผมถีบพยาบาลกระเด็นเลย


“ฟาดพื้นครับ “


ได้ยินเสียงเหมือนใครคนหนึ่งตอบ อะไร ไปตอบแม่งทำไม เสร่อจริง เป็นหมอมีหน้าที่ทำแผลก็ทำไปดิวะมายุ่งเรื่องไรของกูนิ ละเสือกมาสแครชแผลกูอีก พ่อไม่ถีบให้กูบุญละ


“ยังดีแผลไม่ลึกนะครับเนี่ย ไม่งั้นเจ็บตัว ได้เย็บแผลแน่ๆเลย “


ใครๆก็คงคิดว่าหมอแม่งขี้เล่น ความหล่อของแม่งไม่ได้มีอิทธิพลกับใจผมเลย ทำไมอะหลอ ก็กูไม่ใช่ตุ้ด แถมแม่ง กากๆ หน้าบ้านๆ หล่อสู้เล็บตีนผมยังไม่ได้เลย กูก็ฟีบอะกากๆ ตาตี่ๆ ยิ้มทีตาหยีคิดว่าเท่ห์หรอวะ กากอะ ไม่ได้ดูดีเลย ละมึงอะไรอะทำไมต้องแช่งให้กูเย็บด้วยอะ


“เสร็จแล้วครับผม อย่าให้แผลโดนน้ำนะ ซนน่าดู ถีบบุรุษพยาบาลของผมซะล้มเลย “


“ขอบคุณนะครับ “


พูดแล้วแม่งก็เดินออกไปเว้ย มีการมาหัวเราะน้อยๆ สงสัยนึกว่าหล่อ ผมแลบลิ้นใส่แม่งก่อนจะดันตัวลุกขึ้นจากเตียง พยาบาลลูกสมุนมันก็ทยอยเดินกันออกไปละ ผมบิดตัวไปมาด้วยความปวดเมื่อย กูว่ากูยังไม่เจ็บแผลเท่าตอนที่มึงขึงกูเลยอะ เจ็บขา อิห่า  


“มึงไปขอบคุณแม่งทำไมวะ แม่งมือหนักชิบหาย แผลกูจะแหกอยู่ละนิ “


ผมหันไปถามไอ้แบคอย่างเสียอารมณ์ ยกมือจับๆคลำๆแผลบนหน้าผากตัวเองแล้วก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แม่งไม่น่าเท่ห์เลย ตอนแรกพวกผมสามคนอะเล่นปาหิมะกัน แล้วคือผมอะปีนบันไดลิงทาสีอยู่ดีๆ พี่ลู่แม่งทะลึ่งปาขึ้นมา กูก็หลบดิ โห้ ลงไปนอนจูบพื้นสวยๆเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะถึงขั้นสลบนะนิ อยากจะรู้ว่าตัวควายๆอย่างผมนี่ใครแม่งหามมาวะ ตื่นมากูก็มาอยู่โรงบาลละนิ จะบอกว่ามีความสามารถมากเลยอ้ารักเลยจ้า ผมว่าเอาจริงๆผมก็น่าเป็นนางเอกละครหลังข่าวอยู่นะ หลายเรื่องละไอสัด สำออยใสๆ



“เอ้า ก็เค้าทำแผลให้มึง “


“คือกูก็ต้องจ่ายตังให้แม่งอยู่ดีปะ ไป กลับเหอะ “


ตอบมันแล้วก็พยุงตัวเองลุกขึ้น แต่แม่งมึนชิบหาย ผมเซไปกระแทกกับรถเข็นข้างๆอย่างจังเลย เดือดร้อนไอ้แบคต้องรีบเข้ามาประคองผมไว้ ผมหันไปยิ้มแหยๆให้แม่ง เริ่มรู้สึกปวดหัวเหมือนมีใครเอาไรแข็งๆมาทุบเลย


“ไหวปะวะ ขี่หลังกูไหม “ ไอ้แบคถาม เดินนำผมไปก้าวนึงแล้วย่อตัวนั่งลง


“โหไอลูกหมา ตัวมึงก็กะติ้ดนึง ขืนกูขี่หลังมึงก็พอดีอะ ทับมึงปลิ้น “


“กูเป็นห่วงนี่หว่า มึงไม่ไหวก็อย่าฝืนดิ “


“กูไหว ถ้ามึงยังจับมือกูอยู่อย่างงี้อะ ให้เดินไปลำปางกูก็ไหว “


ผมอมยิ้ม ชูมือของมันที่จับกับผมอยู่ให้มันดู คนตัวเล็กไม่ได้พูดอะไร มันถอนหายใจออกมา ก่อนที่มืออีกข้างจะตวัดอ้อมมาแตะหลังผมเบาๆเพื่อประคองทั้งๆที่ตัวมันก็เล็กนิดเดียว ผมหัวเราะ ทำอย่างกะกูเป็นคนท้องไปได้







SEHUN PART

ผมนั่งเท้าคางอยู่หน้าเคาท์เตอร์พลางเคาะโต๊ะไปด้วยอย่างเบื่อหน่าย แม่งอะไรวะเนี่ย นี่ก็ผ่านสองชั่วโมงละพวกนั้นก็ยังไม่กลับมา จะบอกว่าผมไม่ชอบอยู่กับอิดำนี่ลำพังเลย มันกดดันมากๆจริงๆ


“มองกูทำแมะ หน้ากูเหมือนตุ้กตาบาร์บี้ของมึงรึแงะ ? “


ผมสะดุ้งเมื่อไอ้ไคพูดแหย่ อะไร นี่กูมองหน้ามันหลอ ตอนไหนไม่ทราบ ผมจัดการคว้าฟุตเหล็กแถวๆนั้นแล้วเคาะหัวมันทีนึงด้วยความหมั่นไส้ แม่งชอบเอาเรื่องนี้มาล้อ ผมไม่ชอบเลย


“โอ้ยอิเหี้ย เจ็บนะ ถ้าหัวแตกขึ้นมามึงจะว่าไง “


“เรื่องของมึงดิ “



ผมตอบเท่านั้นก่อนจะหันมาสนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองต่อ เดี๋ยวนี้ผมมองหน้าแม่งไม่ได้เลย มันเหมือนมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมมองหน้ามันนานๆไม่ได้ มันทำให้ผมใจสั่น และผมคิดว่าถ้าผมอยู่ใกล้มันนานๆ แม่งต้องแผ่รังสีออกมาทำให้ผมดำเหมือนมันแน่ๆ


“คุยกับใครวะ “


ไอ้ไคชะโงกหน้ามาในจังหวะที่ผมดึงโทรศัพท์หลบพอดี ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กลอกตาไปมา ผมกำลังคุยกับพี่ลู่หานอยู่ อยากรู้ว่าป่านนี้ไอ้ยอลมันตายไปแล้วรึยัง แล้วเดี๋ยวแม่งก็มาหาเรื่องผมอีก


“แหน่ะหลบทำแมะ คุยกะสาวล่ะสิแหม่ เดี๋ยวนี้เพื่อนกูชักจะฮอตใหญ่ละกิ๊วกิ๊ว “


ไอ้ไคยิ้มเผล่ ก่อนจะส่งมือมาหยิกแก้มผมแรงๆสองทีแล้วส่งเสียงล้อ ผมชักสีหน้าใส่แม่งแล้วปัดมือมันออกไป แบบนี้ไม่ชอบเลย


 “ไอเหี้ย สิวกูขึ้นหมดละ! “


“เห้ย ขึ้นได้ไง เมื่อกี้กูเพิ่งใช้มือนี้แคะขี้มูกเลยนะ “ ไอ้เชี่ยไคตอบ แบมือให้ดูแล้วถลึงตาใส่ผม


“เอออออออออออออออ ไอสัด! ถ้าสิวขึ้นนะ กูจะฆ่ามึง”  


“โถ้ ทำไมใจแคบจัง คนกันเอง “


ไอ้ไคตอบ มันหัวเราะแปลกๆแล้วแคะขี้มูกมาป้ายลิ้นผมในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากเถียงมันพอดี


“อี๋!!!!!!!!!!!!!!!!! แหวะ!!! ยี้!!!!! ค่อกๆ อิเหี้ย อี๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “


เค็มเหี้ยๆอะโอ้ยไม่มีอะไรรสชาติแย่ไปกว่านี้ ผมห่อปากแล้วเอาลิ้นออกมา สองมือส่งไปรูดลำคอตัวเองรัวๆให้อ้วกออกมาแต่ก็ไร้ผล รสชาติเค็มเฝื่อนของขี้มูกไอ้เหี้ยไคยังติดตราตรึงอยู่บนปุ่มรับรสไม่จางหาย ผมหลับตาปี๋ ทั้งขากทั้งไอ แม่งทำตัวซกมกชิบหายเลยอะโว้ยยยยยยยยย เค็ม อี๋


“โหแหมมึง กูแคะนิ้วชี้ แต่ที่ป้ายปากมึงอะนิ้วกลาง ทำเป็นรังเกียจไปได้ “


“สัส ไปไกลเลยปะ กูเกลียดมึง อ้ากกกกกกกกกกกก!!! “


แทบจะหยิบคีย์บอร์ดแถวๆนั้นขึ้นมาฟาดแม่งให้สลบเหมือด แต่ติดอยู่ที่ว่าในมือผมมีแค่ปากกาด้ามเดียว จะเอาปากกาแทงมันก็กระไรอยู่ ผมก็เลยได้แต่ก่นด่าแม่งไปเพียงเท่านั้น ไอ้ไคหัวเราะ มันส่งมือมายีหัวผมแรงๆก่อนจะผลักหน้าผมจนหงาย




ผมเกลียดมัน เกลียดเสียงหัวเราะของมัน เกลียดรอยยิ้มของมัน เกลียดนิสัยของมัน
เพราะมันทำให้ผมชอบ ..
ห่าเอ้ย





