วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ชายจังไร ขอแต้บไข่เพื่อเธอ : chapter 12






เสียงเป่านกหวีดดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงเฮลั่นกันทั้งสนามจนได้ยินมาถึงเต็นท์พยาบาล ไม่รู้เหมือนกันว่าสีไหนที่ได้แชมป์ไป ตอนนี้ผมสนความเป็นความตายของคนในอ้อมแขนมากกว่า จากเดินเปลี่ยนเป็นวิ่ง ตะโกนโหวกเหวกขอทางอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนบ้า
 
“ขอทางให้คนเจ็บหน่อยดิวะ “
 
แหกปากตะโกนบอกพวกรุ่นน้องที่ยืนออกันอยู่ตรงหน้าเต็นท์ก่อนจะแทรกตัวผ่านกลุ่มคนเข้าไป อาจารย์ที่ทำหน้าที่ปฐมพยาบาลรีบลุกมาดูด้วยความตกใจ ผมรีบสาวเท้าไปที่เตียงปฐมพยาบาลอย่างเร็ว ก่อนจะวางร่างไร้สติของแบคฮยอนลงอย่างเบามือที่สุด
 
“เหมือนหัวจะกระแทกด้วยอะครับจารย์ “
 
ผมผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นแบคฮยอนนอนหงายชัดๆ แผลถลอกบริเวณหน้าผากด้านซ้ายทำเอาผมใจกระตุก เลือดสีสดที่ไหลออกมาตามขมับ และเศษดินบริเวณปากแผลทำให้ผมรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
 
ผมหลีกทางให้อาจารย์ผู้หญิงเข้ามาทำแผลที่หน้าผากและหัวเข่าทั้งสองข้าง โดยที่ผมเองได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น รู้สึกตัวชาคล้ายว่าจะขยับไม่ได้ ริมฝีปากขาวซีดของแบคฮยอนทำให้บริเวณอกซ้ายของผมโหวงวูบราวกับว่ามีอะไรหายไปจากที่ๆมันเคยอยู่
 
“ไม่เป็นอะไรมาก แค่เป็นลม ส่วนแผลที่หัวนี่แค่ถลอกนิดหน่อย ตอนนี้เธอก็นั่งพัดไปก่อนแล้วกัน อากาศคงจะร้อน เพื่อนฟื้นเธอก็เอาเกลือแร่ให้กินเลย “
 
“อ่า .. ครับ ๆ “
 
อาจารย์บอกเท่านั้นก่อนจะวิ่งไปที่เต็นท์ข้างๆ ดูเหมือนนักกีฬาคนหนึ่งจะขาพลิก เพราะเจ้าตัวโดนเพื่อนหามสี่ทิศมาตายที่เต๊นท์แบบทุลักทุเลพอสมควร
 
“... “
 
ผมถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นหญ้า ไม่บ่อยนักที่ผมจะเครียดจนตลกไม่ออก ยอมรับว่าตอนนี้ผมกังวลมากจริงๆ ผมมองแบคฮยอนที่กำลังนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเปลพยาบาล ยังดีที่หัวแม่งไม่กระแทกแรงมาก ถ้าเกิดเป็นอะไรรุนแรงขึ้นมาแล้วจำผมไม่ได้หรือตายห่าไปนี่ผมอยู่ไม่ไหวแน่ๆ
 
“ฟู่วว .. “
 
ผมเป่าลมเพื่อคลายร้อนให้คนที่นอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนนอกจากจะไม่ช่วยส้นตีนไรแล้ว ยังอาจจะทำให้ร้อนกว่าเดิม เผลอๆเหม็นด้วย นึกขึ้นได้ก็หยิบกระดาษแข็งที่เป็นอุปกรณ์เชียร์ซึ่งวางกองๆอยู่ข้างๆเต็นท์มาพับๆแล้วพัดแรงๆ อากาศมันร้อนมากจริงๆ
 
เมื่อไหร่มึงจะตื่นมาควยกับกูสักทีอะแบคแบบว่าตอนนี้กูหว่าเว้มากเลย ทุกสีแยกย้ายกันกลับไปที่แสตนเชียร์หมดแล้ว เขาให้เวลาทุกสีเชียร์กันอีกหนึ่งชั่วโมงในระหว่างที่รวมคะแนน และลำดับสุดท้ายจะเป็นการประกาศผลแชมป์ประจำปีและพิธีปิด ผมหรี่ตามองฝ่าแดดออกไปด้านนอกพวกพี่ลู่กับไอ้ฮุนกำลังเดินพยุงไอ้ไคข้ามสนามไปที่แสตนแล้ว ผมหยิบยาดมที่วางอยู่บนฝากล่องพยาบาลมาเปิดแล้วจ่อๆที่จมูกไอ้แบค ถ้ายัดเข้าไปแล้วมันตื่นผมก็พร้อม
 
“โอย ..“
 
วิ่งไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแค่แปปเดียว กลับมาก็เห็นว่าไอ้แบคฟื้นแล้วเรียบร้อย ผมรีบเข้าไปพยุงมันนั่งทันทีเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะเซล้มลงไปอีกรอบ หยิบกระดาษแข็งที่วางทิ้งไว้ที่พื้นมาพัดๆให้
 
“ไหวปะวะ นั่งก่อนๆ “
 
“เราชนะแล้วใช่ปะวะ “
 
ไอ้แบคถาม ผมเงียบก่อนจะเสหลบตามัน ท่าทางที่ดูตื่นเต้นและตาเป็นประกายนั้นทำให้ผมรู้สึกเฟลไปเลยทีเดียว จะให้กูตอบว่าไงอะ
 
“แพ้ว่ะ กูวิ่งไม่ทัน ล้ม “ ผมโกหกคำโต
 
“เฮ้ยมึง ไม่เป็นไรเว้ยอย่าเครียด มึงทำดีที่สุดแล้วๆ “
 
ไอ้แบคฉีกยิ้มจนตาหยี มือเล็กยื่นมาตบบ่าผมเบาๆอย่างให้กำลังใจ ผมมองหน้ามัน รู้สึกแย่ขึ้นว่าเดิมแปดเท่า
 
“ปะมึง กลับสีกัน กูไม่เป็นไรละ มึนๆ เฉยๆ “  ไอ้แบคยืนขึ้น ผมย่อตัวลงแล้วหันหลังให้
 
“ขึ้นมา “
 
“กูเดินเองได้ “ ไอ้แบคตอบ ก้มลงมองผม
 
“ไม่ได้ถาม ขึ้นมาเร็ว!
 
