วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 8


   




ตึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



เสียงเหมือนคนกลุ่มใหญ่ๆวิ่งไปมาอยู่รอบกายทำให้ผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมายังไงอย่างงั้น ผมเปิดไฟฉายแล้วสาดแสงไปทั่วด้วยความลนลาน มองแทบไม่เห็นอะไรเลย เห็นแค่ผ่านๆแค่แวบเดียวเท่านั้น ผมกลั้นหายใจพลางกลอกตามองไปรอบๆท่ามกลางความมืด ได้ยินเหมือนเสียงคนร้อง และเสียงหอบหายใจหนักๆเหมือนจะตายเสียให้ได้ ก่อนจะตามด้วยเสียงกุกกักเหมือนอะไรสักอย่าง ฟังดูน่ากลัวจนขนลุกเกรียว



!!!!!!!!!!



ทันทีที่จ่อปลายกระบอกไฟฉายไปฝั่งตรงข้าม แสงไฟก็อาบเข้าที่เหง้าหน้าของเพื่อนสนิทที่มองกลับมาแบบตื่นๆทำให้ใจผมกระตุกวูบหล่นไปอยู่ที่ตีน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังบีบต้นแขนคนข้างๆไว้แน่น คนข้างๆที่ยืนนิ่งให้ผมจับอยู่นั้นไม่มีท่าทีว่าจะขยับเลยแม้แต่น้อย ผมเหลือกตา ปากเปิกสั่นพั่บๆไปหมดด้วยความกลัว เหงื่อกาฬไหลแตกพลั่กไปทั่วร่าง แทบจะร้องไห้เมื่อฝ่ามือของผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของลำแขนนั้น ไอเหี้ย ปล่อยกู ปล่อยกู !


จะให้พูดว่าปล่อยกูก็ไม่ถูกว่ะ เพราะผมจับแขนแม่งไว้เองอะ  =_=


ผมขาสั่น รู้สึกเย็นวาบไปทั่วกาย สยิวกิ้วแบบขั้นสุดยอด นี่ถ้าเป็นปกติผมอาจจะถึงจุดพีคไปเป็นรอบที่ห้าแล้วก็เป็นได้ ผมเม้มปากแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กริ๊ดออกมา เพราะว่าผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมจะต้องปกป้องเพื่อนของผมให้ได้
 
“แบค ยะ .. อย่ากลัวนะมึง ไม่เป็นไรนะเว้ย มะ ..ไม่ต้องกลัว ..“
 

ผมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแข็ง พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เสียงสั่นแต่ก็ทำไม่ได้ แสงจากไฟฉายของผมยังส่องไปที่หน้ามันอยู่ ไม่กล้าส่องไปหาอิคนข้างๆเพราะกลัวจะทำใจไม่ได้ นี่ถ้าเป็นแบบที่ผมคิดคงหัวโกร๋นแน่ๆ ไอ้แบคมองกลับมา แต่มันคงไม่เห็นผมเพราะผมเป็นคนเดียวที่ส่องไฟไปหามัน คนตัวเล็กกว่าเปิดไฟฉายของตัวเองแล้วเดินออกไปจากแสงตรงนั้น ผมส่องไฟตาม แต่ก็ไม่เจอ.. ไอ้แบคหายไปแล้ว

 
“อ้าวเหี้ย อย่าทิ้งกู แบค เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
 
ผมตะโกนลั่นตึก ด้วยความที่ทั้งตึกโล่งและเงียบ เสียงของผมจึงดังก้องไปทั่วอย่างไม่ต้องสงสัย ผมดิ้นพล่านอยู่ที่เดิมพลางบีบแขนนั้นแน่นกว่าเดิม ใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมาจากอกเมื่อเสียงแอคโค่ที่ผมตะโกนออกไปนั้นสะท้อนกลับมา
 

มันเหมือนเป็นเสียงเตือนย้ำว่าผมกำลังยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว



“ฮือ แบค กูกลัว อิเตี้ย อยู่ไหนอะไอสัด แง “
 
ไม่รู้ว่าผมร้องไห้จริงๆหรือยังไงแน่ น้ำที่ไหลอาบหน้านี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเหงื่อหรือน้ำตา ขาผมสั่นจนหมดแรงแทบจะอ่อนยวบลงไปนอนจูบพื้นอยู่แล้ว ผมหลับตาปี๋ ยื่นมืออีกข้างไปแงะมือตัวเองออกจากแขนปริศนา ฮือ กูกลัว อิห่าเตี้ยแม่งทิ้งกูได้ยังไง
 
“ฮือ ปล่อยกู .. ปล่อยกูไปนะ เดี๋ยวกูทำบุญให้เลย มึงอยากจะเอาไร รถถัง เครื่องบิน หรือบ้าน กูซื้อให้มึงเลย ปล่อยกูไปเถอะ ฮือ ..  “
 
ผมได้แต่พูดพะงึมพะงำอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าหันไปหาตรงๆ เอาแต่ก้มแงะมือตัวเองอยู่อย่างนั้น แต่แล้วหัวใจผมก็แทบจะวาย เมื่อจู่ๆไฟฉายที่อยู่ในมืออีกข้างของผมถูกผีแย่งเอาไปแล้ว
 
“มึงไม่กลัวพระหรอ กะ .. กูมีพระนะเว้ย คืนไฟฉายให้กูเหอะ กูอยากกลับบ้าน นะ นะ .. นะผีนะ กูขอร้อง เดี๋ยวกูเผาซีดีโป๊ไปให้มึงเยอะๆเลย หรือถ้ามึงเป็นผู้หญิง กะ ..กูซื้อเรือดำน้ำให้มึงลำนึงเลยก็ได้ “
 

อันนี้คือหล่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงถึงต้องการเรือดำน้ำ ผมไม่รู้หรอกครับ แต่ผมพูดอะไรที่มันอลังๆไว้ก่อน เขาว่ากันว่าผู้หญิงมีความต้องการไม่สิ้นสุดครับ แบบว่าต้องการอะไรที่มันใหญ่ๆ ต้องการอย่างมาก ต้องการตลอดเวลา ดังนั้นเรือดำน้ำนี่เธออาจจะอยากได้ไปเก็บไว้ก็ได้ใครจะรู้ แต่ตอนนี้มึงปล่อยกูก่อนได้ไหมไอสัดเยี่ยวจะราดแล้ว แง