“ทีนี้ละมาไล่กู ตอนเด็กๆนี่เดินตามกูต้อยๆติดกูเป็นลูกลิงเลย พี่จงอิน พี่จิงอินฮะ พี่ ..อั้ก! “


ได้ยินแม่งล้อเรื่องสมัยเด็กๆแล้วผมเองก็ทนฟังไม่ได้ จู่ๆแม่งก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาเฉยๆ และในระหว่างที่มันกำลังทำท่าล้อเลียนผมอยู่นั้นเอง ผมก็เลยสงเคราะห์แม่งด้วยการยกตีนถีบที่หน้าท้องมันอย่างจังจนหงายหลังตกเก้าอี้ไปนอนนับดาวอยู่บนพื้น


อืม โหด มึงเคยได้ยินไหม เสหุน ส. ป.ประมุข นักชกจากประเทศเกาเหล พิกัดน้ำหนัก 56 กิโล 2 ขีดครึ่ง แชมป์มวยตับจาก ชนะหมื่นครั้ง แพ้สองครั้งเกร๋ๆ พูดน้อยแต่ต่อยหนักน้า อันที่จริงอะกูอยากพูดเยอะๆแต่ว่าอิคนเขียนมันให้กูออกแค่นี้อะ กูก็เลยต้องทำตรงนี้ให้ดีที่สุด อืม ไหนๆก็ไหนๆละ ขอเล่นหน่อย


“โอ้ยฮุนมึงเล่นแรงอะ .. โอย“


“กูไม่ได้เล่น กูถีบ “


“เออนั่นแหละ ดึงกูขึ้นเร็ว “ มันเร่ง ยังคงนอนตายอยู่บนพื้น


“ไปคุยกับขี้ไปมึงอะ “


ผมลุกขึ้นชะโงกหน้ามองมันแล้วเอ่ยแซว ก่อนจะเอาตีนเขี่ยๆแม่งแล้วเดินข้ามศพมันออกมาจากทางออกหลังเคาท์เตอร์ กะจะไปเข้าห้องน้ำสักหน่อยคงไม่ต้องปงต้องไปมันละ พวกไอ้คริสกับพี่ลู่หานมานู่นละ เอาไงดี กูเพิ่งจะพากษ์ได้แปปเดียวเองนะ ผมควรจะยื้อบทไว้ไหม เพราะอิห่ายอลมันเดินหูบานมานู้นละ ผมก็ต้องคืนบทให้มันเป็นคนพากษ์ต่อละใช่ไหม ? ทำไมอะงง ผมได้ทอล์กแค่นี้เองเหรอ อะไรวะ แม่ง ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยอิเหี้ย นี่มึงเห็นกูเป็นตัวอะไร กูลูกมีพ่อมีแม่นะเนี่ย นี่มึงเห็นกูเป็นแค่ตัวประกอบหรอ เออมึงจำไว้ อย่าให้ถึงทีกูละกัน สาส







CHANYEOL PART


กว่าจะกลับมาถึงที่รีสอร์ทก็เย็นแล้ว ก็ไม่มีไร บอกแค่นี้แหละ


เห้ยๆล้อเล่น 555555555555555555555555555555 กว่าจะกลับมาถึงที่รีสอร์ทก็เย็นละ พวกผมก็เลยไม่มีงานไรต้องทำอีกนอกจากหน้าตาดีไปวันๆ ก็งานสำหรับวันนี้หมดแล้ว จบสิ้นลงแล้วสำหรับงานทาสีนรกแตกตลอดวันที่ผ่านมา พวกเราเหนื่อยกันมาก โดยเฉพาะผม ออกแรงไปไม่เท่าไหร่ กูเหนื่อยกริ้ดเนี่ยแหละ ยังเจ็บหนังหัวไม่หายเลย
พอมานั่งรวมๆกันได้เราก็ตัดสินใจกันว่าจะไปอาบน้ำกันก่อนละค่อยมาแดกข้าวฟรี เพราะว่าตอนนี้เหนียวตัวมากๆเลยครับ ถึงจะแบบเหงื่อออกไม่มากเพราะอากาศหนาวบรม แต่กลิ่นเต่าแม่งไม่ไหว ยกขึ้นทีนี่แทบเป็นลม ผมค่อยๆเดินมึนๆไปตามทางเดินโดยมีไอ้แบคคอยพยุง ในขณะที่ทุกคนวิ่งกลับห้องพักไปแย่งกันอาบน้ำล่วงหน้าไปก่อนแล้ว


“....”


เปิดประตูเข้าไปก็เจอพวกแม่งนั่งอยู่ตรงฟูกที่นอน มีผ้าเช็ดตัวพาดบ่ากันคนละผืนสองผืน ในมือถือเสื้อผ้าม้วนเป็นก้อนๆและอุปกรณ์อาบน้ำอีกสองสามอย่าง ผมเลิกคิ้ว


“เอ่าพวกมึง จะไปไหน “


“ว่าจะไปแช่น้ำพุร้อนหน่อยว่ะ มึงไปปะ “ ไอ้ไคตอบ ลุกขึ้นหยิบเสื้อจากไอ้ฮุนแล้วเดินไปอยู่ที่หน้าประตู


“เห้ยรอด้วย “ ไอ้แบคตอบก่อนจะวิ่งไปรื้อกระเป๋า แม่งปล่อยแขนกูทิ้งเลย เกือบร่วง


“ละมึงอะ ? “


“เออ ไม่ไปว่ะ ขี้เกียจ พวกมึงไปเหอะ “


ผมตอบพวกมันพลางโบกมือไล่ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนฟูกที่นอน แม่งมึนชิบหาย พวกไอ้ไคพยักหน้าเออออแล้วก็แห่ออกไปกันหมด ยังดีที่ปิดประตูให้ด้วย ขอบคุณ ตอนนี้อากาศข้างนอกแม่งหนาวชิบหาย ละมืดด้วย ผมเองก็ขี้เกียจเดิน ไม่รู้แม่งน้ำพุร้อนนี่มันอยู่ตรงส่วนไหน กูอาบมันทีนี่ละกัน




ผมแก้ผ้าออกหมดละนอนแผ่อยู่บนฟูกอย่างมีความสุข โคตรชอบเวลาแก้ผ้าอยู่ในห้องคนเดียว แม่งสบาย กูจะเดินไปไหนก็ได้ จะทำไรก็ได้ จะเกาตูดเกาไข่อะไรก็ไม่มีใครว่า และหลังจากที่ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนฟูกจนพอใจแล้วก็ได้เวลาอาบน้ำ




เดินแก้ผ้าเข้าไปในห้องน้ำแบบชิวๆ ก่อนจะเปิดฝักบัวแล้วหันหลัง กะให้ชุ่มทั้งตัวรวดเดียว แต่ก็ต้องร้องออกมาเพราะความเย็นจัดของมวลน้ำที่ปะทะแผ่นหลัง พอเงยหน้าดูเท่านั้นแหละมึงรู้เรื่องเลย เครื่องทำน้ำอุ่นแม่งเสีย อิไฟสีแดงๆที่มันควรกระพริบๆอะเสือกนอนแน่นิ่งไม่กระดิกเลย หนาวเหี้ยๆอะหลังแอ่น ละก็ไม่มีใครบอกกูด้วยนะ ถึงว่าแม่งทำไมแห่ไปน้ำพุร้อนกันหมด ขอบคุณนะ กูรักเลย


เปิดประตูผั้วะออกไปก็แทบจะกริ้ดให้ลูกกระเดือกหลุด แม่งหนาวมากๆ ผมวิ่งแก้ผ้าโทงๆไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาห่อเจี๊ยวไว้เป็นอย่างแรก แม่งไข่กูโย้เป็นนาฬิกาโบราณเลยไอสัด จากนั้นจึงค่อยๆเดินหนีบๆไปยืนหลบอยู่ในหลืบตู้เสื้อผ้า ปากเปิกสั่นพั่บๆด้วยความหนาว ผมกลอกตาไปมา ไอสัดเอายังไงดี


ผ่านไปยี่สิบนาที ในที่สุด ผมก็กลับเข้ามายืนในห้องน้ำอีกรอบ พร้อมกับความคิดบรรเจิดแบบสุดๆ หลังจากที่ไปรื้อๆกระเป๋าไอ้ไคแล้วเจอผ้าขาวม้ามาผืนนึง ผมจัดการเอามันผูกเอวไว้แล้วพาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าอ่างล้างหน้า


เอาละครับท่านผู้ชม วันเน้ กระผมปาร์คชานยอลจะมาเสนอ HOW TO วิธีการอาบน้ำเย็นแบบเมพขิงๆให้ท่านผู้ชมดูกันน้าครับ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ผ้าขาวม้าสำหรับพยุงไข่หนึ่งผืน กับใจดวงน้อยๆอีกหนึ่งดวง ถึงจะใจเล็กแต่ต้องกล้านะครับ เพราะวิธีนี้เสี่ยงมากๆ ต้องใช้กำลังใจสูงมากเลยทีเดียว ส่วนเสื้อผ้า มึงไม่ต้องใช้ครับโป๊ไปเลย อาบน้ำใครเค้าใส่เสื้อผ้ามันมั่งละแหม


“นี่กูกำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย “


ยืนคุยกะตัวเองหน้ากระจกพลางมองจ้องไปที่ใบหน้าปัญญาอ่อนแต่ดูดีของตัวเอง เออช่างมันเหอะ ผมเท้าแขนไว้กับอ่างล้างหน้าก่อนจะยักคิ้วให้ตัวเองในกระจกไปหนึ่งที หล่ออะ คนอะไรก็ไม่รู้


