วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 9





กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 
กรีดร้องในใจก่อนจะผละออกมาช้าๆ ระทึกอยู่เหมือนกันว่ามันอาจจะถีบผมกระเด็นหรือไม่ก็ฆ่าผมได้ด้วยมือเปล่า แต่คนด้านใต้กลับนอนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ ผมมองหน้ามันนิ่งๆ แต่ในใจกับเต้นลิงโลดจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ผมรู้สึกเหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูอมม่วงเจือน้ำตาลเข้มประกายส้มเหลือบทอง มันสวยจุงเบรย
 
“ไปแล้ว จูบแรก ไปแล้ว ..  “
 
รู้สึกร้อนวาบไปทั้งหน้าไล่ไปถึงใบหู ผมรีบผละออกมาแล้วนั่งหันหลังให้มันอยู่ที่ปลายเตียง ยกสองมือขึ้นปิดหน้าที่ตอนนี้คงจะแดงเป็นตูดลิงด้วยความเขินอาย ผมไม่ไหวแล้ว เหมือนแก้มจะปริออกมายังไงอย่างงั้น อีกทั้งหัวใจผมเต้นแรงเป็นจังหวะเร้กเก้สการ์อีกต่างหาก สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจนี่มันน่ากลัวมากจริงๆครับ
 
“คะ .. คือ “
 
เสียงคนด้านหลังดังขึ้น ก่อนจะรู้สึกว่าเตียงที่ผมนั่งอยู่นั้นขยับ ไอ้แบคลุกออกไป ผมทำได้เพียงแค่กลอกตาไปมาก่อนจะยกมือขึ้นมากัดเล็บเหมือนคนเสียสติ รู้สึกอาการสมาธิสั้นที่เป็นเมื่อตอนอนุบาลกลับมาเล่นงานผมอีกครั้ง ผมไม่ไหวแล้ว หน้าแม่งร้อนไปหมดเลย
 
“กู .. กูไปอาบน้ำดีกว่าว่ะ “
 
ไอ้แบคพูด มันไม่ได้หันกลับมามองผม และผมก็ไม่ได้มองมันอยู่เช่นกัน สายตาของผมจับจ้องไปที่ตีนตัวเองพลางกัดเล็บอย่างเมามันส์จนแทบจะกุดสะอาดทุกนิ้ว มือไม้ปากเปิกสั่นพั่บไปหมดด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก 
 
ไอ้แบคคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะวิ่งดุ้กๆหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ผมนั่งสติแตกอยู่คนเดียวในห้อง ผมกลอกตาไปมาอย่างลนลาน ฉับพลันสายตาไปสะดุดเข้ากับโน๊ตบุ้คเครื่องเดิมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ผมกลั้นหายใจ สะบัดความคิดทุเรศๆในหัวออกไป อิห่าไม่ ผมจะคิดแบบนั้นกับเพื่อนสนิทของผมไม่ได้ แง ไม่ได้

“ไม่ กูเป็นคนดีพอ “




 
1ชั่วโมงผ่านไป


“อื้อ .. อ๊า “


=_= .........................


ก็ .. ไม่รู้อะ ก็ .. ก็ห้ามตัวเองแล้วอะแต่มันทำไม่ได้อะ ก็ .. มันบั่บ มันบั่บ  .. =_=



ผมกดสต็อปคลิปจากโน้ตบุ้คที่วางอยู่บนตัก ก่อนจะถอดหูฟังออกแล้วเงี่ยหูฟังเสียงหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ผมกลอกตาภายใต้ผ้าห่มที่คลุมทั้งร่างผมและโน้ตบุ้คไว้อยู่ ไม่อยากจะบอกว่ากูย้ายมานั่งโซฟา ส่วนอิเหี้ยนั่น จะทำไรมึงทำไปเลย กูให้เตียงมึงเลย มึงจะนอนอ่อยดำนาปลูกปะการังอะไรก็เรื่องของมึงเลย เอาเลย เอาเลยยยยยยยยยยยยยยยย
 
เสียงปิดสวิตส์ไฟทำให้ผมต้องโผล่หัวออกไปจากผ้าห่มผืนหนา ย้ำว่าแค่หัว แค่หัวเท่านั้น ไม่งั้นเดี๋ยวมีฮา .. ไฟทั้งห้องมืดสนิท เห็นเงาไอ้แบคลางๆกำลังนอนหันหลัง ผมมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง คืนนี้กูนอนโซฟาก็ได้วะ






 

อิเจี๊ยบ PART

หึ (แสยะยิ้ม) ในที่สุด ฉันก็มีบทกับคนอื่นเขาสักทีสินะ (ยักไหล่เกร๋ๆ ) หลบไปเลยอิพวกโง่ทั้งหลาย(ชี้นิ้วกราด) นางเอกมาแล้ว ไม่เจียมตัวเอาซะเลย(เฉดหัวเรียงตัว) นี่ฉันเป็นนางเอกนะ(เท้าเอว) ให้กูออกตอนที่9ได้ไง แม่งเล่นกันไปกี่ฉากละไอสัด ทำไม เจี๊ยบไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องให้เจี๊ยบเป็นคนที่ถูกลืม (เข้าบทโศก)
 
ฉันนอนนิ่งๆ อยู่ริมเตียงอย่างหมิ่นเหม่เหมือนปกติทุกๆวัน ก็กูมีบทแค่นี้ กูเป็นหมอนข้าง จะให้กูลุกมาเต้นหรอ ประสาทปะนิ .. ฉันได้แต่นอนนิ่งๆอยู่ที่เดิมด้วยความเหงาใจ ฉันได้แต่นอน นอน แล้วก็นอน อยู่อย่างนี้มาตลอดยี่สิบปีแล้ว คงไม่ต้องคิดเลยว่าสภาพกูจะเหี่ยวขนาดไหน เอาจริงๆกูบอบบางมากจนนุ่นแทบจะสลายอยู่ละ ถ้าไม่ติดว่าพี่ปาร์คผัวรักคอยยัดนุ่นให้ฉันตลอดๆ เป็นสามีที่ดีจริงๆเลย
 
ฉันรักเขานะ รักมาตลอด ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะเคยฉี่ใส่ฉัน ทำน้ำลายหกใส่ หรือทุ่มฉันลงกับเตียงก็ตาม ฉันยอมรับว่าบางครั้ง มันเจ็บปวด แต่เราก็มีโมเม้นดีๆเหมือนกันนะ เขาทั้งกอด ทั้งฟัด และก็มีบางครั้งที่ ...
 