 
“ฮือ อย่าหลอกกูเลยนะ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย “


ผมชูพระที่ห้อยคอขึ้นไว้พร้อมกับยกมือพนมสิบนิ้วขึ้นเหนือหัว เสียงถอนหายใจและเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอดังขึ้นข้างๆหูก่อนจะตามด้วยเสียงสบถด่าอีกเป็นพรวน ไอเหี้ย ผีแม่งด่าผมอะ มันด่าผม! นี่กูไม่ไหวแล้วนะเว้ย จับแขนกูไว้(ได้ข่าวว่ามึงไปจับแขนเขา) แย่งไฟฉายกูไป พระมึงก็ไม่กลัว แล้วยังมีหน้ามาด่ากูว่าปัญญาอ่อนอีกหรอ แบบนี้มันหยามกันเกินไปรึเปล่า นอกจากจะทำให้กูกลัวจนขยับไปไหนไม่ได้แล้ว แม่งยังด่ากูอีกอะ กูลูกมีแม่นะไอสัดกูมีพระด้วยนะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย
 
“อิเหี้ยมึงจิกจนแขนกูจะหลุดอยู่แล้วเนี่ย “
 
ในขณะที่ผมกำลังสวดมนต์อย่างบ้าคลั่งอยู่นั้นเอง แสงจากกระบอกไฟฉายของผมที่ถูกผีแย่งไปก็ส่องกระแทกเข้ามาที่หน้าจนผมต้องหลับตาปี๋ด้วยความแสบตา ผมถอยผงะ ยังไม่ทันที่สมองจะได้ประมวลผลอะไร ไฟทั้งตึกก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าสว่างวาบ ผมรีบกวาดสายตามองไปทั่วทันที
 
“ไอ้ไค เมื่อกี้ .. อิเหี้ยเมื่อกี้ผีหลอกกูเต็มๆ “ ผมพูด ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ ใจยังเต้นแรงไม่หาย
 
“ผีห่าไรอะกูเอง สัด มึงดู “
 
มันพูด ทำหน้าเซ็งเหมือนหมาที่ตายจนอืดมาแล้วสิบวันใส่ผม ก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งให้ผมดู รอยมือบีบแดงเป็นปื้นแถมยังมีรอยเล็บจิกจนเลือดซิบอีกสองสามรอย ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้มัน อ่อสรุปคือมึงเองหรอไอเหี้ย แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ปล่อยให้กูระทึกอยู่ตั้งนาน แหม่ กูก็ว่าทำไมผีแม่งเสียงคุ้นๆ
 
“กูก็นึกว่ามึงผีอะ ไฟฉายก็ไม่เปิด แล้วเสือกไม่พูดอะไรสักคำ กูก็ตกใจดิ “
 
“ก็ถ่านแม่งหมด แล้วกะอีแค่ไฟดับจะโวยวายทำส้นตีนไร “
 
มันตอบก่อนจะโยนไฟฉายของผมกลับมาให้ ผมรับไว้ ก่อนจะมองไปรอบๆอีกครั้ง ตรงทางเชื่อมมีแค่ผมกับอิดำยืนอยู่แค่สองคน
 
“เหี้ย กูโคตรเหนื่อย “
 
มองหน้ากับไอ้ไคอย่างงงๆสักพักก่อนจะหันกลับไปยังต้นเสียง เป็นไอ้แบคที่เดินขึ้นบันไดมาแล้วทิ้งตัวลงนั่งหอบแฮกๆอยู่ตรงริมสุดทางเดิน ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
 
“มึงไปไหนมาวะ “
 
“กู .. แฮ่ก .. ลงไป .. ไอสัดเหนื่อย .. กูลงไปยกคัตเอาท์ข้างล่างมาดิไอห่า ไฟมันตก “
 
มันตอบไปก็หอบไป มือเล็กวางไฟฉายไว้ข้างๆตัวแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นด้วยความเหนื่อย ผมกลืนน้ำลายอย่างลำบากคอ .. รู้สึกเหมือนตัวเองตุ้ดแดกยังไงไม่รู้เมื่อเทียบกับอิเตี้ย ตัวมันก็เล็กกว่าผม เด็กกว่าผมตั้งกี่ปี มันยังไม่ปอดแหกอย่างผมเลย รู้สึกอายตัวเองยังไงไม่รู้ตอนที่คิดว่าผมจะปกป้องมันได้ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ .. แถมผมยังเรียกให้มันช่วยอีก ไอสัด ทุเรศตัวเองจริงๆ
 
“มึง มึงได้ยินไรปะ .. “ ไอ้ไคพูดขึ้น ก่อนจะกลอกตาไปรอบๆเหมือนกำลังตั้งใจฟังอะไรสักอย่าง
 
“อะไรวะ “ ไอ้แบคถาม ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
 
“เสียงเหมือนมีใครอยู่.. ใครที่ไม่ใช่เรา “
 
“เหี้ย! เห็นปะกูบอกแล้ว “
 
ผมตอบ นึกแล้วก็ขนลุกเกรียวจนรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก ผมได้ยินตั้งแต่ยังไม่ขึ้นตึกมาละไอห่า ตอนแรกก็นึกว่าคิดไปเอง ที่ไหนได้ ผมไม่ได้คิดไปเองสักหน่อย ไอ้เชี่ยไคมันก็ได้ยิน คือแบบตอนขึ้นตึกมาอะผมสัมผัสได้เลยนะว่ามีใครเดินตามมาจริงๆ แต่ไม่กล้าหันไป แม่งหลอนสัสๆอะ แถมตึกนี้ยัง ..


“เสียงเหมือนมาจากห้องสมุดเลยว่ะ .. “
 

อิเหี้ย ชัดเลย .. ชัดเลย


ผมกอดตัวเองไว้แน่นแล้วรีบขยับเนียนๆไปอยู่ใกล้ๆไอ้แบค พอแม่งพูดถึงห้องสมุดนี่เหมือนขนกูยืนได้เลย ไอเหี้ย ขอเก้าอี้หน่อยเหอะ ให้ขนกูนั่ง เหมือนขนจะลุกมานานแล้ว กูสงสารมัน มันคงเมื่อย T_T


“มึง .. หมายความว่าไงวะ “ ไอ้แบคถาม ดันตัวลุกขึ้นยืน ผมเข้าไปยืนประชิดมันเลย


“มึงจำเรื่องเล่าในห้องสมุดได้ปะ “


“เหี้ยไค ไม่เอา ไม่เล่า ไอสัด “


เป็นผมที่พูดออกไปเมื่อไอ้ไคเดินเข้ามาประชิดในวง ผมกำเสื้อไอเตี้ยแน่นเลย ไอ้เหี้ยไคแม่ง เป็นส้นตีนไรวะชอบเล่าเรื่องผี คือแบบแม่งว่างหรือเวลาไปค้างด้วยกันที่ไหนมึงต้องเล่าตลอดอะไอสัดเล่าจนกูหลอนไปหมดละเนี่ย ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ไคที่ยืนอยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้าที่ไม่อาจอธิบายได้ มันทำหน้าจริงจังกลับมาจนผมเริ่มจะกลัว (อันที่จิงคือกูกลัวนานแล้ว ) กูอยากกลับบ้าน
 
“ห้องสมุดทำไมวะ “
 
“มึงอย่า “
 
ผมอุดปากไอเชี่ยแบคไว้แน่น อิห่านี่ก็ถามจัง เป็นอะไรชอบฟังเรื่องผี พวกมึงนี่ก็ฮาร์ดคอกันเหลือเกิน ทั้งมึงทั้งไอ้ไคทั้งไอ้ฮุนเลย แม่ง ประสาทปะ โดเรม่อนเซลอร์มูนไรงี้ทำไมมึงไม่เล่าไปวะ ทำไมต้องเรื่องผี ทำไมวะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 
“เฮ้ย .. “
 
ผมร้องออกมา ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆทางเชื่อมเมื่อนึกขึ้นได้ .. ไม่มี ..
 