ครับเข้าเรื่องกันเหอะเนาะ ก่อนอื่นจะขอเกริ่นนำสักเล็กน้อย ด้วยความที่ปัจจุบันเนี้ย คนส่วนใหญ่ติดเครื่องทำน้ำอุ่นกันมาก มีใช้ทุกครัวเรือน ถึงจะบ่นว่าร้อนแค่ไหนพวกมึงก็ยังอาบน้ำอุ่น เรื่องนี้ไม่เถียงครับ ถึงผมจะขี้ร้อนแต่ผมก็กระแดะอาบน้ำอุ่นเหมือนกัน พอดีเป็นคนที่มีความตอแหลอยู่ในตัวค่อนข้างสูง แต่เนื่องด้วยวันเน้ เครื่องทำน้ำอุ่นมันเสีย และเราจำเป็นต้องใช้มันจริงๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าผมขี้เกียจเดินออกไปคนเดียว มันมืด เอาจริงๆคือกูกลัวผีนั่นแหละ จบ


ครับอันดับแรกเลย ให้เราเข้ามายืนในห้องน้ำก่อนครับ ถ้ามึงอยู่ในห้องครัวเนี่ยมึงจะอาบน้ำลำบากมาก เพราะไรรู้ไหม เพราะมันมันไม่มีฝักบัวไงไอฟาย อืมละตอนนี้ผมก็ได้เข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือ ล้างหน้าครับ


ค่อยๆล้างไป มึงจะล้างยังไงก็ล้างไป จะล้างด้วยโฟมหรือพลาสติกหรืออะไรก็ล้างไปครับ เราชิวๆสบายๆ ผมค่อยๆบีบโฟมจำนวนหนึ่งลงบนฝ่ามือแล้วถูเบาๆ จากนั้นก็เอามาถูเหง้าหน้า ผมหลับตาลงแล้วถูวนบริเวณแก้มเบาๆ ฮ้า ขโมยโฟมล้างหน้าคนอื่นใช้มันดีงี้นี่เอง ผมไม่ซีเรียสไรอยู่ละครับเพราะปกติผมก็ไม่เคยใช้เป็นยี่ห้อๆหรอก อะไรล้างได้กูก็เอามาล้างหมด ไม่เป็นไรครับเราประหยัด


ล้างโฟมเสร็จก็ตามด้วยน้ำเปล่าครับ พอเงยหน้าขึ้นมาเราจะเห็นว่าหน้าเรากระจ่างใสขึ้น ดูเหมือนมนุษย์มากขึ้นมาอีกหน่อย และเมื่อสังเกตดีๆเราจะพบว่าน้ำมันกระฉอกเปียกไปถึงข้อศอกเรียบร้อยแล้วในขณะที่เราวักน้ำล้างอย่างบ้าคลั่งเพราะโฟมเริ่มจะเข้าจมูก ในขั้นตอนนี้เราจะไม่รู้สึกเย็นอะไรเท่าไหร่ครับ เพราะหนังหน้าเราเนี่ยทนทานต่อความเย็นมากที่สุดละ ใครไม่ทนไม่รู้นะแต่ผมทน อันที่จริงถ้ามึงจะล้างส่วนอื่นก่อนก็ได้ครับ อันนี้แค่มารีวิวให้ดู รู้จักมะ ชานยอลพาเพลิน


ผมยืนมองตัวเองในกระจก แขนทั้งสองข้างและใบหน้าเปียกปอนไปด้วยน้ำที่เย็นจัด ขั้นตอนต่อไปก็คือ ล้างตีนครับ เราจะไล่ไปทีละส่วน จะไม่อาบโครมเดียวครับเพราะเราหนาว ต้องเล่นตัวนิดนึง ถือเป็นการยืดเวลาทำใจให้ร่างกายได้ปรับสภาพกับความเย็นแบบขั้วอัปดอกนี้ไปด้วยในตัว


ย้ายตัวเองไปที่ตรงฝักบัว ผมค่อยๆปลดฝักบัวลงมาถือไว้แล้วส่องลงไปที่ตีน จากนั้นเปิดน้ำครับ เบาๆพอ ค่อยๆเปิดน้ำรดลงไปให้พอเปียก จากนั้นเอาฝักบัวเก็บที่เดิมครับ แล้วถูครีมอาบน้ำจนเกิดฟอง ค่อยๆชโลมลงบนตีนแล้วถูวนให้ทั่วๆให้สะอาดๆเหมือนที่มึงถูหน้ามึงเมื่อกี้อะ ง่ามนิ้วตีนไรจัดให้หมดอย่าให้เหลือ หรือแม้แต่รูที่ตาปลา ถ้าคุณสามารถ ก็เอาเลยครับ


จากนั้นเมื่อถูเสร็จแล้ว เอ้อ ตอนถูนี่ จะถูให้เลยขึ้นมาถึงโคนขาก็ได้นะครับไม่มีใครว่า ถ้าใจเด็ดพอก็เอาเลย แต่ผมขอถึงแค่หัวเข่าพอ ขาอ่อนมันไวต่อสัมผัสมากๆผมจึงขอข้ามอวัยวะส่วนนี้ไปก่อง หลังจากที่ถูสบู่เสร็จแล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนการล้างน้ำครับ คราวนี้ไม่ต้องมุ้งมิ้งเปิดน้ำเบาๆนะ ให้มึงเปิดแบบจัดเต็มเลยแรงๆ แล้วเล็งไปที่ตีนครับ สาดให้ทั่ว


“ซิ้ดดดดดดดดดดดด “


จากนั้นก็ปิดน้ำ จะเห็นได้ว่าครึ่งตัวท่อนล่างของมึงจะเปียกปอนไปด้วยน้ำทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะถูๆแค่โคนขาก็ตาม เพราะความแรงของน้ำมันจะทำให้น้ำกระเซ็นจนเปียกหมดเลยครับ ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งนึง คือตัวมึงเปียกเกือบจะหมดละ เห็นไหม ผมยังไม่หนาวเลยกึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงฟันกระทบกัน)


ขั้นตอนต่อไป ให้เราสำรวจตัวเองครับว่าเราชอบอวัยวะใดของร่างกายเรามากที่สุด เหมือนมึงเป็นดาราอะเวลาเค้าถามว่ามึงชอบส่วนไหนของร่างกายมากที่สุด อันนี้ผมก็จะตอบเลยว่าเต้านมซ้ายครับ เพราะมันเป็นที่ๆบรรจุหัวใจดวงน้อยๆของผมไว้อยู่ โทษๆเสี่ยวแดก


แต่สำหรับคนที่ตอบว่าตา หรือขนตา หรือปากนี่มึงเตรียมตัวตายได้เลย เพราะขั้นตอนต่อไปคือการถูสบู่ที่อวัยวะส่วนนั้นครับ เพื่อเป็นการเอาใจตัวเอง ซึ่งผมก็เอาบ่อย เอ้ยไม่ใช่ มึงลองคิดสภาพเอาสบู่ไปคลึงตาตัวเองดูดิ เหยไม่สนุกม้าง กูว่าตามึงคงบอดสนิทแน่ๆเลย ดังนั้นเปลี่ยนๆนะครับเอาอวัยวะที่ไม่แฟนตาซีมากก็พอ


สำหรับตัวผมเลือกเต้านมซ้าย อันที่จริงผมก็ไม่มีนมหรอกครับแต่ก็แบบมีหัวนมใช่ปะละ ตรงนั้นแหละ ผมค่อยๆวักน้ำมาลูบๆแค่บริเวณนั้นให้พอเปียก ก่อนจะค่อยๆชโลมสบู่ลงไป จากนั้นคลึงครับ คลึง จะเห็นได้ชัดว่าอวัยวะนี้สามารถให้ความสุขแก่เราได้ในระดับหนึ่งเลยจริงๆ อาห์ ..


เออละมันก็มีอวัยวะอีกอวัยวะหนึ่งที่ผมไม่ควรจะเล่ารายละเอียดมากนัก จึงขอข้ามมันไปเลยละกัน เดี๋ยวจะหาว่ากูกามอีก


และเมื่อคลึงดาบจนพอใจแล้ว ให้หยุดครับ อย่าคลึงนานมากไปเดี๋ยวจะเป็นปอดบวม ขั้นตอนต่อไปก็คือเอาน้ำมาล้างอีกแหงะ ให้ค่อยๆเอาน้ำพรมรดลงไปครับใจเย็นๆ จากนั้นให้เปิดฝักบัวทิ้งไว้ครับ แล้วถอยหลังออกไปสักสองเมตร ถอดผ้าขาวม้าที่นุ่งมาตั้งแต่ทีแรกแล้วโยนออกไป



“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”



และขั้นตอนที่หวาดเสียวและน่าตื่นเต้นที่สุดในบรรดาขั้นตอนทั้งหมดก็ดำเนินมาถึง ให้มึงพุ่งเข้าใส่น้ำที่ไหลจากฝักบัวเลย เปิดให้สุดนะครับอย่าให้เอื่อย ขั้นนี้เราต้องจัดเต็มแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ละอย่าลืมตะโกนดังๆเพื่อเป็นการให้กำลังใจตัวเองด้วย ผมหลับตาปี๋แล้วร้องว้ากซะดังลั่นประหนึ่งว่าได้เม้นท์แรกในเฟสบุ้คก็มิปาน แม่งหนาว หนาวมาก หนาวจนขนลุกชูชันไปทั่วร่างไม่เว้นแม้แต่ขนไข่เลยทีเดียว




“อึ้ยแย้กกกกกกกกกกกก “




ยังคงสั่นและร้องตะโกนไม่เลิกทั้งๆที่ปิดน้ำไปแล้ว ขั้นตอนนี้ต้องช่วงชิงเวลาหน่อยครับ ผมรีบถูสบู่แบบเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันหนาวมากๆ ถ้ามึงมาลองมึงจะรู้เลย ละไม่ต้องปิดน้ำนะ ให้เปิดไว้งั้นแล้วยื่นตัวเข้าไปเป็นพักๆเพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน จากนั้นเมื่อถูสบู่เสร็จทั้งตัวละให้โดดเข้าไปใต้ฝักบัวอีกรอบ แต่ต้องระวังหน่อยนะครับ พื้นมันลื่น แถมเมื่อกี้นี้โดดเข้าไปนี่ปากกูกระแทกฝักบัวเต็มๆเลยไม่รู้ฟันหลุดรึเปล่า แย่จังเสือกเกิดมาสูง