ผมเร่ง ไอ้แบคแยกเขี้ยวใส่ผม ก่อนจะยอมปีนขึ้นหลังผมดีๆ แรกๆก็ทุลักทุเลนิดหน่อย เพราะผมก็ไม่เคยให้ใครขี่หลังซะด้วยดิ แถมแม่งก็ตัวสั้นอย่างกะอะไรดี ผมนี่แทบจะนั่งยองๆติดพื้นถึงจะเอามันขึ้นมาได้ ผมยืดตัวยืนเต็มความสูง จับขาไอ้แบคให้แนบเอวตัวเองไว้แน่นๆ แล้วค่อยๆเดินช้าๆ
 
“กูมานอนเต็นท์ได้ไงวะ “ เสียงเล็กๆดังขึ้นข้างหูในระหว่างที่เดินกลับไปที่แสตน ผมหันกลับไปหามัน

“ก็ช่วยๆกันหามมานี่แหละ “ ผมตอบ โกหกครั้งที่สอง
 
“ก็นึกว่าจะตายละไอสัด กูจะตายตั้งแต่รอบสองละ แต่เพื่อสีกูอดทนๆๆๆๆ “
 
ผมหัวเราะ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป มึงจะพูดทำมะเขือไรเนี่ยไอสัดแค่นี้กูก็รู้สึกผิดพอแล้วแหม่ ย้ำจัง
 
“เครื่องกำลังจะลงจอด กรุณารัดเข็มขัดนิรภัย ตึ่งตึงตึ้ง “
 
ผมบอก บีบเสียงเลียนแบบแอร์โฮสเตส ในขณะที่เดินไปใกล้ๆจะถึงแสตน ก่อนจะออกวิ่งจนคนข้างหลังต้องเกาะไว้แน่น แต่ดูเหมือนว่าจากที่ผมจะแกล้งมัน กลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวซะอย่างนั้น ไอ้แบครัดคอผมแน่นจนคอหอยแทบจะปลิ้น ผมค้อมตัว แบกมันไปส่งไว้ตรงอัฒจันทร์ชั้นแรก ให้คนตัวเล็กยืนอยู่บนนั้น
 
“เล่นงี้ถ้ากูหล่นลงไปหัวแตกมึงจะว่าไง! “
 
“ไม่ว่าไงอะก็เย็บดิ “
 
แบคฮยอนแหว ยกตีนจะถีบผม จากตรงนี้มันถีบหน้าผมหรือเตะก้านคอได้สบายเลยนะ ผมตอบก่อนจะเอนตัวถอยหลัง หลบตีนที่กำลังจะประทับบนอก จับข้อเท้าเล็กไว้แล้วถอดรองเท้ามันออก จากนั้นก็โยนลอยออกไปกลางสนาม
 
“อิหูบานปล่อยกูแงๆๆๆๆๆ “
 
“ชู่ว! ไม่ซนดิ “
 
ผมจุ๊ปาก จับข้อเท้าของอีกคนไว้แน่น แบคฮยอนพยายามที่จะยื้อเท้าออกไปจากมือผมให้ได้ คนตัวเล็กดิ้นอยู่บนที่สูง ก่อนที่ผมจะปล่อยขามันแล้ววาดแขนรวบเอวคนที่ยืนอยู่ด้านบนให้ลงมายืนที่พื้น เพราะกลัวว่ามันจะล้มหัวฟาดตายห่าไปซะก่อน
 
“ไงมึงไอสัด กูวิ่งแทบตาย เสือกทิ้งไม้เฉย “
 
ไอ้ฮุนเดินเข้ามาแล้วตบกระบาลผมแรงๆทีนึง ผมเหลือกตา หันไปมองแบคฮยอนที่กำลังทำหน้างงส่งเครื่องหมายเควชชั่นมาร์คมาให้ผมประมาณแปดล้านตัวได้
 
“ทิ้งไม้อะไรวะ “
 
“ก็มึง ..! “
 
ผมรีบเข้าไปเอามืออุดปากไอ้ฮุนทันที ก่อนจะส่งยิ้มน่ารักให้คนตรงหน้า ไอ้แบคยิ่งงงเข้าไปใหญ่ บอกไม่ได้หรอก ถ้าเกิดมันรู้ว่าทีมแพ้เพราะผมช่วยมันขึ้นมา อิห่านี่ต้องวิ่งไปโดดตึกแน่ๆเลย
 
“ไอ้ไคไปไหนวะ “
 
อุดจนแน่ใจแล้วว่าอิตุ้ดจะไม่หลุดปากพูด ผมปล่อยมันให้เป็นอิสระก่อนจะยิงคำถามใส่เพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที มองไปรอบๆ ไม่เห็นเงาดำๆของเพื่อนสนิทอยู่เลย นี่ก็ยังกลางวันอยู่นะ มันก็ควรจะเห็นไอ้ไคดิ แบบถ้ากลางคืนว่าไปอย่างไอสัดกูนึกว่าเสื้อลอยได้
 
“เอาใบรายชื่อไปส่งกองกลางเป็นเพื่อนพี่ลู่ “
 
ไอ้ฮุนตอบ ก่อนจะเตะกล่องเปล่าข้างๆแล้วเดินไปกระแทกก้นนั่งตรงแสตนด์ กำแค่กูอุดปากมึงแค่นี้ทำไมต้องเหวี่ยงด้วยอะ =_=

“เฮ้ยพวกมึงฟังๆๆประกาศผลแล้ว “
 
เสียงอิรุ่นพี่อ้วนดำที่ผมเถียงกะมันตอนเช้าดังขึ้น ทุกคนเงียบกริบเพื่อรอฟังประกาศผลจากกองกลางที่ตอนนี้รวมคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว มองไปรอบๆ พี่ลู่กับไอ้ไคยังไม่กลับมา สงสัยคงรอฟังผลอยู่ที่กองกลาง ผมลากเก้าอี้พลาสติกมานั่ง เงยหน้ามองลำโพงที่แขวนอยู่ตรงเสาริมสนามเพื่อรอฟัง มึงจะลีลาไปไหนนิ จะอะไรก็อะไร ประกาศเร็วๆกูลุ้น
 
“คะแนนรวมจากกีฬาทุกประเภท ที่สามคือ สีเขียว  .. “
 
ผมถอนหายใจ อย่างน้อยที่สามก็ไม่ใช่สีม่วงหรอยของชาวเรา คิดได้สองกรณีคือ สีเราได้ที่สอง กับสีเราได้ที่สุดท้าย ซึ่งเขาจะไม่ประกาศให้อับอายประชาชี ผมกำกางเกงตัวเองแน่น ลุ้นให้สีม่วงได้ที่สองอยู่ในใจ
 
“ที่สองคือ สีม่วง 
 
“เฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!
 
ทั้งสีเฮลั่น อิพี่อ้วนลุกขึ้นมาเบรกแดนซ์ด้วยความดีใจ ไอ้แบคกับไอ้ฮุนหันไปแทคมือกัน ผมถองกำปั้นเข้าสีข้างแล้วร้องเยสคนเดียวเบาๆ สีม่วงเว้ย สีม่วง เราไม่ม่วงหรอยอีกต่อไปแล้วครับๆๆๆๆ เราคือสีม่วงผู้เกรียงไกรนะฮร้า เราเริ่ด
 
“และที่หนึ่งจะเป็นสีไหนไปไม่ได้ นอกจาก สีฟ้านั่นเองครับ “
 
เสียงเฮดังขึ้นอีกครั้งที่อัฐจันทร์ฝั่งซ้ายมือ เห็นไอ้คริสตีกลองอยู่ตรงหน้าแสตนด์เชียร์ ก่อนสีฟ้าจะร้องเพลงประจำสีออกมา แต่แล้ว เสียงเพลงก็ถูกคั่นด้วยเสียงของอาจารย์ผู้ประกาศผลอีกครั้ง
 
“แต่ด้วยคะแนนรวมโดยสรุปจากการแข่งขันทุกประเภท ความคิดสร้างสรรค์ ความสามัคคี และทีมเชียร์ เมื่อเอามารวมกันนั้น ทำให้สีม่วง ได้คะแนนไปเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น ตำแหน่งแชมป์ประจำปีของเรา จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากสีม่วงครับ “
 