“อะไรมึง “ ไอ้แบคหันมาถาม สีหน้ามันดูเหมือนจะรำคาญผมเต็มทน
 
ไอ้ฮุนอะ .. “
 
ผมเอ่ยออกมาช้าๆด้วยสีหน้าที่สะพรึงขั้นเอ็กซ์คลูซีฟ ไอ้แบคค่อยๆแกะมือผมออกจากหน้ามันแล้วหันกลับมาหา พอดีกับที่ไอ้ไคกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะหันมาถลึงตาใส่ผม .. พวกผมสามคนยืนมองหน้ากันเงียบๆ


“เหี้ยแล้วไง ..”



.
.
.

 

“แบค กูไม่ตลกจริงๆนะ .. “
 
ผมพูด เดินตามมันช้าๆ แขนของผมกอดเอวมันไว้แน่น ผมเบียดมันจนไข่ผมแทบจะฝังลงไปกับแผ่นหลังมันละ ถ้าทำได้ผมอยากจะรวมร่างกะมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะกันดั้มหรือพริตตี้เคียวอะไรก็ว่ามา ตอนนี้ได้หมดครับ จะบอกว่าหล่อกลัวมากๆ


ตึงๆๆๆๆๆๆ



“ฮือออออ”


เสียงปึงปังดั่งลั่นไปทั่วตึกอีกครั้ง ผมหลับตาซุกหน้าลงกับไหล่ไอ้แบคพร้อมกับร้องออกมา โห่พี่ พี่จะขู่อะไรนักหนาครับ ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะไปลบหลู่หรืออะไรเลย มาเงียบๆกูก็กลัวจะตายห่าอยู่แล้ว อันนี้เสือกมาเป็นเสียง ขอบอกเลยว่าหล่อไม่ไหว
 
“ชานยอลมึงจะปอดอะไรนักหนาเนี่ยโอย “
 
ไอ้แบคสะบัดแขนผมทิ้งเป็นรอบที่ล้าน ในระหว่างที่เราเดินหาไอ้ฮุนไปตามทางเดินบนระเบียงชั้นสาม ไฟฉายกระบอกใหญ่ที่ไร้ค่าของไอ้ไคถูกเอามาให้ผมถือแทนเพราะเห็นว่าคนหน้าตาดีอย่างผมคงไม่มีปัญญาเอาไฟฉายไปทำอะไรได้ ไฟฉายสองกระบอกที่ใช้งานได้ถูกสาดแสงไปทั่วทั้งๆที่ทั้งตึกยังคงเปิดไฟสว่างจ้าอยู่ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรเหมือนกัน
 
“ทำไมมึงไม่โทรหามันวะ ละบอกไปเจอกันข้างนอก กูเยี่ยวจะราดแล้วเนี่ย “
 
ผมหันไปบอกไอ้ไคที่เดินอยู่ข้างหลัง มันถอนหายใจก่อนจะเดินอ้อมไปอยู่หน้าไอ้แบคแทน อ่าวห่า เสียวหลังจนขนตูดลุก
 
“ก็เห็นว่ามาวิ่งๆแปปเดียวละก็กลับ กูเลยให้แม่งเอาโทรศัพท์ไว้บ้าน “
 
ไอ้ไคหันมาตอบแล้วเดินแยกออกไป อ้าเหยดดดดด มึงโคตรฉลาดและรอบคอบเลยอิเหี้ย! แต่ผิดเวลาไปหน่อยนึงนะ ฮือ
 
“ไอ้ฮุน! อยู่ไหนวะ เล่นเหี้ยไรไม่รู้เรื่องนะ!! “
 
ไอ้ไคตะโกนลั่นตึก ผมหลับตาปี๋ เชี่ยยย มึงจะตะโกนเสียงดังทำส้นตีนอะไร มึงจะแหกปากให้ผีได้ยินหรอวะ มึงจะเสียงดังทะมายยยยยยยยยยยยยย ฮืออออออออออออออ
 
“ไอ้ฮุน พวกกูไม่เล่นนะ ถ้ามึงไม่ออกมา กูถีบเรียงประตูเลยนะ “



อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


มึงจะท้าทายไปไหน T_T


“ไอ้ไคอย่า “
 
ผมบีบไหล่ไอ้แบคแน่นแล้วกระซิบบอกอิดำที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก (แต่สีหน้ากูไม่ได้กระซิบไปด้วยเลย ) ในระหว่างที่ร่างสูงโปร่งและดำทะมึนของเพื่อนเดินเข้าไปหาประตูห้องบานริมสุด ฝ่าเท้าที่สวมรองเท้าแตะสีแปร๋นยกขึ้นกำลังจะถีบประตู


ปึง!


“กริ้ด! “
 
ผมหลุดกริ้ดออกมาทันทีแล้วกระโดดใส่คนข้างๆทันทีเมื่อเสียงปึงดังขึ้นจากที่ไกลๆ ทั้งๆที่ไอ้ไคยังไม่ได้ถีบประตูเลยด้วยซ้ำ คือยังไม่ได้ถีบแล้วเสียงมาได้ไงอะ  อิเหี้ยดำแม่งหาเรื่องแล้วไง กูบอกแล้วมึงอย่าท้าทาย ทำไมไม่เชื่อกูบ้างเลย T_T
 
“โอ้ย!
 