“เฮ้อ “


กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเล่นเอาแทบตาย ตอนนี้ผมพร้อมสำหรับไปแดกข้าวละครับ แต่งตัวเสร็จละ ว่าง นั่งๆนอนๆรอพวกมันกลับมาจากน้ำพุร้อนละกัน ละเรื่องนี้อย่าไปเล่าให้ใครฟังนะกูขอ อืม ไม่มีไรละ 50เปอร์เซ็นพอวันนี้ 







ในเช้าวันต่อมา ด้วยความที่หัวแตกจึงได้กรรมสิทธิ์ทำงานสบายๆต่างจากคนอื่นๆซึ่งนั่นก็คือเฝ้าเคาท์เตอร์นั่นเองครับ มันเป็นงานที่ผมปรารถนามากที่สุดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ละ แต่ครั้งนี้ผมต้องเฝ้าเค้าท์เตอร์คนเดียวเพราะมันยังมีงานอื่นๆที่ต้องทำกันด้วยเนื่องจากคนงานประจำหยุดไปพักร้อนกัน ซึ่งกูก็ไม่รู้ว่าหนาวพ่อตายแบบนี้มันเรียกพักร้อนยังไงไม่ทราบ แต่เออช่างเหอะครับ เรื่องของเค้าผมไม่เกี่ยว


นั่งเหงาอยู่ที่เคาเตอร์ที่เดิม ยกตีนพาดเก้าอี้ตัวข้างๆอย่างชิวๆ เปิดคอมขึ้นมาละลงเกมเลยครับ ไม่เสียแรงที่พกแฟลชไดร์มา แน่นอนว่าถึงเวลาอู้สำหรับทริปนี้แล้ว หนุกจริงไรจริง อิพวกนั้นป่านนี้ไม่รู้ออกไปทำไรกันมั่งละครับ เป็นอันรู้กันว่าจะต้องแย่งงานกันทำ ใครเลือกก่อนก็ได้งานสบายหน่อย ผมไงก็ได้อะถ้าตราบใดที่ไอ้แบคกะไอ้คริสไม่ได้อยู่ด้วยกัน อันนี้ก็พอจะปล่อยวางได้และครับ แต่ตอนนี้ต้องเล่นเกมก่อง


ตีดอทไปได้ตาสองตาก็มีมารมาผจญ นี่ยังไม่ได้ทันแต่งตัวบาร์บี้กับปลูกผักอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกเลยนะ สะพรึงเล็กน้อยเมื่อเงยหน้าขึ้นจากจอคอมแล้วเห็นอาเจ๊หน้าแหลมเป็นปลาชะโดกำลังยืนเกาะเคาท์เตอร์พลางชะโงกเข้ามาหาผม รอยยิ้มบนริมฝีปากสีสดนั้นถูกส่งมาให้ผม ผมเอี้ยวตัวหลบ ได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไปให้ เกรงว่าปากเจ๊จะพุ่งมาทิ่มผมเสียก่อน ใช้แป้งเบอร์ไรนิครับ หน้าลอยๆนะ คนอะไรมุ้งมิ้ง


เดินผ่านหมาหมายังชมว่าน่ารักเลย ..


ไม่เชื่อลองไปทำดูนะครับ ถ้าคุณมั่นหน้าพอ กลางค่ำกลางคืนนี่ลองแต่งหน้าจัดๆไปเดินแถวริมกำแพงวัด หมาจะเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วทักคุณทันที
แบ๋ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว


..........................................


เออ ช่างเห้อะ มีมุขไรก็เล่นๆไปเหอะเอาไรมาก




“ติดต่อห้องพักค่ะ “


“อ่า กี่ท่านครับ “


รีบปิดเกมละไปสนใจอาเจ๊แกอย่างขยันขันแข็ง มันไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวคุณป้ามาเห็นละจะโดนชวดเงินเดือนไปฟรีๆ ผมเปิดเช็คดูห้องที่ว่างก่อนจะเงยหน้ามองอาเจ๊แกอีกครั้ง แทบผวา เจ๊แกเท้าคางไว้กับเคาท์เตอร์พลางส่งยิ้มและขยิบตามาให้ผมอย่างยั่วยวน ณ วินาทีนี้รู้สึกว่าอยากขี้เหร่มากๆเลยครับ


“มาคนเดียวค่ะ โสด “


“อ่อ 55555555 เออผมก็คิดงั้นแหละครับ “


ปากไปไวเท่าความคิด ผมหัวเราะลั่นแล้วก้มหน้าก้มตาเช็คข้อมูลในคอมต่อ แอบเห็นเจ๊แกหน้าเจื่อนไปแว๊บนึง ไอเหี้ยผมไม่ได้ตั้งใจจะปากหมาจริงๆนะ แต่ดูจากเหง้าหน้าเจ๊แล้วไม่น่าจะมีคนเอาเท่าไหร่ นี่ให้ฟรีแถมข้าวสารสองกระสอบกูยังคิดหนักเลยนะเนี่ย


“จะเอาเป็นห้องหรือแบบบ้านหลังเล็กๆดีครับ ? “


“เอาเป็นแบบไหนดีล่ะคะ หนุ่มช่วยเลือกหน่อยสิ “


“อ่าผม 55555 ชานยอลครับ .. พี่มาคนเดียวแบบห้องก็ดีนะครับ ปลอดภัยด้วย “


อิเหี้ย555555555555555555555555555555555555555 นี่กูหน้าเหมือนศรรามขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงเรียกกูว่าหนุ่มล่ะ ม้าย ผมว่าผมหน้าตาดีกว่านั้นเยอะนะ แถมผมก็ไม่ได้แก่ด้วยอะ =_= ไม่รู้ชื่อกูก็น่าจะถามก่อนนะ อาเจ๊แกนี่อะไรเนี่ย ผมห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะไม่ได้เลยจริงๆ นี่กูกลั้นขำจนหน้าเบี้ยวละเนี่ย เชื่อเลยว่าหน้าต้องยับมากแน่ครับ ดูจากท่ายืนเอียงๆของอาเจ๊แกนี่กำลังยืนพ้อยเท้าอยู่อย่างแน่นอน จากประสบการณ์ของผมนี่ทำให้รู้เลยว่าเจ๊แกกำลังอ่อยผมแน่ๆเลย แถมมือเรียวยังยกขึ้นมาม้วนผมตัวเองเล่นอีกต่างหาก เหนื่อยใจจริ้ง ผมแอบเห็นสังกะตังอยู่บนหัวเจ๊ด้วย สระผมบ้างนะครับ


“ถ้าน้องชานยอลว่าอย่างนั้น งั้นพี่เอาเป็นห้องละกันค่ะ “


“อ่า สักครู่นะครับ “


ลุกไปหยิบกุญแจให้แล้วรับเงินมา จากนั้นก็เช็คอะไรอีกนิดหน่อย รู้สึกกดดันไงไม่รู้แฮะ เจ๊แกมองผมตลอดเวลาเลย ทำไม หูซ้ายกูเลื่อนมาอยู่ที่จมูกหรือยังไง แบบนี้มันทำตัวไม่ถูกนะ รู้ตัวว่าหล่อ แต่แบบสายตาที่เจ๊แกมองเหมือนจะเขมือบผมเลย น้องยอลกลัว


“ห้องเบอร์ 204 นะครับ ขึ้นบันไดชั้นสองซ้ายมือสุดเลย “


“ขอบคุณค่ะ อากาศหนาวนะคะ “


“อ่า 5555555555 ครับ “


แทนที่จะรับกุญแจแล้วเดินไป แต่เปล่าเลยเว้ย เจ๊แกยังเกาะเคาท์เตอร์อยู่ นี่ถ้าเคาท์เตอร์แม่งมีกระจกนะเชื่อผมดิแม่งคงดูดกระจกไปแล้วแน่ๆ หน้าตาพี่สาวเหมือนปลาซักเกอร์มากๆครับ เซ็ง ผมก็ไม่รู้จะตอบไรเลยได้แต่ขำกลบเกลื่อน หนาวเนอะ นั่นน่ะสิ ร้อนมั้งไอสัด หิมะตกให้รึ่มๆๆซะขนาดนี้ แหม่


“น้องชานยอล ไม่อยากรู้ชื่อพี่หรอคะ ? “


“เอ่อ .. ไม่อยากดีกว่าครับ เกรงใจ “


ผมตอบ เบือนหน้าหลบไปทางอื่น นี่ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆนะ T_T เจ๊จะเอาอะไรจากเด็กตาดำๆอย่างผมเนี่ย จะเปิดเกมเล่นก็ไม่ได้อีก โห้ ใครก็ได้ช่วยกูที


“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บก่อนดีกว่า “


“อ่า บ้ายครับๆ “


รีบโบกมือลาอย่างน่ารักพลางส่งจูบให้ด้วย กว่าเจ๊แกจะคล้อยหลังไปได้นี่เล่นเอาเหงื่อตก ถึงผมจะชอบนูน่าก็จริงแต่แบบนี้ไม่ไหวจริงๆนะครับ ยังดีนะมาคนเดียว นี่ถ้ามากันหลายคนกูนึกว่าอยู่สนามหลวง อิเห้ สปีชีเดียวกับผีขนุนชัวร์ๆ