ผมเหลือกตาจนแทบจะตาถลน ทั้งสนามเงียบกริบ สีม่วงคงช็อคเกินกว่าจะเฮออก ผมหันไปมองหน้าไอ้แบคกับไอ้ฮุนที่อยู่ข้างหลัง ก่อนจะหันกลับมาอีกรอบ เห็นพี่ลู่กับไอ้ไควิ่งถือถ้วยแชมป์ตัดสนามมาทางนี้ ผมขนลุก
 
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
 
“เราชนะเว้ย เราชนะ! เราชนะ!ๆๆๆๆๆๆๆ “
 
“ไอเหี้ยชนะแล้วT_T “
 
พี่ลู่หานผู้เป็นประธานสีวิ่งเข้ามาแล้วชูถ้วยขึ้นพลางเขย่ามันไปมาอย่างไร้สติ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง สีม่วงทุกคนล้อมวงเข้ามาเป็นวงกลม พวกผมกอดคอกันแน่นพลางกระโดดไปมา ก่อนจะร้องเฮออกมาด้วยเสียงดังลั่น ถ้วยรางวัลสีทองผูกริบบิ้นสีม่วงถูกส่งไปให้ไอ้ฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆถือไว้ ก่อนพี่ลู่หานจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นไปด้านบน ผมใช้มือดันหลังพี่ลู่ไว้ เสียงกู่ร้องแห่งความตื้นตันใจยังดังก้องอยู่ข้างหูไม่หยุด เราทั้งหมดโยนตัวพี่ลู่หานขึ้นลงหลายๆครั้ง
 
“วู้วววววววววววววววว สีม่วง สีม่วงๆๆๆ สีม่วงเราไม่หรอย เพราะเราใช้ซันซิล yeah
 
เมื่อได้โทรโข่งมาอยู่ในกำมือผมก็แหกปากร้องเพลงที่คิดขึ้นสดๆเมื่อกี้ออกมาทันที เสียงกลองตีรัวดังลั่นสนามเป็นการประกาศชัยชนะ สีฟ้าที่ตอนแรกคะแนนเป็นที่หนึ่งนั้นดูดร็อปลงไปเลย ผมหันไปยักคิ้วกวนตีนให้ไอ้คริสที่ยืนอยู่ตรงกลองหน้าแสตนด้วยความสะใจ
 
มองออกไปตรงกลุ่มที่กำลังบูมกันอยู่ พี่ลู่ยังคงถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วง ไอ้ไคเป็นคนเดียวที่รับร่างของพี่ลู่หานไว้ สายตาที่มันมองพี่ลู่ดูมีอะไรมากกว่าพี่น้องนะจากที่ดูๆแล้ว เพราะไอห่านี่ชอบยิ้มหื่นใส่คนที่มันชอบตลอดเลยผมรู้นิสัยมัน ไอ้ไคยิ้มก่อนจะปล่อยให้อีกคนยืนบนพื้นอย่างปกติ
 
ทุกคนแยกย้ายกันออกไปเก็บของและขยะตามอัฒจันทร์ ผมวางโทรโข่งคว่ำไว้ตรงโต๊ะข้างๆกลอง เห็นถ้วยรางวัลถูกวางอยู่ริมอัฒจันทร์ กวาดตามองไปรอบๆ ไอ้แบคเดินเก็บขยะอยู่ ไอ้ไคกับพี่ลู่ยืนคุยกันอย่างอารมณ์ดีอยู่ตรงริมสนาม .. แต่ไม่เห็นไอ้ฮุน 
 
“... “
 
ผมถอนหายใจ กูว่ากูรู้แล้วว่าทำไม




 


บ่ายวันหนึ่งที่ร้อนระอุประหนึ่งภูเขาไฟฟูจิที่กำลังปะทุในแถบภาคอีสานของประเทศอินเดีย ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหลับเงียบๆ วิชาสังคมเป็นวิชาที่ละมุนที่สุดสำหรับชั้นมอปลายปีสอง ความสามารถของอาจารย์คือ พูดยังไงก็ได้ ให้ทุกคนรู้สึกง่วงและทรมานรูหูมากที่สุด และผมคือเหยื่อในตัวอย่างแรก
 
ผงกหัวขึ้นมองเป็นระยะๆ อาจารย์ยังคงสอนต่อไปแม้จะหลับกันไปแล้วเกือบครึ่งห้อง ไอ้ฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อย่างเมามันส์ ส่วนไอ้ไคที่อยู่ข้างหน้าไอ้ฮุนก็ฟุบหลับเหมือนกับผม ท่ามกลางห้องเรียนอันสงบเงียบ มีเพียงไอ้แบคคนเดียวที่รอดชีวิตจากเนื้อหาวิชาที่เข้มข้นประหนึ่งบทสวดสรภัญญะของอาจารย์
 
“จารย์ครับขออนุญาต น้องชานยอลกับน้องไค ประชุมวงด้วยครับ “
 
ประตูห้องถูกเปิดออกในขณะที่ผมกำลังจะฟุบหลับอีกรอบ ราวกับเสียงสวรรค์ที่ฉุดผมขึ้นจากขุมนรก พี่ลู่หานยื่นหน้าเข้ามาทางประตูหลังห้องก่อนจะมองมาทางผม แล้วหันไปพูดกับอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ อาจารย์พยักหน้าให้ ผมยกตีนสะกิดไอ้ไคที่อยู่ข้างหน้าให้ตื่น ก่อนจะพากันเดินออกไป
 
“น้องฮุน มัวแต่ตอบไลน์ ไม่เรียนเลยนะครับ “
 
พี่ลู่หานพูดกับไอ้ฮุนที่นั่งอยู่ข้างหลังสุด ยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาชูให้ดูอย่างคาดโทษ ไอ้ฮุนยิ้มตาหยีกลับมาให้ ผมหันไปมองหน้าไอ้ไค .. สองคนนี้รู้จักกันด้วยหรอวะ
 
เดินข้ามทางเชื่อมตึกไปที่ตึกชมรม ชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องดนตรี ทุกคนในวงนั่งกันอยู่ครบ พร้อมกับอาจารย์ผู้รับผิดชอบอีกสอง ผมเดินไปนั่งข้างๆพี่มือเบส ก่อนที่เราจะเริ่มคุยกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
 
“สรุปก็ตามนี้นะเด็กๆ  แยกย้ายกลับไปเรียนได้แล้วครับ“
 
คุยกันแปปเดียวเวลาโดดเรียนก็หมดลง เรื่องที่ว่าก็คือ ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ วงกากๆของเราจะไปเล่นงานการกุศล และจะทำกิจกรรมร่วมกับเด็กที่สถานสงเคราะห์ในนามของโรงเรียน เอาง่ายๆก็คือไปเล่นดนตรี และเลี้ยงเด็ก ความฝันของผมพังทลายลงทันที กูก็นึกว่าจะไปเล่นในผับแบบสาวเยอะๆ มองไปทางไหนก็เจอนมตูด แต่นี่มันไม่ใช่อะ มันแบนอะ ผมไม่ชอบเด็กเลยจริงๆ
 
“ไม่ไปไม่ได้หรอวะ =_= “
 
“ น่ามึง ก็เอาเดอะแก๊งค์เราไปด้วย ให้พวกแม่งเลี้ยงเด็ก ละเราเล่นดนตรีพอ “
 
ผมเดินคุยกับไอ้ไคไปตามระเบียงทางเดินในขณะที่เดินกลับห้อง เด็กมันจะฟังรู้เรื่องหรอวะ คือเข้าใจปะแบบเราก็ชาวร็อคอะครับจะให้มาเล่นแบบปัญญาอ่อนมันก็ยังไงอยู่ 
 