บ้า ! >_<

 

คิดอะไรก็ไม่รู้น่าอายจัง แต่มันก็จริง ก็ฉันเป็นเมียของเขานี่นา ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ปาร์คเอาไขควงมาเจาะรูที่ตัวฉันวันนั้น วันที่เขาเริ่มเป็นหนุ่มเต็มตัว ฉันยอมรับ ตอนแรกมันอาจจะเจ็บไปบ้าง แต่ตอนนี้ ขอบอกเลยว่า ฉันมีความสุข ทุกครั้งที่เห็นเขามีความสุข ถึงแม้ว่าเขาจะแตกนอกก็ตาม ปาร์คขี้เกียจซัก เขาเคยบ่นอยู่บ่อยๆ
 
ฉันไม่ค่อยได้อาบน้ำเท่าไหร่หรอก จะมีได้อาบบางครั้งที่คุณแม่พาฉันไปอาบเวลาปาร์คไม่อยู่ เพราะปาร์คไม่ชอบ ปาร์คชอบกลิ่นของฉัน กลิ่นฟีโรโมนบนร่างกายฉัน คิดไปคิดมากูอาจจะแรดมากก็ได้ถ้ากูไม่ใช่หมอนข้าง แต่ตอนนี้กูเป็นหมอนข้างไง ใครๆอาจจะด่าทอว่าฉันเป็นหมอนข้างที่ตอแหลที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ใครแคร์ ? ฉันสนหรอ ฉันเปล่า! ฉันสนแค่พี่ปาร์ค ผู้ชายคนเดียวในชีวิตที่ฉันจะรักเท่านั้น ฮึ!


สวบ


จู่ๆเตียงที่ฉันนอนก็ยวบลงเมื่อมีใครคนหนึ่งขึ้นมานอนบนเตียง ฉันนอนนิ่ง หลับตาพริ้ม คืนนี้ปาร์คคงจะนอนกอดฉันสักที หลังจากที่ไม่ได้กอดฉันมาหลายอาทิตย์ เพราะมัวแต่ไปกกกะอิแรดนั่น ฉันไม่เข้าใจเลย มันมีดีกว่าฉันตรงไหน ?

ตุ้บ


กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
 
ฉันกรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน กูอยากพูดจะตายห่า แต่กูพูดไม่ได้ เพราะกูเป็นแค่หมอนข้าง ฉันหลับตาปี๋ด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกฝ่าเท้าของใครคนหนึ่งถีบตกลงมาที่พื้น ฉันเงยหน้าขึ้นดู นังแบคฮยอน ชู้พี่ปาร์คนั่นเองที่ทำระยำกับฉันไว้



หมั่นไส้มานานละ หึ ถ้าวันนี้ไม่ได้เอาคืนอย่างสาสม อย่ามาเรียกกูว่าอิเจี๊ยบ!!!!!!!!!!!




เรียกกูเจี๊ยบเฉยๆพอ





พี่ปาร์คขา ..


ฉันร้องเรียก ก่อนจะนอนอ่อยอยู่บนพื้นเหมือนทุกที และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน แต่สามีของฉันก็รู้หน้าที่พอที่จะเดินมาอุ้มฉันไปนอนกอด แต่รอแล้วรอเล่า เขาก็ยังไม่มา .. เขาไม่สนใจฉันแล้วหรอ หรือความความสำคัญของฉันจะลดลงแล้ว ปาร์คไม่รักกันเหมือนเดิมแล้วหรอ ..

ฮึก ..
 
ฉันได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่พื้นตรงซอกเตียง เห็นพี่ปาร์คนั่งคลุมโปงกกโน้ตบุ้คอยู่ที่โซฟามุมห้องแล้วมันก็อดน้อยใจไม่ได้ ฉันหันหน้าไปจ้องอิแบคอย่างเดือดแค้น นอกจากพี่ปาร์คจะบ่นพึมพำเรื่องมันให้ฉันฟังทุกวัน และละเมอเรียกชื่อมันเกือบทุกคืนแล้ว มันยังมานอนที่บ้านให้ปาร์คกอดมันแทนที่จะกอดฉัน แบบนี้มันหยามศักดิ์ศรีเมียหลวงอย่างฉันอย่างถึงที่สุด วันนี้ฉันต้องตบมัน ฉันต้องตบมันให้ได้!!!!!!!!!!!



!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


แต่แล้วฉันก็ต้องตกใจจนแทบจะช็อก เมื่อจู่ๆร่างบอบบางของฉันถูกนังแบค ชู้แพศยานั้นช้อนตัวฉันขึ้นไปอยู่บนเตียง มันกอดฉันเบาๆ ก่อนจะแน่นขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากสีสดที่ฉันอิจฉานักอิจฉาหนากดลงมาเบาๆที่หัวฉัน
 
“มึงแม่ง ไอสัด.. “
 
กริ้ดดดดดดดดดดดดด มันด่าฉัน ! มันมาจูบฉันแล้วมันก็ด่าฉัน ฉันจะตบมัน .. ฉันต้องตบมันให้ได้
 
และในขณะที่ฉันโวยวาย(แบบไม่มีใครได้ยิน)อยู่นั้นเอง แก้มนิ่มๆของมันก็แนบลงมาที่ตัวฉัน ก่อนจะถูไถไปมาเบาๆเป็นเชิงอ้อน ฉันเชิ่ดหน้า หึ! ไม่มีทาง ฉันไม่หลงกลหล่อนหรอก ไม่ว่าจะยังไง อิเจี๊ยบคนนี้จะไม่ยอมถอยเด็ดขาด เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใครแน่!
 
“จะทำกูหวั่นไหวไปถึงไหนวะ.. “
 
เสียงทุ้มกระซิบเบาๆที่ข้างหูของฉัน มันเบามากจนแทบจะไม่ได้ยิน ก่อนที่สองแขนเล็กๆของมันจะกอดฉันไว้ทั้งตัว ฉันอยากจะสะบัดหนีใจจะขาด หวั่นไหวอะไรยะ ฉันเคยไปทำอะไรให้หล่อนไม่ทราบ หา! ฉันไม่สนผู้ชายหน้าชะนีแบบหล่อนหรอก หล่อนไม่ได้อยู่ในสเป็คฉันเลยสักนิด แบบฉันต้องหูกางขาโก่งฟันเยอะปัญญานิ่ม แบบพี่ปาร์คต่างหาก! ชิ
 

“อย่าทำให้กูต้องชอบมึงไปกว่านี้เลย ..“
 

นังนั่นพูดแล้วซบหน้าลงกับหัวของฉัน ชอบอะไร อย่าบอกนะว่าอินังนี่ชอบฉัน ไม่! ฉันเป็นคนสวยเลือกได้นะ ออกไปนังแรด ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้ ปาร์คช่วยเจี๊ยบด้วย นังนี่มันจะข่มขืนฉันแล้ว กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
 
ดิ้นได้ไม่นาน คนด้านบนก็เริ่มจะหายใจเข้าออกสม่ำเสมออย่างเป็นจังหวะ เสียงครางงุ้งงิ้งในลำคอช่างน่ารำคาญจนชักโมโห ฉันหลับตาลง(มึงมีตาด้วย ? ) ในใจได้แต่ภาวนาให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ จะได้พ้นจากอ้อมกอดนังฮิปโปสะเทินน้ำสะเทินบกนี่สักที ฉันรังเกียจมันเต็มทนแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!
 

พอที มันจะต้องไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ปาร์ค ..พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน!