ด้วยความที่แบคฮยอนตัวเล็กกว่าผมมาก ร่างเล็กทั้งร่างจึงเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นทันทีที่ผมกระโดดใส่ แน่นอนดิ แม่งเหมือนควายโดดใส่นกเอี้ยงอะ ไม่ต้องถามเลยนะว่าใครควายใครนกเอี้ยง กูเนี่ยแหละควาย.. ผมล้มลงทับมันเต็มแรง และด้วยความที่แขนของผมไม่ทันได้ยันพื้นเอาไว้ ตัวผมจึงลงไปกระแทกมันเต็มๆ
 
“มึงอย่าเพิ่งเลิ้บซีนไอสัด เพื่อนมึงหายนะ “
 
ไอ้ไคหันมาบอก ก่อนจะเดินนำไปทางอื่น ในขณะที่ผมพยายามจะดันตัวเองลุกขึ้น น้ำตาแทบเล็ด ผมละอยากจะแหกปากให้ลั่นโรงเรียนไปเลย ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจผีนะกูว้ากไปแล้ว ไอเหี้ยกูไม่ได้จะเลิ้บซีนว้อย แต่ลุกไม่ขึ้นเพราะกูจุก .. กระบอกไฟฉายที่ไอ้แบคถือไว้แม่งกระแทกไข่ผมเต็มแรงเลย
 
“แบค โอ้ย จุก ..กูจุก .. “
 
ผมได้แต่ร้องโอดครวญอยู่อย่างนั้น ผีเผอกูไม่กลัวแล้วไอสัด กูกลัวเป็นหมันมากกว่า ไอ้แบคยกมือขึ้นผลักสีข้างของผมให้ตะแคงหลบออกไปจากตัวมัน ผมลุกไม่ขึ้น ได้แต่นอนกุมไข่ร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด
 
“กูจะเป็นหมันไหม กูจะเป็นหมันไหม “
 
ผมได้แต่บ่นพึมพำอยู่อย่างนั้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลพรากออกจากหางตาทั้งสองข้างอย่างช่วยไม่ได้ ผมนอนงอกุมเป้าดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น ผมจะตายไหม คือแม่งกระแทกแรงมากๆอะ คือผมเคยเห็นในเน็ตอะแม่งที่โดนห่าไรไม่รู้ละทีนี้เซลล์แม่งตายละเนื้อมันเน่า ต้องตัดทิ้ง แค่คิดผมก็จะร้องไห้แล้วอะ นี่มันคือความภูมิใจของทั้งหมู่บ้านเลยนะ ไอสัดแง
 
“ชานยอลมึงลุกขึ้น =_= “
 
“โอยย มึง กูเดินไม่ได้แน่ๆ ขาดขาที่สามไปกูเดินไม่ได้แน่เลย “ ผมร้อง ขาดจู๋เหมือนขาดใจ
 
“ถ้ามึงไม่ลุกกูจะทิ้งมึงไว้ตรงนี้เลย “
 
“ก็ด้ะ! “
 
ผมหยุดร้องแล้วลุกขึ้นยืน สองมือยกขึ้นปัดฝุ่นตามตัว อันที่จริงก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด จะว่าไปแล้วมินิชานยอลก็แข็งแกร่งใช่เล่นอยู่เหมือนกัน อันนี้ของเขาแรงจริงครับ เพราะคิดไปคิดมาแล้วถ้าให้เลือกระหว่างกลับไปนอนร้องที่บ้าน กับอยู่แฮฟอะสเปเชี่ยลไนซ์เซ็กส์กับผีที่นี่ แน่นอนว่าพี่ปาร์คเลือกอย่างแรกครับ ไม่ชอบเสี่ยง ฮ่อก






 
SEHUN PART
 
พรึ่บบบบ!!
 
ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปสมทบกับไอ้พวกนั้น ไฟแม่งก็ดับ สมพรปากไอ้ชานยอลมาก ผมยืนตัวแข็งอยู่กับที่ ก้มลงควานหากระบอกไฟฉายที่ผมทำตกไว้ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาเดินรั้งท้ายอย่างช่วยไม่ได้ ผมควานมือคลำๆไปเรื่อยๆ ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิท ไม่อยากจะบอกว่าผมกลัวผีมากเหมือนกัน แต่กูไม่บอกใคร ฮิ
 

ตึงๆๆๆๆๆ
 
แทบจะร้องเมื่ออยู่ๆรอบตัวที่เงียบสงัดกลับมีเสียงปึงปังและเสียงเหมือนมีใครวิ่งอยู่รอบๆ ผมคว้ากระบอกไฟฉายแล้วกดเปิดทันที แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้ส่องไปทางไหน ไฟฉายก็หลุดมือหล่นพื้นไปพร้อมกับริมฝีปากของผมที่ถูกมือเค็มๆของใครสักคนมาอุดไว้ ตัวของผมถูกยกลอยขึ้นแล้วจับหิ้วถอยหลัง ผมร้องสุดเสียง แต่ก็ไร้ผล ไอ้เหี้ยผีแม่งยัดเข้ามาทั้งมือจนผมร้องออกไปไม่ได้เลย
 
“อื้อ ! “
 
ไอ้ห่าเอ้ย นอกจากจะร้องไม่ได้แล้ว ผมยังรู้สึกทุเรศตัวเองที่โดนหิ้วปีกหิ้วขาแบบพร้อมทั้งสี่ด้าน เสียงหายใจเหนื่อยๆดังอยู่ข้างหู ผมพยายามจะมองฝ่าความมืดให้เห็นหน้าผีที่กำลังหิ้วตัวผมอยู่ แต่ก็มองไม่เห็น เดี๋ยวนี้ผีแม่งหลอกกันเป็นแก็งค์หรอวะไอสัด รู้สึกเหมือนแม่งจะมาเยอะกว่าพวกผมอีก
 
ปึก!




“โอ้ย “


“ตื้บมัน!


เหมือนเหตุการณ์ทุกอย่างมันหมุนเร็วไปหมด เมื่อผมถูกโยนลงบนพื้นแข็งๆอย่างแรงจนจุก ตัวของผมไถลไปกับพื้นจนกระแทกเข้ากับอะไรแข็งๆใหญ่ๆที่อยู่สุดผนัง ผมยันตัวลุกขึ้นทันทีแต่ก็ต้องล้มลงไปนอนอีกครั้งเมื่อโดนฝ่าตีนที่เคลือบด้วยรองเท้าแตะกระแทกเข้าที่ริมฝีปาก ผมยกมือกุมแก้ม รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่เด่นชัด .. ผมปากแตก


ปั้ก!


ฝ่าตีนที่มองไม่เห็นอีกข้างประเคนลงมาอีกที่กลางลำตัวจนผมต้องนอนงอด้วยความเจ็บจุก ก่อนจะตามมาอีกหลายตีนจนผมลุกไม่ขึ้น ผมพยายามเบิกตากว้างๆเพื่อมองหาที่ว่างแล้วคลานหนี ไอ้พวกเหี้ยนี่กูว่าไม่ใช่ผีละ จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งหมดมันทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้กำลังโดนรุมกระทืบอยู่


แม่งจุกจนร้องไม่ออก



พรึ่บ!