ยังไม่ทันจะได้ทำไรแม่งมาอีกละครับ คราวนี้เป็นแหม่มฝรั่งอ้วนๆนมบานๆสองคน เดินลากกระเป๋าเข้ามาละ ไม่น่าเลย ไม่น่ามาเฝ้าเคาท์เตอร์อะเอาจริง กูนึกว่าแม่งจะสบาย แต่นี่อะไร เล่นเกมก็ไม่ได้เล่น จะแอบดูตูนโป๊นี่เลิกคิดไปได้เลยครับ หมดรมณ์


“เห่นโล้ “


เอ่ยปากทักออกไป เหงื่อเริ่มค่อยๆผุดขึ้นตามใบหน้าและลำคอ ไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมพูดภาอังกฤษไม่เป็น สอบภาษาอังกฤษก็ไม่เคยได้เกินเกรดสอง จะบอกว่าแอมไฟน์กูยังเขียนเป็น I’m findเลยสัดเด้ย ไม่แตกฉานจริงๆครับจุดนี้ เข้ากูเกิ้ลด่วน


“วหนรเวน้พหะฟันยฝตคะผใหวำน 


สักอย่างที่ป้าแกพูดมา แต่ผมก็ไม่รู้ว่าแม่งแปลว่าไร ไม่เข้าใจฝรั่งแม่งจะพูดเร็วไปไหนวะอิเหี้ย ทะเลาะกับฟันตัวเองนี่เหนื่อยไหม แถมดัดฟันอีกต่างหาก ทะเลาะกะฟันไม่พอมึงทะเลาะเหงือกตัวเองด้วย ท่าทางชีวิตจะลำบากน่าดู ผมเบลอไปชั่วขณะ ก่อนจะที่หน้ากูเกิ้ลจะโหลดขึ้นมา กูพิมลงไปเลย


I took the room


ผมอ่านตามที่กูเกิ้ลแม่งแปลให้ แอบติดอ่างเล็กๆตรงทำว่าตุ้ก แม่งอ่านว่าตุ้กปะวะ ทีดับเบิ้ลโอเคอะ ไม่รู้อะ มันใช่ประโยคนี้แน่หรอวะไม่มั่นใจ คือกูจะถามว่าจะเอาห้องแบบไหนอะ แต่ฝรั่งแม่งทำหน้างงใส่กูเฉยเลย เอาไงดีวะเนี่ย =_=


Do you have any vacancies?


อะไรสักอย่างที่เจ๊แกพูดมาอีกรอบ อะไรคือวาแคนซี่วะ ไอสัดแม่งแปลว่าไรวะเนี่ยโอ้ย จะหวังพึ่งกูเกิ้ลแม่งก็คงไม่ได้เพราะผมสะกดไม่เป็น ขอโทษจริงๆผมไม่สามารถแปลให้คุณผู้อ่านฟังได้จริงๆครับจุดนี้ รู้สึกเคว้งคว้างมากเลย ถ้ารู้ว่าโตขึ้นละผมต้องมาเจอฝรั่งบ่อยขนาดนี้นะ กูจะต้มหนังสือแดกตั้งแต่อนุบาลละ จะได้ฉลาดๆ สื่อสารรู้เรื่อง ตอนนี้รู้สึกตัวเองเป็นบุคลากรที่ด้อยคุณภาพมากจริงๆครับ ละแม่งจะเข้าอาเซียนละด้วย กูว่าเดี๋ยวกูได้เป็นแรงงานต่างด้าวจริงๆละคราวนี้ ไม่รู้ดิ ไอ้แบคแม่งชอบด่าว่าไมไม่ตั้งใจเรียน ขี้เกียจแบบนี้แล้วจะทำอะไรกิน ผมก็ไม่รู้นะ ทุกวันนี้ก็ต้มมาม่า ทอดไข่ผมก็ทำเป็น หรือมึงจะไปตลาดก็ได้นี่ =_= ไม่เห็นต้องทำให้เรื่องแม่งยากกว่าเดิมเลย


Ah love me love my dog


ผมตอบกลับไป นี่น่าจะเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่ยาวที่สุดที่ผมพูดได้แล้ว กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันแปลว่าไร แต่ว่ามันคงลึกซึ้งมากๆเพราะผมเอามาจากหนังฝรั่งโรแมนติกๆหน่อยอะครับ ช่างเห้อะ ให้เดาป้าแกคงจะจองห้องพักแหละ ก็นี่มันรีสอร์ทนี่ครับ ไม่จองห้องพักละจะให้ทำไร เช่าเรือหางยาวหรอ เหยไม่ม้าง


“เหี้ยยูอาร์”


ชี้ไปที่บ้านหลังถัดไป ยื่นกุญแจห้องให้ไปก่อนจะรับเงินแปดหมื่นที่ป้าแกวางไว้บนเคาท์เตอร์ นี่ชาวเกาหลีดูเหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อนอะไรขนาดนั้นเลยหรือไงวะ แปดหมื่นมึงซื้อลูกอมได้หนึ่งแสนหกหมื่นเม็ดเลยนะ มึงอมได้ยันภพหน้า ผมคืนเงินที่เหลือให้ป้าแกไปแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร .. มิตรฉาชีพ


55555555555555555555555555555555555555555555555555555


ว่าแล้วก็จัดการเก็บสองพันที่จิ้กมาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง เออเอาเหอะ คนเราก็ต้องมีบ้าง ฝรั่งแม่งรวยชั่งเค้าเหอะครับ คิดซะว่าเป็นค่าทุนการศึกษาละกันน้า


ไม่ทันไรป้าแก็เดินกลับมาอีกรอบ คราวนี้เดินกลับมาคนเดียว อย่าบอกนะจะจีบกูอีกคน ถ้าเป็นงั้นจริงกูจะหนีไปบวชจริงๆด้วย



Do you have another key ? “


อะไรขี้ๆไรของป้าแกวะ ผมเกาหัวแกรกๆก่อนจะชี้ไปตรงขวามือสุดของล็อบบี้ มันจะมีห้องน้ำอยู่ตรงนั้น ป้าแต้งกิ้วผมแล้วเดินไป สักพักแม่งเดินกลับมาอีก


I want the other key


“เอ้า! ไรวะ “


ทำไมวะ ห้องน้ำตรงนั้นก็สะอาดนะผมเคยเข้าแล้ว ทำไมป้าเรื่องมากจัง ผมยืนขึ้นเลย นี่นอกจากจะไม่ยอมไปขี้ละยังมายืนเท้าเอวใส่ผมอีกนะ กูงงละเนี่ย จะติดหรูไปไหน


Do you have another key ? “


“เดี๋ยวๆเปิดดิกแปป “


พอจะเปิดดิกก็ไม่รู้แม่งสะกดยังไงอีก ไอเหี้ยกูโคตรเพลียเลย จนปัญญาจริงๆจนสุดท้ายต้องโทรหาไอ้แบคให้แม่งมาช่วย ยังดีมันไม่ได้ยุ่งไรมาก ไม่นานนักไอ้แบคก็มา ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เกือบได้แดกยำฝรั่งแล้วไหมล่ะ




ตดยังไม่ทันจะหายเหม็น ตลอดสัปดาห์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมพลิกตัวนอนตะแคงก่อนจะค่อยลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อรู้สึกได้ถึงแสงสว่างที่สอดส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ก่อนจะป๊ะเข้ากับไอ้คริสที่กำลังนอนตะแคงมาทางผมพอดี ทั้งห้องเงียบกริบ ไม่เหลือใครนอกจากผมกะมัน หรือแม้แต่ไอ้แบคซึ่งขี้เซาที่สุดที่ควรจะหลับอยู่ข้างๆกลับไม่อยู่


“.... “


และราวกับว่ารู้กัน เพียงแค่สบตากะมันเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ทั้งผมและไอ้คริสรีบลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วแย่งกันวิ่งไปที่ห้องน้ำในทันที ไอ้คริสเป็นคนแรกที่วิ่งไปถึงก่อน มันเกาะประตูห้องน้ำไว้แล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพาดอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า ผมถีบมันกระเด็นก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำแล้วกระชากประตูปิด แต่ช้าไป ไอ้คริสแทรกตัวเข้ามาได้ในช่วงจังหวะที่ประตูปิดพอดี


!!


ไม่มีใครพูดใครจา ผมรีบหยิบแปรงสีฟันมาแปรงแข่งกะแม่งอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ฟันเยอะกว่ามันประมาณสามร้อยซี่ได้ ผมจึงเสียเปรียบมันในข้อนี้พอสมควร มือขวากระซวกแปรงสีฟันใส่กระพุงแก้มเร็วๆ จ้องตากับไอ้คริสในกระจกอย่างไม่ยอมแพ้ ถ้าแม่งมีซาวด์เอฟเฟคคงได้ยินเสียงชิ้งๆดังลั่นอยู่ในห้องน้ำ


“โอ้ยสัส!