เดินกลับมาที่ห้องแล้วก็ทนเรียนต่อไปครับ เราเป็นนักเรียนเราต้องเรียน ยังดีที่เย็นนี้ไม่ต้องซ้อมดนตรีเพราะพี่ลู่ไปทำเรื่องเรียนต่อมหาลัย กะจะกลับไปตีดอทซะหน่อย
 
“เดี๋ยวกูทำธุระแปป มึงจะกลับก่อนก็ได้นะ “
 
ไอ้แบคหันมาบอกผมในขณะที่เรากำลังจะเก็บของกลับบ้านหลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมเลิกคิ้ว มองปึกเอกสารในมืออีกคน
 
“ธุระไรของมึงวะ “
 
“เรื่องชอบชิงทุนแลกเปลี่ยนที่แคนาดาอะ มึงจะสอบด้วยปะละ “
 
“โห เหง้าหน้าอย่างกู ไม่เอาอะ “
 
ไอ้แบคยักไหล่ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมเดินตามมันไปที่ห้องระเบียน เอกสารประกอบใบสมัครที่ไอ้แบคกรอกไว้แล้วถูกยื่นที่หน้าเคาท์เตอร์ ผมยืนกอดอกพิงกำแพงรออยู่หน้าห้อง เข้าไปสักพักมันก็ออกมา พร้อมกลับบ้าน



 
“โหอิอ้วน ลงไปเลยปะ ขี่ไม่ได้ละ “
 
ผมพูดพลางเหยียบเบรกแล้วกันไปพูดกับคนที่นั่งซ้อนท้ายในระหว่างที่เดินทางกลับบ้าน ไอ้แบคเงยหน้ามองผมงงๆ ผมถอนหายใจใส่มันก่อนจะวาดขาลงจากเบาะนั่ง ยางแบนทั้งสองข้าง
 
“อ้วนเหี้ยไรอะกูหนักห้าสิบกว่าเองนะได้ข่าว “ ไอ้แบคเถียง ยังคงนั่งซ้อนอยู่ที่เบาะหลัง
 
“ข่าวมึงไม่อัพเดทเลยอะ สำนักข่าวไหนเนี่ย เมื่อเช้ามึงแก้ผ้าอาบน้ำกูเห็นพุงมึงเป็นชั้นเลยไอสัด ลงมา! “
 
ผมใส่อารมณ์ใส่อิตัวการที่ทำยางแตก จับแขนมันไว้แล้วดึงให้ลงมาจากจักรยานคันน่ารัก ดูเหมือนอิแบคจะแดกเยอะเกินไปนะช่วงนี้ แดกข้าวบ้านกูเป็นกะละมังเลยไอสัด เมื่อเช้ายังขี่มาดีๆอยู่เลย
 
“แล้วมึงหนักเจ็ดสิบนี่ผอมชิบหายเลยปะ “ ไอ้แบคตอบเนือยๆ วาดขาลงจากเบาะหลัง
 
“กูหนักกระดูก ใครจะไปตัวสั้นเหมือนมึงอะ “
 
ผมผลักหัวมันจนเซไปเล็กน้อย ส่งผลให้ได้รับคำด่ามาประมาณหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่ เราเดินเข็นรถไปเถียงไปตลอดทางที่เอารถไปปะยาง พอไปถึงร้าน ช่างก็บอกว่ายางในมันเสื่อมครับ ต้องเปลี่ยนยางทั้งสองล้อ เราจึงทิ้งจักรยานมุมิของสองเราไว้ที่ร้าน แล้วเดินกลับบ้าน
 
“ไม่ได้เดินกลับบ้านมานานแค่ไหนแล้ววะ “
 
เป็นผมเองที่ชวนคุยก่อน หลังจากที่ด่ากันไปจนไม่มีอะไรจะเถียงทั้งคู่ เดินเตะเท้าไปตามถนนโล่ง ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอมชมพู ใกล้มืดลงทุกที หยิบกระเป๋าใบโตของอีกคนมาหิ้วพาดหลังไว้
 
“ถามกูแล้วกูจะไปถามใครวะนิ “
 
“คือแบบ กูแค่เอ่ยเฉยๆปะ =_= “  ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่ พอกูจะพูดดีๆด้วยทีไรมึงเกรียนใส่ตลอดเลยนะแหม จะพูดกันดีๆไม่ได้เลยแหม
 
“อ่าว กูไม่รู้จ้าซ้อเร่ “  คนตัวเล็กหันมายิ้มตาหยีจนแก้มนิ่มขึ้นร่องเป็นขีดๆ ทำให้ผมต้องยิ้มตามไปด้วย มันเกรียนแต่มันก็น่ารัก


“แบค .. “

“ราย “
 
“คือกู .. “
 
ผมกลืนน้ำลาย เดินมองเท้าตัวเองไปเรื่อยๆ พยายามเรียบเรียงประโยคที่จะพูดกับมัน ผมอยากจะบอกมันแล้วตอนนี้ แถมบรรยากาศแม่งก็ใช่ ถึงแม้ยุงจะเยอะไปหน่อยก็เถอะ วันหลังต้องเอายากันยุงแขวนหูไว้ไอสัด จะได้ไม่มีแมลงมารบกวน
 
  
“ ปวดขี้หรอวะ ไปดิรีบเดิน กูก็ปวด T_T “ ไอ้แบคหันมาบอก ย่ำเท่ากับพื้นพลางเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
 
“โอ้ยไอสัดไม่ใช่! คือแบบ ..“
 
ผมกลอกตาไปรอบๆ กลั้นหายใจเตรียมจะพูด แต่อะไรบางอย่างที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ผมลืมคำพูดเหล่านั้นไปเสียสนิท ประโยคที่เตรียมมาถูกกลืนหายลงไปในลำคอ ก่อนจะป้องปากตะโกนดังลั่นเมื่อเห็นกลุ่มเด็กอาชีวะกำลังออกันอยู่เป็นกลุ่มตรงแถวๆตู้โทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นัก อาวุธครบมือและท่าทางการเคลื่อนไหวนั้นดูเหมือนกำลังรุมกระทืบใครสักคน
 

“เหยตำรวจมา!!!!!!!!!!!!!!!!! “
 
ผมแหกปากดังลั่น ไอ้แบคหันไปมองตรงจุดนั้น มันคงเห็นเหมือนกันกับผม กลุ่มเด็กอาชีวะหยุดการกระทำเหล่านั้น แต่ผิดคาดไปนิด แทนที่จะวิ่งหนีแตกกระเจิงกันไป กลุ่มคนกลุ่มใหญ่นั้นหันกลับมายังผมซึ่งเป็นต้นเสียง กระบองเหล็กอันใหญ่ยกขึ้นชี้มาที่ผม ก่อนที่ทั้งกลุ่มจะวิ่งกรูเข้ามา
 
“ไอสัดชิบหายละ แบควิ่งเร็ว!
 
ไม่รอให้สมองประมวลผลช้าเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ผมคว้าข้อมือเล็กไว้แล้วพาออกวิ่งย้อนกลับไปทางเดิมที่เพิ่งจากมาในทันที เสียงเท้ากว่าสิบตีนย่ำเร็วๆตามมาติดๆ ผมเร่งฝีเท้า ไอ้แบคนี่เห็นตัวเล็กๆก็วิ่งเร็วใช่เล่น ผมหันกลับไปมอง กระบองกับมีดยาวและอาวุธอื่นๆทำให้รู้สึกเสียวหลังขึ้นมา คิดภาพไม่ออกว่าถ้ามันวิ่งตามมาทันจะเกิดอะไรขึ้น โหพี่ปาร์คมึงไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย
 
“เฮ้ยหยุด! “
 
เสียงตะโกนไล่หลังตามมา ผมวิ่งไม่คิดชีวิต ความรู้สึกมันคล้ายๆกับตอนที่พวกไอ้เฉินไล่กระทืบผมคราวนั้น แต่มันต่างกันมาก เพราะไอ้พวกนรกนี่มีจำนวนคนเยอะกว่า และมีอาวุธครบมือ เทียบกับพวกไอ้เฉินแล้ว พวกแม่งกลายเป็นอนุบาลสัตว์น้ำไปเลย
 
“ฟุ่บ “


เห็นทางเลี้ยวข้างหน้าผมก็รวบคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที ก่อนจะยัดตัวไอ้แบคเข้าไปในซอกตึก มันแคบมากเสียจนผมแทบจะเข้าไปไม่ได้ ไอสัดมันตัวเล็กหรือกูตัวควายอะทำไมเข้าไม่ได้
 
“ชู่ว “
 
ไอ้แบคเหมือนจะเดินออกมาแล้วให้ผมเข้าไปอยู่ในนั้นแทน ผมจับไหล่บางไว้แล้วดันมันกลับเข้าไปอย่างเก่า ก่อนจะหันหน้าเข้าหาซอกตึกที่แบคฮยอนยืนแอบอยู่แล้วหันหลังให้กับด้านนอก เท้าข้างหนึ่งของผมสอดอยู่ระหว่างเท้าของแบคฮยอน เสียงหอบหายใจดังรดกันเนื่องจากพื้นที่มีจำกัด
 
“ตึกๆๆๆๆๆ “
 
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาอีก ผมหลับตาแล้วกลั้นหายใจ ถ้าพวกมันเจอผม ผมว่าผมคงไม่รอดแน่ๆ อย่างน้อยคงจะได้สปาร์ต้าติดหัวกลับบ้านไปสักเล่มสองเล่ม แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ตัวผมใหญ่พอที่จะบังแบคฮยอนไว้ได้มิด
 
“ ... “
 
ก้มมองอีกคนที่หอบหายใจหนักด้วยความเหนื่อย ทั้งริมฝีปากและจมูกรั้นช่วยกันสูดออกซิเจนเข้าไป ทิ้งลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่บริเวณไหปลาร้าของผม ใบหน้าขาวแดงระเรื่อ ตามขมับมีเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มไปหมด มือเล็กยื่นมากำเสื้อนักเรียนของผมไว้แน่นแล้วดึงให้ผมขยับเข้าไปใกล้อีกจนตัวของเราแนบชิดกัน ใบหน้าน่ารักนั่นเต็มไปด้วยความกังวล ผมกำสายหิ้วกระเป๋าไว้แน่น เอาจริงๆตอนนี้อยากเนียนกอดมันมากกว่า
 
“มันไปไหนแล้ววะ!
 
ได้ยินเสียงพูดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มือเล็กนั่นยิ่งขยำเสื้อผมแน่นเข้าไปใหญ่จนมันยับยู่ และถึงแม้แผ่นหลังของคนตัวเล็กจะแนบติดไปกับกำแพงตึกแล้วก็ตาม แรงยื้อเล็กๆยังดึงผมเข้าไปหาตัวตลอดเวลาเพราะกลัวว่าพวกนั้นจะเห็นผมเข้า ผมยิ้ม เท้าแขนไว้กับผนังตึก ตัวผมไม่ใช่เล็กๆ ขืนทับมันลงไปก็ตายห่าพอดี
 
“ชู่ว พวกนั้นไปแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้ว“


ก้มมองคนที่หลับตาปี๋ซบหน้าอยู่กับไหล่ของผมอย่างนึกขัน ลูบหัวมันเบาๆทีนึงแล้วเดินถอยออกมา แต่แล้วในจังหวะที่มือของแบคฮยอนกำลังจะปล่อยจากเสื้อผมนั้นเอง แรงกระชากที่คอเสื้อทำให้ผมต้องเซไปด้านหลังอย่างแรง ผมโดนจับลากถอยหลังจนทรงตัวไม่ได้
 
“ชานยอล! “


ผมเซถอยหลังไปตามแรงกระชาก ก่อนจะพลิกตัวหันหลัง จับมือหยาบกร้านของมันคนใดคนหนึ่งไว้ บิดมันจนกระดูกลั่นดังกร๊อบ พลิกข้อมือมันแล้วหันกลับไปประจันหน้า ก่อนที่หมัดลุ่นๆของผมจะซัดเข้าที่สันกรามนั้นอย่างแรงจนมันกระเด็นออกไป ยกตีนถีบอีกทีจนหงาย
 
“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยอิเหี้ย! “
 
ผมหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อย เกือบโดนอีโต้เฉาะหัวไปละ แต่เสียงที่คุ้นเคยกลับทำให้ผมต้องก้มลงมองดีๆ ..
 
“อ้าวอิดำ ไปนอนเล่นไรที่พื้นวะ “
 
ผมย่อตัว เท้าฝ่ามือไว้กับเข่า เห็นเพื่อนสนิทนอนคว่ำกุมปากตัวเองอยู่ที่พื้น หันซ้ายหันขวา ไม่มีใครเลย
 
“ลงไปสวดมนต์มั้งไอเหี้ย สัตว์ชานยอลมึงต่อยกูทำไมอะT_T “
 
มันว่า ก่อนจะหันหน้ามาหาผมเต็มๆ ผมแทบจะหงายเงิบ ใบหน้าที่ไม่คล้ายคนอยู่แล้วนั้นกลับดูห่างไกลจากคำว่าสิ่งมีชีวิตมากขึ้นไปอีก ที่มุมปากของมันมีเลือดไหลออกมา แถมตรงกลางท้องก็มีรอยตีนเบอร์43ของผมประทับเกร๋ๆอยู่ด้วย ว่าแต่มันไปนอนอะไรตรงนั้นนิ งง
 
“เชี่ยยอลมึงอะไรวะเนี่ย “
 
ไอ้แบควิ่งออกมาจากซอกตึกเข้ามาหา คนตัวเล็กพยุงอิดำขึ้นให้ยืนเป็นปกติ ผมเกาหัว
 
“กูแค่จะทักว่ามาทำไรกันสองคนที่แคบๆ อิเหี้ยแม่งล่อกูซะฟันหลุดเลย “
 
“อ่าว .. “
 
แล้วก็ถึงบางอ้อ ไอ้ไคเอามือที่กุมปากตัวเองออกแล้วแบมือตรงหน้าผม ฟันกรามซี่หนึ่งพร้อมเลือดและเศษเหงือกนอนแน่นิ่งอยู่บนฝ่ามือ ผมกลั้นขำจนปวดหน้า เอ้าไอสัดนึกว่าไอพวกนั้น ก็ตกใจพ่อเลยจัดไปซะหนึ่ง ไม่คิดว่าฟันมึงจะออกมาร่าเริงแบบเน้ทอดๆ
 
“มึงนักมวยเก่าปะเนี่ย ไอเหี้ย เจ็บ T_T “
 
ไอ้ไคตัวอ่อนยวบแล้วโถมตัวลงไปหาไอ้แบคที่พยุงมันอยู่ทันที ผมก็เลยต้องเข้าไปช่วยพยุงมันอีกแรง นักมวยห่าไรอะ ทะเลาะกับหมากูยังแพ้เลย นี่กูเพิ่งเคยต่อยคนครั้งแรกเลยนะ ก็ประเดิมด้วยมึงละ หมัดแรกก็โชว์พาว คนอะไรหล่อจริงๆเลย
 
“แล้วมึงมาไงเนี่ย ไหนว่าไปสมัครสอบเป็นเพื่อนพี่ลู่วะ “ ผมถาม จับมันให้ยืนขึ้นดีๆ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นไอ้ฮุนอยู่ใกล้ๆด้วย
 
“ก็เสร็จละเนี่ยกูเลยกลับ เดินๆมาเจอพวกมึงจะทักซะหน่อย เจอหมาต่อยอีก คิดว่ากูเจ็บปะละ “
 
“กูขอทอดๆ 55555 โอ๋น้าดำน้า ไม่เจ็บๆ เดี๋ยวกูใส่ฟันให้ใหม่ มึงอ้าปากดิ “
 
ผมจับมันง้างปากออกแล้วพยายามจะยัดฟันที่หลุดออกมากลับเข้าไปที่เดิม ไอ้ไคร้องโอดโอยดังลั่น แต่เหมือนมันจะเอาเข้าไปไม่ได้อะ นี่มือผมใหญ่เกินหรือปากมันเล็กกันแน่วะ กาวก็ไม่มี

“แล้วสรุปพวกมึงมาทำไรกันตรงซอกตึกนิ ม่านรูดก็มี“ไอ้ไคถาม หลังจากที่ผมคืนฟันมันไป เราทั้งสองเดินกลับบ้านกับศพฟันหลุดอีกหนึ่งศพ
 
“กูว่าบางทีมึงอาจจะอยากถอนฟันอีกซี่ปะ ไม่รู้นะแต่แบบว่าคันมือ “ ผมหักข้อมือดังกร๊อบ ล็อคคอมันไว้
 
“ไอเหี้ยไม่เอา T_T จะฟ้องพี่ลู่ๆๆๆๆๆๆ “
 
“เฮ้ย .. มึง ศพใครวะ “
 
ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ ไอ้แบคชี้ไปที่ใครคนหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ผมวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะถึงบางอ้อ เสาไฟฟ้าต้นเดิมแต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป กลุ่มเด็กอาชีวะหายไปแล้ว เหลือแค่ร่างไร้สติของใครคนหนึ่งที่นอนตายห่าอยู่ตรงนั้น ผมย่อตัวลง เห็นสัญลักษณ์ตราโรงเรียนเดียวกันกับผมอยู่ตรงแขนเสื้อของคนที่นอนคว่ำ ผมค่อยๆพลิกศพนั้นให้นอนหงาย


“ไอ้แบค .. เรียกแท็กซี่ด่วนเลย “
 
ผมกลืนน้ำลายเอื้อก ภาพตรงหน้าที่เห็นคือไอ้เฉิน หัวหน้าแก็งค์คู่อริของผมนั่นเอง สภาพมันแย่มากเสียจนไม่น่าจะเรียกได้ว่าคน แม่งศพดีๆนี่เอง ยังดีที่มันยังหายใจ ไม่งั้นผมคงวิ่งหนีไปละเกร๋ๆ

 
ใช้เวลาไม่นาน เราสามคนและศพไอ้เฉินก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัยโดยปราศจากการโกงมิเตอร์ของคุณลุงแท็กซี่ ถึงแม้ลุงแกจะฟังเพลงเบาไปนิดชนิดที่เรียกว่าหูแทบดับ ผมเชื่อว่าอิคันข้างหลังแม่งได้ยินแม้จะไม่เปิดกระจก อิเหี้ยลุงหูมึงหนวกไม่พอจะให้ผู้โดยสารหูหนวกเป็นเพื่อนแบบนี้ก็ไม่น่ารักเลยง่อ ผมยืนมองร่างไอ้เฉินที่ถูกบุรุษพยาบาลเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ไอ้แบครีบโทรหาไอ้คริสทันที ไม่นานเดอะแก๊งค์ของแม่งก็มากันเต็มโรงบาลไปหมด
 
ในเมื่อญาติไอ้เฉินมาแล้ว พวกผมก็หมดหน้าที่ ถึงแม้จะเป็นอริกันแต่ผมก็เห็นมันตายไม่ได้หรอก ตอนแรกก็ใจหายเหมือนกันนะ ผมกังวลว่าฟันมันจะหลุดเหมือนอิดำเพื่อนผมรึเปล่า ตอนนั่งแท็กซี่มาก็แอบง้างปากมันดู ก็ครบทุกซี่นะ สงสัยไอเหี้ยไคเหงือกไม่ค่อยแข็งแรง
 
เราสามคนนั่งรถเมล์กลับบ้านกันครับ ซึ่งโรงบาลแม่งก็ไกลจากบ้านพอสมควร พวกเราจึงตัดสินใจไปหาไรแดกก่องเข้าบ้าน เพราะตอนนี้หิวแบบแดกหมาได้เป็นตัวๆ ผมโหนรถเมล์แล้วอ้าปากหาววอดด้วยความง่วง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็พบว่าเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว คิดถึงเจี๊ยบ
 
“เอี๊ยดดดดด!
 
จู่ๆรถก็เบรกกะทันหันจนไอ้แบคที่ยืนอยู่ข้างๆเสียหลัก ด้วยความที่มันเตี้ยจับราวไม่ถึง มันก็เลยล้มลงมาใส่ผมเต็มๆ ผมปล่อยราวจับแล้วรับร่างเล็กๆไว้ในอ้อมแขน ด้วยความที่เป็นคนรากฐานมั่นคง ผมจึงใช้สองขาอันแข็งแกร่ง(ขาใหญ่) เกร็งจนขนแทบร่วงเพื่อไม่ให้เซล้มไปอีกคน ใบหน้าของคนตัวเล็กเบียดลงมาเต็มๆที่แผ่นอกของผม ผมซิ๊ดปาก อีกนิดนึงอาจจะโดนหัวนม
 
“โอ้ยแบคเหยียบตีนกู “
 
ผมว้ากลั่นรถ แรงกระชากของรถทำให้อีกคนทิ้งตัวลงมาหาผมเต็มๆ คนแม่งก็เยอะเหลือเกิน มึงจะนัดมาทำหอยอะไรกันบนนี้เนี่ยหือ สายอื่นมีไม่ขึ้นไอสัด รถแม่งก็แอร์อุ่นเหลือเกินกูนึกว่าอยู่ซาวน่า นี่ยังไม่นับตอนที่กระเป๋ารถแม่งเอาที่เก็บตังเคาะหัวผมนะ ระวังเหอะสักวันกูจะเอาระเบิดมายัดแม่งสี่ล้อเลยเอาให้บึ้ม ตายห่ากันให้หมดทั้งคนขับและอิกระเป๋าทรราชนั่นเลย
 
“เฮ้ยขอโทษๆ “
 
ผมพยุงมันให้ยืนขึ้นดีๆ ในขณะที่รถก็เคลื่อนที่ต่อ ไอ้ไคถูกกลุ่มคนเบียดจนจมหายไปอยู่ตรงแถวหน้า ตรงนั้นแน่นกว่าตรงนี้อีก ขอให้มึงมีชีวิตรอดกลับมานะเพื่อนนะ แบบตรงนี้พี่ก็ไม่ไหวเหมือนกันน้อง แต่ละคนกลิ่นมาดามมาก ยิ่งอิเจ๊คนข้างๆ ฟีโรโมนเจ๊แรงดีนะครับ คงกะจะปลิดชีพคนทั้งคันรถด้วยกลิ่นตัวของเจ๊ ละบางคน ขนจุ้กกุแร้พลิ้วเชียวไอสัด มาแบบถักเปียได้นี่ก็ไม่ไหว กลัวแบบยืนๆอยู่แล้วขนรักแร้คนข้างๆมาระใบหน้า โอม่าย ดีนะกูสูง ไม่งั้นคงต้องยืนดมเต่าใครต่อใคร สงสารก็แต่ไอ้แบค อากาศข้างล่างเป็นไงมั่งน้อ
 
“ยืนไหวรึเปล่า “
 
“เออไหว “
 
ผมถาม รั้งเอวอีกคนให้มายืนใกล้ๆ ก่อนจะถือวิสาสะคามือไว้ที่บั้นเอวของมันอยู่อย่างนั้น แบคฮยอนตอบผมแบบขอไปที ก่อนจะเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ ผมอมยิ้มน้อยๆ เหลือบมองมันเป็นระยะ รู้สึกสะใจทุกครั้งที่รถเบรก เพราะร่างเล็กๆนั่นจะเข้ามาเบียดผมมากกว่าทุกครั้ง
 
“ไอเหี้ย ชาตินี้กูจะไม่ขึ้นรถเมล์ เก็บตังเหอะมึง ถอยเฮลิคอปเตอร์สักคัน กูสาบานเลยว่ากูจะขับไปโรงเรียนทุกวัน “
 
ผมบ่น หลังจากที่เราลงมาจากรถเมล์นรกนั่น ยังดีที่ชะตาไม่ถึงฆาต พี่ปาร์คยังสติลอไลฟ์ครับทุกคน ผมก้มมองตัวเอง แขนยังอยู่ ขายังอยู่ แต่ขอเช็คอีกที ไม่แน่ใจว่าหูอยู่ไหม
 
“มึงอย่าปัญญาอ่อนดิไม่เอา “
 
ไอ้ไคว่า ท่าทางมันจะน่วมที่สุด แม่งตอนเดินลงมาจากรถมีร่มใครติดมาด้วยก็ไม่รู้ ชมพูลายดอกเชียวมึง กูบอกให้คืนเค้าไปๆมันก็ยังจะเอา
 
เราสามคนเดินเลาะไปตามทางเดิน หาของแดกมื้อดึกในย่านร้านอาหารชื่อดัง มีของกินหลายอย่างระรานตาไปหมด ผมวิ่งเกาะตู้ทีละตู้ๆ จนมาหยุดที่ร้านเนื้อย่างร้านหนึ่ง ทั้งๆที่เราตกลงกันไว้แล้วแท้ๆว่าจะแดกตำปู แต่เพราะไอ้แบคอยากกินเนื้อย่าง ใครเถียงชนะมันก็เก่งอะครับ
 
“มากี่ท่านคะ “
 
“18ครับ “
 
ผมตอบ ก่อนจะเดินตามไอ้แบคกับไอ้ไคเข้าไปในร้าน อีกละ อิพนักงานนิ ประสาทตามึงมีปัญหารึเปล่าวะ ก็มึงเห็นมากี่คนอะ ฟาย ก็นับเอาดิ ตกเลขละเค้ารับมึงทำงานได้ยังไงนิ
 
“คะ? .. “
 
อิพนักงานต้อนรับหน้ามึนนั่นเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป เห็นนางมองไปด้านหลังของผมซึ่งไม่มีใครเดินตามมาเลยสักคน อะมึงนับเอาละกันสัมภเวสีแถวนี้แหละไอสัดเอาให้ครบ18ท่านนะ เอาเลย มึงเอาเลย จัดจานกับแก้วน้ำมาให้ครบด้วยละกัน
 
“เอ่อ .. ตกลงมากี่ท่านคะ ? “
 
อิพนักงานคนเดิมเดินมาจดรายการอาหาร ผมมองหน้า เท้าแขนไว้กับพนักพิงด้านหลัง มองซ้ายมองขวาแล้วเลิกคิ้ว
 
“18แงะครับ “
 
“ตะ .. แต่ ละ แล้ว.. “
 
“18ครับ นับดูสิ คนเยอะแยะไม่เห็นหรอครับ “ ผมเลิกคิ้ว แกล้งมองไปตรงที่ว่างข้างๆตัว อิพนักงานงงแดกไปเลย ไอ้ไคหัวเราะ
 
“มาสามคนครับ เพื่อนผมมันล้อเล่นๆ “
 
“อ่า .. ค่ะ แล้วรับอะไรดีคะ “
 
“เอาเนื้อม้าลาย กับหนังควายสไลด์อย่างละสองจานครับ “
 
ผมเอ่ยปากสั่งโดยไม่ดูเมนู พนักงานแม่งก็ถามแปลก ร้านเนื้อย่างมันจะมีอะไรให้มึงแดกนอกจากเนื้อวะ ? นมก็เล็กยังจะพูดมากอีกโหยแม่งไม่ใจเลย
 
“เชี่ยยอลมึงนั่งเงียบๆแล้วรอกินนะ กูขอร้อง =_=
 
ไอ้แบคหันมาว่า เอาเมนูเคาะหัวผมทีนึง ผมได้แต่เท้าคางส่งยิ้มหวานกลับไปจนมันต้องหลบสายตา หนุกจัง

 
นั่งรอไม่นาน เนื้อม้าลายและหนังควายสไลด์ก็วางเสิร์ฟที่ริมโต๊ะ ล้อเล่น สารพัดเนื้อที่ไอ้แบคสั่งมาถูกวางเป็นตั้งๆอยู่ริมโต๊ะ ผมซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งคนเดียวเลยต้องเสียสละที่วางตรงโต๊ะครึ่งนึงให้กับชิ้นเนื้อเหล่านั้น แหม นอนกันเรียงรายเลยนะพวกมึง คอยดูกูจะแดกแม่งให้หมดเลยอิอิ
 
ผมยกแก้วน้ำขึ้นกระดก ไอ้ไคกับไอ้แบคช่วยกันคีบเนื้อลงบนกระทะ ส่วนพลเมืองดีอย่างผม นั่งรอแดกเฉยๆ ชิ้นเนื้อสไลด์บางๆถูกวางแผ่อยู่เต็มกระทะ ผมแกะซองตะเกียบอนามัย และในระหว่างที่อิดำหันไปคีบน้ำแข็งใส่แก้วนั้นเอง มือน้อยๆของผมยื่นไปคีบเนื้อที่กำลังสุกได้ที่มาขโมยกินอย่างอร่อยเหาะ
 
“ฮ่อก !
 
และมันก็อร่อยจนเกือบจะเหาะเลยทีเดียวเชียว แทบจะเรียกได้ว่าสำรอกออกมา ผมอมแล้วคายใส่จานตัวเองทันทีเพราะความร้อนจัด ผมยกมือขึ้นเป่าแล้วซัดน้ำเย็นๆไปอีกครึ่งแก้ว พองไปถึงลิ้นไก่ ไอ้ไคหันกลับมามองผมงงๆ
 
“อิเหี้ยมึงจะกินมึงก็ย่างเองดิ “
 
“กูย่างไม่เป็นอะ “
 
ผมตอบ ใช้ตะเกียบจัดเนื้อชิ้นเดิมที่เพิ่งคายเมื่อกี้วางแผ่ๆแล้วคีบน้ำแข็งมาโปะๆให้แม่งเย็นๆ ก่อนจะเอาเข้าปากอีกรอบ น้ำแข็งที่ละลายแล้วทำให้รสชาติเนื้อสไลด์แสนนุ่มเปลี่ยนเป็นตีนหมาทันที
 
“โตเป็นควายละทำส้นตีนอะไรเป็นมั่ง “
 
ไอ้แบคที่นั่งตรงข้ามผมบ่น แต่ได้แต่ยิ้มแห้ง ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคีบเนื้อบนเตาที่ย่างสุกแล้วมาใส่จานผมจนล้น ผมยกมือไหว้มันทีนึงแล้วลงมือแดกเรียบไม่เหลือ ย่างให้กูแล้วคิดว่ากูจะเกรงใจหรอ มึงคิดผิด55555555555555555555555
 
!!!
 
และในจังหวะที่กำลังคีบเนื้อเข้าปาก ผมก็ป๊ะเข้ากับเหง้าหน้าอันคุ้นเคยที่อยู่ที่โต๊ะถัดไป ไอ้ฮุน! มันกำลังมองหน้าผมอยู่พอดี ผมเหลือกตากว้าง แต่ถึงอย่างนั้นฟันยังคงเคี้ยวเนื้อไม่หยุด ผมขมวดคิ้ว บางทีตาข้างขวาอาจจะถลนออกมากองข้างนอกแล้วก็เป็นได้
 
“มึงมาได้ไง”
 
ผมขยับปากขมุบขมิบถามมัน พลางประคองลูกตาตัวเองไม่ให้ถลนออกมา ไอ้ฮุนก็ดูท่าทางจะตกใจที่เจอผมเหมือนกัน มันทำปากขมุบขมิบกลับมา
 
“ไรวะ “
 
“มึง .. “
 
ผมอ้าปากพูด แต่ลืมไปว่าเนื้อเต็มปาก พูดออกไปคงกระเด็นเรี่ยราด ผมยกมือขึ้นเพื่อบอกให้มันรอ ก่อนจะรีบเคี้ยวเนื้อแล้วกลืนลงไป อ้าปากถามมันว่ามันมากะใคร ไอ้ฮุนไม่ได้ตอบอะไร แต่คนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่นั้นหันกลับมา .. มันมากับพี่ลู่หาน 
 
“มึงคุยกะใครวะ =_= “
 
ไอ้ไคถาม เห็นผมยึกๆยักๆอยู่นาน มันวางตะเกียบแล้วหันหลังกลับไป ป๊ะเข้ากับไอ้ฮุนและพี่ลู่ที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปในทันที ผมกลืนน้ำลาย มึงอย่าบวกกันในนี้นะ กูยังแดกไม่อิ่ม
 
“อ้าวมึง “
 
ไอ้แบคหันไปเซย์ไฮ ผมรีบจกแดกให้หมดก่อนจะเป็นเรื่อง ไอ้ไคลุกออกจากโต๊ะไปแล้ว ผมลุกขึ้นยืนพลางชะเง้อมอง ถ้าอีกคนที่ว่าไม่ใช่พี่ลู่หาน ผมคงคิดว่ามันเจ็บริดสีดวงถึงได้ลุกพรวดออกไปแบบนั้น ไอ้ไคคงจะเฟล ตอนเย็นมันไปกับพี่ลู่ แต่ไหงตอนค่ำถึงมากับไอ้ฮุน แล้วสองคนนี้เขารู้จักกันด้วยหรอวะ
 
“มึงมากับพี่ลู่ได้ไง “
 
“บินมามั้ง “
 
ไอ้ไคเดินไปยืนตรงโต๊ะพี่ลู่กับไอ้ฮุนแล้วถามเสียงเรียบ ผมมองหน้าไอ้แบคที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเดิมของเรา มีลางสังหรณ์ว่าจะมีการล้มโต๊ะกันเกิดขึ้น
 
“มึงรู้จักเขาหรอ “ 
 
“นานละ “
 
ไอ้ฮุนตอบ จะสังเกตได้ว่ามันไม่ติดโทรศัพท์ นั่นยิ่งทำให้ผมสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก หรือว่าคนที่มันคุยๆด้วยในไลน์คือพี่ลู่หานวะ?
 
“มึงคิดเหมือนกูปะแบค “
 
“อืม กูก็ว่างั้นแหละ แม่งเอาเนื้อหมามาให้กูแดกแหงเลย แม่งเหนียวจนฟันกูเบี้ยวละเนี้ย”
 
“ไอสัดไม่ใช่ มึงดูดิ “
 
ผมแย่งตะเกียบมันมาก่อนจะจับให้มันหันกลับไปดูอีกสามคนตรงโต๊ะถัดไป ดูเหมือนบรรยากาศเริ่มจะมาคุมากขึ้นทุกที ไอ้ไคกับไอ้ฮุนพูดอะไรกันไม่รู้ แถมจากตรงนี้ผมก็มองไม่เห็นพี่ลู่ด้วย ถ้าทำได้อยากไปนั่งบนจานข้าวเขาแล้วนั่งฟังสนทนาภาษาอีดำให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เราชอบเสือกฮะ
 
“อ้าวเฮ้ย ! เฮ้ยไอ้ไค “
 
ยังไม่ทันจะได้เสือกอย่างที่คิดไว้ อยู่ๆไอ้ไคก็คว้าแขนไอ้ฮุนแล้วลากออกไปจากร้านทันที ทิ้งให้ผม ไอ้แบค พี่ลู่หานนั่งเป็นควายเอ๋ออยู่อย่างนั้น ผมตะโกนเรียกแต่ก็ไม่ทันแล้ว โหมึงแดกแล้วชิ่งหรอ นิสัยแย่มาก ตอนแรกกูกะจะมาแดกฟรีเลยนะเนี่ย แง

 

ผมวิ่งตามออกไป เปิดประตูออกไปก็ไม่เจอไอ้สองตัวนั้นแล้ว ทำให้ผมต้องเดินคอตกกลับมาที่เก่า พี่ลู่หานดูจะงงมากที่สุด ไอ้เหี้ยอย่าบอกนะมันลากออกไปตีกันข้างนอกอะ ถ้าเป็นงั้นจริงไอ้ฮุนตายคามือไอ้ไคเลยนะ ผมเคยเห็นมาแล้ว
 

ชิบหายละ




_________________________________________


  100เปออออออออออออออออออ มีไรจะบอก
จะบอกว่าผชจรจะเปิดพรีแล้วนะตะเอง น่าจะกลางเดือนนี้
ไม่ก็ปลายเดือน เครจบ ไม่มีไรมาก รักๆนะครับเด้าเรียงตัว

1 ความคิดเห็น:

  1. เอออก ชิบหายจริงๆ5555 ไอ้หนูยอลนี่มึงแดกอร่อยมากแมะ คนจะเรื่องกันยังซวบเนื้อต่อ ถถถถถถ

    ตอบลบ