ผมหรี่ตาลงเพราะความปวดแสบ เนื่องจากอยู่ๆไฟก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งจนสว่างจ้า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นครบองค์ประชุมเลยครับ พวกไอ้เฉินนั่นเองที่รุมกระทืบจนผมแทบจมลงไปกับพื้น ผมอ้าปากจะด่าพ่อมันสักหน่อย แต่แล้วไอ้เทาที่อยู่ใกล้กับผมที่สุดก็ถอดถุงเท้าที่แม่งใส่อยู่แล้วยัดปากผมไว้


ไอ้เหี้ย กูจะอ้วก


!!! “


ยังไม่ทันจะยกมือขึ้นมาดึงถุงเท้าออกจากปาก ทั้งแขนทั้งขาของผมกูถูกรวบไว้ด้วยกันแล้วมัดเชือกไว้แน่น ผมดิ้น ไอ้พวกเหี้ยนี่รุมกันลงฝ่าตีนลงมาที่ร่างผมอีกครั้งจนผมต้องหลับตาปี๋ด้วยความเจ็บปวด
 
“มึงพอ ๆ เดี๋ยวมันตาย “
 
เสียงใครคนหนึ่งพูด ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร ตอนนี้กูหูตาลายไปหมดแล้ว แทบจะลืมตาไม่ขึ้น กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมดจนผมอยากจะอาเจียน รู้สึกปวดระบมไปทั้งตัว ยิ่งบริเวณหัวนี่แทบจะระเบิด ไม่ต้องนึกถึงเลยว่าจะขยับตัวไปไหนได้
 
“กูบอกให้หิ้วไอ้เหี้ยยอล ไม่ใช่อิตุ้ดนี่ โถ่ควายเอ้ย “
 
“ก็แม่งมืด ใครจะไปรู้วะ “
 
“ไปเหอะว่ะ ก่อนจะโดนผีหลอก กูขนลุกชิบหายเลยเนี่ย “
 
ได้ยินพวกแม่งคุยกันแล้วใจผมแทบหล่นไปอยู่ที่ตีน เมื่อมองไปรอบๆแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสมุดชั้นสาม ห้องสมุดอาถรรพ์ที่ไอ้ไคเล่าให้ฟังบ่อยๆ บ่อยจนผมท่องจำได้ขึ้นใจ ผมกลอกตาอย่างหวาดๆ พวกไอ้เฉินวิ่งออกจากห้องสมุดไปแล้ว แถมแม่งยังมีน้ำใจปิดไฟปิดประตูให้กูอีกต่างหาก ขอบคุณนะ กูรักเลย


“อื้อ! ไอเอี้ย!!! “
 
ผมร้องสุดเสียง แต่เหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่ ในเมื่อผมถูกมัดมือมัดตีนอยู่อย่างนี้ แถมยังมีก้อนเหี้ยไรไม่รู้อยู่ในปาก ร้องให้ตายยังไงก็คงไม่มีใครได้ยิน ผมพยายามหายใจให้น้อยที่สุด รู้สึกเหมือนได้กลิ่นไม่พึงประสงค์จากก้อนผ้าในปาก


ไอ้เหี้ยเทา ถ้ากูหลุดไปได้นะ กูสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือหมู่กระทิงเลยว่ากูจะให้มึงแดกรองเท้าพละเบอร์สี่สิบของกูให้ได้



ปึง!!


ผมเตะชั้นหนังสือที่อยู่ใกล้ๆอย่างแรงเพื่อส่งเสียงให้พวกที่เหลือรู้ว่าผมอยู่ในนี้ ผมหยีตาลงจนแทบจะปิด เหมือนเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผากจะไหลเข้าตา แม่งแสบมาก รู้สึกเคืองตาจนน้ำหูน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ซิ้ด ไอสัด มันเจ็บมากเลย ลุกแทบไม่ไหว ผมเม้มปากแน่น สิ่งที่ผมทำได้คือเตะชั้นหนังสือที่อยู่ตรงนี้ให้ดังที่สุดเท่านั้น แม้แต่คลานไปหน้าประตูผมยังไม่มีปัญญา


ปึง!!!!!!!


ผมเตะชั้นหนังสือแรงขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงไอ้ไคร้องเรียกผมอยู่แถวๆนี้ ถีบอีกอย่างแรงจนหนังสือที่อยู่บนชั้นมันหล่นลงมาทับตัวผมเกือบหมดทั้งตู้ ผมก้มหน้าหลบ อิห่า ระบม นี่มันชั้นหนังสือสารานุกรมเลยนะไอสัด ปกอย่างหนา กูว่าหมดคืนนี้ไป ไม่ตายก็คงพิการแน่ๆ


“... “


ผมรู้สึกปวดหัวจิ๊ด ความรู้สึกเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างตอนนี้เริ่มจะชา รู้สึกเหมือนตัวเองจะหลับไปในไม่ช้า แรงที่จะยกขาขึ้นถีบตู้อีกรอบไม่มีอีกแล้ว ผมฝืนลืมตาต่อไปไม่ไหวแล้ว เปลือกตาของผมค่อยๆปิดลง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้ไอ้พวกนั้นหาผมเจอไวๆ







KIM JONGIN PART


“ไอ้ฮุน พวกกูไม่เล่นนะไอสัด อยากกลับบ้านแล้ว “
 
ผมตะโกนลั่นตึกอีกครั้ง ก่อนจะส่องไฟฉายไปทั่ว ผีจะออกมาก็ออกเหอะ กูไม่กลัวไรอยู่ละ แต่ตอนนี้คือแบบปวดขี้มากนะ มันต้องกลับไปเคลียร์ด่วนอะครับ เพราะข้าศึกเริ่มประชิดกำแพงเมืองแล้ว แม่งเสมอเนื้อละ ขืนถ้ารอให้นานไปกว่านี้ ผมเกรงว่าลูกผมคงจะได้ออกมาดูโลกก่อนเวลาอันควรอย่างแน่นอนเลยครับ


“ไอ้ฮุน ออกมา !


ผมเตะประตูห้องเก็บอุปกรณ์จนดังปึงปังลั่นไปทั่วตึก แล้วชะโงกหน้าผ่านช่องกระจกเล็กๆเข้าไปดู ไอ้ฮุนไม่ได้อยู่ในนั้น ผมกวาดสายตามองไปรอบตัวอีกครั้ง ตอนนี้ผมเดินออกมาไกลจากไอ้สองตัวนั้นพอสมควร แต่ถึงยังไงผมก็ยังได้ยินเสียงไอ้เชี่ยยอลครางงุ้งงิ้งๆอยู่ไกลๆอยู่ดีอะ =_= คือก็ไม่เข้าใจนะว่าอิห่านี่จะปอดไปเพื่อใคร มึงจะกลัวอะไรวะกะอีแค่ผี ผีมามึงก็แก้ผ้าให้แม่งดูเลย จับปล้ำแม่งไอสัดจบ


ปึง!!