มุดอ่างล้างหน้าเพื่อบ้วนปาก แต่กลับก้มลงไปพร้อมกันพอดีจนหัวโขกกันอย่างจัง ผมด่ามันแล้วผลักหน้าแม่งออกไป ใช้มือรองกับก๊อกแล้วรีบบ้วนปากอย่างไว ไอ้คริสไม่ได้พูดอะไร มันจิ๊ปากใส่ผมแล้วถอดเสื้อผ้าเดินไปอาบน้ำตรงฝักบัว


บ้วนปากเสร็จกูก็ถอดเสื้อผ้ามั่ง กลายเป็นว่ามีผู้ชายตัวควายๆสองคนกำลังแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำแคบๆคนละมุม ผมไม่มีกะจิตกะใจจะชะโงกหน้าไปดูหรอกว่าของมันเล็กกว่าผมแค่ไหน แต่ที่รู้ตอนนี้คือกูรีบ ผมรีบฟอกสบู่ถูๆรักแร้ วันหลังต้องโกนมั่งละ ขนยาวสลวยเชียวไอสัด ผมคงไม่มีเวลาว่างมาใช้แพนทีนแล้วตามด้วยครีมนวดหรือหวีขนให้หรอกนะ


เสร็จละก็วิ่งไปใต้ฝักบัวคนแรก ผมจะต้องได้ออกไปก่อนมัน ยังไม่ทันจะเปียกดีไอ้คริสก็เดินเข้ามาผลักผมให้พ้นออกไปจากรัศมีฝักบัว ผมพยายามเอี้ยวตัวหลบไม่ให้หัวโดนน้ำ มันแสบแผลมากๆครับ คิดได้ดังนั้นกูก็ไปตักขันอาบเลยละกัน หนังกูด้านละไม่เป็นไร


อาบไปแค่สองสามขัน กัดฟันแทบตายจนหน้าเบี้ยว แม่งหนาวมากแต่ก็ไม่กล้าร้องเหมือนฮาวทูวันนั้นเพราะเดี๋ยวเสียฟอร์ม ก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวออกไปคนแรก ถอดเกงในเปียกๆโยนใส่ตะกร้า ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้อิแบคซัก จากนั้นก็พุ่งไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าไอ้คริสแล้วโยนออกไปนอกหน้าต่างแม่งให้หมดและไปจัดการแต่งตัวของตัวเองให้เรียบร้อย แค่นี้ก็วินละครับ อะฮิ


“เฮ้ย !


ขำอัดหน้าแม่งซะชุดใหญ่ ไอ้คริสผงะไปชั่วขณะ ให้เดาว่ามันคงมึนจนขมคอเนื่องจากผมแปรงฟันไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่นัก ทำไงอะคนมันรีบ ผมตบบ่าที่ยังเปียกน้ำของมันเบาๆพลางยักคิ้วให้ ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องในทันที คิดจะไปเต๊าะเนื้อคู่กู ฝันไปเหอะอิเหงือกบาน


ยังดีที่วันนี้ไม่หนาวเท่าไหร่นัก เสื้อสเวตเตอร์ขนาดพอดีตัวที่ผมใส่ออกมาจึงยังพอบรรเทาความหนาวได้บ้าง เดินล้วงกระเป๋าชิวๆออกมาข้างนอก วันนี้หิมะไม่ตก แต่ที่พื้นนี่บานเลย ไม่ทราบว่ามีใครทำรังแคร่วงแถวนี้รึเปล่า กูแนะนำคลินิกเคลียร์นะ ใช้แล้วรังแคไม่ร่วง แต่ผมมึงจะร่วงหมดทั้งหัวเลยครับกูลองมาละ


“งายตุ้ด เห็นเนื้อคู่กูไหม “


เดินผ่านไอ้ฮุนกับไอ้ไคที่ยืนตากผ้าปูที่นอนอยู่ตรงลานข้างหลังบ้านพักพลางบีบตูดมันไปหนึ่งทีเป็นการทักทาย ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบฝ่าตีนที่ตามมาหลังจากนั้น ผมหัวเราะ วันนี้รมณ์ดี


“เนื้อคู่มึงใครวะ “ ไอ้ไคที่ยืนอยู่อีกด้านของราวตากผ้ายื่นเหง้าหน้าดำๆออกมาถาม สีผิวตัดกับหิมะมากๆเลยมึงวันนี้


“ไอ้แบคแงะ “


“มึงไปเป็นเนื้อคู่กันตอนไหนวะ “ มันถามย้อน ไม่ตอบคำ


“ลืมละ ตกลงอยู่ไหน “


“อยู่ไหนก็ได้โตละ “ อ่าวไอสัดกวนตีน มุขนี้ไม่ผ่านนะ เล่นบ่อยละเบื่อ


“มึงตอบกู ไม่งั้นอิตุ้ดนี่ตาย “ ผมเหนี่ยวคอไอ้ฮุนก่อนจะจับล็อคไว้จากด้านหลัง รัดคอแม่งจนมั่นใจว่าลูกกระเดือกมันจะสามารถปลิ้นออกมาร่าเริงข้างนอกได้


“แค่ก! เล่นเหี้ยไรมึงเนี่ย “ กำปั้นขาวยกขึ้นทุบแขนผมแรงๆแล้วไอโขลก ไอ้ฮุนหลับตาปี๋แล้วทิ้งตัวถอยหลังไปตามแรงดึงของผม มันทรุดตัวทิ้งน้ำหนักลงใส่ตัวผมเต็มๆเพราะหมดแรง เห็นหน้าไอ้ไคที่มองมาด้วยสีหน้าโลกแตกแล้วผมรู้สึกสะใจยังไงไม่รู้


“อยู่ทะเลสาบมั้ง ไอสัดปล่อยๆเดี๋ยวมันตาย “


ไอ้ไคตอบ ทิ้งไม้หนีบผ้าแล้วรีบเดินมาง้างแขนผมออก ซึ่งผมก็ยอมปล่อยแต่โดยดี บอกขอบใจมันก่อนจะบีบไข่แม่งไปทีนึงอย่างเป็นมิตร กูขำแต่เหมือนอิสองคนนั้นไม่ค่อยขำเท่าไหร่เลย พอผมเดินออกมาไอ้ไคก็รีบดึงตัวไอ้ฮุนเข้าไปใกล้ในทันที



คางเรียวถูกเชยขึ้นพลางจับใบหน้าคมให้หันไปมาเพื่อสำรวจความเสียหาย
มือหนาจับคลำไปตามลำคอขาวของเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด



“เป็นไงมั่งวะ “


“เจ็บดิห่า ลูกกระเดือกกูจะหลุดไหมอะ “


“เออไม่เป็นไรเหนียงยังอยู่ “


“น้ำตากูแบบเล็ดอะ ค่อก “


“เออกูเป่าให้แล้วไง “


ได้ยินเสียงแม่งพูดงุ้งงิ้งกันสองคนแล้วผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ ไหนว่าจะจีบพี่ลู่ไงมึง ตอนนี้ไปไหนซะละล่ะแหม่ ผมว่าผมเดาไรไม่เคยผิดหรอกยกเว้นข้อสอบอะ ความสามารถในการหลบหลีกข้อถูกนี่กูที่หนึ่งครับ แต่ช่างเห้อะ ปล่อยแม่งไป ตอนนี้ต้องไปตามหาหัวใจก่อง




เดินไปไม่ไกลเท่าไหร่นักก็มาถึงบริเวณด้านหลังสุดของรีสอร์ท ทะเลสาบกว้างถูกปิดล้อมด้วยหุบเขา คลื่นท้องน้ำสีดำไหวเล็กๆตัดกับสีขาวของหิมะดูสวยงาม เห็นไอเตี้ยกำลังนั่งหันหลังให้อยู่ตรงศาลาริมน้ำแล้วก็ต้องหัวเราะออกมา ผมค่อยๆก้าวย่องเข้าไปหาช้าๆอย่างเงียบเชียบที่สุด


“อ๊ะ !


ไอ้แบคสะดุ้งทันทีที่มือของผมเลื่อนไปปิดตามันจากด้านหลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ตกใจทำไมมึงต้องครางประชดกูด้วย เดี๋ยวนี้นี่แม่งชอบทำให้มีอารมณ์ทุกที มือเล็กที่สวมทับด้วยถุงมือหนาๆเลื่อนขึ้นมาจับมือของผมไว้เบาๆ ก่อนจะกำแน่นแล้วดึงกระชากมันอย่างแรง ตวัดเอาตัวผมที่อยู่ข้างหลังทุ่มลงที่พื้นศาลาในทันที


“อั้ก!


“อ้าว มึง ทอดๆ “


ผมนอนแผ่ ร้องโอดโอยอยู่บนพื้นไม้อย่างหมดสภาพ แผ่นหลังกระแทกกับของแข็งอย่างจังจนรู้สึกเจ็บจุก มือซ้ายเลื่อนขึ้นมาจับข้อศอกอีกข้างของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด อิเหี้ย แค่กูแกล้งมึงเล่นนี่ถึงกับต้องทุ่มกันเลยเหรอ จะเอาจริงๆหรอ โอยเจ็บ ระบมไปหมดแล้วครับ


“กูแกล้งเล่นเองอะ ถ้าแขนกูหักจะทำยังไง T_T


“ก็พิการอะดิ 555555555555 โอ๋ๆ เออขอโทษ ก็กูตกใจอะ“


คนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งยองๆใกล้ๆแล้วลูบต้นแขนผมไปมาเป็นเชิงปลอบประโลม แต่สีหน้าแม่งจะดูสะใจมากเป็นพิเศษ งอนอะ กูงอน ทำไมต้องรุนแรงกะกูโด้ย กูเป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆเองนะ จะไปสู้มึงได้ยังไง


“ทำอะไรอยู่วะ “


เมื่อพยุงตัวขึ้นมานั่งได้ก็ชะโงกหน้าไปหามัน เห็นกองหนังสือกับปากกาสีหลายๆอันที่วางรวมกันอยู่นั้นทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีไงไม่รู้


“อ่านหนังสือแงะ จะสอบแล้ว “


ผมเงียบ คำพูดที่นึกมาถูกกลืนหายไปหมด ผมหลุบตาลงต่ำ มองเนื้อหาบนหน้ากระดาษและลายมือน่ารักๆที่เขียนด้วยปากกาเมจิกสีพาสเทลย่อๆกำกับเอาไว้ รู้ดีว่ามันไม่ได้หมายถึงการสอบเทอมต่อไปหรอก มันเพิ่งจะปิดเทอมได้ไม่นานเอง แต่มันหมายถึงไปสอบเรียนต่อที่แคนาดาต่างหาก แค่คิดกูก็ไม่ไหวละ อยู่ไม่ได้


“ถึงกับต้องเอามาอ่านเวลางานเลยอ่อวะ “


ผมถามมัน หยิบหนังสือสองสามเล่มมาพลิกดูไปมา ไม่กล้ามองหน้ามัน เหมือนแม่งจะอ่านไปเกือบหมดแล้วนะ เพราะทั้งเล่มมีแต่โน้ตย่อกำกับไว้หมดเลย ผมลอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ รู้สึกว่าแม่งมีก้อนไรไม่รู้ตีขึ้นมาที่คออะ ผมไม่ชอบงี้เลยว่ะ