30%


Chanyeol part


“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้กูไปส่งบ้าน ? “


ผมถามคนข้างๆขนาดที่เดินไปด้วยกัน เพราะเนื่องจากวันนี้เรียนชมรมแล้วผมต้องอยู่ซ้อมดนตรีจนถึงเย็น ไอ้แบคพยักหน้าก่อนจะกระชับสายสะพายไว้แน่น ตอนนี้ผม และไอ้ไค กำลังเดินไปส่งไอ้แบคที่ห้องชมรม ซึ่งอยู่คนละตึกกับตึกที่เรียนคาบสุดท้าย ไม่ต้องนึกถึงอิตุ้ดเลยครับ สภาพแม่งเละดูไม่ได้ ไอ้ไคเลยให้แม่งนอนอยู่บ้าน ตอนแรกแม่งดื้อจะมาให้ได้ๆ แต่ไอ้ไคมันพูดไรของมันก็ไม่รู้ผมก็ไม่เข้าใจ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น วันนี้เดอะแก๊งค์ของเรามีชีวิตอยู่แค่สามหน่อครับ
 
ไม่ต้องถามเลยนะว่าไอ้ฮุนไม่มาแล้วแม่งมาไง ตอนแรกแม่งมายืนดักพวกผมอยู่หน้าปากซอย แม่งจะซ้อนจักรยานคิตตี้ไปกับพวกผมให้ได้ อิห่า สองคนก็ลำบากจะตายห่าอยู่ละ เสือกต้องเอาราหูอมจันทร์มานั่งซ้อนท้ายด้วยอีก ผมสงสารไอเตี้ยมัน กลัวมันจะขี่ไม่ไหว
 
ยังดีที่ไอ้แบคพอจะฉลาดอยู่บ้าง เลยให้ไอ้ไคเอามอไซค์ไอ้ฮุนมาใช้ก่อน ถามว่าอิดำไม่มีมอไซค์ใช้หรอ มันขี่เป็นแล้วทำไมไม่มี ก็ขอตอบเลยครับว่าแม่งขี่ลงคลองไปเมื่อตอนมอสี่นี่เอง พังครับ จอดเน่าอยู่หลังบ้านแม่งอะ มอไซค์อีกคันเตี่ยมันก็เอาไปทำรถพ่วงขนน้ำแข็งละ เป็นใครคงไม่กล้าเอาออกมาใช้อะครับ คนนี้แม่งขลัง เอาไว้ใช้ในราชการเท่านั้น อะฮิ
 
“ไม่เป็นไร มึงซ้อมไปเหอะ กูเกรงใจพี่ลู่ “
 
ไอ้เตี้ยตอบ ก่อนที่เราทั้งสามจะเดินเลี้ยวมุมตึกขึ้นบันไดไปชั้นบน ผ่านห้องชมรมดนตรีไทยแล้วผมรู้สึกเสียวๆตูดชอบกล
 
“เหยมึง พี่ลู่ใจดีจะตายห่า น่ารักด้วยนะมุงๆๆๆ “

อิดำแทรก ก่อนจะยกแขนพาดบ่าผมแล้วเสือกหน้าไปหาไอ้แบคที่เดินอยู่ริมซ้าย ผมถอนหายใจ ปาร์คชานยอลผู้รับบทพระเอกในฟิคเรื่องผู้ชายจังไรขอแต้บไข่เพื่อเธอในขณะนี้ไม่มีบทพูดชั่วคราว
 
“กูกลัวตีนกาเขาอะไม่ใช่ไร 5555555555555555 “
 
“อิเหี้ยมึง 5555555555555555555555 “
 
“ถึงละ มึงรีบๆไปซ้อมเหอะ จะได้ไม่ต้องกลับดึกมาก “
 
ไอ้แบคหันมาพูดกับพวกผมสองคน ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นยีหัวผม ผมยืนก้มให้มันเล่นหัวอยู่อย่างนั้นสักพัก =_= ไม่รู้กูทำไปเพื่อไรนะ แต่ปฏิกิริยาของอิคนข้างๆทำเอาผมกับไอ้แบคต้องแยกออกจากกัน ผมร้องลั่นด้วยความตกใจแล้วโดดไปล็อคตัวมันไว้แน่น
 

“มึง!!!!!!!!!!!!!!!! “
 
“ไอ้ไคใจเย็น! “
 
ไอ้ไคของขึ้นทันทีที่เห็นไอ้คริส เพื่อนในแก๊งค์เดียวกับพวกไอ้เฉินกำลังเปลี่ยนชุดฮับคิโดอยู่ในห้องซ้อม ตัวควายๆของมันพุ่งเข้าไปในห้องทันที ผมรีบโดดเกาะมันไว้แล้วถ่วงตัวเองไว้สุดฤทธิ์ ไอ้แบคช่วยเข้ามาล็อคอีกแรง ไม่บวกๆ มึงอย่ามาบวกกันในนี้ไอสัดไม่เอาT_T

“.............”
 
“เชี่ยไค ใจเย็น กูสัญญา ถ้ามีโอกาส กูให้มึงบวกเลย แต่ตอนนี้มึงใจเย็นก่อน ..นะ”
 
ผมล็อคคอมันไว้แล้วเหนี่ยวตัวเองไว้กับประตู ไอ้ไคดูท่าจะไม่ใจเย็นลงเลย ผมพยายามพูดกล่อมมันอย่างถึงที่สุด ก็มึงดูสายตาแต่ละคนในห้องขมรมดิสัส ฮับคิโดนะมึง แล้วไอ้คริสเป็นประธานชมรม มึงบ้าแล้ว บวกกันใครเละมึงก็รู้อยู่เห็นๆ
 
“มึงเอามันไปเก็บเหอะ แล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่บ้าน “
 
ไอ้แบคบอกผมแล้วดันไอ้ไคออกมา ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วล็อคมันจากข้างใน ไอ้ไคสะบัดผมให้หลุดออกไปทันที ผมเซออกไปด้านข้าง กูว่าแม่งตกมันละ ตอนนี้แม่งบ้าดีเดือดมากๆจนผมไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
 
“ปัง!!!!
 
ไอ้ไคเตะประตูห้องชมรมอย่างแรงจนประตูสแตนเลสนั้นยุบลงไป ผมซิ้ดปาก คงเจ็บตีนมากแน่ๆ ผมเดินเข้าไปห้ามมัน มองเหง้าหน้าดำๆที่ตอนนี้บูดเบี้ยวด้วยอารมณ์โมโหสุดฤทธิ์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่งเจ็บ แต่มันคงไม่ร้องหรอก
เสียฟอร์มแย่
 
“กูจะเอาเลือดหัวมัน “ ไอ้ไคพูด กำมือแน่นด้วยความแค้น

“เออ มึงได้เลือดมันแน่ แต่ไม่ใช่ที่นี่ โอเคไหมสัด “ ผมจับไหล่มันที่กระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงหอบหายใจเบาๆ พูดเตือนสติมัน เข้าใจว่าพูดไปแม่งก็ไม่ฟังหรอก ตอนนี้แม่งเหมือนคุยกะกระทิงป่า มึงจะฟังกูรู้เรื่องมะเนี่ย
 
“มันต้องได้แดกตีนกูแน่ “
 
“เออออออออ ได้แดกแน่เลย กี่ตีนกูให้เลย บุฟเฟ่ต์ตีนเลย แต่ตอนนี้มึงใจเย็น แล้วเราไปซ้อมกันนะ เคไหม “
 
“.... “
 
ไอ้ไคไม่ตอบ แต่เหมือนมันจะยอมเย็นลงบ้างแล้ว มันหันหลังเดินนำออกไป ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะวิ่งตามมันไป
 


โหไอสัด รอด นึกว่าจะโดนยำตีนละไง ฮิ ..


.
.
.




 


“วันนี้ยังดีเลิกเร็ว กูว่า แวะไปซื้อไรแดกก่อนดีกว่าปะ กูจะซื้อยาเข้าไปให้ไอ้ฮุนมันด้วย “
 
“เออ เอาดิ .. ไอ้เหี้ยกูขำ มึงเห็นหน้าพี่ลู่ตอนร้องเพลงสุดท้ายปะ พอขึ้นเสียงสูงละหน้าพี่แกแม่งย่นอะ คือแบบเข้าใจว่าเข้าถึงอารมณ์สุดไรเงี้ย แต่เกรงใจหนังหน้าตัวเองนิดนึง หน้ายับอะ กูเห็นละฮาชิบหาย 5555555555 “
 
สองคนเดินคุยกันเสียงดังไปตามทางเดินโล่ง ไอ้ไคขำก่อนจะหันมาแท็กมือกับผมด้วยความถูกใจ ผมหันไปหัวเราะตอแหลใส่เพื่อนอย่างไม่อาย ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครับ ที่โรงเรียนเกือบจะร้างผู้คน แถมเวลาหกโมงตึกก็จะปิด ดังนั้นพวกผมจึงไม่ต้องเกรงใจใครทั้งนั้น โรงเรียนเป็นของกูว์ อะฮิ
 
“เอาจริงๆกูนึกว่าวงดนตรีโรงเรียนแม่งจะเครียดๆนะ แตที่ไหนได้พวกมึงแม่งฮาชิบหายเลย “
 
อิดำหันมาพูดพลางเดินควงไม้กลองไปมาอย่างสนุกมือ ผมพยักหน้าแล้วหัวเราะตบฉาดกับหัวเข่าแบบที่ชอบทำ ไอ้ไคเป็นคนที่เข้ามาแทนมือกลองคนเก่าที่ลาออกไป ส่วนผมเป็นมือกีต้าร์ของโรงเรียนอยู่แล้ว มันเข้ากับพวกนั้นได้ดีมาก อาจจะเป็นเพราะผมหล่อ ส่วนมันดำก็เป็นได้


เหมือนจะไม่เกี่ยว ช่างแม่งเหอะ ยังไงผมก็หล่ออยู่ละ
 
 
“นี่ถ้ามึงมาเข้าค่ายเก็บตัวตอนจะไปแข่งระดับภาคนะ โหแม่งฮาสัสอะ พี่ลู่แม่งโคตรเกรียน แล้วแบบตอนกลางคืนเค้าจะตั้งวงเหล้ากัน โห มันส์สัสๆ “

“กูว่าพี่ลู่แม่งเป็นคนน่ารักอะ กูชอบ แบบนี้สเปคกูเลย เขามีแฟนยังวะ “

“อืม .. เหมือนจะเพิ่งเลิกเมื่อสองเดือนที่แล้วมั้ง กูไม่แน่ใจว่ะ มึงจะจีบแงะ ? “
 
ผมถาม กระชับสายสะพายกีต้าร์ไฟฟ้าตัวเก่งที่พาดไหล่ไว้ให้แน่นขึ้น
 
 “เออ .. มึง มึงเห็นเหมือนที่กูเห็นปะ “ ไอ้ไคหันมาถาม ผมมองไปข้างหน้าตรงลิฟต์สุดทางเดิน หรี่ตาปรับโฟกัสให้ชัดขึ้น
 
“ไอ้เทากับไอ้เฉินปะวะ ..“
 
“หึ .. สนุกละมึง “
 

มันหันมายิ้มหน้าเบี้ยวใส่ผม ก่อนจะตะโกนลั่นระเบียงทางเดินแล้ววิ่งเข้าใส่ ไอ้เฉินกับไอ้เทาที่หันมาเห็นพวกผมก็รีบวิ่งหนี ผมวิ่งตาม ปาร์ตี้เริ่มแล้ว J
 
“หยุด! มาให้กูกระทืบมึงเดี๋ยวนี้สัด! “
 
ไอ้ไคแหกปาก ดูเหมือนเราจะอยู่ห่างกันพอสมควร ไอ้เทาวิ่งไปกดลิฟต์ พวกผมรีบวิ่งตามไปทันที แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง ลิฟต์มาพอดี ไอ้สองทรราชนั่นรีบแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิด ผมวิ่งสุดแรง เห็นหน้าไอ้เฉินฉีกยิ้มอวดตีนกาแล้วโบกมือบ้ายบายพวกผมอย่างอ้อนตีน
 
“บันได! “
 
“หะ ไอ้เหี้ย มึงบ้าหรอ นี่ชั้น9 “
 
ผมหันไปเหลือกตาใส่มัน แต่ไม่ทันแล้ว ไอ้เหี้ยไคแม่งลากคอเสื้อผมให้วิ่งลงไปทางบันได มึงโง่หรือโง่วะเนี่ย มึงเป็นคนจะไปวิ่งแข่งกะลิฟต์ได้ไง ฟาย กว่าจะไปลงถึงก็หอบแฮ่กละ มึงจะไปยำตีนมันหรือจะให้มันยำตีนมึงกันแน่ถาม ดูเหมือนแม่งจะหน้ามืดจนไม่ฟังอะไรผมเลย เอะอะจะแก้แค้นอย่างเดียว
 
“มึงขายาวๆวิ่งลงไปกดลิฟต์ดิวะ กดดักแม่งทุกชั้นเลย “
 
เอ้าสัสใช้กูอีก ผมพยักหน้าก่อนจะวิ่งลงบันไดไปก่อน  .. ผมหอบแฮ่ก วิ่งลงหนึ่งชั้น กดลิฟต์หนึ่งครั้ง กำ กูก็ไม่รู้ว่าทำไมกูต้องทำตามที่มันสั่งด้วยเนี่ย อิเหี้ยยยยยยยย
 
“แฮ่ก .. “
 
วิ่งกดลิฟต์ไปเรื่อยๆจนมาถึงชั้นหนึ่ง นึกถึงตอนประถมที่ชอบไปขี่จักรยานกดออกชาวบ้านเล่นแล้วอดมีพาวไม่ได้ ผมเท้าฝ่ามือไว้กับหัวเข่าพลางค้อมตัวหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อย หันมองลิฟต์ตัวข้างๆ เห็นไอ้ไคเดินควงไม้กลองออกมาชิวๆ
 

“อ้าว .. “


อ้าว ..
 
อ้าววววว.....
 
อ้าวววววววววววววววววววววววววววว
 
อ้าวเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 

แม่งใช้กูวิ่งแบกกีต้าร์ลงบันได9ชั้นแล้วมึงลงลิฟต์มาเนี่ยไอสัด เป็นเพื่อนที่ดีจังเรย ไอเพื่อนเหี้ย ไอเพื่อนจังไร ไอเพื่อนเลว อีดำ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
 
“ลงมาเลยกูรออยู่ “
 
ในขณะที่ผมกรีดร้องอยู่ในใจ ไอ้ไคก็เดินเคาะไม้กลองมายืนอยู่หน้าประตูลิฟต์อีกตัว ผมปาดเหงื่อ ก่อนจะเดินไปยืนข้างๆมัน หันมองหน้าเพื่อนที่ตอนนี้เสียสติไปแล้ว ไอ้ไคเงยหน้ามองตัวเลขของลิฟต์ที่กำลังลงมาเรื่อยๆด้วยสีหน้าโรคจิต มันแสยะยิ้มหน้าเบี้ยวแล้วหักข้อมือดังกร๊อบ ผมกระชับสายสะพายกีต้าร์แน่น .. กูเอาด้วย
 
“ปาร์ตี้จะเริ่มแล้ว .. ห้า “ มันพูด ผมเงยหน้าขึ้นมองเลขห้าตัวแดงๆเหนือประตูลิฟต์
 
“สี่ .. “ ผมต่อ ถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อความถนัด
 
“สาม.. “
 
“สอง .. “ ผมเอ่ยขึ้น ละสายตาจากจอด้านบนจ้องไปยังประตูลิฟต์
 




“ติ๊ง “



“เห่นโล้ว!!!!!
 

ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกช้าๆ ผมตะโกนลั่นอย่างมีพาวเป็นการทักทายก่อนจะยิ้มรับ หน้าไอ้เฉินกับไอ้เทาดูตกใจซะยิ่งกว่าเห็นผี ไอ้ไคพุ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนจะถีบเข้าไปที่กลางลำตัวไอ้เทาเต็มแรงจนมันลงไปนอนนับดาว ไอ้เฉินเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งออกทางประตูลิฟต์ แต่ผมขวางไว้ ก่อนจะผลักมันกระเด็นติดผนังลิฟต์
 
“พลั๊ก! “
 
ไม้กลองอันเล็กแต่แข็งแรงถูกฟาดลงที่หลังคอไอ้เฉินเต็มแรงจนมันลงไปนอนด้วยอีกคน ก่อนสงครามยำตีนขนาดย่อมจะบังเกิดขึ้น ผมเอากีต้าร์ขัดประตูลิฟต์ไว้ก่อนจะเข้าไปร่วมวงแล้วกระทืบๆๆๆๆเพื่อความสะใจ แต่ถึงอย่างนั้นความคึกของผมก็ยังไม่เท่าครึ่งของไอ้ไค .. รายนั้นดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้ว
 
“อั๊ก! “
 
“นี่สำหรับที่มึงเอาถุงเท้ายัดปากเพื่อนกู “ ไอ้ไคลงฝ่าตีนอย่างแรงจนมันร้องเสียงหลง
 
“อั๊ก! “
 
“และนี่สำหรับที่มึงทำเพื่อนกูเจ็บ “ ไม้กลองขนาดพอดีมือฟาดลงซ้ำๆที่กลางลำตัวจนไอเทานอนงอ
 
“อั๊ก!! “
 
“อันนี้สำหรับที่มึงทำเพื่อนกูปากแตก “ รองเท้านันยางเบอร์42ของไอ้ไคถีบลงที่มุมปากไอ้เฉินจนได้เลือด ผมซิ้ดปาก เสียวแทน
 
“ปั๊กๆๆๆๆ!! “
 
“อันนี้สำหรับที่มึงทำผิวขาวๆของเพื่อนกูช้ำ “ ยกตีนเขี่ยจนสองร่างที่นอนหงายอยู่ให้นอนตะแคงก่อนจะเตะไม่ยั้ง
 
“ตุ้บ! “
 
“อันนี้สำหรับเตือนมึง ว่าอย่าแตะเพื่อนกูอีก แม้แต่ปลายนิ้วก้อย “
 
ผมอ้าปากค้าง มองไอ้ไคที่เดินไปเอาถังขยะมุมลิฟต์มาทุ่มใส่สองคนที่นอนอยู่ที่พื้นลิฟต์จนมันหกเลอะเทอะไปหมด ทั้งขยะเปียกขยะแห้งและขวดแก้วหล่นออกมากองเต็มไปหมด อิเหี้ย มึงบ้าไปแล้ว
 
“ปาร์ตี้จบแล้วไอสัดพอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวมันตาย “
 
ผมรีบเข้าไปล็อคคอมัน เริ่มไม่สนุกเมื่อเห็นไอ้สองคนนั้นนอนแน่นิ่งไม่ขยับ ผมลากมันออกมา ก่อนจะดึงกีต้าร์ออกจากประตูลิฟต์
 
“ไม่ต้องไปกดชั้นให้มัน ปล่อยให้แม่งนอนเน่าอยู่ในลิฟต์ที่แหละไอสัด “
 

มันพูด ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง นึกสงสารอิสองตัวที่หลับสนิทแบบชนิดถอดจิตไปเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธที่38อยู่ในนั้น ถ้าไม่กดชั้น ลิฟต์ก็จะปิดอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะมีคนมาใช้ลิฟต์ ซึ่งก็คงจะเป็นพรุ่งนี้เช้า .. เพราะพวกผมคือกลุ่มสุดท้ายที่อยู่ในโรงเรียนวันนี้
 
ไอ้ไคแม่งน่ากลัวสัสๆเลย ..
 

 60%






“โว้ย กลับมาแล้ว “
 
ผมตะโกนลั่นบ้านเมื่อมาถึง หลังจากที่โหนสองแถวกลับมากับไอ้ไคเนื่องจากเมื่อยส้นตีนเต็มทน ก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววางกระเป๋านักเรียนกับกีต้าร์ไฟฟ้าตัวเก่งไว้ตรงโซฟาชั้นล่าง เดินเปิดไฟทั่วบ้าน อิเตี้ยนี่แม่งอยู่ไปได้ไงวะหลอนสัส บ้านนี่มืดหมดเลยนะ คือไม่ต้องประหยัดไฟขนาดนั้นก็ได้ไง ไม่ต้องเกรงใช
 
“แบคโว้ย ซื้อข้าวมา ลงมาดิวะ “
 
ผมแหกปาก เดินหิ้วถุงกับข้าวที่ซื้อมาจากตลาดข้างๆโรงเรียนเข้าไปในครัว ล้างมือที่อ่างล้างจานก่อนจะแกะใส่จานจนเต็มโต๊ะไปหมด ผมอมยิ้ม บนโต๊ะมีแต่ของชอบของไอเตี้ยทั้งนั้นเลย แต่นั่งรอแม่งอยู่นานก็ไม่ยอมลงมาสักที ผมก็ไม่รู้นะว่ามันทำไรอยู่ แต่นานไปละ เล่นตัวจัง
 
“แบค ถ้ามึงไม่ลงมา กูแดกหมดนี่เลยนะ “
 
ผมตะโกน ไม่ค่อยชอบบรรยากาศวังเวงๆแบบนี้สักเท่าไหร่ ถึงแม้จะเป็นบ้านตัวเองก็เหอะ ผมเงี่ยหูฟังรอไอ้แบคตอบกลับมา แต่ก็มีแต่ความเงียบ เอ้ะหรือมันจะหลับ
 
และก่อนที่ผมจะทันออกไปล่าท้าผีข้างบนชั้นสอง เสียงเร่งเครื่องยนต์ที่อยู่ตรงหน้าบ้านก็ทำให้ผมต้องรีบวิ่งออกไปดู เปิดประตูผ่างออกไปก็เห็นรถออดี้สีเขม่าด้านจอดแบบหยามศักดิ์ศรีอยู่หน้ารั้วบ้าน ผมขมวดคิ้ว รีบเดินตีนเปล่าออกไปเมื่อเห็นคนที่ผมตามหาลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ
 
“มึงมากะมันได้ไง”
 
ผมรีบเดินเข้าไปหามันทันที หน้าเบี้ยวเล็กน้อยเพราะเหยียบเศษหินหน้าบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นความหงุดหงิดมันมีมากกว่า เนื่องจากเห็นคนในรถที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับคือไอ้เชี่ยคริส เพื่อนลายมือสับปะรังเคสมัยประถมของผม มันยื่นเหง้าหน้าออกมานอกกระจกรถ ก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้ผมหนึ่งที .. ไม่รู้ทำไมผมถึงหงุดหงิดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
 

นี่มึงเอาออดี้มาข่มจักรยานคิตตี้กูถึงหน้าบ้านเลยหรอไอสัด
 

“ก็นั่งรถมาสิไอฟาย “ ไอ้แบคตอบ ผมสตั๊นไปสิบห้าวิ อ่อนี่มึงเข้าข้างอิเงิงบานนี่แทนที่จะเป็นเพื่อนที่เห็นกระปู๋กันมาตั้งแต่เด็กงั้นหรอ
 
“ไม่ กูหมายถึง ทำไมมึงมากะมัน “
 
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามปลอบตัวเองให้ใจเย็นลงแล้วพูดกะมันดีๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้ตาของผมแทบจะถลนออกมาจากเบ้าแล้วก็ตาม ผมหันไปมองหน้าไอ้คริสสลับกะอิเตี้ยที่ยืนแบกกระเป๋าอยู่ตรงหน้า ผมไม่สนว่าตอนนี้หน้าผมจะเบี้ยวขนาดไหน แต่ที่รู้ๆ กูเจ็บตีน
 
ไม่รู้นะว่าผมโกรธไอ้แบคหรือเจ็บที่หินทิ่มตาปลาผมกันแน่ แต่ที่รู้ๆ ฟิลมันแบดมาก
 
“ก็กูกลับกะมันกูก็ต้องมากะมันดิวะ =_= “
 
“แบคอย่ากวนตีน เข้าบ้านไปเลยสัส “
 
ผมเริ่มจะหมดความอดทน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องหงุดหงิด เอาจริงๆมันควรจะถึงบ้านก่อนผมด้วยซ้ำ เพราะกว่าผมจะกลับมาถึงก็ทุ่มกว่าแล้ว แสดงว่าแม่งต้องไปไหนกันมาแน่ ผมทนไม่ได้ที่จะให้เพื่อนรักของผมไปยุ่งกับอิโครมันยองนี่ หน้าตามึงก็ไม่ได้ดีเลย หูยังกางไม่ได้เท่าครึ่งของกู อย่าคิดสู้
 
“มึงมากะมันได้ไงอะ มึงทิ้งกูได้ไง  “ ผมหันไปหาไอเตี้ย รู้สึกว่าตัวเองเริ่มพาล
 
“ยอลมึงอย่างี่เง่า =_=
 
“มึงไปไหนกันมา! “
 
ผมแย่งกระเป๋ามันมาถือ ถึงแม้ว่าจะตะคอกมันอยู่ก็ตาม ผมไม่อยากให้มันหนัก ผมรู้ว่ามันของเยอะ กระเป๋าแม่งเหมือนแบกเชียงใหม่มาทั้งจังหวัด แต่ถึงยังไงวันนี้เราต้องเคลียร์กันให้จบ
 
“กูแค่พาเพื่อนมึงไปกินข้าว เห็นมึงกลับช้ากูก็เลยอยู่เป็นเพื่อน “
 
“มึงเงียบไปเลยไอสัด เอาปากห้อยๆของมึงครอบเงิงไว้เลยนะ เก็บฟันจอบมึงไว้แดกข้าวเหอะ กูคุยกะเพื่อนกูอยู่ อย่าแทรก ! “
 
ผมหันกลับไปด่าไอ้คริสที่ตอนนี้ลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว ถ้าแม่งพูดอีกคำผมว่าได้บวกกันแน่
 
“กู.. “
 
เงียบ!! อึ้บเดี๋ยวนี้!! หยุด! มึงกลับบ้านมึงไปเลยนะ เอารถกระป๋องมึงกลับไปด้วย แล้วอย่ามาหายใจแถวบ้านกูอีก อย่ามายุ่งกับเพื่อนกูๆๆๆๆๆๆๆๆ ไป๊! 
 
ผมชี้หน้ามันทันทีที่มันอ้าปากจะพูด แทบจะพุ่งตัวเข้าไปถีบฟันหน้าไอ้คริสด้วยตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าไอ้แบคลากคอเสื้อผมเข้าบ้านซะก่อน ผมดิ้นพล่าน
 
“แบคปล่อยกู กูจะฆ่ามัน อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก “
 
และเหมือนสติของผมได้หลุดลอยไปไกลแสนไกลแล้ว ผมดิ้นคลั่ก เริ่มหายใจไม่ออกเมื่อไอ้แบคเปลี่ยนจากดึงคอเสื้อมาเป็นล็อคคอผมไว้แล้วลากถอยหลัง ผมทิ้งตัว ขาครูดไปกับพื้น ผมคิดภาพเป็นฉากๆเลยว่าถ้าผมหลุดไปได้ผมจะทำอะไรกับไอ้คริสบ้าง
 
ผมจะพุ่งเข้าไปต่อยมัน ตามด้วยหนุมานถวายแหวน จระเข้ฟาดหาง ต่อด้วยอัพเปอร์คัทและไซด์คิกอีกสามที
 
แต่ตอนนี้อะปล่อยกูก่อนอิห่าแงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง หายใจไม่ออก
 
“อ่อก .. “
 
ผมร้องเมื่อถูกไอ้แบคจับทุ่มลงบนพื้นพรมตรงข้างๆชั้นวางรองเท้าในบ้าน กว่าจะลุกขึ้นได้ รถออดี้สีเขม่าก็ขับออกไปแล้ว ผมโมโห ผมต้องการจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้หายโมโห แบคแม่งไม่เข้าใจอะ

 
“มึงตอบกูมึงไปไหนกะมันมา! “ ผมลุกขึ้นยืนประจันหน้า
 
“กินข้าวไง มันก็บอกแล้ว “
 
“มึงไปกินข้าวกะมันได้ไง กูอุตส่าห์ซื้อของกินมาให้มึงตั้ง .. กริ้ดดดดดดดดดดดดด! “
 
จากที่ขึ้นเสียงกลายเป็นหลุดกริ้ดทันทีที่ไฟดับ ผมรีบกระโดดกอดไอ้แบคไว้ในทันทีด้วยความตกใจ อิห่า ไฟจะดับถี่อะไรนักหนา ผมกอดไอ้แบคไว้แน่นแล้วกดหัวมันลงกับอกกว้างของผม กวาดตามองไปรอบๆ มันมืดสนิท
 
“มึงปล่อยก่อน เดี๋ยวจุดเทียนให้ไง “
 
รู้สึกได้ถึงแรงขืนเล็กๆที่หน้าท้อง ผมยื้อมันไว้สักพักก่อนจะปล่อย ไอ้แบคเอาโทรศัพท์มาส่องไฟแล้วเดินไปที่ห้องเก็บของโดยมีผมเดินเกาะชายเสื้อตามไปติดๆ ความโกรธเมื่อกี้หายไปทั้งหมดเป็นปลิดทิ้ง
 
“เหมือนจะดับทั้งซอยว่ะ “
 
เดินเกาะมันไปถึงประตูหน้าบ้าน ทั้งซอยมืดสนิท ไม่มีแม้แสงไฟริมทาง เห็นหลายบ้านเริ่มจะจุดเทียนกันแล้ว ผมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้
 
 

นั่งรอผมกินข้าวก่อนที่เราสองคนจะเดินเกาะกันเป็นปลิงขึ้นไปชั้นบน ไฟแม่งดับนานมากจนผมไม่แน่ใจว่าหม้อแปลงระเบิดหรือยังไง เทียนสองเล่มถูกจุดอยู่ทั้งสองฟากของมุมห้อง ผมนั่งอยู่บนเตียง เหลือเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว แบคฮยอนก็เช่นกัน อากาศแม่งร้อนอบอ้าวมากๆจนไขมันจะไหล
 
“อยากอาบน้ำ=_= “
 
“เออ กูก็เหมือนกัน จั้กกะแร้กูชุ่มละไอสัด “
 
เห็นเงาลางๆนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ผมตอบ ยกรักแร้ขึ้นแล้วเอามือพัดๆ ฮ้า .. ป่าสาหร่ายกลายเป็นป่าชายเลน
 
“อาบน้ำกันมึง ไม่ไหวละ ก่อนขี้ไคลจะละลาย “
 
ผมลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาสองผืน ก่อนจะจูงมือไอ้แบคที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างเข้าไปในห้องน้ำ เปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ให้แสงเทียนส่องเข้ามาให้พอเห็นลางๆ ล็อคแขนคนตัวเล็กกว่าไว้ไม่ให้มันเดินออกไป
 
“จะไปไหนสัด เห็นก็เคยเห็นแล้ว จะอายไรวะ“
 
เห็นเหง้าหน้ามันลางๆ ไอ้แบคยืนก้มหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมรั้งต้นแขนมันให้มายืนอยู่ใต้ฝักบัวก่อนจะเปิดน้ำ ย่อตัวลงเล็กน้อย ถอดกางเกงบ็อกเซอร์บนตัวมันออกแล้วโยนออกไปข้างนอก คนตัวเล็กถอยกรูดชิดกำแพงทันที
 
“เหี้ย มะ .. มึงอะ “ มันด่า ผมถอดกางเกงบ็อกเซอร์ของตัวเองออกแล้วโยนออกไปเช่นกัน ถ้าเปิดไฟอยู่คงเย็นไข่วาบๆ แต่ตอนนี้มันมืดครับ เห็นแค่หน้าเท่านั้นแหละ
 
“อาบเหอะเร็วๆ ร้อนไม่ใช่แงะ เนี่ยอุตส่าห์มาอาบเป็นเพื่อน “
 
“มึงแน่ใจ เหมือนจะให้กูอาบเป็นเพื่อนมากกว่าอะ “
 
ไอ้แบคยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองจากตรงนี้เห็นแค่เสี้ยวหน้าครึ่งบนของมันเท่านั้น ผมหยิบฝักบัวลงมาถือไว้ให้น้ำเปียกไปทั่วตัว แล้วแขวนมันไว้ที่เดิม หยิบสบู่มาถูตัวโดยไม่สนใจกลุ่มเงาดำๆที่ยืนลีบอยู่ตรงมุมห้องน้ำ
 
“อะ “
 
ถูเสร็จก็โยนสบู่ไปให้ มือเล็กยื่นมารับมันไว้ทัน ก่อนอีกคนจะหันหลังไปชำระร่างกายของตัวเอง ผมเกาแก้ม เริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อแสงเทียนอาบไล้แผ่นหลังขาวเนียนของเพื่อนสนิท
 
อิห่าไม่น่าเลย T_T ไข่แข็งละมั้งไอสัดแง
 
ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปอย่างลำบากคอ รีบหันหลังให้แล้วชำระล้างร่างกายตัวเอง นุ่งผ้าเช็ดตัวออกไปข้างนอก อันตราย .. อันตรายมากจริงๆเลย
 
“เสร็จยังวะ =_= “
 
นั่งอยู่ริมหน้าต่างโดยที่มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวคาดเอวเพราะไม่กล้าไปเปิดตู้เสื้อผ้า ผมตะโกนถามคนที่อยู่ในห้องน้ำ สองมือบีบผ้าเช็ดตัวของแบคฮยอนที่ม้วนเป็นก้อนๆไว้แน่น ใจยังเต้นแรงอยู่
 
“เสร็จแล้ว เร็วมึงกูหนาว “
 
ลืมนึกไปว่าไฟดับเครื่องทำน้ำอุ่นก็ใช้ไม่ได้ สำหรับผมไม่มีปัญหา เพราะหนังกูด้านหมดละ ไม่รู้สึกอะไร ผมเป็นคนขี้ร้อน แต่สำหรับแบคฮยอนแล้วมันคงจะหนาวน่าดู ผมรีบลุกเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปหามันทันที ก่อนจะเอาผ้าผืนหนาห่อมันไว้ทั้งตัว รู้ละทำไมแม่งอาบนาน แม่งสระผมด้วย อิห่าไฟดับมึงยังมีกะจิตกะใจสระผมอีก กูนับถือเลย
 


“ ... “

ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่กว่าปกติถูกใช้ห่อคนตัวเล็กไว้ทั้งตัวจนเหมือนดักแด้ เห็นใบหน้าหวานที่เงยหน้าขึ้นมองผมแล้วอดขำไม่ได้ ปลายจมูกรั้นแดงเรื่อนิดๆด้วยความเย็น ริมฝีปากสั่นจนฟันกระทบกันดังกึกๆ
 
แต่งตัวเสร็จก็มานั่งแก่วกันอยู่ริมหน้าต่าง แสงจันทร์ที่สาดเข้ามาให้ความรู้สึกดีกว่าแสงเทียนเยอะ นั่งมองแบคฮยอนเป่าลมหายใจร้อนๆใส่กระจกจนเป็นกลุ่มไอแล้ววาดมันเป็นรูปต่างๆ ในขณะที่ผมที่นั่งช้อนหลังเช็ดหัวให้มันไปด้วย แบคฮยอนตอนนี้เหมือนเด็กแปดขวบไม่มีผิด
 
“อันนี้มึง.. “
 
มองคนที่นั่งข้างหน้าพูด นิ้วเล็กๆจรดลงบนกระจก วาดมันเป็นรูปใบหน้าเด็กผู้ชาย ผมอมยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็แทบจะจับหัวแม่งโขกกระจกเมื่อนิ้วซนๆนั่นเติมใบหูขนาดใหญ่ลงไป อิห่าราก หูคนหรือจานดาวเทียม
 
“ไอสัดกวนตีนละ “
 
“ฮิๆ อันนี้กู “
 
ผมผลักหัวมันไปทีนึง แต่ก็ยังเช็ดผมให้ต่อ แบคฮยอนหัวเราะ ก่อนจะวาดรูปเด็กผู้ชายอีกคนข้างๆกัน เด็กซนหันกลับมายิ้มให้ผม ถึงแม้ว่าจะมืดจนมองอะไรไม่ชัด แต่ที่เด่นชัดในสายตาผมคือรอยยิ้มจากริมฝีปากเล็กนั่น .. จะว่าไปแล้ว ไฟดับก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่
 
เช็ดผมจนแห้งสนิทแล้ว ผมยุ่งง่วนอยู่กับผ้าเช็ดผมผืนเดิมโดยการม้วนเป็นหูแกะแบบที่หม่ามี๊ทำให้บ่อยๆตอนเด็กๆ ก่อนจะสวมมันลงไปบนหัวคนข้างๆได้แบบพอดิบพอดี แบคฮยอนที่วาดรูปเสร็จแล้วหันมายิ้มยิงฟันให้ผม โห หลบฟันแทบไม่ทันเลย ยิงมาทำไมนิ ปิ้วๆๆๆๆๆ (โพ่งดิ)
 
“ไอเหี้ย กูไม่ได้สูงเปรตขนาดนั้น”
 
“โอ้ยไอสัด เจ็บนะ “
 
ผมเขกมะเหงกลงไปกลางหน้าผากมนทันทีที่หันไปเห็นรูปบนกระจกที่มันวาด มือเล็กรีบยกขึ้นกุมหน้าผากพลางเชิดหน้ายู่ปากใส่ผม ผมตรึ่งไปสิบวิ .. แบคฮยอนน่ารักขึ้นรึเปล่า
 
“ใครสอนให้ทำแบบนี้ “ ผมผลักหัวมันไปอีกที ไม่อยากจะยุ่งกับเด็กอันตรายแล้ว
 
“สอนไร “
 
สอนให้ทำตัวน่ารักแบบนี้ไง “
 
“... “ ไอ้แบคเงียบ หันหูแกะหลบผมซะงั้น
 
“แบค กูว่า .. “
 
พรึ่บ
 

ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อจากนั้น ไฟทั้งบ้านก็ติดจนสว่างโร่ เครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้กทำงาน เทียนทุกเล่มในห้องที่จุดไว้ดับไปเพราะลมจากแอร์ ผมถอนหายใจพรืด ไอ้แบครีบปืนลงจากหน้าต่างไปที่เตียงทันที
 
หมดกัน สร้างมากะมือ EHAHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHH
 
=_= “
 
ปิดหน้าต่างแล้วเดินตามมาก็พบว่าแบคฮยอนได้นอนคลุมโปงไปแล้ว โถ่ ทำไมไม่ฟังกันนิดนึงวะ กะจะพูดอะไรสักหน่อย หมดกัน กว่ากูจะรวบรวมความกล้าได้นี่มันไม่ใช่ง่ายๆนะ โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 
สวบ
 

ผมเดินไปปิดไฟจนเหลือแต่ไฟส้ม ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นที่เตียงข้างๆ ตะแคงตัวหันหน้าเข้าหาแผ่นหลังเล็กที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหน้า มองหน้าอิเจี๊ยบเมียรักที่นอนกั้นผมสองคนเอาไว้ รูปร่างหน้าตาที่เอ็กซ์จัดของเจี๊ยบไม่ได้ทำให้ความกังวลของผมลดลงเลยแม้แต่น้อย
 
“แบค หลับละอ่อวะ “
 
ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ไม่แน่ใจว่ามันหลับไปยัง ให้เดาแม่งคงยังไม่หลับหรอก แต่มันไม่ตอบผมอะ แง ผมพูดอะไรผิด
 
“เจี๊ยบ อิแรดมันไม่พูดด้วยอะ “
 
ผมคว้าอิเจี๊ยบมากอด จงใจพูดตัดพ้อให้คนที่นอนหันหลังอยู่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากแบคฮยอนที่ท่านเรียก
 
“เจี๊ยบ .. เรามีไรจะเล่าให้ฟัง “
 
ผมพูดอีก ซึ่งไม่น่าจะแปลก เพราะปกติกูก็คุยกะหมอนข้างเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เห็นแผ่นหลังของไอ้แบคมันไหวน้อยๆ หรือมันอาจจะกำลังฟังผมอยู่
 
“มันมีหมาแถวนี้อะ ทำตัวน่ารักขึ้นทุกวันเลยว่ะ “
 
ผมกอดอิเจี๊ยบแน่น มองไปยังแผ่นหลังเล็กๆนั่น สิ่งที่ผมจะพูด ไม่ได้ตั้งใจจะพูดกับหมอนข้างหรอก
 
“คือเราอยากนอนกอดหมาอะ ..“
 
ผมพูดไปเรื่อยๆ วางอิเจี๊ยบไว้อีกฝั่งของเตียง ขยับตัวเข้าไปชิดก่อนจะเนียนวาดแขนกอดคนที่นอนหันหลังอยู่
 
“เราว่า .. “ ผมกลั้นหายใจ จรดริมฝีปากชิดผ้าห่มตรงตำแหน่งที่คิดว่าน่าจะเป็นใบหูของอีกคน
 

“...”

“เราว่า .. เราชอบหมาตัวนั้นแล้วอะ .. “



 ___________________________
ตรึ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครบร้อยแล้วจ้า

4 ความคิดเห็น:

  1. เราว่า .. เราชอบหมาตัวนั้นแล้วอะ .. กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!

    ตอบลบ
  2. กรีวสสสสสสสสสสสสสสสสส
    หรรมแมวฟินง่อกรีสสสสสสสสสสสสสสสส

    ตอบลบ
  3. ขายปาร์คน่ารีกอะ ขานแบคของฉ้านนน แต่ตอนนี้อิเจี้ยบวินสัสสัสอ่าาา

    ตอบลบ