ผมขมวดคิ้ว ได้ยินเสียงปึงปังอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆนี้  แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงผมเตะประตูแน่ เพราะตอนนี้สองตีนของผมวางอยู่บนพื้นเรียบๆเลยนะ ผมมองหาต้นเสียง เสียงนั้นยังดังอยู่เป็นระยะ ผมค่อยๆเดินตามไป หวังว่าคงจะไม่ใช่ผีหรอกนะ ที่กูบอกว่าจะจับปล้ำเมื่อกี้อะ ล้อเล่นนะ ขอทอดๆ
 
“เซฮุน “
 
ผมตะโกนเรียกอีกครั้ง เสียงนั้นหายไปแล้ว ไอ้เหี้ยกูยิ่งงงแดกเข้าไปใหญ่เลยดิ ตกลงยังไง ไอ้ฮุนแม่งหายหัวไปไหนวะ อย่าให้เจอนะไอสัด เดี๋ยวพ่อฆ่าแม่ง เล่นเหี้ยไรไม่รู้เวลา
 
ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าห้องสมุด เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดียังไงไม่รู้ว่ะ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกขวัญกำลังใจก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆ ไม่รอสองคนนั้นละ ขืนถ้าให้ไอ้ยอลมานี่ กูเชื่อเลยว่าแม่งกริ้ดจนโรงเรียนแตกแน่นอน



แอ่ดดดดด



ผมค่อยๆเปิดประตูแล้วดันมันเข้าไปช้าๆ คือผมก็เข้าห้องสมุดบ่อยพอตัวนะ ก็ไม่ใช่คนขยันอะไรอะแต่กูเข้ามาตากแอร์ เหล่หญิง อะไรประมาณนี้เฉยๆ ร้อยวันพันปีประตูแม่งไม่เคยดัง แล้ววันนี้มึงจะมาดังให้กูหลอนทำมะเขืออะไรหรอถามหน่อยดิ


“เฮ้ย “


เกือบจะกลัวละอีกนิดนึง ถ้าไม่ติดว่าผมเห็นอะไรซะก่อน ผมทิ้งไฟฉายไว้ที่พื้นแล้วรีบวิ่งไปที่กองหนังสือนั้นทันที ขาขาวๆภายใต้กางเกงขาสั้นสีดำโผล่พ้นออกมาจากกองหนังสือปกหนา ผมรีบยกมันออก ภาพตรงหน้าที่เห็นก็ทำผมช็อคเป็นอีกเท่าตัว


“เฮ้ย ไอ้ฮุน “


ไอ้เพื่อนตัวดีนอนตะแคงหมดสติอยู่ติดกับชั้นหนังสือที่ว่างเปล่า ข้างตัวมีหนังสือวางกองอยู่เต็มไปหมด เสียงที่ผมได้ยินคงเป็นเสียงมันเตะตู้หลายๆรอบจนหนังสือหล่นลงมาทับ ผมมองใบหน้าที่ช้ำเลือดด้วยความตกตะลึง ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายบีบรัดแน่นจนเจ็บ รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ผมมองอยู่นานก่อนจะตั้งสติได้ รีบดึงก้อนผ้าออกจากริมฝีปากซีดที่มุมปากมีแต่รอยแตกและคราบเลือดอยู่เต็มไปหมด


“เชี่ยฮุน ทำไมเป็นงี้วะ “


ผมพูดกับมันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ไม่ได้คิดจะให้แม่งตอบหรอก สภาพแม่งแย่มากจนผมใจเสีย ผมเดินอ้อมไปแก้มัดที่มือและขาออกให้ ก่อนจะค่อยๆก้มลงช้อนตัวมันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ตอนนี้สมองของผมมึนเบลอไปชั่วขณะจนจับต้นชนปลายไม่ถูก กลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้งอบอวลไปหมดในความรู้สึก ผมก้มมองหน้าไอ้ฮุนที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง ใบหน้าซีดขาวที่เปรอะไปด้วยเลือดและรอยช้ำดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก


กูไม่รู้นะว่าใครทำมึง แต่กูจะเอาเลือดหัวมันมาให้ได้ กูสัญญา



60%







ออดดดดดดด ออดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


“ป๊า เปิดประตูให้หน่อย “


ผมยกตีนกดออดบ้านรัวๆจนมันดังลั่นไปทั่วทั้งซอย สองมือช้อนร่างไร้สติของไอ้ฮุนอยู่ มันตัวเบาก็จริง แต่ด้วยความที่ผมเดินแบกมันมาตั้งแต่โรงเรียนจนถึงหน้าบ้านมันก็ทำให้แขนผมล้าพอสมควร หน้าต่างบ้านข้างๆถูกเปิดออกก่อนจะตามด้วยหัวของเจ้าของบ้านโผล่ออกมา ป้าแกด่าพ่อผมอยู่สองสามประโยคก่อนจะปิดหน้าต่างเสียงดัง แต่ผมไม่สน ผมต้องการเอาไอ้ฮุนเข้าไปในบ้านผมให้เร็วที่สุด
 
“ป๊าเร็วหน่อย”


ออดดดดดดดดดดดดด
 
ผมยกนิ้วโป้งตีนกดออดอีกครั้ง อย่าแฟนตาซี =_= อย่าคิดว่ากูเก่ง คือออดมันก็ไม่ได้สูงไรมากครับแค่เอวพอ กูไม่ใช่ศิษย์วัดเส้าหลินหรืออะไรทำนองนั้น ผมถอนหายใจ เห็นป๊าเดินท่อมๆออกมาก่อนจะเดินมาไขกุญแจบ้านให้ผม สีหน้าแกดูตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแก (ป๊ารักไอฮุนมากครับ เพราะว่ามันขาว อันนี้ผมก็เสียใจ ขอทอดที่กูเกิดมาดำ )
 
“ฮ่อ อาตี๋ลื้อไปยำติงกะครายมา “
 
ป๊าถามในขณะที่ไขกุญแจแล้วเปิดประตูให้ผมเข้าบ้าน ผมได้แต่ปั้นสีหน้าส้นตีนให้ป๊าเป็นคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงตัวแล้วอุ้มไอ้ฮุนเดินขึ้นบ้านไป
 
“อาตี๋!!! “
 
“ไม่มีไรน่าป๊า ลื้อล็อคบ้านแล้วไปนอนเหอะ”

ผมตะโกนตอบป๊าที่อยู่ข้างล่าง ก่อนจะเอาตีนเปิดประตูห้องตัวเองที่แง้มไว้อยู่แล้วเข้าไปข้างใน ค่อยๆวางไอ้ฮุนลงบนเตียงเบาๆ เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจะให้มันช้ำไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
 
ผมปิดประตูห้อง รู้สึกโล่งใจที่แม่ไอ้ฮุนไปต่างจังหวัด ดังนั้นมันก็เลยอยู่บ้านคนเดียว ไม่งั้นถ้าแม่เห็นสภาพแบบนี้ ผมว่าไอ้ฮุนต้องโดนเละอย่างแน่นอนเลยเชื่อดิ แถมพ่อแม่งเป็นถึงนายพล ดุจะตายห่า ถ้าเห็นว่าลูกโดนเละมาแบบนี้ ผมเดาไม่ออกว่าใครจะซวยบ้าง
 