“ใกล้แล้ว ไม่อ่านแล้วจะสอบติดหรอวะ “


“ถ้ามึงสอบติด .. มึงจะไปจริงๆอ่อวะ “


ผมถามแล้วเงยหน้ามอง ไอ้แบคยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าหนังสืออยู่เลย ผมก็ไม่ได้อยากจะหลอกตัวเองว่ะ ผมคิดว่ามันสอบติดแน่ๆอะ แล้วมันก็คงไปอะได้โอกาสทั้งทีใช่ปะ แต่แม่งจะเร็วไปปะวะ คือผม .. คือผมยังไม่ได้พูดความในใจที่ผมอยากจะบอกแม่งเลยอะ


“ไปดิวะ แคนาดาเลยนะมึง หนุกๆมันส์ๆ “


“แล้วถ้ากูไม่ให้ไปอะ ..“


“เหย ไม่ม้าง มึงคงไม่ห้ามกูหรอก มึงไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดนั้น “


“555555555555555 เออ นั่นดิ “


ผมหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่มีเหี้ยไรจะพูด มึงหนุกแต่กูจุกอะ ไม่ขำเลยว่ะ รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลอะ โอ้ยนี่กูเป็นลูกผู้ชายรึเปล่าเนี่ย แค่นี้ก็เหมือนจะร้องไห้ละ พอดีอะไม่ต้องทำไรกิน


หลังจากที่ผมขำ ไอ้แบคแม่งก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเดียวเลย ผมก็เลยต้องระเห็จระเหินออกมายืนนอกศาลา อยู่ไปแม่งก็จุกอกอะ ถึงจะไม่อยากให้ไปแต่ผมก็ไม่อยากกวนมันหรอก ผมก้มหยิบก้อนหินเล็กๆมาก้อนนึงแล้วปาออกไปให้มันกระดอนไปตามพื้นน้ำ แม่งเด้งไกลมากเลยนะ ว่างๆกูกะจะไปเป็นแก๊งค์รับจ้างปาหินเหมือนกันนะ เผื่อจะรุ่ง ผมเก่งนะเว้ยตอนเด็กๆเล่นบ่อย


เพียงแต่ตอนนี้แม่งไม่หนุกเหมือนทุกครั้งที่เคยเล่นแล้วว่ะ ไม่รู้ดิ


เซ็งอะ .. ผมแค่อยากให้มันอยู่อะ
ไม่มีมันผมคงอยู่ไม่ได้หรอก
จริงๆนะ ..





ในเช้ามืดวันต่อๆมา ฟ้าถล่มเหมือนบ้านจะพัง รู้สึกเหมือนเมื่อคืนแม่งมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างนอก และผมก็คิดไม่ผิดจริงๆ ผมนอนหงายมองไอ้แบคกับพี่ลู่หานที่เพิ่งจะเปิดประตูห้องพักเข้ามาพร้อมกับถุงเหี้ยไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด


“พายุเข้า “


และนั่นคือสิ่งที่ผมพอจะจับใจความได้จากพี่ลู่หานก่อนที่พี่เขาจะเดินเข้าห้องน้ำไป นอนกระพริบตานิ่งๆให้สมองประมวลผลอยู่พักนึง พายุเข้าก็แปลว่าวันนี้ไม่ต้องทำงานอะดิ ผมงัวเงียลุกขึ้นจากฟูกนอนอย่างเกียจคร้าน คลานไปที่พื้นตรงปลายตีนแล้วรื้อถุงของที่ไอ้แบคเอามาวางดูอย่างอยากรู้อยากเห็น


“เพี้ยะ!


“เอ้า!



“จะแดกก็แปรงฟันก่อน “


อยู่ๆไอ้แบคก็ตีมือผมที่ถือขนมปังไว้อย่างแรงจนมันหล่นกลับเข้าไปในถุง ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่งอย่างงงๆ ไอ้แบคพูดเท่านั้นก่อนจะเดินไปถอดเสื้อคลุมพาดไว้ที่ราวในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปหาพี่ลู่หานในห้องน้ำ ในขณะที่คนอื่นยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ


ผมถอนหายใจ ถือโอกาสตอนที่คล้อยหลังไอ้แบครีบจกขนมปังมาแดกชิ้นนึงแล้วล้มตัวลงนอนต่อ ขี้เกียจลุกไปแปรงฟัน ขนาดปวดเยี่ยวกูยังอั้นอะคิดดู ปากยังคงเคี้ยวขนมปังอยู่อย่างพินิจพิจารณา ขนมปังเหี้ยไรเนี่ย ทำไมรสชาติไม่อร่อยเลย รสชาติเหมือนขี้หูแมวอะ หรือว่าแม่งผสมขี้ฟันกูถึงได้เป็นอย่างงี้ แต่ช่างเห้อะ รู้สึกว่ามันเหนียว อยากได้กาแฟสักแก้วจัง  


หลับไปได้สักพักแต่เหมือนหลับไม่สนิท รู้สึกว่ามีคนลุกไปลุกมาอยู่ตลอดเวลาจนกูรำคาญ ผมพลิกตัวหนี วินาทีนี้กูอยากจะหลับไปยันชาติหน้า ยิ่งอากาศหนาวๆแบบนี้มันสมควรแก่การนอนมากๆเลยทีเดียว คนอื่นอะช่างหัวแม่งเห้อะ ตอนนี้ขอนอนก่อนละกัน



พอตื่นมาก็พบว่าแม่งฟื้นกันทุกหน่อแล้ว มีเพียงไอ้แบคที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆผม ส่วนพวกที่เหลือลุกขึ้นไปนั่งล้อมวงรุมจกของในถุงกินประหนึ่งว่าไม่เคยแดกอะไรมาก่อนในชีวิต กลิ่นมันก็หอมดีอะ แต่ขี้เกียจลุกไปกินมากๆเลย


“ไงมึงตื่นละ มากินดิ “


ไอ้ไคที่นั่งอยู่ปลายตีนหันมาพูดกับผมที่กำลังนอนอยู่บนฟูก ในมือแม่งถือไก่อยู่น่องนึง มืออีกข้างถือข้าวเหนียว ปากแม่งมันแผลบและไปด้วยเศษไก่ เลอะเป็นส้นตีนเลย ไอสัด มึงไปเอาข้าวเหนียวไก่ทอดมาจากไหน ที่ไหนขายหรอ หาดใหญ่รึปะ 55555555555555555555555 พอไอ้ไคพูดคนอื่นแม่งก็หันมามองตาม สภาพทุกคนแม่งห่างไกลคำว่ามนุษย์มาก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าดำๆ มันๆ ตาปรือๆ ประหนึ่งว่าไม่เคยพบเคยเจอผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าโฟมล้างหน้ามาก่อน ให้เดาว่าพวกมึงทุกคนคงยังไม่ได้แปรงฟันกันหรอกใช่ไหม


“เออ ตามสบายเหอะ “ ตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักพลางนอนหงายแล้วหลับตานิ่งๆ ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากด้วยความเพลีย วันนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรจริงๆ


“เป็นไรปะวะ “


หนังสือเล่มหนาถูกวางลงบนฟูกเตียงข้างตัว ยังไม่ทันจะได้พลิกตัวหนี แขนของผมก็ถูกมือเล็กคว้าไปจับไว้เสียก่อน ฝ่ามือเย็นเฉียบอีกข้างทาบลงบนหน้าผากของผม คนตัวเล็กเขยิบเข้ามาชิดตัวผมในทันที สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย ..


ลำพังกูอะไม่เป็นอะไรหรอก แต่พอมึงถามนี่แหละกูอยากจะเป็นขึ้นมาทันทีเลย



“เปล่า ง่วง “


“ง่วงก็นอน เอ้ยมึงเบาทีวีหน่อยดิวะ!


ประโยคแรกมันพูดกับผม ส่วนประโยคหลัง ไอ้แบคหันไปพูดกับไอ้พวกนั้นที่ล้อมวงแดกข้าวกันอยู่ แต่ผมไม่ได้มองหรอกว่าแม่งทำไรกัน ผมพลิกตัวตะแคงหันหลังให้มันแล้วหลับตาลง ตั้งแต่วันนั้นพอมองหน้ามันละก็รู้สึกน้ำตาจะไหลให้ได้เลยอะ ผมไม่ชอบแบบนี้เลยจริงๆ


ฉับพลันได้ยินเหมือนเสียงอะไรบางอย่างกำลังขยับ ผ้าห่มผืนหนาที่ผมห่มอยู่ถูกเลิกขึ้นจากด้านหลังก่อนที่ไอ้แบคจะค่อยๆสอดตัวเข้ามานอนคลุมโปงในผ้าห่มผืนเดียวกับผม ท่อนแขนเล็กค่อยๆวาดกอดเอวผมเอาไว้หลวมๆ ปลายเท้าเล็กสัมผัสอยู่กับน่องขาด้านหลังของผมเนื่องจากขนาดความสูงไม่เท่ากัน ผมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่บริเวณลำคอเป็นจังหวะ ผมเกร็งตัว หนาวก็ไปห่มผืนอื่นสิวะมีตั้งเยอะแยะ


ทำกะกูแบบนี้ แถวบ้านเรียกอ่อยนะเนี่ย




“อือหืม ชานยอล ..มึงสระผมครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะเนี่ย!


!!!


ยังไม่ทันจะได้ใจเต้นไปมากกว่านี้ ผ้าห่มผืนหน้าถูกกระชากออกไปในทันทีด้วยฝีมือไอ้แบค คนตัวเล็กลุกพรวดขึ้นนั่งทันที นิ้วเรียวยกขึ้นถูปลายจมูกตัวเองแรงๆพลางทำหน้าเบี้ยว ส่วนมืออีกข้างแม่งก็ทุบแขนผมเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บ ผมหันไปมองมันอย่างงงๆ ยกมือเกาหัวตัวเองสองสามทีพลางยกนิ้วขึ้นนับ.. ถ้าเอาตั้งแต่วันที่หัวแตกก็ ..


“สามอาทิตย์ละว่ะ .. “


“ไอเหี้ย! ดีนะจมูกกูไม่บอด มึงจะดองไว้ทำส้นตีนอะไรวะเนี่ยโอ้ย “


“ก็กูแสบแผลนี่หว่า ถ้าสระเองแม่งก็ ..“


เงยหน้าไปพูดกับมันยังไม่ทันจะจบประโยคก็โดนฉุดให้ลุกขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมโดนลากถูลู่ถูกังไปที่ห้องน้ำอย่างจำยอม ยืนงงอย่างเก้ๆกังๆอยู่ในห้องน้ำในขณะที่รอไอ้แบคไปเอาผ้าเช็ดตัว


“ถอดเสื้อออก “


มันสั่งผมแล้วหันไปล็อคประตูห้อง คนตัวเล็กถกแขนเสื้อและขึ้น ขากางเกงถูกพับขึ้นไปจนเห็นขาอ่อนขาวๆชวนให้รู้สึกสยิว ผมแอบมองมันเล็กน้อยพลางลอบกลืนน้ำลาย ถอดเสื้อตามที่มันบอกจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ ยืนเกาหัวรอมันทำอะไรไม่รู้อยู่ตรงอ่างล้างหน้า ก็ว่าทำไมคันๆ บางทีเหาอาจจะแดกหัวผมแล้วก็เป็นได้ กูว่าละ มิน่าล่ะทำไมวันนั้นผมเห็นพื้นเป็นสีขาว เกาทีรังแคพลิ้วเชียะ


“นั่งลง “


เก้าอี้พลาสติกอันเล็กๆถูกเลื่อนมาตรงหน้า ผมนั่งตามที่มันบอก ไม่กล้าเถียงแม่งมาก ดูท่ามันจะแค้นผมมากเลยอะ นี่มึงมึนกลิ่นหนังหัวกูรึเปล่าเนี่ย ถึงกับเหงือกอักเสบ หน้าแม่งเหวี่ยงๆอะ น่ากลัว


“โอ้ย! เบาดิ “


หนังหัวของผมถูกกระชากไปด้านหลัง ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะได้ทันประสานสายตากับไอ้แบคที่ก้มหน้าลงมามองผมพอดี น้ำอุ่นๆจากฝักบัวที่ถูกซ่อมแล้วถูกเปิดรดเบาๆลงบนหัว เปียกไปทั้งตัว ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดแผลไว้


“โห้เหี้ย เห็บกระเด็นเต็มเลย วันหลังสระผมเองไม่ได้ก็บอกกันดีๆ กลิ่นหัวมึงเกือบจะฆ่ากูละรู้ไหม “


“คร้าบ ขอโทษคร้าบ “


ไม่กล้าต่อปากต่อคำไรมากเพราะชะตาหนังหัวของผมอยู่ในกำมือมัน เกิดแม่งไม่พอใจกระชากหัวกูขึ้นมานี่โล้นเลยนะ ไม่อยากจะเสี่ยง แชมพูกลิ่นที่ผมชอบถูกบีบใส่ฝ่ามือเล็กแล้วชะโลมลงบนหัว ผมหลับตาลง สัมผัสจากฝ่ามือนุ่มนิ่มที่นวดศีรษะเบาๆนั้นให้ความรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก


ลืมตาขึ้นอีกรอบก็เห็นใบหน้าน่ารักที่กำลังจดจ่ออยู่กับการสระผมให้ผมอยู่ ไอ้แบคดูจะตั้งใจเป็นพิเศษจนไม่รู้ว่าผมกำลังแอบมองมันอยู่ ผมอมยิ้ม ถึงแม้จะมองเห็นหน้ามันกลับหัวก็ตามที อยากให้มึงสระผมให้นานๆจัง สระขนรักแร้ให้กูด้วยได้มะเนี่ย


“หลับตา “


ผมหลับตาตามที่มันบอกอย่างว่าง่าย ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายน้ำอุ่นๆที่รดลงมาบนหัวอีกรอบ รู้สึกเมื่อยคอและแขนที่ยกมือขึ้นมาปิดแผลมาก แต่ก็ต้องทำเพราะกลัวแสบ


“...”


ลืมตาอีกทีก็แทบจะช็อค ไม่รู้ว่าผมสายตายาวขึ้นรึเปล่าถึงรู้สึกว่าใบหน้าน่ารักนั้นเลื่อนลงมาใกล้เรื่อยๆ น้ำจากฝักบัวถูกเปิดทิ้งไว้อย่างนั้น ผมกลืนน้ำลาย เห็นดวงตาเรียวรีที่กำลังหลุบลงต่ำลงมองแล้วทำเอาผมใจเต้น



ฉับพลันริมฝีปากอิ่มนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนแทบจะประกบกัน
ปลายคางเล็กแตะลงที่ปลายจมูกของผมแผ่วเบา..





“โอ้ยอิเหี้ย ร้อนๆๆๆ “

ผมหลังแอ่น เมื่อรู้สึกได้ว่าน้ำร้อนๆกำลังลวกหนังหัวและแผ่นหลัง ยื้อตัวผลักไอ้แบคออก เห็นคนตัวเล็กเซถอยหลังไป ผมรีบหันไปปิดน้ำทันที แต่ก็ไม่ทันละ เสื้อผ้าของมันเปียกน้ำหมดเลย


“เฮ้ย โทษๆ “


ลุกเดินเข้าไปหาแล้วช่วยมันถอดเสื้อออก ไอ้แบคเอาแต่ก้มหน้างุดจนคางติดอก ถ้าผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากไป ผมคิดว่าเมื่อกี้แม่งจะจูบผมแน่ๆเลย แต่ผมไม่แซวมันหรอก ถึงแม้จะรู้ว่าเวลามันเขินนั้นน่ารักขนาดไหนก็ตาม ผมควรจะเป็นสุภาพบุรุษมั่งใช่ปะวะ เสียดายว่ะสัดเด้ย


“มึงยังไม่อาบน้ำใช่ปะ งั้นอาบพร้อมกูเลยละกัน “


“กะ ..กู เอ่อ “


“ไมอะ มึงจะไม่อาบหรอ ? “


“กูว่า มึงอาบให้เสร็จก่อนดีกว่า เดี๋ยวแผลโดนน้ำ “ มันตอบ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มองหน้าผมอยู่ดี


“เอางั้นก็ได้ แต่มึงมานี่ก่อนมา “


ลุกยืนแล้วกวักมือเรียกมันให้เข้ามาหา ไอ้แบคเดินตัวลีบเข้ามาอย่างว่าง่าย ผมหัวเราะเบาๆแล้วคว้าแขนมันจนตัวลอยหวืดเข้ามาชิด โน้มหน้าลงไปกดปลายจมูกเข้ากับแก้มนิ่มฟอดใหญ่ก่อนจะเลื่อนไปกระซิบอย่างแผ่วเบาที่ข้างหู


“ขอบคุณนะครับ.. “


“อะ! ..เออ!  “


“ออกไปได้ละ กูจะรีบอาบนะ มึงจะได้อาบบ้าง หน้าดำเชียว5555555”


บีบแก้มใสที่ตอนนี้แดงเป็นลูกมะเขือเทศอย่างมันเขี้ยวก่อนจะจับมันหันหลังแล้วดันออกไปทางประตูห้องน้ำ ไอแบคหันมาชูนิ้วกลางใส่ผมก่อนจะรีบแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว ผมยักคิ้วพลางโบกมือบ้ายบายให้มันแล้วหัวเราะร่า



น่ารัก ..

น่ารักชิบหายเลย .. 


___________________________________

นี่เด็กๆกูมีเรื่องจะแจ้ง สำหรับคนที่สั่งฟิคกูอะอ่านทุกคนนะ
คือว่า กูจะเลื่อนปิดโอนขึ้นมาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เป็นอาทิตย์ที่18 สิงหาคม 2556
ก็คือวันที่18เดือนหน้านี้นะ หลังจากนี้คือกูปิด ทำเล่มแล้วส่งให้พวกมึงเลย
เพราะว่ากูอยากจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จภายในเดือนหน้าอะ จะได้สอบมศวได้แบบสบายใจ
ขอโทษจริงๆนะเว้ยแต่แบบกูนอนคิดมาหลายวันแล้วอะ กูเครียด อืมเอาเป็นว่าตามนี้นะ
อันนี้คือลิ้งค์รายละเอียดทั้งหมด http://raphighx.blogspot.com/2013/07/5-2556.html
ส่วนแมวกูจะทยอยตอบนะครับๆ ละก็ตารางอัพเดทรายชื่อจะอัพให้เรื่อยๆน้า
ที่กูหายไปเพราะอาทิตย์ที่แล้วสอบมิดเทอม ก็ไม่มีไรละ ฟิคใกล้จะจบละ
วันนี้กูก็ไปทำบุญมา คือถ้าไม่นับรวมกับบาปที่กูทำมานะ กูเอาบุญมาฝากทุกคน
ก็ขอให้เด็กๆของกูโตไวๆ เป็นเด็กดีของพ่อแม่นะเว้ย เรียนเก่งๆ สมหวังทุกเรื่อง
ก็ไม่มีไรละจริง แสบหลังมาก บาย







1 ความคิดเห็น:

  1. หูยยยยย...ชอบมากเลยตอนที่จับแขนมาหอมแก่มอ่ะ ฟินโว้ยยยยย

    ตอบลบ