“โห ไอห่าเอ้ย ทำไมไม่สู้วะ “
 
ผมสบถด่ามันเป็นพารากราฟหลังจากเห็นสภาพ ก่อนจะวิ่งลงไปหยิบกะละมังกับผ้าขนหนูสะอาดๆมาหนึ่งผืน ชุบน้ำอุ่นเช็ดคราบเลือดตามตัวให้มัน ผมค่อยๆถอดเสื้อที่เปียกเหงื่อของมันออก บรรจงเช็ดไปตามผิวขาวๆแผ่วเบา มือผมสั่นจนแทบจะบังคับไม่ได้ ยิ่งเห็นใบหน้าขาวซีดที่ตอนนี้บวมช้ำแล้วยิ่งใจหาย ผมสะเพร่า ถ้าผมดูมันดีๆคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้
 
เช็ดเสร็จก็เดินไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้มัน ด้วยความที่ผมเป็นคนที่มีเรื่องค่อนข้างจะบ่อย อันที่จริงกูก็ไม่ได้อยากจะมี แต่อิเหี้ยนี่แม่งไปหาเรื่องมาให้ตลอดจนผมชินละ อิกล่องพยาบาลอันนี้มันก็เป็นคนซื้อมาให้ .. เพียงแค่ผมแตะยาเบาๆที่รอยช้ำ คนตัวขาวที่นอนหลับอยู่ก็สะดุ้งสุดตัว
 
“เหี้ย เจ็บ “
 
“เออ กูจะทำเบาๆ มึงนอนนิ่งๆ “
 
ไอ้ฮุนแหว ก่อนจะลุกพรวดขึ้นอย่างเร็ว แต่ก็ต้องลงไปนอนร้องโอดโอยอยู่ที่เดิม ผมถอนหายใจเบาๆ สงสารมันชิบหายเลย
 
“ซิ้ด เบาดิวะ “
 
ผมค่อยๆนวดยาไปตามรอยช้ำ พยายามอย่างเบามือที่สุด แต่ไอ้ฮุนแม่งก็ยังบอกให้เบาให้เบาอยู่นั่นอะไอสัด นี่ถ้าเบากว่านี้อีกนิดนึง กูว่าไม่ต้องทำละไอห่า ก็กูเบาได้แค่นี้จะให้ทำยังไงวะ =_= นี่ขนาดยังไม่ได้ทำแผลสดนะ มึงยังจิกแขนกูซะขนาดนี้ ผมว่ากว่าจะทำเสร็จทั้งตัว บางทีแขนผมอาจจะหลุดคามือมันเลยก็ได้
 
“ใครทำมึง “
 
“โอ้ย .. อะ พวกไอ้เฉิน “
 
“ไอ้หัวโปกนั่นหรอ!! “
 
“โอ้ยเชี่ย เบาดิวะ! “
 
พอได้ยินว่าใครทำ ผมก็อดไม่ได้ที่จะโมโห จนเผลอลงแรงใส่แผลที่กำลังทำอยู่ ไอ้ฮุนร้องลั่นแล้วตบกระบาลผมอย่างแรง
 
“โอ๋ๆ กูขอโทษๆ “
 
ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะจับข้อเท้าเล็กให้วางเท้าลงบนตักผม จ่อริมฝีปากไปใกล้ๆแผลหัวเข่าแล้วค่อยๆเป่าลมรดเบาๆเป็นการปลอบให้มันหายเจ็บ ไอ้ฮุนนิ่งไป ผมเงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกว่าใบหน้าขาวซีดที่ช้ำเลือดนั้นจะสูบฉีดเลือดขึ้นมามากขึ้นไปอีกนะ เพราะตอนนี้แก้มแม่งแดงชิบหายเลย
 
“มองควยไร เอามา กูทำเอง ไปไกลๆเลยสัส “
 
“เอ้า! “
 
มันด่าผมซะเสีย ก่อนมือเรียวจะคว้าเอาสำลีชุบแอลกอฮอลจากมือผมไป ฝ่าเท้าขาวที่ตอนแรกวางอยู่บนตักยกขึ้นถีบผมอย่างแรง ผมได้แต่หัวเราะงงๆ อะไรของมึงวะเนี่ย พาลกูทำไม
 
“เขินกูหรอวะ “

“เขินเตี่ยมึงดิ อย่ามายุ่งนะ ไอ้เหี้ย ออกไป “
 
ผมถามมันแล้วลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆกัน ก่อนจะเท้าฝ่ามือคร่อมร่างไอ้ฮุนเอาไว้ ใบหน้าแดงก่ำนั้นดูน่ารักน่าแกล้งเสียจนก้อนเนื้อในอกซ้ายของผมทำงานหนักขึ้นมาเป็นเท่าตัว
 
“เตี่ยกูหลับแล้ว หรือจะให้กูไปเรียกให้ เอาไหม “
 
ผมแค่นหัวเราะ กดริมฝีปากชิดใบหูพลางกระซิบกวนๆมันเบาๆ
 
“ไอห่า กูเจ็บอยู่ ไม่เล่น “
 
คนตัวขาวขืนตัวอย่างแรงเมื่อผมโถมตัวเข้าไปกอดมันเบาๆ ไม่กล้ากอดแรงกลัวตัวแม่งจะหักซะก่อน แต่แล้วผมก็ต้องผละออกมาเพราะกลัวว่ามันจะเจ็บ สองมือบางยกขึ้นมาผลักผมเต็มแรงจนเซออกไป ผมได้แต่ยิ้ม รู้สึกเหมือนแก้มจะแตก
 
“แค่กๆ! “
 
และในจังหวะที่ผมกำลังจะอ้าปากแซวอีกรอบ ก้อนสำลีชุบแอลกอฮอลในมือไอ้ฮุนก็ถูกยัดเข้ามาในปากผม ผมรีบคายทิ้งทันที รู้สึกขมปร่าไปทั่วลิ้น โหไอ้เหี้ย นี่มันจะฆ่ากันเลยนะเนี่ย
 
“โห แค่ก! .. ถ้ากูตายมึงจะว่าไง “
 
“แล้วถ้ากูตายมึงจะว่าไง กูยิ่งระบมอยู่นะ เล่นเหี้ยไรไม่รู้เวลา “ มันด่า
 
“กูไม่ให้มึงตายหรอก “ ผมตอบ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่คม
 
“...”
 
“เจ็บมากไหมวะ “
 
ผมถาม ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมใบหน้าขาวไว้ เกลี่ยปลายนิ้วไล้ริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแตกและคราบเลือดนั้นเบาๆ ไอ้ฮุนไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้ากลับมาเท่านั้น
 
“กูขอโทษ ที่ดูแลมึงได้ไม่ดีพอ ..“  
 
“... “
 
“แต่จากนี้ไป กูจะไม่ให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องมึงอีก กูสัญญา “



 



PARK CHANYEOL PART


“เจอยัง=_= “
 
“แปปดิ “

 
ผมหันไปตอบไอ้แบค ก่อนจะล้วงกระเป๋าทุกช่องที่อยู่บนร่างกาย ตอนนี้เราอยู่หน้าบ้านครับ หลังจากที่กลับมาจากวิ่งแก้บน ผจญภัยในแดนสนทยาอันทรหดแล้ว ไอ้แบคยืนกอดอกทำหน้าเอือมใส่ผม ไอห่า หากุญแจบ้านไม่เจออะ ผมจำได้ว่าผมหยิบมาละนะ แต่ไม่รู้ตอนนี้แม่งอยู่ไหนแล้วอะ อิแรดข้างๆนี่ก็กดดันกูเหลือเกิน นี่ถ้าผมล้วงเครื่องในตัวเองได้ผมคงล้วงให้มันดูไปละ
 
“มึงลืมเอามาก็บอก อย่ามาฟอร์มไอสัด “
 
“กูไม่ได้ลืม กูหยิบมาจริงๆกูจำได้ “
 
“เร็วๆหน่อยยุงจะหามกูไปแดกละ “
 
คนตัวเล็กกว่ายืนห่อไหล่ ใบหน้าบูดบึ้งนั้นกลับดูน่ารักในความคิดของผม ก่อนจะอ้าปากหาววอดๆโดยไม่ปิดปาก ก่อนจะเอนตัวเอาหัวมาพิงหลังผมซะอย่างนั้น โหเตี้ย กูเข้าใจนะว่ามึงง่วงอะ แต่แบบห้านาทีได้ไหม เดี๋ยวค่อยขึ้นไปนอน นะ อย่ามาพิงกูอย่างงี้ มันเป็นอันตรายต่อหัวใจกูมากเลย
 
“เจอแล้วๆ “
 
ผมบอกมันแล้วไขกุญแจบ้านเปิดเข้าไป ที่ยังรู้สึกหนักๆที่หลังอยู่ อย่าบอกนะว่าอิห่านี่หลับทั้งยืน =_=
 
“แบค เข้าบ้านดิวะ “
 
“งือ “
 
คนตัวเล็กได้แต่ครางอืมตอบกลับมาแล้วเดินห่อไหล่เข้าบ้านไป ผมล็อคประตูบ้านก่อนจะวิ่งตามขึ้นไปบนห้อง แต่ก็พบว่าไอ้เตี้ยได้ทำการชัทดาวน์ตัวเองอยู่บนเตียงผมแล้วเรียบร้อย
 
“แบค ลุกมาอาบน้ำเดี๋ยวนี้ ไอ้เหี้ยมีแต่เหงื่อทั้งนั้น มึงลุกจากเตียงกูเดี๋ยวนี้เลย “
 
ผมยืนกอดอก มองคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง
 
“....”
 
“แบค =_=
 
“ม่าย “
 
เสียงอู้อี้ตอบลอดหมอนออกมา แม่งบังอาจมาก นอกจากมึงจะไม่อาบน้ำละขึ้นไปนอนขวางแบบให้คนอื่นนอนไม่ได้แล้ว มึงยังเอาอิเจี๊ยบเมียกูไปนอนกกอย่างหน้าด้านๆ (อิเจี๊ยบคือชื่อของหมอนข้างเน่าที่มันกอดอยู่ครับ เป็นเมียหลวงอย่างเป็นทางการของพี่ปาร์ค เรื่องนี้เจี๊ยบเป็นนางเอกนะครับอย่าเอ็ดไป )
 
“ปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้! “
 
ผมเข้าไปกระชากข้อเท้ามันแล้วดึงให้มันลงมาข้างล่าง แต่คนตัวเล็กกว่ากลับยื้อสุดแรง ไอ้แบคถ่วงตัวเองไว้บนเตียงแล้วเอามือเกี่ยวหัวเตียงไว้ ในขณะที่แขนอีกข้างก็กอดเมียรักของผมไว้แน่น อิห่ากอดเบาๆเดี๋ยวเมียกูปลิ้น T_T
 
“ปล่อยเจี๊ยบนะ มึงเป็นแค่ชู้มึงไม่มีสิทธิ์! “
 
ผมปล่อยขามันแล้วเดินอ้อมเตียงไปกระชากหมอนเน่าคืนมาสุดแรง แต่ไอ้แบคกลับกระชากคืนอย่างไม่ยอมแพ้ ด้วยความที่กลัวว่าเจี๊ยบ(หมอนเน่าเมียรักนัมเบอร์วันของผม)จะเป็นอะไรไป ผมเลยผ่อนแรงลง ส่งผลให้ผมล้มลงไปทับคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแรง
 
“....”
 
เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ผมเข้าใจละว่าทำไมมันต้องมีโมเม้นนี้ มันเป็นสูตรสำเร็จของฟิค ในที่สุดก็มีให้พวกมึงได้ฟินกันสักที กูรู้ว่ามึงรอโมเม้นนี้ ใบหน้าของผมอยู่ห่างกับไอ้เตี้ยไม่ถึงคืบ ดวงตากลมจ้องกลับมาด้วยสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย ผมจ้องตอบกลับไป ก่อนจะเลื่อนสายตาต่ำลงมาที่จมูกโด่งรั้น และริมฝีปากอิ่มเล็กๆน่ารักนั่น วินาทีนั้นผมรู้เลยว่าผมต้องนอกใจเจี๊ยบแน่ๆ
 

และเหมือนมีแรงดึงดูดให้ใบหน้าของผมเลื่อนเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นจนปลายจมูกของเราชิดกัน ผมค่อยๆเอียงใบหน้าน้อยๆ ภาพหนังเอวีที่เคยดูล้านกว่าเรื่องถูกเปิดฉายขึ้นในสมองจนมึนเบลอไปหมด ผมกลืนน้ำลายลงไปอย่างฝืดคอ ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปประกบริมฝีปากกับริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้นเบาๆ เพียงแค่แตะริมฝีปาก ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายก็เต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
 




ไปแล้วจูบแรก อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
รู้สึกดีมากจ้า มันบั่บ มันบั่บ ..
กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟินมากเลยอร้า
ปาร์คขอโทษนะเจี๊ยบแต่มันบั่บ มันบั่บ .. ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มีเฟิร์สคิสละโว้ยยยยยยย
ตรั่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆyeah
 

มิชชั่นดาคอมเพลท >_< wow
 


______________________________
 ตรึ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครบร้อยละจ้า ฟินมะๆๆๆๆๆ
ฟินสุดได้แค่นี้ว่ะโหย คนมันกากให้ทำไง 5555
รู้สึกพาร์ทนี้ชานยอลจะเปิดเผยความตุ้ดออกมาสู้สาธารณะชนมากที่สุด
อารมณ์เหมือนสาวแรกเริ่ม อืม แม่งไร้สาระสุดไรสุดอะ
ไม่มีไรละ เม้ลๆดั้วนร๊ บั่บ ไม่ปลื้มนักอ่านเงาะอะ ไปละ บ้าย
  

1 ความคิดเห็น: